ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: จงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง | จงมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง  (อ่าน 109 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
โดย อาจารย์ไชย ณ พล

Q ถาม : อาจารย์ครับ มีพุทธภาษิตอยู่บทหนึ่ง ที่เหมือน ๆ จะเข้าใจง่าย แต่ก็เข้าใจยาก คือ "อัตตาหิ อัตตโน นาโถ" ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน แต่โลกทุกวันนี้อยู่กันแบบแบ่งงานกันทำ แบ่งความเชี่ยวชาญกันเก่ง แล้วพึ่งพาอาศัยกัน ครั้นเราจะไปทำเองทุกอย่างก็เป็นไปไม่ได้ เลยทำให้ภาพตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน มันเลือนลางไป จึงขอเรียนถามอาจารย์ว่า ขอบข่ายของ "อัตตาหิ อัตตโน นาโถ" มีแค่ไหนครับ

A อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ : พระพุทธเจ้าไม่ตรัสอะไรเล่นๆ สิ่งที่พระองค์ตรัสเป็นสัจธรรมเสมอ

ใครเป็นที่พึ่งให้เราได้บ้าง.?

ลองดูความเป็นจริง มีใครในโลกบ้างที่เป็นที่พึ่งให้เราได้ทุกเรื่อง ทุกเวลา ทุกสถานการณ์ ทุกผลที่พึ่งได้ หากซื่อตรงต่อความจริงและตนเอง ก็จะพบว่า ไม่มี พระพุทธองค์จึงทรงให้ "อัตตาหิ อัตตโน นาโถ" ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน

ขอบเขต "อัตตาหิ อัตตโน นาโถ" ที่ได้ผล

ในจักกวัตติสูตร ทรงให้ เธอจงมีตนเป็นที่พึ่ง มีตนเป็นเกาะ โดยกำหนดรู้ กายในกายภายในตน กำหนดรู้ กายในกายภายในคนอื่น เห็นความไม่เที่ยงแห่งกายนี้และกายอื่น ๆ ไม่ถือมั่นอะไร ๆ ในกายและในโลกทั้งปวง

กำหนดรู้ เวทนาในเวทนาภายในตน กำหนดรู้ เวทนาในเวทนาภายในคนอื่น เห็นความไม่เที่ยงแห่งเวทนานี้และเวทนาอื่น ๆ ไม่ถือมั่นอะไร ๆ ในเวทนาและในโลกทั้งปวง

กำหนดรู้ จิตปรุงแต่งในจิตภายในตน กำหนดรู้ จิตปรุงแต่งในจิตปรุงแต่งภายในคนอื่น เห็นความไม่เที่ยงแห่งจิตปรุงแต่งนี้และจิตปรุงแต่งอื่น ๆ ไม่ถือมั่นอะไร ๆ ในจิตปรุงแต่งและในโลกทั้งปวง

กำหนดรู้ ธรรมประกอบในธรรมประกอบภายในตน กำหนดรู้ ธรรมประกอบในธรรมประกอบภายในคนอื่น เห็นความไม่เที่ยงแห่งธรรมประกอบนี้และธรรมประกอบอื่น ๆ ไม่ถือมั่นอะไร ๆ ในธรรมประกอบและในโลกทั้งปวง

สรุป : ที่พึ่งหลักของทุกคน คือ รู้อิสระที่ไม่ถือมั่นในกาย เวทนา จิตปรุงแต่ง ธรรมประกอบ และอะไร ๆ ในโลกทั้งปวง

 




ขอขอบคุณ :-
ภาพจาก : https://www.pinterest.ca/pin/941533865877205173/
ที่มา : https://uttayarndham.org/dhamma-sharing/6576/ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
19 May 2023





การมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง

[๘๐] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ เมืองมาตุลา แคว้นมคธ ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย” ภิกษุเหล่านั้น ทูลรับสนองพระดำรัสแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า
             
    “ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย จงมีตนเป็นเกาะ(๑-) มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง จงมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่เถิด"           
    "ภิกษุมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่ เป็นอย่างไร.?"

    คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้
    ๑. พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกได้
    ๒. พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกได้
    ๓. พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกได้
    ๔. พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกได้
             
    "ภิกษุมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่ เป็นอย่างนี้แล"


เชิงอรรถ :-
(๑-) มีตนเป็นเกาะ ในที่นี้หมายถึง ทำตนให้พ้นจากห้วงน้ำ คือ โอฆะ ๔ เหมือนกับเกาะกลางมหาสมุทรที่น้ำท่วมไม่ถึง (ที.ม.อ. ๑๖๕/๑๕๐, ที.ม.ฏีกา ๑๖๕/๑๘๐) , ดูเทียบ ที.ม. (แปล) ๑๐/๑๖๕/๑๑๑ , สํ.ม. (แปล) ๑๙/๓๗๙/๒๓๔






ขอขอบคุณ
ภาพจาก : https://www.pinterest.ca/pin/337488565841817888/
ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๑๑ หน้า : ๕๙-๖๐
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๑ , พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๓ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค , ๓. จักกวัตติสูตร ว่าด้วยพระเจ้าจักรพรรดิ , การมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง
URL : https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=11&siri=3
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ