ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - ธุลีธวัช (chai173)
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 70
121  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / Re: พระรับเงิน เป็นอาบัติ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ หรือไม่? เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2015, 03:59:09 pm


อีกไม่กี่วันก็จะล่วงเข้าสู่วันสำคัญอีกวันแล้วคงได้เห็นห่อเครื่องไทยทานเหน็บธนบัตรถวายพระกัน ครับช่วงนี้ในละแวกบ้านผมมีการแจกใบปลิวชักชวนเข้าร่วมงานบุญตักบาตรดอกไม้,อาหารแห้ง พระภิกษุ 3,000 รูป ณ วัดพระพุทธบาท จ.สระบุรี แต่มีข้อแม้ให้ต้องลงทะเบียนใครบริจาคเป็นตัวเงินถึง 3,000 บาท จะได้รับสิทธิพิเศษ VIP ทางวัดจะจัดเตรียมเครื่องไทยทานให้เป็นการเฉพาะครับ ก็เป็นที่รู้รู้กันแล้วว่า พระธรรมปิฏก (พระชวลิต อภิวฑฺฒโน) เจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เป็นเครือสายธรรมกายชัด จากกิจกรรมที่ผ่านๆมา งานประเพณีตักบาตรดอกไม้ปีนี้มีการเชิญชวนลงทะเบียนตักบาตรปัจจัย อาหารแห้ง ทำเอาเรางง เกรงว่าจะมีการแอบแฝงแสร้งรายชื่อเข้าช่วยพระธัมมะชโยหลุดข้อกล่าวหาปาราชิกตามลิขิตสมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อน จากความตั้งใจที่จะไปตักบาตรดอกไม้ล้มเลิกไม่กล้าที่จะไป ใครหลายท่านที่อยากจะไปพินิจพิจารณาเอาแล้วกัน เมื่อกระทู้นี้พูดกันเรื่องปัจจัยเงินทองพระไม่ควรรับ แต่ก็เลี่ยงยากมาก เพราะปัจจัยมันจำเป็นต้องแลกเปลี่ยนใช้ง่ายก็คงต้องให้มีการเหน็บถวายพระกันไป โดยเฉพาะธรรมยุติกไม่รับเงินแต่ก็มีเงินกันนะครับ เห็นมากับตา ขรัวครูอาจารย์สายป่าจะสร้าง,ต่อเติม,หาทุนในกิจพระศาสนา ก็ต้องใช้ ทั้งโยม ทั้งพระ ถวายเงินกันเห็นๆ ดังนั้นมหานิกายหรือธรรมยุติกมีเงินกันทั้งนั้น จะอ้างไว้ใช้เรียนหนังสือก็เงินเก็บมีไว้เพื่อตนทั้งนั้น ครูอาจารย์ข้าพเจ้าไม่มีวัด ไม่มีเงิน ปลีกวิเวก ศิษย์อุปัฏฐากขวนขวายจัดหาเงินกองทุนไว้เป็นการเฉพาะเพื่อกิจการสร้างสื่อเผยแผร่ธรรมะบนโลกโซเชียลออนไลน์อย่างจำกัด ไม่มีแต่ก็ยังทำค้ำคูณพระศาสนาอย่างไม่ย่อท้อคนก็ไม่เห็นค่าปรามาสสร้างกรรมลงอบายก็มาก พระแท้นั้นเร้น พระเด่นพระดังเขลาทำมีให้ มีไม่พอ น่าเศร้า ครับ
122  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ผู้ปรารถนา "พุทธภูมิ ปัจเจกภูมิ สาวกภูมิ" ต้องบำเพ็ญบารมีนานแค่ไหน อย่างไร.? เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2015, 01:29:12 pm


พิจารณากันหรือยัง ว่าเรานั้นมีจริตกันแบบไหน ดำเนินไปตามวิถีใดแล้วกันบ้าง ผมเองนั้นไม่ใฝ่ใจไปในคติปัญญานำสักเท่าไหร่ ต้องเรียกว่าเจอะเจอใครปัญญาวาสนามากจะหนี ฟังได้แต่ไม่โต้ตอบแลกรู้เด็ดขาด หนักค่อนไปทางศรัทธาเสียมาก เรียกว่าชาตินี้รู้กูก็จะเร้นหนีประมาณนั้น เพราะเหตุที่เติบโตมากับการเปรียบเทียบเคียงคนอื่นให้ตนเองต้องต่ำต้อยเสมอมา ใจนั้นจึงทะเยอทะยานใฝ่สูงไม่เป็นที่หนึ่งนิพพานไม่ไปเด็ดขาด ผมนั้นยังคงเป็นศิษย์อาจารย์หนักไปข้างพุทธภูมิมหาสัตว์สร้างภูมิธรรมบารมีเรื่อยไปไม่จบสิ้น ถ้ามีโอกาสฟังธรรมเข้านิพพานหละก็จิ้งจกทักอวสานทันที คนวาสนาสูงกว่ามีมาเรานั้นหนีไม่อยากไปแปดเปื้อนด้วย เพราะรู้สู้ไม่ได้ ทำไงได้ ความบอบบางในใจเยื่องนี้ผมยังละไม่ได้ ดังนั้นในวันนี้จึงยังคงมีใจหนักไปในข้างฝ่าย "ปัจเจกภูมิ" นั้นมาก ลิ่มที่ปักอยู่ในใจมันยากที่จะถอนออกจริงๆ ครับ!


123  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / Re: ตายแล้วฟื้น ของสามเณรสิทธิศักดิ์ เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2015, 11:59:43 am
เรื่องตายแล้วฟื้นนั้น อาจจะเพราะหลับไป หัวใจหยุดเต้น ถ้าคนที่ตายนะครับ ทวารทั้ง 7 เลือดจะแตกหลั่งออกทางทวาร ทั้ง 7 ครับ



การตายแล้วฟื้น หรือ ภาวะหลับลึกในทางวิทยาศาสตร์นั้น อาจเป็นไปได้ แต่จิตในภาวะหลับลึกก็อาจสามารถหลุดล่องลอยไปสื่อถึงบางสิ่งบางอย่างกลับมาบอกกล่าวเล่าได้ เหตุอย่างนี้ต้องกล่าวว่าชะตายังไม่ถึงฆาตรอายุขัยยังไม่สิ้น หากจะกล่าวถึงภาวะตายจริงทวารทั้ง 7 จะเปิด เลือดจะหลั่งออกทั้ง 7 ทวาร นี่คือภาวะถึงฆาตรสิ้นอายุขัย ผมกล่าวสนับสนุนคุณไพสารีใช่ว่าผมมีประสบการณ์ตาย หากแต่นี่เป็นประสบการณ์ตายจริงของครูอาจารย์ท่าน ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากแพทย์ในภาวะตายจริง ซึ่งจะมีอาการดั่งที่กล่าวมา ใครอยากลองที่จะหัดตาย อย่าเสี่ยงทานยาช่วยตายใดใดเด็ดขาด ผมเชื่อหลายท่านไม่มีใครกล้าทำ เรามาหัดตายในรูปแบบพระอริยะกันดีกว่าไหม แน่นอนครับที่ต้องฝึก ใช้เวลา ก็อยู่ที่ความพยายามของใคร ใครอยากลองตายดู ไม่แน่ว่าคุณอาจได้ประสบการณ์เห็นคนตาย ตาทิพย์ เป็นคนเห็นผี ก็อาจเป็นได้
124  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: วิปัตติสัมปทาสูตร (วิบัติ ๓ สัมปทา ๓) เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2015, 06:43:14 am
ธรรมอันนำไปสู่ความเป็นเทวดา 2 ประการ คือ

หิริ ความละอาย 1

โอตตัปปะ ความเกรงกลัว 1
125  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / Re: อนิสงค์ของศีล เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2015, 10:14:38 pm


เมื่อพูดถึงการรักษาศีล หลายคนอาจเบนหน้าหนีชนิดคิดในใจว่า(อย่าไปคุยกับมัน "บ้า") ในเมื่อคนมีศีลเป็นคนบ้าไปในสายตาคนอื่นๆ คนมีศีลเลยกลายเป็นคนไร้เพื่อนอย่างเช่นผมทุกวันนี้(เพื่อนน้อยครับ) แม้คิดดีมีบ้างที่ชักชวนเพื่อนๆที่พิจารณาแล้วว่าน่าจะพอพูดคุยกันได้สร้างกุศล(หล่อสร้างพระ,สร้างอักขรไตรปิฏก,หล่อรูปเคารพครูอาจารย์) มีเพื่อนหลายคนทำแบบขอไปที มีบ้างบางคนที่เราอยากผูกวาสนาด้วยก็พาลแสดงอาการประมาณว่ารำคาญไม่พูดด้วย(โดยเฉพาะอิตถีสาวๆ) มองผมเหมือนไส้เดือนกิ้งกือแล้วไปสนิทกับด้วยคนทุศีล(สุรา,นารี,การพนัน)ว่าเป็นคนน่าเชื่อถือเคารพได้ ไว้ใจ ผมนี้เศร้าเลย ทำไมโลกมันหมุนกลับตาลปัตรเป็นไปเสียเช่นนั้นได้ ผมนั้นกลับมาพิจารณาตนเองว่านับแต่จำความได้ผมนั้นก็ใฝ่ใจศึกษาธรรมรักษาศีลมาตลอดนี่เราเลวหรือนี่ ทุกวันนี้พยายามวางตัววางตนเสงี่ยมไม่พูดเรื่องธรรมะกับใครๆคนไม่มีศีลทำบุญแบบชนิดภาษีสังคมเขาไม่ใส่ใจเรื่องธรรม,มรรค,ผล,นิพพานใดใด ในเมื่อเขาปิดประตูเสียเช่นนี้ก็วัวควายดีดีนี้เอง ราตรีสวัสดิ์ครับ!
126  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / Re: ตายแล้วฟื้น ของสามเณรสิทธิศักดิ์ เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2015, 09:52:23 pm
127  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ขสมก. จัดรถฟรี พาประชาชน ไหว้พระ 30-31 ก.ค.นี้ เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2015, 05:30:15 pm


 gd1 thk56 thk56     
128  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: รื้อศาลาผิดกฎหมายในวัดกัลยาณ์ เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2015, 10:02:13 pm
พระบัณฑิตสงฆ์คันถธุระเป็นที่เฟื่องฟูในปัจจุบันทั้งยังรั้งบทบาทสาธารณะสงเคราะห์ให้มีให้เป็น สงฆ์ภาวนาข้างฝ่ายวิปัสสนาธุระบทบาทนั้นถูกลดทอนลงให้เป็นรองซะงั้น ครั้นจะหนีเร้นป่าก็ใช่ว่าปลอดภัย ผมเคยไปเข้ากลุ่ม Bike Team ร่วมทำโป่งดินเค็มเลี้ยงช้าง ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา เป็นพื้นที่ป่าในราชินูปถัมภ์ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อช้างนำมาปล่อยเลี้ยงในเขตป่าฯ ทั้งนี้พื้นที่ป่ามีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ถึง 3 จังหวัดด้วยกัน (ลพบุรี,เพชรบูรณ์ และ ชัยภูมิ) ผมดั้นด้นเข้าเยี่ยมชมพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา พบเห็นเศษกองไฟสุมทิ้งไว้กลับได้รับการบอกกล่าวจากเจ้าหน้าที่รักษาป่าว่า นั่นเป็นกองไฟสุมของกลุ่มภิกษุธุดงค์ที่ทางเจ้าหน้าที่รักษาป่าผลักดันออกไปถ้าเจอ แม้ในป่าก็ใช่ว่าพระสงฆ์จะธุดงค์จรกันได้ปลอดภัย หากลุกล้ำเข้าเขตป่าอนุรักษ์เจ้าหน้าที่อาศัยกฏหมายจัดการได้ เป็นเสียอย่างนี้อย่าหมายคิดอยากทำบุญเอากับพระปฏิบัติภาวนากันเลยนะขอบอก สงฆ์อยู่ป่าเร้นคนคงต้องเร้นไกลโน้นเมืองพญานาคครับ เรียกว่าลงบาดาลกันหละคราวนี้  คนเรามีบ้านอยู่เมืองวุ่นวายไม่เลิกมันน่าเศร้า
129  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ถึงท่าน นักโพสต์ ที่เป็นศิษย์ อาจารย์ทุกท่าน เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2015, 09:18:38 pm
ธรรมะที่ถูกแล้วเหมาะในสมัยปัจจุบันนี้ น่าจะมีสายเดียวคือสายสวนโมกข์ คะ

ยุคสมัยเปลี่ยนไป ค่านิยมก็มีการปรับเปลี่ยนตาม ครูอาจารย์ท่านมาตามลำดับเหตุการณ์และสถานการณ์เพื่อผดุงธรรมศาสน์คำสอน พระธรรมโกศาจารย์ (หลวงพ่อเงื่อม อินฺทปญฺโญ / พุทธทาส ภิกขุ) และ พระพรหมมังคลาจารย์ (หลวงพ่อปั่น ปญฺญานนฺโท / ปัญญานันทะ ภิกขุ) ท่านมาให้ปัญญาก่อนแก่เวไนยชนกึ่งพุทธกาล จากนี้ถัดลำดับไปก็จักมีครูอาจารย์นำศรัทธานำสมาธิให้แก่เราผู้จักเป็นผู้ละว่ายแวกหนีสังสารทุกข์เป็นอนุพุทธะตามรู้ ตื่น พ้น ในแบบฉบับสาวกบารมี ดังนั้นการกล่าวอ้างครูอาจารย์ขั้วค่ายแย้งพจน์แย้งคำจริยาปรามาสเหมาลำอย่างนี้ผิด มิใช่ผู้เพียรศึกษาศาสน์ ถ้าจะยังรั้นเท่ากับเนื้อแท้เป็นผู้ทำลาย มิใช่ชาวพุทธเป็นแน่ ผมห่วงเพื่อนบัณฑิตที่มิใช่บัณฑิตต้องรั้งหางต่อแถวยาว เสียใจครานั้นก็สายเกิน
130  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ถ้าบวชพระแล้ว ไปบิณฑบาตร ที่อื่นได้หรือไม่ คะ เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2015, 08:42:10 pm
คิดจะบวชลำบากครับ สงฆ์ในยุคปัจจุบันถ้าคิดจะเป็นต้องอยู่ในกรอบ กรอบที่เป็นเสมือนรั้วที่โลกเขาขึงไว้กักขังไม่ให้
เพ่นพล่านถึงเวลาก็ให้เดินขอรอบๆวัด
131  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ตายแล้วไปไหน ๑ เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2015, 06:33:37 pm
เรื่องความตายในวาระจิตสุดท้ายจากคำบอกกล่าวของพระอาจารย์

แม้ว่าเราทุกคนจะเห็นและรู้ว่า ความตาย เป็นสิ่งที่เที่ยงแท้ แต่ก็หาทำให้คนเราเกรงและหยุดพฤติกรรมเลวลงไม่ ทั้งนี้เหตุจากความเชื่อที่ผิดที่คิดว่าการกระทำใดใดนั้นไม่สำคัญขอเพียงวาระจิตสุดท้ายคิดแต่สิ่งดีสิ่งที่เป็นกุศล เมื่อดับจิตแล้วสุคติเป็นที่หวังได้ ผมจะไม่เชื่อคำพูดอย่างนี้เด็ดขาดถ้าหากไม่ได้ยินด้วยหูของตนเองจากเพื่อนที่นับถือในวงการค้าพระเครื่องที่ศึกษารู้เรื่องราวเกจิอาจารย์ดังมากรูป เรื่องของความตายเมื่อวันนั้นมันมาถึงคุณคุณคิดกันอย่างไร ครูอาจารย์ท่านกล่าวเล่าให้เข้าใจอย่างนี้ครับว่า เมื่อวันนั้นมาถึงต่อให้คุณจะเคยสั่งสมบุญกุศลใดใดมามากต่อมากจะหวนระลึกนึกถึงบุญเหล่านั้นขณะเวลานั้นไม่ได้เลย เรียกว่านึกไม่ออก บ้างมีบ้างที่ป่วยนอนเจ็บใจก็จับแต่อาการเจ็บอยู่อย่างนั้นทรมานอยากตายให้พ้นเจ็บก็ทำไม่ได้เช่นกัน สิ่งหนึ่งที่ครูอาจารย์ท่านถามผมเรื่องการภาวนาว่า "รู้ไหมเราภาวนาไปเพื่ออะไร" ผมก็ตอบท่านไปว่า "เตรียมตัวตาย" พระอาจารย์ตอบว่า "ถูก" ดังนั้นการภาวนาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ครูอาจารย์ท่านเน้นย้ำเสมอๆ และอย่าสงสัยนะครับว่า พระอาจารย์ท่านรู้ได้อย่างไร ซึ่งก็ความตายนั่นแหละที่ท่านเผชิญกับมันมาก่อนจึงกล่าวเล่าให้ผมนั้นเข้าใจ แท้แล้วจิตคนเราเกิดดับอยู่ตลอดเวลามันสำคัญที่ดับขณะจิตเป็นกุศลหรืออกุศลให้จิตนั้นหน่วงเนื่องจุติครับ
132  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: สาวฮ่องกงฮิตให้พระลงนะหน้าทอง-สักยันต์ เสริมชะตา-มหาเสน่ห์ (คลิป) เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2015, 06:25:08 pm


คนจีนนั้นไม่ต่างไปจากคนไทยเท่าไหร่ในเรื่องความเชื่อแบบนี้หรืออาจจะมากกว่าคนไทยเสียด้วยซ้ำ คนจีนโพ้นทะเลรุ่นเก่ารักใคร่เขื่อใจกันในหมู่คนจีนด้วยกันจึงเหยียดสัญชาติมีลูกชายไม่สนับสนุนให้แต่งเข้าสกุลตน หลานชายไม่มีให้ไสหัวไป ในฐานะที่เป็นลูกหลานคนจีนรู้ซึ้งดีในเรื่องเหล่านี้ ทุกวันนี้อยู่โสดไม่ยอมแต่งงานเพราะหาสาวจีนแต่งด้วยยากเพราะเหยียดฐานะชื่อเสียง ซึ่งคนไทยคนจีนนิสัยสันดานไม่ต่างกันนัก ครับ
133  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ผู้ปรารถนา "พุทธภูมิ ปัจเจกภูมิ สาวกภูมิ" ต้องบำเพ็ญบารมีนานแค่ไหน อย่างไร.? เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2015, 02:44:22 am
พุทธภูมิ ปัจเจกภูมิ สาวกภูมิ
อย่างไหนที่คุณเป็น

                 
   
ดวงจิตจะมีขั้นตอนการเวียนว่ายตายเกิดทั้ง ๕ ระยะ ซึ่งกว่าจะได้บรรลุธรรม พ้นความทุกข์นั้น จะต้องผ่านการเวียนว่ายตายเกิดมายาวนานแตกต่างกัน หากหลงทางก่อกรรมทำเข็ญมาก และไม่มีสติรู้สำนึก ก็จะต้องเวียนว่ายตายเกิดชดใช้กรรมต่อไปอีกยาวนาน กว่าที่กรรมจะเบาบางจนเกิดดวงตาเห็นธรรมได้

ดวงจิตต่างๆ ทั้งสามประเภท คือ พุทธภูมิ, ปัจเจกภูมิ และสาวกภูมิ นี้ ต่างก็ต้องผ่านกระบวนการเวียนว่ายตายเกิดนี้เช่นกัน โดยช่วงแรกดวงจิตจะยังไม่มีความแตกต่างกัน ดวงจิตจะมาจากแหล่งเดียวกันก่อน มีความบริสุทธิ์ประภัสสรเหมือนกันมาก่อน เมื่อได้รับการเพาะบ่มพลังจนพร้อมที่จะเวียนว่ายตายเกิดแล้ว จึงเริ่มเข้าสู่สังสารวัฏ หรือกระบวนการเวียนว่ายตายเกิด จากนั้น ก็จะเข้าสู่ช่วงทีมีความหลากหลายเกิดขึ้น โดยผลจากกระบวนการเวียนว่ายตายเกิดของดวงจิต ก็เริ่มถูกพัฒนาให้แตกต่างกันไปเป็นสามแบบดังกล่าว มีดังนี้




พุทธภูมิ
      

คือ บุคคลที่มี "มโนธาตุ" หรือจิต ที่มุ่งช่วยเหลือสรรพสัตว์ ยังไม่ยอมหลุดพ้นไปเพียงผู้เดียว บางครั้งบางชาติ ยังไม่ได้มีการปรารถนาพุทธภูมิ กล่าวคือ ยังนึกไม่ออกว่าจะต้องบรรลุนิพพานก่อนจึงจะสอนให้คนหมดทุกข์ได้อย่างแท้จริง จึงช่วยเหลือคนทั่วไป เช่น ช่วยชีวิตคนไข้ แม้ไม่ได้อยู่ในหน้าที่หรือตนไม่ได้มีตำแหน่งก็ตาม ฯลฯ และไม่ยอมหลุดพ้นสู่นิพพาน ดังนั้น จึงเกิดและตายวนเวียนในสังสารวัฏ ตราบเมื่อได้พบพระพุทธเจ้า และได้ฟังธรรม จนเห็นหนทางที่ตนจะบรรลุความปรารถนาแล้ว ก็เกิดความมั่นใจศรัทธาตรงต่อการเป็นพระพุทธเจ้า ในชาตินั้น จึงปรารถนาพุทธภูมิ เป็นพระโพธิสัตว์เต็มองค์ บุคคลที่เวียนว่ายตายเกิดหลายชาติเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า แบ่งออกเป็น ๕ ระยะ ดังนี้คือ

ก่อนพุทธภูมิ

เมื่อจุติในสังสารวัฏแรกๆ จวบจนกระทั่งเริ่มมีบารมีโดยธรรมชาติ ได้เกิดเป็นหัวหน้าคณะ ช่วงนี้ยังไม่รู้ตัว และยังไม่มีความปรารถนาพุทธภูมิ ยังหลงทางในสังสารวัฏ ยังไม่รู้จะเวียนว่ายตายเกิดไปเพื่ออะไร แต่จะเป็นหัวหน้าที่ดี มีความเมตตาดูแลบริวารในปกครองอย่างดี จึงจะเป็นพุทธภูมิได้ ยกตัวอย่างเช่น พระสารีบุตรในอดีตชาติ ที่ได้เกิดเป็นหัวหน้าคนมากมาย เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดจนบริวารสำเร็จอรหันต์ทั้งหมด ตนเองมีปัญญาสูงกว่าแต่ยั้งใจ เพราะปรารถนาเป็นอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้าสมณโคดม จึงได้มาเกิดเป็นพระสารีบุตร ซึ่งยังไม่รู้ว่าตนเองปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า จนเมื่อได้เป็นพระอัครสาวกเบื้องขวาแล้ว พระพุทธเจ้าสมณโคดม ก็ได้แสดงธรรมโดยอ้อมถึงสุขาวดี ในที่สุดพระสารีบุตรก็รู้ตัวว่าปรารถนาพุทธภูมิ นอกจากนี้พุทธภูมิบางท่าน ก็จุติมาจากภาคแบ่งของดวงจิตพระมหาโพธิสัตว์ หรือพระพุทธเจ้าบางพระองค์ ทำให้สามารถทำหน้าที่ได้ดีมากกว่าดวงจิตคนอื่นๆ และบำเพ็ญเพียรได้รวดเร็วกว่า จะดวงจิตลักษณะนี้ จะไม่ลัดเข้าแย่งลำดับการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า จากพระโพธิสัตว์อื่นๆ จะหลีกทางให้ผู้อื่นเป็นพระพุทธเจ้าแทนตน
 
เลือก-ลอง-หลง (แรกรู้ตน)

เมื่อรู้ตนเองว่าปรารถนาพุทธภูมิแล้ว จะรู้สึกเบื่อสิ่งต่างๆ ทางโลก รอหรือเริ่มค้นหาสิ่งที่เหนือกว่าขึ้นไป แต่ยังไม่รู้ว่าจะอยู่ไปเพื่ออะไร สมควรจะทำอะไร จวบจนได้พบพระพุทธเจ้า ก็จะทำการปรารถนาพุทธภูมิ ยกตัวอย่างเช่น พระสังขจักร เมื่อได้ข่าวว่ามีพระพุทธเจ้าสิริมิตรเกิดขึ้นแล้วในโลก ก็สละราชบัลลังก์ แล้วเดิมทางมุ่งไปยังที่ประทับของพระพุทธเจ้า และตัดเศียรบูชาพระพุทธเจ้า จึงได้จุติเป็นพระโพธิสัตว์ที่สวรรค์ชั้นดุสิต หลังจากรู้ตนนี้ จะไม่หลงในสังสารวัฏอีก เพราะเข้าใจว่าจะตายเกิดในสังสารวัฏไปเพื่ออะไร และจะเริ่มเข้าสู่การบำเพ็ญเพียรทศบารมีเพื่อพุทธภูมิอย่างชัดเจน ในขั้นแรกรู้ตนนี้ บางท่านยังไม่ได้ทำการถวายพุทธบูชาด้วยสิ่งต่างๆ แต่บางท่านก็ถวายสิ่งต่างๆ เป็นพุทธบูชาเลย ตั้งแต่ ทรัพย์, อวัยวะ, และชีวิต เป็นต้น ซึ่งแม้ถวายชีวิตแล้วก็ยังบารมีไม่ถึง ๓๐ ทัศ ยกตัวอย่างเช่น อดีตชาติของพระโพธิสัตว์พระยามาราธิราช ซึ่งได้เกิดเป็นขุนนางของพระราชาที่ประกาศห้ามผู้อื่นใดไปถวายพุทธบูชาก่อนตน หากฝ่าฝืนต้องโทษประหาร แต่ขุนนางผู้นั้นไม่สนใจ จึงถวายข้าวห่อเป็นพุทธบูชาประกอบกับพระพุทธเจ้าเพิ่งเสด็จออกจากนิโรธสมาบัติ ผลบุญจึงมีมากมาย สุดท้ายต้องโทษประหาร ยอมตายเพราะพุทธบูชานั้น และยังผลให้ไปเกิดเป็นพระยามาร จวบจนหลังพุทธกาล ๒๐๐ ปีแล้ว พระอุปคุตจึงมาปราบพระยามารลง พระโพธิสัตว์จึงทรงละทิฐิมานะ และพ้นจากความเป็นมาร มีบารมีเต็ม ๓๐ ทัศ (หากบารมีเต็ม ๓๐ ทัศ จะได้อานิสงค์ไม่เกิดเป็นพระยามาร) ดังนั้น แม้จะฆ่าตัวตายเป็นพุทธบูชาแล้ว ยังต้องเกิดอีกเพื่อชดใช้กรรมและบำเพ็ญบารมีตัวอื่นๆ ให้เต็มด้วย

บำเพ็ญพุทธภูมิ

ในการบำเพ็ญบารมีของพุทธภูมินั้น จะบริจาคทรัพย์จนหมดก่อนจึงเรียกว่า บารมี ๑๐ ทัศ จากนั้นจะอุทิศแรงกายจนอาจต้องเสียสละเลือดเนื้อหรืออวัยวะ เช่น การออกศึก ปกป้องประเทศ ช่วยเหลือมวลมนุษย์ หรือ การบริจาคอวัยวะถวายเป็นพุทธบูชาจึงเรียกว่า บารมี ๒๐ ทัศ จากนั้น จะเข้าสู่การเสียสละชีวิต เช่น การยอมตายเพื่อผู้อื่น, ฆ่าตัวตายถวายพุทธบูชา จึงได้เข้าสู่บารมี ๓๐ ทัศ ช่วงนี้แบ่งได้เป็นสามระยะคือ
 
บารมีต้น ช่วงเสวยบุญเป็นเศรษฐี มีทรัพย์ในการทำบุญทำทานได้มากมาย เป็นช่วงที่ดวงจิตหลังได้รู้ตนเองว่าปรารถนาพุทธภูมิแล้ว จะบำเพ็ญ "ทศบารมี" ในขั้นต้น ในขั้นนี้พระโพธิสัตว์ จะทรงใช้ "ทรัพย์สิน" ในการบำเพ็ญเพียรเสียโดยมาก จะเกิดมาร่ำรวย เป็นผลบุญจากการได้ถวายพุทธบูชา จะได้มาเกิดในพระพุทธศาสนาและทำนุบำรุงพุทธศาสนาด้วยทรัพย์ของตนนั้น แต่ยังไม่สามารถที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงหรือบริหารงานด้านพุทธศาสนามากนัก ช่วงนี้ จะไม่ได้พบพระพุทธเจ้า จำต้องบำเพ็ญเพียรด้วยความคิดของตนเอง ไม่มีผู้ใดสั่งสอน จึงมีทั้งทำดีและทำพลาดไปบ้าง แต่ผลยังไม่ขยายวงกว้างนัก ได้ทั้งผลบุญและบาปกรรมเปื้อนติดตัวไประดับหนึ่ง ยังไม่มีบริวารมากนัก ความเสี่ยงที่จะทำงานผิดพลาดจึงยังน้อย เพียงสะสมคุณงามความดีเบื้องต้นไปก่อน ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมที่เลวร้ายได้ กำลังบารมียังไม่พอ
 
บารมีกลาง ช่วงเสวยบุญเป็นราชามีอำนาจและบริวารมากมายทำกิจได้มาก เป็นช่วงที่ดวงจิตมีบุญบารมีมากมาย เหนือกว่ามารในสวรรค์ชั้นสูงสุด เป็นผลจากการบำเพ็ญบารมีที่สะสมมา จะมีทั้งบริวารมากมาย และทรัพย์มากมาย ในขั้นนี้ จะเริ่มเปลี่ยนแปลงสังคมตามความคิดของตนเอง ทำให้พระโพธิสัตว์อาจจะเริ่มหลงทาง เพราะหลงในผลบุญที่มีมากมายนั้น เริ่มได้รับอนุญาตให้เกิดมาพร้อมทรัพย์สินและบริวาร และเริ่มได้ปกครองประเทศ ได้เกิดเป็นพระราชา ซึ่งหากปกครองประเทศได้ดี ก็จะได้ผลบุญมากก็จะยิ่งต่อยอดบุญได้มากขึ้นไปอีก หากหลงทางก็จะกลายเป็นมารได้ จะต้องไปจุติยังสวรรค์ชั้นมาร เพื่อปกครองพวกมารอยู่ยาวนาน ต้องเป็นมารเพื่อปกครองมารได้ และรอเวลาอีกยาวนานกว่าจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์อีกรอบหนึ่ง
 
บารมีปลาย เป็นช่วงที่ดวงจิตมีบุญบารมีสูงสุด พร้อมที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เนื่องจากได้พ้นภพมารแล้ว ได้ละเลิกทิฐิจากความเป็นมารแล้วเพราะได้พบกับคู่ปรับแล้ว แต่ยังมีกรรมที่สะสมมาในแต่ละชาติต้องชดใช้ จากนั้น จึงมาเกิดเป็นคนยากจน ไร้ทรัพย์สินและบริวาร เพื่อแสวงหาสิ่งที่เป็นพื้นฐานธรรมดา เหมือนพระพุทธเจ้าช่วงที่ทรงสละราชสมบัติเพื่อออกผนวช ซึ่งไม่สนใจลาภยศเงินทอง หรือเรื่องราวความวุ่นวายทางโลก ใช้เพียงลำพังตัวคนเดียว ด้วยกำลังสติปัญญา ยังความเมตตาโปรดสัตว์ ตัวอย่างเช่น พระพุทธเจ้าในชาติที่ทรงปราบ "รากษส" ทรงเกิดเป็นคนยากจน และมีแม่ที่อดอยาก ดังนั้น จึงทรงอาสาปราบรากษสเสี่ยงตายเพื่อหาเงินเลี้ยงแม่ จนในที่สุด ปราบรากษสได้ด้วยตัวคนเดียว เป็นต้น ช่วงบารมีปลายนี้ยิ่งต้องระวังกรรมที่เปื้อนไปสู่ชาติที่ได้ตรัสรู้ให้มาก เพราะหากยังมีเศษกรรมเปื้อนไป ก็จะยังผลให้พระศาสนาในชาติที่ตรัสรู้นั้น ได้รับผลกรรมไปด้วย เช่น การฆ่ารากษสของพระพุทธเจ้าในชาติที่บำเพ็ญเพียร ยังผลให้ท่านมีอายุเพียง ๘๐ พรรษา ไม่อาจทำกิจตามพุทธศาสนาได้สมปณิธานที่ตั้งใจ ในชาติที่บำเพ็ญบารมีปลาย จึงต้องใช้ "ปัญญาและเมตตา" ให้มากขึ้น แม้มีสิ่งยั่วยุก็ตาม เพื่อไม่ให้กรรมเปื้อนติดตนไปในชาติสุดท้าย

 
ไถ่ถอนกรรมเก่า

นอกจากจะได้บารมีครบ ๓๐ ทัศแล้ว ในระยะต่อมายังต้องมาเติมบารมีตัวอื่นในทศบารมีให้เต็มอีกด้วย จากนั้นยังต้องชดใช้กรรมเก่าที่ได้สร้างสมมาในชาติต่างๆ ให้เบาบางลงไป เพื่อไม่ให้ผลกรรมเปื้อนและกระทบชาติสุดท้ายที่ตรัสรู้ ดังนั้น เมื่อบารมีครบ ๓๐ ทัศแล้ว ยังต้องบำเพ็ญบารมีต่ออีกสองระยะ จุดนี้จะมีความแตกต่างกันระหว่างพุทธภูมิ ที่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งจะเรียกว่า "พระโพธิสัตว์" กับพุทธภูมิที่ปรารถนาช่วยสรรพสัตว์ตลอดไป ไม่หวังเป็นพระพุทธเจ้า ที่เรียกว่า "พระมหาโพธิสัตว์" เนื่องจากพระโพธิสัตว์ จะบำเพ็ญทศบารมีให้เต็ม จะก่อกรรมน้อย จะเปลี่ยนแปลงสังคมที่ผิดไปน้อยกว่า และชดใช้กรรมให้เบาบาง แต่สำหรับพระมหาโพธิสัตว์แล้ว จะบำเพ็ญดุจดั่งเช่น พระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง อันเป็นแนวการสอนของพระอมิตาภพุทธเจ้า ที่ให้พระมหาโพธิสัตว์ทั้งหลาย ช่วยสรรพสัตว์เช่นนั้น ดังนั้น พระมหาโพธิสัตว์จะมีบทบาทปราบมาร เปลี่ยนแปลงสังคมมากกว่าพระโพธิสัตว์
 
ซักฟอกมโนธาตุ

เมื่อผ่านระยะการชดใช้กรรมจนเบาบางสิ้นแล้ว ชาวพุทธภูมิจะเริ่มเดินตามความปรารถนาของตน ทั้งนี้ เมื่อพุทธภูมิมีบารมีครบ ๓๐ ทัศ กล่าวคือ นับจากชาติที่ได้สละชีวิตถวายเป็นพุทธบูชาแล้ว พุทธภูมิจะมีแนวทางในการบำเพ็ญสองสาย สายที่หนึ่ง จะบำเพ็ญตรงทางไปตามเดิมคือ บำเพ็ญทศบารมีที่เหลือให้เต็มและหลีกเลี่ยงกรรม ชดใช้กรรมในอดีตที่ติดตัวมาให้มาก เพื่อรอคิวตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ในยุคสมัยที่เหมาะสมกับความปรารถนาของตน จนได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก็จะซักฟอกมโนธาตุให้บริสุทธิ์ และทำหน้าที่พระพุทธเจ้าอย่างสมบูรณ์ ส่วนสายการบำเพ็ญแบบที่สอง จะไม่รอคิว และไม่สนใจที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าหรือไม่ แต่จะทำกิจดุจดั่งเช่น พระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในชาติต่อไปทันที คือ การบำเพ็ญ "ยูไล" หรือ การอุทิศชีวิตเคลื่อนพระธรรมจักร ให้พุทธศาสนาดำเนินต่อไปอย่างถูกมรรคถูกผล ได้ถึงนิพพาน ไม่หลงออกไปสู่ทางอื่น และจะบำเพ็ญเช่นนี้เรื่อยๆไป จึงเรียกว่า "มหาโพธิสัตว์" ซึ่งจะซักฟอกมโนธาตุจนบริสุทธิ์จากกิเลสและยังสามารถเกิดใหม่ได้อีก

                                                                                                              

ปัจเจกภูมิ


คือ บุคคลที่มี "มโนธาตุ" หรือจิต ที่มุ่งไปสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงผู้เดียว ด้วยตนเอง ไม่ยอมเป็นสาวกใคร และไม่สนใจช่วยเหลือผู้ใด ในช่วงชาติแรกๆ และกลางๆ ของดวงจิตปัจเจกภูมินี้ ยังมีธาตุแท้แห่งมโนธาตุไม่มาก จะไม่เด่นชัดถึงความไม่ขอความช่วยเหลือผู้ใดและความไม่ยินดีช่วยเหลือผู้ใด แต่เมื่อชาติหลังๆ ที่ใกล้จะได้หลุดพ้นจะมีความเป็นปัจเจกบุคคลสูงมาก มีความสามารถสูงมีปัญญาสูง แต่ไม่สนใจช่วยผู้ใด แต่เมื่อละความทะนงตน ละความเย่อหยิ่งในความสามารถของตนได้แล้ว ก็จะตรัสรู้ พบความสุขพื้นฐานที่เรียบง่ายธรรมดา ละความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่เกินตัวลง จะเริ่มมีจิตที่อ่อนน้อมสุขุม และมีเมตตา ทว่า ในชาติที่ได้ตรัสรู้ธรรมนี้ จะพบแต่บุคคลที่สั่งสอนได้ยาก ดื้อด้าน, ปัญญาต่ำ, หรือมีความจิตใจต่ำทราม ไม่ควรแก่การสอน ทั้งยังไม่มีสาวกผู้อุปการะหรืออุปถัมภ์ค้ำจุน ทำให้ไม่สามารถประกาศศาสนาได้ สุดท้ายแม้ตรัสรู้ได้ "สัพพัญญูญาณ" แต่กลับต้องเก็บตัวหลบซ่อนแต่ตามลำพัง หลีกลี้หนีออกจากผู้คน ไม่สามารถอยู่ร่วมกับผู้คนได้ ดุจดั่ง "นอแรด" ที่ฉลาดหลักแหลมโดดเดี่ยวอยู่นอเดียว ทั้งนี้จำต้องผ่านขั้นตอนดังนี้
 
ก่อนปัจเจกภูมิ

เมื่อจุติในสังสารวัฏแรกๆ จวบจนกระทั่งเริ่มมีบารมีโดยธรรมชาติ ได้เกิดเป็นหัวหน้าคณะ ช่วงนี้ยังไม่รู้ตัว และยังไม่มีความปรารถนาอะไร ยังหลงทางในสังสารวัฏ ยังไม่รู้จะเวียนว่ายตายเกิดไปเพื่ออะไร แต่จะเป็นหัวหน้าที่ไม่ดี ไม่มีความเมตตา ไม่ดูแลบริวารในปกครอง หรือกดขี่ข่มเหงบริวารของตนเอง จึงไม่สามารถเป็นพุทธภูมิได้ ในที่สุดบริวารจะหนีถอยห่างไป จนตนเองไม่มีบริวารอีกในชาติต่อๆ ไป จากนั้น จึงพยายามเอาบริวารของตนคืนมาให้ได้ ยังไม่ละความอยากเป็นหัวหน้า ไม่ละความอยากเป็นเลิศเหนือผู้อื่นใด จึงพยายามใช้อำนาจต่างๆ ใช้อิทธิฤทธิ์ ในการทำให้คนนับถือบูชาตน เพื่อให้บริวารกลับมาหลงตน และเชื่อถือตนเหมือนดังเช่นในอดีตอีก ยกตัวอย่างเช่น พระเทวทัต ก็ยุยงให้พระสงฆ์แตกแยก แล้วนำพระสงฆ์คณะหนึ่งแยกออกไป เพื่อตั้งตนเป็นหัวหน้าคนใหม่ แต่ภายหลังก็ไม่มีผู้ใดนับถือเลย
 
เลือก-ลอง-หลง

ชาติต่อๆ มาได้พบพระโพธิสัตว์ ก็มีจิตคิดปรารถนาเป็นแบบพระโพธิสัตว์บ้าง ก็ทดลองทำตามพระโพธิสัตว์ แต่เนื่องจากจิตไม่มีความเมตตา มีแต่ความอยากเหนือผู้อื่น อยากเป็นคนเหนือคน เป็นยอดคน แต่ไม่สนใจคน ไม่ดูแลคน ไม่ช่วยเหลือคน จึงได้เลือกทางเดิน ทดลองทำตามพระโพธิสัตว์ หลงทางแก่งแย่งแข่งขันกับพระโพธิสัตว์ ช่วงนี้ "ปัจเจกภูมิ" จะหลงตนเอง คิดว่าตนเองเป็นพุทธภูมิ แต่ไม่มีความจริงใจและความพยายามในการเปลี่ยนแปลงตนเอง เพื่อปรับเปลี่ยนจากปัจเจกภูมิ เป็นพุทธภูมิ ยังไม่เข้าใจว่าการสร้างบุญบารมีนี้เพื่อยังประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น ยังคงมีความคิดเห็นแก่ตัว สร้างทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อตนเอง สนองความต้องการตนเอง ไม่สนใจคิดทำเพื่อผู้อื่นใด ในช่วงนี้ จึงชอบครอบงำผู้คนให้หลงเชื่อตนไปหลายชาติ เพราะไม่ยอมละทิ้งความอยากเด่นอยากดังเหนือคน และไม่มีความสามารถในการดูแลผู้คน ยังคงหลงในอดีตชาติที่ตนเองได้เป็นผู้นำ ได้เป็นใหญ่เหนือคนอยู่อีก ในช่วงชาตินี้ ยังไม่ได้พบพระโพธิสัตว์ เพียงแต่สะสมบริวารของตนจนมีมากมาย
 
บำเพ็ญปัจเจกภูมิ

จากนั้น ในชาติต่อๆ มาจะเริ่มก่อกรรมหนักมากขึ้น และบำเพ็ญเสมือนว่าตนก็เป็นพระโพธิสัตว์ไปด้วย และช่วงในระยะว่างชาตินี้ จะได้พบกับพระโพธิสัตว์และได้บำเพ็ญบารมีแข่งกัน หรืออาจเปลี่ยนใจเป็นพุทธภูมิได้ ยกตัวอย่างเช่น พระเทวทัตในชาติที่บำเพ็ญเพียรคู่กับพระพุทธเจ้า ทั้งคู่ต่างเป็นหัวหน้าคนและมีบริวารมากมาย และมักทะเลาะเบาะแว้งกัน เพราะพระเทวทัตมีความอยากเด่นอยากดัง อยากเหนือกว่าพระพุทธเจ้า ในช่วงระหว่างหลายชาตินี้ ปัจเจกภูมิ จึงบำเพ็ญความเด่นดังให้เหนือคน เช่น ปัญญาบารมี พร้อมกับพระโพธิสัตว์ไปด้วย แต่ไม่ได้สนใจบำเพ็ญเมตตาบารมีเลย จึงมักก่อกรรมและเป็นเครื่องช่วยในการบำเพ็ญบารมีให้กับพระโพธิสัตว์ และจะทำเช่นนี้วนเวียนซ้ำหลายชาติ จนกว่าจะ "สำนึกผิดกลับตัวกลับใจ" จึงพ้นได้
 
ไถ่ถอนกรรมเก่า (แรกรู้ตน)

เมื่อได้สำนึกผิดกลับตัวกลับใจแล้ว จะเริ่มต้นใหม่ แต่เพราะกรรมที่ทำมาทับถมทวีมากมาย จำต้องเกิดมาชดใช้กรรม ไถ่ถอนกรรมที่ทำไว้มากมายนั้น ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะเกิดมากี่ชาติๆ ก็ไม่มีดีเลยสักชาติ ต้องพบแต่ความพินาศหายนะของชีวิตซ้ำแล้วซ้ำอีก แม้ไม่อยากเกิดอีก แม้อยากนิพพาน แต่ก็ยังไม่อาจมีดวงตาเห็นธรรม ด้วยเพราะกรรมมากมายนั้นบังตา แต่ก็ยังไม่ละทิ้งความต้องการเป็นคนเหนือคน ยังอยากเป็นยอดคนอยู่เสมอ ทว่า ไม่คิดอยากช่วยเหลือผู้อื่นให้รอดพ้นตามตน เพราะกรรมที่หนักหนาสาหัสนั้น แม้แต่ตนเองก็ไม่อาจช่วยตนเองให้พ้นได้เลย ตราบเมื่อ "กรรมเบาบาง" แล้ว เริ่มได้ "สติ" คิดได้ว่า "นิพพาน" คือที่สุดที่ค้นหา แสดงว่ากรรมเริ่มเบาบางและใกล้หมดแล้ว ชาตินี้จะเป็นชาติที่ชดใช้กรรมเก่าเป็นชาติสุดท้าย
 
ซักฟอกมโนธาตุ

เมื่อมีสติระลึกได้ว่า "นิพพาน" คือสูงสุดที่ตนค้นหา คือ ทางที่หลุดพ้นแห่งทุกข์ทั้งมวลที่ตนได้รับมา ก็จะมาเกิดเพื่อบรรลุธรรมเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย อนึ่ง พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์จะมีกรรมมากเพราะปรารถนาเป็นยอดคน แต่ไม่ปรารถนาช่วยสรรพสัตว์ จึงมีช่วงกลางของการบำเพ็ญเพียรที่ก่อกรรมไว้มาก (การก่อกรรมมากมีทุกดวงจิต ทั้งพระโพธิสัตว์ในชาติกลางๆ ก็ก่อกรรมมากเช่นกัน) และเหนื่อยหน่ายกับบาปกรรมที่ได้รับ จึงไปไม่ถึงดวงดาว ต้องอำลาพุทธภูมิ สู่ปัจเจกภูมิเสียก่อน และด้วยผลบุญที่น้อยนั้น แม้จะตรัสรู้ได้ด้วยตนเองเพราะปัญญาบารมีสูง มีความรู้มากมายไพศาล แต่ก็ไม่อาจอยู่ในฐานะที่จะสร้างพระศาสนาขึ้นมาได้ ด้วยเพราะอาจเกิดในประเทศกันดาร ห่างไกลจากผู้คนที่มีปัญญา มีศีลธรรม หรือ เกิดในช่วงที่โลกกำลังตกต่ำมีแต่คนไม่เข้าใจธรรม เมื่อแสดงธรรม คนก็หยามหมิ่นหาว่าบ้าบ้าง สุดท้ายจำต้องปลีกเร้นซ่อนกาย หลบกรรม เข้าป่าเสพสุขอยู่อย่างเดียวดาย

     

สาวกภูมิ


คือ บุคคลที่มี "มโนธาตุ" หรือจิต ที่มุ่งไปสู่ความเป็นสาวกผู้อื่น นิยมพึ่งพิง พึ่งพาอาศัย หรือยินยอมคล้อยตามผู้อื่น มากกว่าที่จะเป็นตัวของตัวเองแบบปัจเจกภูมิ และไม่นิยมที่จะรับผิดชอบชีวิตผู้อื่นแบบพุทธภูมิ หากจะช่วยเหลือผู้อื่นก็จะช่วยตามควรที่ตนเองไม่เดือดร้อนเท่านั้น เป็นผู้ตามไม่ใช่ผู้นำ แม้ว่าจะมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการหรือไม่ก็ตาม ยังมีความเป็นลูกน้องอยู่ดี บุคคลที่เป็นสาวกภูมินี้ปกติไม่รู้ตนเองว่าตนเองมี "มโนธาตุ" แบบใด จวบจนในชาติสุดท้ายที่ได้หลุดพ้นจึงได้รู้ จึงแตกต่างจากพุทธภูมิที่จะรู้ตนเอง และตั้งความปรารถนาในชาติที่มีการลอง, การเลือก และการหลง จนรู้ตนเองจึงบำเพ็ญเพียรได้ถูกต้อง ส่วนปัจเจกภูมิ จะรู้ตนเองหลังจากนั้น เมื่อตนเองคิดว่าเป็นพุทธภูมิ ก็หลงบำเพ็ญเพียรตามพุทธภูมิ แต่ทำได้ไม่ครบ ทั้งยังสะสมกรรมมามาก จนสุดท้ายต้องลัดเข้าสู่การพ้นทุกข์ จึงไม่อาจสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งจะรู้ตนเองว่าไม่ใช่พุทธภูมิ เป็นปัจเจกภูมิก็ในชาติที่เริ่มเหนื่อยล้าและตัดสินใจหาทางพ้นทุกข์ (ช่วงรับกรรมมากๆ) ในส่วนสาวกภูมิมีกระบวนการเวียนว่ายตายเกิด ๕ ขั้นเช่นกัน แต่แตกต่างจากแบบอื่น ดังนี้
 
ก่อนสาวกภูมิ

เมื่อจุติในสังสารวัฏแรกๆ จวบจนกระทั่งเริ่มมีบารมีโดยธรรมชาติ ได้เกิดเป็นหัวหน้าคณะ ช่วงนี้ยังไม่รู้ตัว และยังไม่มีความปรารถนาอะไร ยังหลงทางในสังสารวัฏ ยังไม่รู้จะเวียนว่ายตายเกิดไปเพื่ออะไร และเป็นหัวหน้าที่ไม่ดี ไม่มีความเมตตาดูแลบริวารในปกครอง ขาดความรับผิดชอบ ขาดความเป็นตัวของตัวเอง ขาดความเป็นผู้นำ ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่กล้านำพาผู้คน ไม่กล้าเปลี่ยนแปลงผู้คนไปในทางที่ดี จึงเป็นพุทธภูมิไม่ได้ ผลจากกรรมนี้ ทำให้ชาติต่อๆ มา บริวารต่างพากันหนีไปหมด จนเกิดมาไม่ได้เป็นหัวหน้าคนอีก จนในที่สุด ก็พอใจและยอมรับสภาพที่ไม่ต้องเป็นหัวหน้าใคร รู้สึกดีกว่าต้องรับผิดชอบชีวิตคนอื่น และเริ่มต้องฝ่าฟันอุปสรรคในการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏเพียงผู้เดียว เริ่มมีความกลัว เริ่มคิดหาทางออกให้ตัวเอง แต่ไม่สามารถเข้าใจสรรพสิ่งได้ด้วยตนเอง จำต้องพึ่งพาอาศัยผู้นำทางจิตใจเป็นต้น
 
เลือก-ลอง-หลง

ในช่วงของการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏถัดมา เป็นช่วงแห่งการเลือกทางเดิน, การทดลอง และการหลงทาง ในช่วงนี้จะไหลตามกรรมไปพบผู้นำหลายคน ให้ได้เลือกตามแต่ใจปรารถนา บ้างก็ไปเป็นสาวกบริวารผู้นำผู้หนึ่ง แล้วก็อาจได้โอกาสเปลี่ยนไปเป็นสาวกบริวารของผู้นำผู้อื่นต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับเป็นช่วงที่พุทธภูมิเองก็เริ่มสะสมบริวารเช่นกัน ด้านพุทธภูมิต่างแย่งกันแสวงหาผู้ตาม มาเป็นบริวารของตน ส่วนสาวกภูมิก็เลือกหัวหน้าของตนเช่นกัน บ้างเปลี่ยนไปมา บ้างเริ่มคงที่ เมื่อขาดนายตนเองก็ลำบาก ทั้งภพโลกและภพสวรรค์ เมื่อได้นายก็พ้นลำบากสลับไป
 
แสวงหาที่พึ่งพิง

เมื่อถึงระยะนี้ สาวกภูมิ จะรู้ตนว่าแท้แล้วตนไม่มีกำลังความสามารถที่จะไปรอดได้ด้วยตัวคนเดียวแบบปัจเจกภูมิ, และไม่สามารถช่วยเหลือผู้อื่นหรือแม้แต่ตัวเองได้แบบพุทธภูมิ เหล่าสาวกภูมิ จึงมีความตั้งใจแน่วแน่ชัดเจนแล้วว่าจำต้อง "แสวงหาที่พึ่งพิงเป็นหลักแหล่งแน่นอน" ช่วงนี้จะเปลี่ยนจากยุค "เลือกนายอย่างเสรี" มาสู่ยุค "การเป็นบริวารตลอดไป" ดังนั้น คำว่า "จงรักภักดีมีนายเดียว" จึงได้เกิดขึ้น เมื่อถึงจุดนี้ สาวกภูมิจะไม่ต้องแร่ร่อนในสังสารวัฏทั้งสามภพอย่างไม่มีที่พึ่งพิงอีกต่อไป เพราะจะมีที่อาศัยทั้งภพโลก, ภพสวรรค์ เมื่อทำความดีได้จุติยังสวรรค์ ก็จะไปอาศัยในวิมานของนายของตน เมื่อมาเกิดบนโลกมนุษย์ก็ได้อาศัยนายของตน เป็นผู้ชุบเลี้ยงดูแล ช่วงนี้ สาวกภูมิจึงเวียนว่ายตายเกิดเพื่อช่วยพุทธภูมิในการบำเพ็ญเพียรบางส่วน และเสวยผลบุญบนสวรรค์รอนายของตนเป็นส่วนใหญ่ เรียกว่ามีหลักแหล่งแน่นอนแล้ว และมักจะไม่เปลี่ยนใจไปภักดีต่อนายอื่นอีก จัดเป็นสาวกแท้จริง
 
ไถ่ถอนกรรมเก่า

ในระยะนี้ เหล่าสาวกภูมิจะต้องรับกรรมที่ตนเองทำในช่วงก่อนๆ หากตนเองเคยทำผิดพลาดมามากก่อนจะพบนายที่ดีสั่งสอน ก็ต้องไปเกิดร่วมกับนายของตนเพื่อไถ่ถอนกรรมและช่วยนายในการบำเพ็ญบารมี ดังนั้น ในการไปเกิดเพื่อสะสมบุญบารมีและไถ่ถอนกรรมของพุทธภูมิหนึ่งดวงจิต จะมีการนำสาวกของตนไปเกิดด้วย เพื่อช่วยงานและเป็นการเปิดโอกาสให้สาวกภูมิ ชดใช้ไถ่ถอนกรรมและบำเพ็ญบุญบารมีบ้าง ดังนั้น เหล่าสาวกจะได้รับการอนุญาตให้ไปเกิดช่วยกันบำเพ็ญบารมีแตกต่างกันไป หมุนเวียนเปลี่ยนไปในแต่ละชาติ สาวกภูมิจึงเกิดน้อยกว่าพุทธภูมิ และเฝ้าอยู่บนสวรรค์ในวิมานนานกว่า รออยู่แบบสบายๆ ไม่ต้องเสี่ยงมากกว่า แต่พุทธภูมินายของตนนั่นเองที่ต้องลงไปบำเพ็ญบุญบารมีอยากมากมาย ช่วงนี้สาวกภูมิเพียงแต่ผ่อนแรงผลัดเปลี่ยนกันลงไปช่วยนายของตนเท่านั้น ซึ่งทำให้ได้ชดใช้ไถ่ถอนกรรมด้วย
 
ซักฟอกมโนธาตุ

ในชาติสุดท้ายเท่านั้น สาวกภูมิจึงจะได้ซักฟอกมโนธาตุ หรือไม่ก็ไม่เกิน ๗ ชาติ ที่จะทำการซักฟอกมโนธาตุ ซึ่งจะสั้นกว่าพุทธภูมิและปัจเจกภูมิ เนื่องจากการซักฟอกมโนธาตุของสาวกภูมินั้น จำต้องมีผู้สั่งสอน จึงจะสามารถซักฟอกมโนธาตุของตนได้ นอกจากนี้ ส่วนใหญ่สาวกภูมิจะบรรลุธรรมง่ายและสบายกว่าพุทธภูมิและปัจเจกภูมิ



http://www.saimahayana.com/Default.aspx?tabid=520&language=th-TH

134  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ตายแล้วไปไหน ๑ เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2015, 01:22:38 am


ศรัทธาเรานั้นสร้างให้มันมีขึ้นมาเอง ใครจักเชื่อหรือไม่ในศรัทธานั้นไม่สำคัญ เพราะเป้าหมายเขาไม่มีอย่างที่เรามี ทุกสิ่งสรรมีได้ก็ที่ใจนี้กำหนดกระทำ
135  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ถึงท่าน นักโพสต์ ที่เป็นศิษย์ อาจารย์ทุกท่าน เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2015, 12:55:46 am

136  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: เรื่อง ช่วยแม่ งู หรือ ช่วย แม่ กบ เฉลยหรือยังครับ เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2015, 08:08:22 pm
ต้องขอตอบตามความเป็นจริงครับว่า พระอาจารย์ได้ให้คำตอบไว้นานมากแล้ว แต่ผมลืมแบบว่าสนิทจริงๆ ไม่รู้ทำไมถึงสะเพร่าลืมเสียได้ แรกรู้คำถามผมก็อึ้งไม่กล้าที่จะตอบครับ ถ้าผลุนผลันตอบไปแบบโง่ๆก็คงฆ่างูเพราะงูเป็นอสรพิษอันตรายต้องฆ่ามันก่อน แต่พระอาจารย์ถามเชิงหยั่งความสามารถในศิษย์ ก็ต้องคิดก่อนตอบและที่ผมตอบนั้นเป็นการย้อนระลึกนึกถึงคำตอบเป็นครึ่งค่อนวันพินิจไปมาก็ได้คำตอบแบบที่ว่าเฉพาะตัวจริงๆ เหตุเพราะผมนั้นเลือกที่จะฆ่างูก่อนนั้น เนื่องด้วยผมมีจริตแบบโทสะมันเป็นมารที่ขวางความดีผมอย่างร้ายกาจ ดังนั้นโทสะเปรียบดั่งงูร้ายสัตว์อสรพิษผมต้องฆ่ามันก่อน ส่วนเรื่องโลภนั้นผมไม่มีครับ สำหรับคุณอิสรภาพกับผมแนวๆเดียวกัน เสี้ยวลิ้มยี่ บ้าหวูซู่หมัดมวยกำลังภายใน ซึ่งเรื่องแบบนี้เป็นคุณลักษณ์ส่วนตัวจริงๆ ขอบคุณที่ย้ำถามมาผมก็จำคำตอบเรียกว่านึกไม่ออกจึงตอบตามจริต ผิดถูกอาจไม่มีเอาเป็นว่าขอเวลานั่งภาวนาเผื่อระลึกได้จะมาตอบครับ
137  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: การปฏิบัติธรรมเพื่อออกจากสังสารวัฏ (อัปเดต ๒๐ กรกฏาคม ๒๕๕๘) เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2015, 02:59:55 pm


เมื่อต้องการออกจากสังสารวัฏฏ์ ... วิบากกรรมเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงได้ยาก
138  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: มติ มส. สั่งทุกวัด ส่งบัญชีทรัพย์สิน ภายใน ก.ย.นี้ เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2015, 02:02:38 pm


ทั้งวัดมีแต่หลวงตา กับ เณรน้อย ทำไงดี


ต่อไปวัดต้องส่งเสริมและพึ่งพาพระบัณฑิต เณรเปรียญ กันมากขึ้นแล้ว



ทั้งวัดมีอาตมารูปเดียว .... ทำไง ? (พึ่งบวชเมื่อวาน)
139  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: เรื่อง ช่วยแม่ งู หรือ ช่วย แม่ กบ เฉลยหรือยังครับ เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2015, 12:07:17 pm


โลภะกับโทสะ อย่าเอาโมหะไปตัดสิน

รักโลภโกรธงูหรือกบใครกันจะกลืนกิน

ช่วยงูก็รักโกรธ ครั้นช่วยกบก็โลภหลง

โกรธไม่โลภ โลภไม่โกรธ ละม้ายกัน

ผิดหรือถูกพล่านสรรทำไมนา.  หา
140  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: พระอริยะเขาดูกันอย่างไร? (โดย พระราชพรหมยาน) เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2015, 11:01:26 am
เรียน คุณธุลีธวัช ตอนนี้เจอพระอรหันต์หรือยังคะ
และถ้าเจอพระอรหันต์ ท่านปฏิบัติแบบไหนคะ ถึงได้เป็นพระอรหันต์

    :58: thk56 ที่จะตอบให้ หมวยนีย์ เข้า ใจ คร้า

พระอรหันต์มีอยู่จริงหรือไม่ จะเชื่อดีหรือไม่เชื่อดี นะ เอาอะไรมาพิสูจน์กันเล่าในความเชื่อนี้ ถ้าเราใช้สิทธิ์ที่จะไม่ขอเชื่อก็เท่ากับเราไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ แต่เพราะเราท่านทุกคนเชื่อว่ามีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นจริง สิ่งที่ตามมาคือเราจะหากราบหาโอกาสฟังธรรมจากท่านนั้นได้อย่างไร? ที่ไหน? สำหรับผมต้องขอบอกก่อนเลยนะครับว่า ผมศึกษาหาอ่านอัตตะชีวประวัติครูบาอาจารย์หลากหลายท่านมาตั้งแต่ยังเยาว์เรียกว่ารู้จำความได้ก็ใฝ่ใส่ใจในเรื่องของพระพุทธเจ้าพระอริยะสงฆเจ้าอย่างหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน,หลวงปู่มั่น,ศิษย์สงฆ์ครูอาจารย์ อีกทั้งฤทธิ์อภิญญา วัตรธุดงค์ อื่นอีกมากมาย สิ่งหนึ่งสิ่งนั้นที่สำคัญคือ ผมได้ตั้งจิตอธิษฐานปรารถนาจักขอดำเนินตามรอยบาทเยื่องครูบาอาจารย์ทั้งหลายอย่างนั้น สิ่งหนึ่งประการแรกผมอธิษฐานขอให้ได้เจอะเจอพระอริยะสงฆ์สุปฏิปันโนครับ และเท่าที่ผมมีโอกาสได้ไปกราบจริงๆก็มีเพียงสี่รูปที่ผมคิดว่าไม่ผิดหรือพลาดจากความปรารถนานั้น

       1.พระวรงคต วิริยะธโร (หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่) ซึ่งพระท่านนี้เป็นศิษย์หลวงปู่ดู่ พรหมฺปญฺโญ วัดสระแก จ.อยุธยา เป็นครูอาจารย์ในสายพุทธภูมิเป็นอริยะสงฆ์ยังมิใช่พระอริยะสงฆ์สาวก

       2.พระเจษฎา โชติปญฺโญ (ครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า ณ ลานธรรมอรหันตาหน่อแก้วฟ้าโพธิญาณ อ.คง จ.นครราชสีมา) ซึ่งพระรูปนี้เป็นศิษย์พระราชพรหมยาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วีระ ถาวโร วัดจันทาราม (ท่าซุง) จ.อุทัยธานี เป็นอริยะสงฆ์สาวกครูอาจารย์ที่ผมไปกราบหลายครั้งคราท่านถูกชะตาด้วยอย่างมากกับผมถึงกับกล่าวว่าให้หาโอกาสมาเยี่ยมเยือนท่านบ่อยๆ

       3.พระพิพัฒน์ วชิรมโน (ครูบาเจ้าเพชร ณ อัญญาวิโมกข์โพธิรังษี/วัดป่ากล้วยไม้ดิน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา) ซึ่งพระรูปนี้เป็นศิษย์เดิมในสายวัดพลับนับแต่แรกเริ่มภาวนา เคารพอย่างยิ่งในท่านพระธรรมวิสุทธิมงคล หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี เป็นพระสงฆ์ที่ผมได้มีโอกาสไปขมากราบเยี่ยมฟังธรรมจากท่านทุกปี

       4.พระครูสิทธิสังวร วีระ ฐานวีโร / พระอาจารย์สนธยา ธมฺมวํโส สงฆ์สองรูปสำคัญที่ผมมีวาสนาด้วยมากที่สุด มีโอกาสได้ฟังธรรมอันพิศดารมากที่สุดที่มิได้เคยฟังจากพระสงฆ์อื่นรูปใดเลยมาก่อน สิ่งที่เรียนรู้หาอ่านมาก่อนหน้าสรุปจบได้ที่สงฆ์สองรูปนี้ ผมนำท่านกล่าวไว้ด้วยกันด้วยท่านเนื่องมาแต่ครูอาจารย์รูปสำคัญองค์เดียวกันคือพระราหุลพุทธชิโนรส และ สมเด็จพระอริยะวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช ญาณสังวร (สุก ไก่เถื่อน) หากแม้นเราท่านจักจำเริญดำเนินไปสู่ธรรมอันยิ่งวาสนามาได้เริ่มที่คณะ ๕ วัดพลับ นับว่าวาสนามหาศาลแล้ว จงเนื่องนับต่อไปจากก้าวที่จะก้าวในวันนี้ เถอะครับ

พระสงฆ์อื่นมีไปกราบบ้างก็แค่ทำบุญ ในสายอรัญวาสีพระอยู่ป่าสิ้นเพียงได้ไปกราบกล่าวอธิษฐานต่อหน้าสรีระขันธ์หลวงตามหาบัวเท่านั้น ครับ! คุยคีร์มายาวขนาดนี้ใช่ว่าผมจะสรุปให้ท่านไปกราบแล้วกล่าวว่าท่านเหล่านั้นเป็นอรหันต์ แต่นี่เป็นด้วยผมกล่าวอธิษฐานไว้ให้ได้เป็นทุนกำลังแก่ตนในหนทางที่จะก้าวไปในวิถีภาวนาเพื่อความสิ้นสุดวัฏฏะเบื้องหน้าเท่านั้น
 
หากเราจะเชื่ออะไรก็ตั้งสัตย์นั้นในใจตน แล้วค้นควานคว้าโอกาสไป วาสนามีอยู่ที่ใดใครหนึ่งนั้นคงเจอเอง ครับ!
141  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / Re: สร้างสมเด็จโต จกบาตร รำลึกถึงวันที่ท่านแวะ “ฉันเพล” ที่วัดโตนด สมัยยังมีสังขาร เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2015, 01:49:08 pm


สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมฺรํสี ท่านมีบุญมากๆที่ใครต่อใครสร้างองค์เขื่องรูปท่านใหญ่โตมากมายหลากหลายแหล่งธรรม ผู้คนสาธุการเข้ากราบขอพรกันไม่ละเลิก ผมนั้นเชื่อว่ามีอีกมากหลายบ้านต้องมีรูปเคารพไว้กราบวางท่านไว้เป็นแน่
142  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: พระอริยะเขาดูกันอย่างไร? (โดย พระราชพรหมยาน) เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2015, 01:26:56 pm


ปุถุชนทุกวันนี้แสวงหาพระอรหันต์ ซึ่งที่จริงแสวงหาให้ตายก็ไม่มีทางพบ ด้วยพินิจพิเคราะห์ไม่เป็น จึงสรุปเอาว่าอรหันต์ไม่มีในโลก ธรรมะเป็นเพียงปรัชญาไม่ใช่ศาสตร์หลุดพ้น พระสงฆ์ต้องสงเคราะห์สังคมเพราะอาศัยข้าวปลาชาวบ้าน ทุกวันนี้ใครกล่าวอ้างข้าเป็นอรหันต์อลัชชีลูกเดียว เที่ยงแท้แล้วต้องโทษกรรมที่เจ้าตัวไม่สั่งสมวาสนาสละทานอุปัฏฐากสงฆ์ครูอาจารย์จึงอคติละอัตตาไม่ได้อาศัยสถาบันสงฆ์สร้างชื่อลวงโลกหาผลประโยชน์มืดมลอยู่ด้วยโลกธรรม กรรมสร้างใส่ตัวแท้ๆ คุณคุณทั้งหลายเชื่อไหม อรหันต์มีจริง
143  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / Re: การระลึกชาติ ด.ญ.พิมพวดี กรณีศึกษาผลของกรรม เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2015, 01:08:08 pm


เรื่องราวของเด็กหญิงพิมพวดี กับ นายแพทย์อาจินต์ ผมหาอ่านทราบเรื่องมาแต่ครั้งยังเยาว์วัยแล้ว ขอบคุณ! คุณน้องจารวีที่นำกลับมาย้ำย้อนเรื่องราวให้ใครที่ไม่รู้ได้รู้ Like!
144  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ธาตุ-ขันธ์-อายตนะ สัมพันธ์ เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2015, 09:05:55 am


มัชฌิมาลำดับฐานเรียนรู้หยั่งธาตุ เพื่อหยั่งลงสู่ อุเบกขา (เธอวางได้ เห็นเพียงแต่สักว่าธาตุนั้นเชียว ใช่เลย!)
145  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: คุณธรรม ที่ทุกคนควรจะตั้งใว้ประจำตัว เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2015, 08:57:40 am


สาวกบารมีญาณ (เราเราท่านท่าน ครับ!)

ปัญญา(สัมมาสังกัปปะ/สัมมาทิฏฐิ) วิปัสสนา (การเห็นอย่างแจ่มแจ้ง แตกต่าง และวิเศษกว่าการหยั่งรู้โดยโลกวิธี)
ศีล(สัมมาวาจา/สัมมากัมมันตะ/สัมมาอาชีวะ) ศรัทธา (การวิเคราะห์ มีการพิสูจน์อย่างมีเหตุผล)
ภาวนา(สัมมาวายามะ/สัมมาสติ/สัมมาสมาธิ) สมถะ (ความสงบระงับจากอกุศลนิวรณ์แห่งจิต)
146  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ใจหล่อมาก.! ลุงสี่ล้อแดงเชียงใหม่รับส่งฟรี “พระ-เณร-คนชรา-ผู้พิการ” เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2015, 08:38:53 pm


st11         :98:         st11         :98:         st11
147  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / Re: กรรมของคนเจ้าชู้ เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2015, 04:44:53 pm


คนบาปเช่นนี้มีให้เห็นอยู่ทุกวัน แม้เหตุบาปเนื่องให้ผลแล้วก็ไม่สำนึก สันดานบาปล้างลบจบไม่ได้ ใครเป็นลูกเป็นเมียเป็นผัว กรรมจริงๆ เรื่องน่าละอายอย่างนี้ผมเจอะเจอในที่ทำงานทุกวัน เป็นกับเพื่อนผมแทบทุกคนทั้งชายและหญิงมีมาปรึกษากับผมมากมาย ทุกวันนี้ผมอยู่ทำงานกับคนจำพวกนี้ด้วยความลำบากใจเรียกว่าต้องระวังตัว ความมืดบอดฝังสันดานเยื่องนี้สร้างบาปกับคนอื่นเรื่อยไป แม้ผมจะกล่าวชักชวนในทางกุศลทำก็มีบ้าง แต่ก็หาละบาปอกุศลกันไม่ ผมนั้นเอือมระอาใจนี้ตัดขาดจากคนพวกนี้เลย ผมเห็นทุกข์เห็นภัยความจัญไรของเพื่อนๆแล้วต่างก็ไม่ลดละกันแท้จริงแล้วความรักมิได้มีต่อกันแต่บาปกระหน่ำกระทำต่อกันเป็นปกติวิสัย โลกเราหากจักฉิบหายเพราะคนจำพวกนี้เพราะขาดธรรมเราก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้ เรามีศีลเคารพใจตนเองก็พากเพียรเอาตัวให้พ้นห่างจากโลกจากคนบาปเหล่านี้เอาดีเอาอย่างบัณฑิต(สงฆ์สุปฏิปันโน)ไปเบื้องหน้าดีกว่า ครับ!
148  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: วิปัสสนา เริ่มปฏิบัติตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ในการภาวนา เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2015, 02:02:22 pm
เราท่านทุกคนอาจจะคุ้นเคยในคำว่าไตรสิกขาอันได้แก่ ศีล,สมาธิ,ปัญญา เราท่านจึงเข้าใจกันไปว่า ตนต้องรู้สำรวมก่อนเป็นบาทแรก จากนั้นจึงก้าวไปสู่วิถีแห่งการตั้งมั่น ปัญญาคือตัวรู้จึงจักปรากฏเป็นไปเอง ความเข้าใจนี้เป็นเรื่องของตำรา แต่เมื่อนำมาปฏิบัติจริงๆไฉนปัญญา(สัมมาทิฏฐิ)มาก่อน ศีล(สัทธา)ตามมาได้เอง ที่สุดสมาธิ(สัมมาวายาโม/สัมมาสติ)รวมหยั่งข่มวางได้เป็นสิ่งที่เหลือไว้ให้กระทำ ครูอาจารย์หลากหลายแหล่งธรรมจึงเน้นย้ำสมาธิกันนักหนา แต่ดูเสมือนว่ายุคปัจจุบันนี้ผู้คนนั้นห่างเรื่องสมาธิกันมากเรียกว่าไม่เอากันเลย ปัญญา/ปรัชญา กันจนกระทั่งปฏิเสธมรรคผลอรหันต์นิพพานใครกล่าวอ้างเป็นเพ้อเจ้อเอาผิดชนิดห้าม ทำร้ายทำลายวิถีแห่งการก้าวล่วงพ้นเป็นไม่มี อย่างนี้คือการทำพระศาสนาให้มัวหมองคงสถานะไว้เพียงเครื่องมือแห่งการแสวงหาผลประโยชน์ แก่นแท้ปริยัติแก่นธรรมปฏิบัติวันนี้พินิจให้ดีแล้วต่างกัน ณ วันนี้อยู่ที่ทุกท่านจะปฏิบัติหรือปฏิเสธ อย่านำเอาขั้วค่ายสายใครมามัดมือมัดเท้าตัวเอง ไม่มีมือพายเอาเท้าราน้ำ ที่สุดคว่ำจมน้ำตายกันให้เหลือเพียงความทุเรศคงไม่น่าดู
149  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: เรียนถาม คุณ raponson และ คุณ ธุลีธวัช ครับ เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2015, 02:19:47 pm
เคยฝันว่า พระอาจารย์ท่านมาสอนให้สวดคาถา พญาไก่เถื่อน คะ ทุกวันนี้ก็สวดอยู่คะ

ในความฉงนของหลากหลายท่านที่มี หลากหลายท่านที่ฝัน ที่สำคัญกว่านั้นคือ ทุกท่านไม่เคยเจอพระอาจารย์กันเลย แต่ทุกท่านเชื่อหรือไม่ว่า ผมรู้จักทุกท่านทุกความคิดกระทำ,ตั้งใจ อย่าถามนะครับว่าผมรู้จักทุกคนได้อย่างไร (ไม่ขอบอกขี้เกียจคีร์ครับ!) เอาเป็นว่าทุกท่านอยากรู้เรื่องฤทธิ์กันนักก็ให้ทุกท่านเอาอย่างคุณน้องสายฝน สวดพระคาถาพญาไก่แก้ว ไก่ป่า กันซะ นี่เป็นวิธีเดียวครับที่ทุกท่านที่ข้องใจจะได้โอกาสพิสูจน์ถึงเรื่องค้างคาใจกัน ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าผมเองก็ข้องใจเรื่องนี้อยู่บ้างพอสมควร ด้วยความข้องใจที่ครูอาจารย์ให้สวดพระคาถาพญาไก่ แต่สวดแล้วมีบ้างให้ต้องรับวิบากเล็กๆน้อยๆจึงสวดบ้างทอนบ้างเพราะเบื่อที่จะต้องเจอกับวิบากนั้น แต่แล้วในที่สุดผมก็ขอท้าในความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถาพญาไก่ดังกล่าว ปกติผมเป็นคนไม่ชอบเล่นหวย ไม่สนใจ ใส่ใจ ซื้อก็มีแต่โดนกินเรียกว่าลองซื้อจะกี่ครั้งก็เจ้งครับ ผมจึงนั้งภาวนาอุทิศบุญแด่ครูบามัชฌิมาอาจารย์เจ้าทั้งปวง แล้วสวดพระคาถาพญาไก่ 108 จบ อธิษฐานขอถูกหวยจะซื้อเบอร์อะไรก็ได้ขอเพียงให้ถูก แล้วผมก็ตัดสินใจซื้อหวยเลข 163 งวดวันที่ 2 พฤษภาคม 2558 ใต้ดินบน 20 บาท ซื้อทั้งๆที่มีใจปรามาสอยู่บ้าง ผลเป็นไปตามนั้นครับ ถูกเลขที่ซื้อแต่มันออกข้างล่าง ถ้าใจผมไม่นึกปรามาสไว้คงซื้อลงข้างล่างไปแล้ว นี่แหละครับศรัทธาไม่เต็ม วาสนาจึงพร่อง โอกาสก็เลยพลาด นี่เพียงเล่าสู่กันฟังนะ ครับ ถ้าคุณยังข้องใจ ปรามาส โอกาสคุณก็พร่องพลาดค้างคาใจเรื่อยไป ครับ!
150  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: การบำรุงบิดามารดา เป็นหนึ่งใน มงคล อันสูงสุด เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2015, 12:10:42 am


เพื่อนๆจะเชื่อหรือไม่ว่า อาหารจานเด็ดที่อร่อยสุดคือ มื้อที่พ่อแม่ทำให้ทาน ซึ่งเราก็ทานมาตั้งแต่เล็ก ทุกวันนี้ผมนั้นยังมีพ่อแม่อยู่ทำให้ทานชีวิตยังมีสุข หากวันหนึ่งวันใดสิ้นพรากไม่มีท่านทั้งสองผมคงรู้ชะตาว่า ไม่มีวันใดที่จะทานข้าวได้อย่างมีสุขอีกเป็นแน่ เพราะไม่มีใครที่จะก้าวมาทดแทนได้ แม้อานิสงส์ภาวนานั้นจะให้ผมต้องทะยอยรับวิบากกรรมบ้านแตกแต่สาแหรกไม่ขาดพ่อแม่แยกบ้านกันอยู่ให้วันนี้มีเพียงพ่อทำให้ทาน ผมนั้นต่อสู้เพื่อความรักของพ่อแม่ที่ยิ่งใหญ่ แม้ชีวิตผมจะไม่สมหวังใดใดในความรัก และยอมที่จะเลือกทางเดินบนเส้นทางอันเดียวดายอยู่อย่างผู้ถือศีลพรตชีวิตวันหนึ่งวันนั้นคงต้องอด พรากจากเพื่อนๆญาติพี่น้อง เมื่อเวลานั้นมันมาถึง

(ชีวิตตายไม่ยาก หากแต่จะเลือกตายอย่างไรที่มันมีค่า)
151  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: รู้สึกผิดกับคำพูดตัวเองบ่อยๆ ควรทำอย่างไร.? เมื่อ: กรกฎาคม 14, 2015, 06:34:33 pm


ปากเหรอ

     ชายเชื้อชนให้เกลื่อนกล่นหยาบกล่าวนำ      
หญิงหยาบคำบริภาษสามีตน
มีเย้าหยอกล้อเง้าโคตรเด็กเคืองซน      
เฒ่าชรามีพล้ำบ่นหน่ายหลานเห็น

     นี้เช่นนี้คือมลทินหม่นเกลื่อนเคือง         
คนเกลื่อนเมืองริษยานินทาเป็น
แท้มากหลากปากเป็นขวากยากเคี่ยวเข็ญ   
เมืองเขื่องเหม็นเกลื่อนหาบหยาบกำราบกัน.

                                                                             ธุลีธวัช.!



(ผมตั้งสัตย์ อธิษฐานไม่ขอกล่าวคำผรุสวาทตลอดชีวิต เพียงอานิสงส์อย่าให้ได้พ้อ ได้ยิน คำผรุสวาทในทุกภพชาติ ตราบนิพพาน)
152  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: เจ้าคุณพิพิธเตือน มส.ห้ามบวช ′ภิกษุณี′ ผ่อนปรนเจอข้อหา ′กบฎพระวินัย′ เมื่อ: กรกฎาคม 14, 2015, 05:17:08 pm

เธอเกรียน

     หญิงย้อมฝาดไม่พึงควรขาวไม่ใช่      
เกรียนไม่ได้ขวางนั้นใช่กรรมหนักหนา
เขื่องเคืองพาลแท้นั้นร้างพระศาสดา   
รัฐหาญห่ามเขลาคว้าควาญศาสน์ปลักงม.   

                                                                       ธุลีธวัช.!
153  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: เรียนถาม คุณ raponson และ คุณ ธุลีธวัช ครับ เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2015, 01:01:40 pm
                                   
154  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / งานพิธีอธิษฐานจิต ปลุกเสก "พระพุทธเมตตา" คณะ ๕ ครับ เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2015, 10:20:22 pm
155  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เรียนถาม พระอาจารย์ เรื่องการเป็นศิษย์ แล้วไม่ได้แจ้งกรรมฐาน ด้วย เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2015, 07:38:37 pm
ask1
เรียนถาม พระอาจารย์ เรื่องการเป็นศิษย์

   1. ถ้าได้ไปขึ้นกรรมฐาน ที่วัดพลับ แล้ว อันนี้ถือว่าเป็นศิษย์ พระอาจารย์หรือยัง   

หากมีท่านใดใส่ใจสนใจในการศึกษาภาวนา พระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ก็ควรที่จะไปขึ้นขันธ์ ขมาครูอาจารย์ที่ คณะ ๕ วัดราชสิทธาราม ก่อน ซึ่งกระผมเองก็ได้กระทำเยื่องนั้นมาก่อนแล้วถึงได้มาขึ้นขันธ์ขมาครูกับพระอาจารย์ในภายหลัง (แต่ทั้งนี้มีบ้างที่บางท่านไม่มีโอกาสได้ไปขึ้นขันธ์เรียนพระกรรมฐานที่คณะ ๕ แต่ขึ้นตรงเพียงพระอาจารย์รูปเดียวก่อนก็ยังมี เรียกว่าตกหล่นมีอยู่บ้าง)

ask1
เรียนถาม พระอาจารย์ เรื่องการเป็นศิษย์

   2. แจ้งกรรมฐาน กับพระอาจารย์ได้หรือไม่ ?

เรื่องการแจ้งพระกรรมฐานนั้น ศิษย์หลายท่านที่ใกล้ชิดเพียรภาวนากันแล้วส่วนมากจะแจ้งอารมณ์กรรมฐานกับครูอาจารย์กัน คงมีเพียงกระผมคนเดียวที่ไม่เคยแจ้งอารมณ์กรรมฐานใดใดเลยกับครูอาจารย์ (เหตุเดิมนั้นกระผมเองศึกษาเรียนรู้เองมาก่อน นิสัยจะฟังเสียมากกว่าถาม วิเคราะห์เองเสียมาก เรียกว่าอวดเก่งคนเดียว รั้นก็ใช่ เพราะเชื่อในปัญญาตนเอง กล่าวคือ ถ้าไม่แน่แก่ใจแล้วจะไม่ถาม ครับ!)

ask1
เรียนถาม พระอาจารย์ เรื่องการเป็นศิษย์

   3. แจ้งกรรมฐาน ทาง Email หรือ Chat หรือ VDO call ได้หรือไม่ คะ

ข้อนี้เป็นการปรามาส ไม่ควรอย่างยิ่ง แต่ก็เห็นใจหลายท่านที่ไม่มีโอกาสเจอครูอาจารย์ ซึ่งก็ไม่รู้เมื่อไหร่

ask1
เรียนถาม พระอาจารย์ เรื่องการเป็นศิษย์

   4. มีข้อความในบอร์ด วิชาศิษย์สายตรง ดิฉันเคยคัดลอก แล้วนำไป พูดบอกกล่าวกับเพื่อน ๆ บ้าง อันนี้มีโทษอยู่ใช่หรือไม่คะ ถ้ามีโทษอยู่ควรทำอย่างไร ?

เรื่องนี้น่าห่วง การนำข้อธรรมในบอร์ดศิษย์สายตรงไปสนทนากันเองนั้น โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เข้าใจมักนำไปปนเปกับเรื่องอื่นๆที่ตนเองไม่กระจ่างแล้วเที่ยวพูดไปซึ่งอาจผิดแปลงเนื้อความไป ซึ่งไม่เพียงแต่ปรามาสไปแล้วกับเป็นการขวางตนเองรั้งคนอื่นไม่รู้ตัวเป็นอกุศลกรรม การภาวนาจะล่าช้า

ask1
เรียนถาม พระอาจารย์ เรื่องการเป็นศิษย์
 
   5. การคุยอารมณ์เรื่องกรรมฐาน เช่น เห็น นิมิต เป็นต้น คุยกับเพื่อน ๆ ด้วยกัน เพื่อเป็นกำลังใจ กันได้หรือไม่ คะ

หากเป็นกัลยาณมิตรเอื้อธรรมต่อกันนั้นก็ใคร่อยู่ แต่ก็ไม่ควรอยู่ดีจะริษยากันได้ เป็นคนอื่นที่เขลา ศรัทธาพร่อง วาสนาไม่เต็ม ปรามาสเอาได้ง่ายๆ เสียหายเลย (ตัวอย่างมีแล้ว ที่สุดขมำทั้งลำ กระทั่งตนเองด้วย)

ask1
เรียนถาม พระอาจารย์ เรื่องการเป็นศิษย์

   6. เมื่อไหร่ จะสร้าง ธรรมสถาน คะ

การสร้างศาสนสถานนั้นสำคัญ แต่พร่องด้วยคณะสงฆ์และสถานการณ์ปัจจุบัน การแบ่งขั้วสายผิด/ถูก ในการภาวนาเป็นเรื่องยากทำใจ ปัญหาการถูกเพ่งเล็งเอาผิดมีมากมันอยู่ที่อิทธิพลของกลุ่มพวกตามๆกัน เรื่องของสงฆ์กิจต้องเพื่อสาธารณะ สงเคราะห์ ศาสนาเป็นเพียงปรัชญา ไม่ใช่การกล่าวอ้างหลุดพ้น ดังนั้นวันนี้ครูอาจารย์หย่อน หยอด ฝาก ฝัง มีไว้เพียงศิษย์ไม่กี่ท่านก่อนลาจาก
156  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: การบำรุงบิดามารดา เป็นหนึ่งใน มงคล อันสูงสุด เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2015, 07:01:50 pm


อรหา มาตา : มารดาราวกะพระอรหันต์

อรหา ปิตา : บิดาราวกะพระอรหันต์


157  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: ลาก่อน เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2015, 10:11:26 pm


คอมพิวเตอร์ เสียหายคราวนี้เสียเงินซ่อมแซมไปหลายบาท อีกทั้งจอภาพได้นำไปใช้เป็นจอวงจรปิดดักจับหัวขโมย เลยต้องเสียทรัพย์เพิ่มซื้อจอใหม่ เม้าส์ตัวใหม่ ทุกอย่างดูจะเรียบร้อยดีแต่ก็ประสพปัญหาเว็บเข้ารหัสไม่ได้ซะงั้น วันนี้เคลียร์ทุกปัญหาแล้วคงได้สนทนาเหมือนเดิม ถ้าว่าง (เหนื่อยกับงานทุกวัน) ว่าแล้วไปทำงานก่อนครับ

158  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ตอนนี้ ได้แบบแปลน ทุติยะเจดีย์ แล้ว กำลังมองหาที่สร้าง นะ เมื่อ: มิถุนายน 23, 2015, 07:43:14 pm
เมื่อไม่มีทุติยะเจดีย์ พระศาสนาก็น่าห่วง พระสงฆ์ในวันนี้มัวหมองด้วยลาภสักการะ แสดงสถานะไม่เหมาะสม วิปัสสนาธุระถดถอย คันถธุระมากธุระ ศาสนาจักไม่ยั่งยืน น่าเศร้า   
159  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ตอบคุณไพบูลย์ นิติตะวัน กรณี “การศึกษา ม.สงฆ์” ทำไมพระถึงต้องมีความรู้ทางโลกด้วย เมื่อ: มิถุนายน 19, 2015, 08:24:52 pm
วุ่นวายกันนัก ไม่บวชดีกว่า :96:
160  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ดั่งเวทมนต์! คู่รักจีนฟื้นชีพ “หลวงพ่อโต บามิยัน” ฉายรัศมีทองอร่าม เมื่อ: มิถุนายน 19, 2015, 08:20:37 pm
 st11 like1 thk56
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 70