อันนี้เข้าใจ ความรู้สึก แต่ ที่เห็นคือ การขาดความอดทน ข่มกลั้น และไม่มีปณิธาน การทำให้พระศาสนา นั้นไม่ใช่ ชาวศาสนา จะเห็นดีเห็นงามด้วย เป็นคนดี ปฏิบัติตามคำสอนพระศาสนา ใช่ว่า จะยืนอยู่ได้สังคม มันต้องมีเรื่องอื่นผสมไปด้วย เช่น โลกธรรม
เว็บที่นี่ ทำงานให้พระพุทธศาสนา ให้ กับ คณะ 5 วัดราชสิทธาราม
แต่ผลที่โดนกันทุกวัน คือ ความขัดแย้ง จากชาวพุทธ และ แม้แต่สายเดียวกัน ที่ส่งจดหมาย ด่าพระอาจารย์ทุกวัน สิ่งสำคัญที่สุด การยืนหยัด นั้น ต้องมีปณิธาน บางครั้งต้องรักษา มานะ ส่วนนี้ไว้ มานะ เป็นกิเลสของพระอนาคามี ดังนั้นการมีมานะอยู่ ก็ยังไม่จัดเป็นเรื่องเสียหาย ถ้าสิ่งที่เราทำนั้น เป็นการทำเพื่อ พระพุทธศาสนา เป็นกสร้างบารมี ให้กับเราเอง บารมีธรรม เมื่อเต็ม ย่อมส่งผล คือ พระนิพพาน
ผู้ที่ทำงานให้พระศาสนา แต่ไม่ตั้งเป้า เพื่อ พระนิพพาน แล้ว จะมีแต่ทุกข์
คำว่า บ้านแตก สาแหรกขาด นั้น เป็นเรื่องธรรมดา ลอง ถาม พระอาจารย์สนธยา ดูสิ อะไรแตกไปบ้าง ตั้งแต่หน้าที่การงาน สังคม ครอบครัว ทุกวันนี้มีใครเห็นด้วย ในสิ่งที่พระอาจารย์สนธยา ท่านทำนะครับ เมื่อต้องไปสู่ ความไม่มีตัว ไม่มีตน ก็คือการปล่อยวางภาระ
สิ่งที่เราว่าดี ก็ไม่เป็นสิ่งที่ต้องมายึดถือ เป็นความภูมิใจ ใด ๆ ( อันนี้เป็นอารมณ์ ขั้นสูงสุด แล้ว ) เพราะว่า มันว่างเปลาจากความหมายแห่งความเป็นตัว เป็นตน เป็นเรา เป็นของเรา
อนุโมทนา สาธุ
RDNpromote