ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: วิหารธรรมของโสดาบัน  (อ่าน 3671 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28469
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
วิหารธรรมของโสดาบัน
« เมื่อ: มิถุนายน 15, 2013, 12:16:46 pm »
0


มหานามสูตร : อนุสสติของอริยสาวก
(ยกมาแสดงโดยย่อ)

    [๒๘๑] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ นิโครธารามใกล้กรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ ครั้งนั้นแล เจ้าศากยะ พระนามว่า มหานามะ ได้เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
     ครั้นแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า
     ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อริยสาวกผู้ได้บรรลุผล  ทราบชัดพระศาสนาแล้ว ย่อมอยู่ด้วยวิหารธรรมชนิดไหนเป็นส่วนมาก พระเจ้าข้า

     พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
     ดูกรมหานามะ อริยสาวกผู้ได้บรรลุผลทราบชัดพระศาสนาแล้ว ย่อมอยู่ด้วยวิหารธรรมนี้เป็นส่วนมาก คือ อริยสาวกในพระศาสนานี้
      -   ย่อมเจริญพุทธานุสสติ ว่า พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ฯ
      -   ย่อมเจริญธรรมานุสสติ ว่า พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว อันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ฯ
      -   ย่อมเจริญสังฆานุสสติ ว่า สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติตรงแล้วฯ
      -   ย่อมเจริญสีลานุสสติ ว่า ศีลของตนไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไทย อันวิญญูชนสรรเสริญ ฯ
      -   ย่อมเจริญจาคานุสสติ ว่า การบริจาคของตนนี้ เป็นลาภของเราหนอ เราได้ดีแล้วหนอ ฯ
      -   ย่อมเจริญเทวตานุสสติ (ความระลึกถึงเทวดาเนืองๆ) ว่า เทวดาเหล่าจาตุมหาราชมีอยู่ เทวดาเหล่าดาวดึงส์มีอยู่ ฯ


     :25: :25: :25:

     ดูกรมหานามะ สมัยใด อริยสาวกย่อมเจริญ “อนุสสติ”(อย่างใดอย่างหนึ่งจาก ๖ อย่าง)
     สมัยนั้น จิตของอริยสาวกนั้น ย่อมไม่ถูกราคะกลุ้มรุม ไม่ถูกโทสะกลุ้มรุมไม่ถูกโมหะกลุ้มรุม ย่อมเป็นจิตดำเนินไปตรงทีเดียว
     ก็อริยสาวกผู้มีจิตดำเนินไปตรง เพราะปรารภ “อนุสสติ”(อย่างใดอย่างหนึ่งจาก ๖ อย่าง) ย่อมได้ความทราบซึ้งอรรถ ย่อมได้ความซาบซึ้งธรรม
     ย่อมได้ความปราโมทย์อันประกอบด้วยธรรม เมื่อปราโมทย์แล้ว ย่อมเกิดปีติ
     เมื่อมีใจประกอบด้วยปีติ กายย่อมสงบ ผู้มีกายสงบแล้วย่อมเสวยสุข เมื่อมีสุขจิตย่อมตั้งมั่น


     ดูกรมหานามะ นี้อาตมภาพกล่าวว่า อริยสาวกเป็นผู้ถึงความสงบเรียบร้อยอยู่ ในเมื่อหมู่สัตว์ไม่สงบเรียบร้อย เป็นผู้ไม่มีความพยาบาทอยู่ ในเมื่อหมู่สัตว์ยังมีความพยาบาทกันอยู่ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยกระแสธรรม ย่อมเจริญ “อนุสสติ”(อย่างใดอย่างหนึ่งจาก ๖ อย่าง)

     ดูกรมหานามะ อริยสาวกผู้ได้บรรลุผล ทราบชัดพระศาสนาแล้วย่อมอยู่ด้วยวิหารธรรมนี้เป็นส่วนมาก ฯ

_______________________________________________________
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=22&A=6756&Z=6837
ขอบคุณภาพจาก http://www.bloggang.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28469
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: วิหารธรรมของโสดาบัน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 15, 2013, 12:29:33 pm »
0


อรรถกถา อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต ปฐมปัณณาสก์ อาหุเนยยวรรคที่ ๑
๑๐. มหานามสูตร

    อรรถกถามหานามสูตรที่ ๑๐               
    พึงทราบวินิจฉัยในมหานามสูตรที่ ๑๐ ดังต่อไปนี้ :-
    บทว่า มหานาโม ได้แก่ เจ้าศากยะองค์หนึ่งผู้เป็นพระราชโอรสแห่งพระเจ้าอาของพระทศพล.
    บทว่า เยน ภควา เตนุปสงฺกามิ ความว่า ท้าวเธอเสวยพระกระยาหารเช้าแล้ว ห้อมล้อมไปด้วยทาสและบริวารชน ให้คนถือเอาของหอมและระเบียบเป็นต้น แล้วได้เสด็จไปในที่ที่พระบรมศาสดาประทับอยู่.


    (พระอริยสาวก) ชื่อว่า อาคตผโล เพราะมีอริยผลมาถึงแล้ว.
    ชื่อว่า วิญฺญาตสาสโน เพราะมีคำสอนคือสิกขา ๓ อันท่านรู้แจ้งแล้ว.
    พระราชา (เจ้าศากยะพระนามว่ามหานาม) นี้ เมื่อจะทูลถามว่า ข้าพระองค์ทูลถามถึงวิหารธรรมอันเป็นที่อาศัยของพระโสดาบัน ดังนี้จึงกราบทูลอย่างนี้.

     :25: :25: :25:

    บทว่า เนวสฺส ราคาปริยุฏฺฐิตํ ความว่า (จิตของพระอริยสาวกนั้น) ไม่ถูกราคะที่เกิดขึ้น รุมรึงไว้.
    บทว่า อุชฺคตํ ความว่า (จิตของพระอริยสาวกนั้น) ดำเนินตรงไปในพุทธานุสติกัมมัฏฐาน.
    บทว่า ตถาคตํ อารพฺภ ได้แก่ ปรารภพระคุณของพระตถาคตเจ้า.
    บทว่า อตฺถเวทํ ได้แก่ ปีติและปราโมทย์ที่เกิดขึ้นอาศัยอรรถกถา.
    บทว่า ธมฺมเวทํ ได้แก่ ปีติและปราโมทย์ ที่เกิดขึ้นอาศัยบาลี.
    บทว่า ธมฺมูปสญฺหิตํ ได้แก่ ปีติและปราโมทย์ที่เกิดขึ้นอาศัยทั้งพระบาลี และอรรถกถา.
    บทว่า ปมุทิตสฺส ความว่า แก่ผู้ที่ปราโมทย์แล้ว ด้วยความปราโมทย์ ๒ อย่าง.
    บทว่า ปีติ ชายติ ความว่า ปีติ ๕ อย่างย่อมบังเกิด.


    บทว่า กาโย ปสฺสมฺภติ ความว่า ทั้งนามกาย ทั้งกรชกายย่อมสงบระงับ ด้วยธรรมเป็นเครื่องสงบระงับซึ่งความกระวนกระวาย.
    บทว่า สมาธิยติ ความว่า ย่อมตั้งมั่นโดยชอบในอารมณ์.
    บทว่า วิสมคตาย ปชาย ความว่า ในสัตว์ทั้งหลายผู้ถึงความไม่สงบ เพราะราคะ โทสะและโมหะ.
    บทว่า สมปฺปตฺโต ความว่า เป็นผู้ถึงความสงบ สม่ำเสมอ.
    บทว่า สพฺยาปชฺฌาย แปลว่า ผู้มีทุกข์ร้อน.
    บทว่า ธมฺมโสตํ สมาปนฺโน ความว่า เป็นผู้ถึงกระแสธรรม กล่าวคือวิปัสสนา.
    บทว่า พุทฺธานุสฺสตึ ภาเวติ ความว่า ย่อมเพิ่มพูน คือเจริญพุทธานุสติกัมมัฏฐาน.


     :25: :25: :25:

    ในบททั้งปวง พึงทราบความโดยนัยนี้.
    เจ้าศากยมหานามะทูลถามถึง วิหารธรรมเป็นที่อาศัยของพระโสดาบัน ด้วยประการดังพรรณานามาฉะนี้.
    แม้พระบรมศาสดาก็ตรัส วิหารธรรมเป็นที่อาศัยของพระโสดาบันนั่นแหละ แก่ท้าวเธอด้วยประการฉะนี้.
    ในพระสูตรนี้ จึงเป็นอันตรัสถึงพระโสดาบันอย่างเดียวเท่านั้น ฉะนี้แล.


               จบอรรถกถามหานามสูตรที่ ๑๐     
         

ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=22&i=281
ขอบคุณภาพจาก http://www.oknation.net/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 15, 2013, 12:31:18 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: วิหารธรรมของโสดาบัน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2013, 09:17:29 am »
0
 st11 st12
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

นักเดินทาง

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 695
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: วิหารธรรมของโสดาบัน
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2013, 03:06:06 am »
0
 st12 st12 st12
บันทึกการเข้า