ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “นาค” เป็นภาษาบาฬี มีความหมาย ๔ ประการ  (อ่าน 891 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


“นาค” เป็นภาษาบาฬี มีความหมาย ๔ ประการ


“นาค” เป็นภาษาบาฬี มีความหมาย ๔ ประการ คือ
     ๑. “ช้าง” [อภิธาน.คาถา ๓๖๐]
     ๒. “ต้นกากะทิง” [อภิธาน. คาถา ๕๗๒]
     ๓. “งู” [อภิธาน. คาถา ๖๕๒]
     ๔. “ผู้ไม่มีใครประเสริฐยิ่งกว่า” หรือ “ผู้ไม่ทำบาป” [อภิธาน. คาถา ๖๙๖] หมายถึง พระอรหันต์ผู้หมดสิ้นกิเลส

ดังอรรถกถามัชฌิมนิกายกล่าวว่า “ขีณาสโว นาโคติ วุจฺจติ” แปลความว่า “พระขีณาสพ (ผู้มีกิเลสอาสวะหมดสิ้นแล้ว) เรียกว่า นาค” [ม.อ. (ปปญฺจ.๒) ๘/๔๐ (สฺยา.)]

คัมภีร์อภิธานัปปทีปิกา คาถาที่ ๘๔๙ บาทที่ ๓-๔ สรุปความหมายของ นาค-ศัพท์ ไว้ว่า “นาโค ตุรคหตฺถีสุ, นาครุกฺเข ตถุตฺตเม.” แปลความว่า “นาค-ศัพท์ มีความหมาย ๔ อย่าง คือ อุรค (งู) หตฺถี (ช้าง) นาครุกฺข (ต้นกากะทิง) และ อุตฺตม (ประเสริฐสุด)” ดังนี้

“พระญาครุฑแพ้เงือกน้ำ”***

ภาพยันต์ล้านนา “ภยาฅุฑแพ้เงิกน้ำ” (พระญาครุฑแพ้เงือกน้ำ) นี้ สำนวนภาษาไทยกลาง เรียกว่า “ครุฑยุดนาค” (“แพ้” ในภาษาล้านนา แปลว่า “ชนะ”) คำว่า “เงือกน้ำ” ในที่นี้ หมายถึง “นาค” ตามความหมายในคัมภีร์อภิธานัปปทีปิกา คาถาที่ ๖๕๒ ที่แปลว่า “งู” ซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่แถบเชิงเขาสุเมรุ ๒ สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์กัมพละ (สายพันธุ์ที่รักษาน้ำ) และสายพันธุ์อัสสตระ

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ อธิบายความหมายของคำว่า “เงือก” ความหมายที่ ๑ ไว้ว่า             
   “(โบ) น. งู เช่น ท้าวเสด็จเหนือวัวเผือก เอาเงือกเกี้ยวข้าง (แช่งนํ้า). ลูกคำของเงือก ๑ คือ เงือกหงอน”
    และคำว่า “เงือกหงอน” หมายถึง “(โบ) น. พญานาค เช่น ทรงวัวเผือกเงือกหงอนสังวรสังวาล (รำพันพิลาป). แม่คำของ “เงือกหงอน” คือ เงือก ๑ ”


***ภาพจากพับสา “มนต์ยันต์ราชกระกุล” ฉบับวัดหนองเงือก ต.แม่แรง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ไม่ปรากฏนามผู้เขียนและวันเดือนปีที่เขียน

“จิตราลังการะ” การกระจายคาถาในตารางยันต์พระญาครุฑแพ้เงือกน้ำ
    (โปราณกคาถา)
    สุคโต(1) สุคตฏฺฐานํ
    สุคโต สุนฺทรมฺปิ จ
    สุคโต ยาติ นิพฺพานํ
    สุคโต เตน โมนม.(2)
(ปถฺยาวตฺตคาถา ; อนุฏฺฐุภาฉนฺโท)

แปลนิไสร(3) (ยกศัพท์สำนวนล้านนา) ;

....(ภควา)(4) อันว่าพระพุทธะเจ้าตนหักมล้างยังราคะโทสะโมหะมานะเสี้ยงขาด(5)
     สุคโต ไพดีแล้ว ,สุคตฏฺฐานํ สู่ที่อันเปนที่ไพอันดี ;
     สุคโต ไพดีแล้ว ,สุนฺทรมฺปิ (ฐานํ) จ สู่ที่ แม้อันงาม ก็ดี.

…..(อตฺโถ) อันว่าอธิบาย (อิติ) ว่า (ภควา) อันว่าพระพุทธะเจ้าตนหักมล้างยังราคะโทสะโมหะมานะเสี้ยงขาด
    สุคโต ไพดีแล้ว ,ยาติ คือว่า ค็ไพ ,นิพฺพานํ สู่นิพพาน, เตน เหตุดั่งอั้น

    (ภควา) อันว่าพระพุทธะเจ้าตนหักมล้างยังราคะโทสะโมหะมานะเสี้ยงขาด
    สุคโต (นาม) ชื่อว่าตนไพดี ,(โหติ) ค็มี ,(อิติ) ดั่งนี้แล.

…..(ตฺวํ) อันว่าท่าน โมนม(6)มักว่า โอนมาหิ จุ่งน้อมไหว้
    (สุคตํ นาม ภควนฺตํ) ยังพระพุทธะเจ้าตนหักมล้างยังราคะโทสะโมหะเสี้ยงขาด ตนชื่อว่าสุคตะเทิอะ.(7)

***หมายเหตุ : ผู้ที่จะลงตารางยันต์(8)ประเภทนี้ จะต้องเลือกคาถาประเภทวัตตคาถา(9)หรือกลุ่มสมวุตติ (สมคาถา ; ตำแหน่งครุลหุเหมือนกันทั้ง ๔ บาท) ที่ ๓ พยางค์แรกมีรูปศัพท์เหมือนกันทั้ง ๔ บาท และเป็นฉันท์ประเภทอนุฏฐุภาฉันท์ ฉันท์ ๘ พยางค์ (อักขระ) เท่านั้น

@@@@@@@

ขยายความ

(1)“สุคต” ศัพท์ แปลสำนวนไทยกลางว่า “ผู้เสด็จไปดีแล้ว” เป็นพระนามหนึ่งของพระพุทธเจ้าในบรรดา ๓๒ พระนาม (อภิธานปฺปทีปิกา คาถา ๑-๔) มาจาก สุ อุปสัค+คมุ ธาตุ (คติมฺหิ ในการไป)+ต ปัจจัย

ดังคัมภีร์อรรถกถาขุททกนิกาย อธิบายไว้ว่า ;-
…..สุคโตติ โสภณคมนตฺตา, สุนฺทรํ ฐานํ คตตฺตา, สมฺมา คตตฺตา สุคโต.(๑) แปลความว่า พระนามว่า “สุคตะ” เพราะการเสด็จไปงาม เพราะการเสด็จไปสู่ที่ดี เพราะการเสด็จไปโดยชอบ เพราะฉะนั้น จึงมีพระนามว่า “สุคตะ”.

และคัมภีร์อรรถกถาวินัยปิฎก อธิบายไว้ว่า ;-
…..อรหตฺตมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉตีติ สุคโต.(๒) แปลความว่า กิเลสทั้งหลายเหล่าใดที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงละแล้วด้วยอรหัตตมรรค, พระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมไม่หวนกลับคืนมาสู่กิเลสทั้งหลายเหล่านั้นอีก เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงทรงพระนามว่า “สุคตะ”
    ..(๑) ขุ.อุ.อ ๒๖/๙๒ (สฺยา.)
    ..(๒) วิ.มหา.อ. ๑/๑๒๒ (สฺยา.)

(2) พับสา (สมุดพับกระดาษสา) “มนต์ยันต์ราชกระกุล” (อักษรธรรมล้านนา) ไม่ปรากฏชื่อผู้เขียนและวันเดือนปีที่เขียน ฉบับวัดหนองเงือก ต.แม่แรง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน และบางแห่งในเล่มเดียวกันหรือบางฉบับอื่นๆ บาทที่ ๓ เป็น “สุคโต นิพฺพานํ ยาติ” ถ้าเป็นอย่างนี้ จัดเป็น “ตติยมการวิปุลาคาถา”

(3) ดูวรรณกรรมแปลบาฬีของล้านนาที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/Lannaliterature/posts/852072905290690

(4) โยค “ภควา” ศัพท์ (ภควนฺตุ+สิ) ตามนัยบทพระพุทธคุณ (อิติปิ โส ภควาฯ) และ “ภควนฺตุ” ศัพท์นี้ ก็เป็นพระนามหนึ่งของพระพุทธเจ้าในบรรดา ๓๒ พระนามเช่นกัน (อภิธานปฺปทีปิกา คาถา ๑-๔)

(5) แปลโดยนัยคัมภีร์ขุททกนิกาย มหานิทเทส ดังข้อความพระบาฬีว่า ;-
…..ภควาติ คารวาธิวจนํ, อปิจ ภคฺคราโคติ ภควา, ภคฺคโทโสติ ภควา, ภคฺคโมโหติ ภควา, ภคฺคมาโนติ ภควา.(๑) แปลความว่า คำว่า “ภควนฺตุ” เป็นพระนามที่เรียกโดยความเคารพ อีกอย่างหนึ่ง พระนามว่า “ภควนฺตุ” เพราะทรงทำลายราคะได้ ทำลายโทสะได้ ทำลายโมหะได้ ทำลายมานะได้. (ภควนฺตุ+สิ=ภควา อาเทศ นฺตุ กับ สิ เป็น อา และลบสระหน้า)
      …..(๑) ขุ.ม. ๒๙/๒๓๑/๑๗๓-๑๗๔ (สฺยา.)

(6) โมนม มาจาก อว อุปสัค+นม ธาตุ (นมเน ในการโน้ม)+อ ปัจจัย+หิ ปัญจมีวิภัตติ แปลง อว เป็น โอ ลบ หิ วิภัตติ ลง มฺ อาคมที่ โอ.

(7) แปลนิไสร (ยกศัพท์สำนวนล้านนา) โดยอัญญตรุปาสกะ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ (ผิดพลาดประการใด ขอท่านผู้รู้ได้โปรดชี้แนะทักท้วงมาทางกล่องข้อความ จะเป็นพระคุณอย่างสูง)

(8) ดูความหมายและเดชของยันต์ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/Lannaliterature/posts/585139598650690

(9) ดูประเภทวัตตคาถาที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/Palisadda…/posts/105





ผู้เขียน : สีโห มิคราชา
web : dhamma.serichon.us/2022/01/01/นาค-เป็นภาษาบาฬี-มีความ/
Posted date : 1 มกราคม 2022 ,By admin.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 02, 2022, 08:18:01 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ