สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

ธรรมะสาระ => สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน => ข้อความที่เริ่มโดย: samathi ที่ มีนาคม 12, 2011, 01:59:30 pm



หัวข้อ: เห็นความจริงคือ เห็นอะไร
เริ่มหัวข้อโดย: samathi ที่ มีนาคม 12, 2011, 01:59:30 pm
เวลาไปวัดฟังธรรม มักจะได้ยินพระท่านเทศน์สอนให้เห็นความจริง

การเห็นความจริง นั้นคือเห็นอย่างไร จึงจะเรียกว่า เห็นความจริง


 :c017:


หัวข้อ: Re: เห็นความจริงคือ เห็นอะไร
เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ มีนาคม 13, 2011, 03:08:04 am
(http://www.jengsud.com/upload/pic/158399461.jpg)

ทุกข์เที่ยงเลี่ยงยาก

     ทุกข์เป็นสัตย์เที่ยงแท้         แก่ชน
แท้ยากจักดิ้นรน                    หลีกร้าง
สุขแลทุกข์ใจตน                   นั้นแบก
ครวญคิดจิตอย่าคว้าง          จักสิ้นสงสัย.


                                                     ธรรมธวัช.!

(http://statics.atcloud.com/files/comments/43/434415/images/1_display.jpg)



http://www.tairomdham.net/index.php?topic=5381.0
http://atcloud.com/discussions/33988 (http://atcloud.com/discussions/33988)


หัวข้อ: Re: เห็นความจริงคือ เห็นอะไร
เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ มีนาคม 13, 2011, 07:55:56 am
ยังไม่เข้าใจ ถ้าเห็น ความทุกข์ กับ ความสุข แล้ว จะมีประโยชน์อะไร

ก็ในเมื่อเราก็สัมผัสในสุข และ ทุกข์ อยู่แล้ว

 :smiley_confused1:


หัวข้อ: Re: เห็นความจริงคือ เห็นอะไร
เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ มีนาคม 13, 2011, 10:30:10 am
(http://easy2young.com/images/Human_anatomy.jpg)

สุภกรรมาน


        อสุภ แปล ว่า ไม่สวย ไม่งาม กรรมฐาน แปลว่า ตั้งอารมณ์ไว้ให้เป็นการเป็นงาน รวมได้ความว่า ตั้ง

อารมณ์เป็นการเป็นงานในอารมณ์ที่เห็นว่า ไม่มีอะไรสวยสดงดงาม มีแต่ความสกปรก โสโครก น่าเกลียด

กำลังสมาธิของอสุภกรรมฐาน

      อสุภกรรมฐานมี 10 อย่าง มีกำลังสมาธิเพียงปฐมฌานเป็นอย่างสูงสุด ไม่สามารถจะทรงฌานให้มีกำลังให้

สูงกว่านั้นได้ เป็นกรรมฐานด้านพิจารณามากกว่าการเพ่ง ใช้อารมณ์จิตใคร่ครวญพิจารณาอยู่เป็นปกติ จึงทรง

สมาธิได้อย่างสูงก็เพียงปฐมฌาน เป็นกรรมฐานที่มีอารมณ์คล้ายกับวิปัสสนาญาณมาก นักปฏิบัติที่พิจารณา

อสุภกรรมฐานจนทรงปฐมฌานได้ดีแล้ว พิจารณาวิปัสสนาญาณควบคู่กันไป จะบังเกิดผลรู้แจ้งเห็นจริงในอารมณ์

วิปัสสนาญาณได้ อสุภกรรมฐานนี้เป็นสมถกรรมฐานที่ให้ผลในทางกำจัดราคจริตเหมือน กันทั้ง 10 กอง ท่านที่

เจริญกรรมฐานหมวดอสุภนี้ชำนาญเป็นพื้นฐานแล้ว ต่อไปเจริญวิปัสสนาญาณ จะเข้าถึงการบรรลุเป็นพระอนาคามี

ผลได้ไม่ยากนัก


สุภกรรมาน 10 อย่าง

     1.อุทธุมาตกอสุภ คือ ร่างกายของคนและสัตว์ที่ตายไปแล้ว นับแต่วันตายเป็นต้นไป มีร่างกายขึ้นบวมพอง ที่

เรียกกันว่า ผีตายขึ้นอืดนั่นเอง

(http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcT27Oamf5ibwIR-VqtKRjz8HxaaOGZFQU0u7HtXjAbs4JIKzY0qBQ)

     2.วินีลกอสุภ เป็น ร่างกายที่มีสีเขียว สีแดง สีขาว ปะปนคน สีแดงในที่มีเนื้อมาก สีขาวในที่มีน้ำเหลืองน้ำหนอง

มาก สีเขียวที่มีผ้าสีเขียวคลุม ร่างของผู้ตายส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยผ้า สีเขียวจึงมากกว่า ดังนั้นจึงเรียกว่า วินีลกะ

แปลว่าสีเขียว

(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTtNS71wWpRyYjQpHymcMvO25L4J4FK_gEoS2nqK8XEmZ8VGjONKg)

     3.วิปุพพกอสุภ เป็นซากศพที่มีน้ำเหลืองไหลอยู่เป็นปกติ

(http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTpmumrRCFF1POlw-n7lWDd5wlqbe6ZmfETixfBqfZF8j3IluDy)

     4.วิฉิทททกอสุภ คือซากศพที่มีร่างกายขาดเป็นสองท่อนในท่ามกลาง มีกายขาดออกจากกัน

(http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRq_pmn8ulxFQrOLKN-FJe6ASJ7RyByu2HwxaaZu_A1Ym2VDu6AUw)

     5.วิกขายิตกอสุภ เป็นร่างกายของซากศพที่ถูกสัตว์ยื้อแย่งกัดกิน

(http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTNBUErUEwQUIQsM6Mjfdwg2KiLz5in-CQMi-_Phik939xakXaK)

     6.วิขิตตกอสุภ เป็นซากศพที่ถูกทอดทิ้งไว้จนส่วนต่าง ๆ กระจัดกระจาย

(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcS25yotLSHorMXwkWukmf8jvKI1LocN0UGg-rQYcuxdZYpjdm8y)

     7.หตวิกขิตตกอสุภ คือซากศพที่ถูกสับฟันเป็นท่อนน้อยและท่อนใหญ่

(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTPTDmrgeQNnhzKQgeVWlsg6cDSrYzQfDovd4D0v5xHwVgpafrF)

     8.โลหิตกอสุภ คือซากศพที่มีเลือดไหลอออกเป็นปกติ

(http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRUwHKts2qzj6ifosppsWFvcIrDxeJUYi1t7ohvAaPVtuxPLgtf)

     9.ปุฬุวกอสุภ คือซากศพที่เต็มไปด้วยตัวหนอนคลานกินอยู่

(http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTaX4zslooQig0Uj1XzwCM7sB3uXqrhv5I2UfwkoQvCMIyEy9K5)

    10.อัฏฐกอสุภ คือซากศพที่มีแต่กระดูก

(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQLYocR_u6BGPtQMevHftPpamJPStkyEC5VfktiM7E6tEmXzg-Gzg)




การพิจารณาอสุภ


     การพิจารณาอสุภทั้ง 10 อย่างนี้ ท่านให้พิจารณาเพื่อถือเอานิมิตโดยอาการ 6 อย่างต่อไปนี้

    1.พิจารณาโดยสีี คือกำหนดว่า ซากศพนี้เป็นร่างกายของคนดำหรือคนขาว หรือร่างกายผิวไม่เกลี้ยง

เกลา

    2.พิจารณาโดยเพศ อย่ากำหนดว่าร่างกายนี้ชายหรือหญิง พึงพิจารณาว่า ซากศพนี้เป็นร่างกายของคนที่

มีอายุน้อย กลางคนหรือคนแก่

    3.พิจารณาโดยสัณฐาน คือพิจารณาว่า นี่เป็นคอ เป็นศีรษะ เป็นท้อง เป็นขา เป็นเท้า เป็นแขน เป็นต้น

    4.กำหนด โดยทิศ ทิศนี้หมายเอาสองทิศ คือ ทิศเบื้องบน ได้แก่ทางด้านศีรษะ ทิศเบื้องต่ำ ได้แก่ทาง

ด้านปลายเท้าของซากศพ มิได้หมายถึงทิศเหนือทิศใต้

    5.พิจารณาโดยที่ตั้ง ให้กำหนดว่า ซากศพนี้ศีรษะวางอยู่ตรงนี้ มือวางอยู่ตรงนี้ เท้าอยู่ตรงนี้ เวลา

พิจารณาอสุภนี้ เรายืนอยู่ตรงนี้

    6.พิจารณา โดยกำหนดรูู้้ หมายถึงการกำหนดรู้ว่า ร่างกายสัตว์และมนุษย์นี้มีอาการ 32 เป็นที่สุด ไม่มี

อะไรสวยสดงดงามจริง ความจริงแล้วเป็นของน่าเกลียด มีกลิ่นเหม็นคลุ้ง มีสภาพขึ้นอืดพอง มีน้ำเลือดน้ำหนอง

เต็มร่างกาย หาที่น่ารักไม่มีเลย ที่มองเห็นว่าดีหน่อยก็หนังกำพร้าที่ห่อหุ้มภายในอยู่ แต่หนังนี้ก็ใช่ว่าจะสวยสด

ถ้าไม่คอยขัดถู ไม่นานก็เหม็นสาบ น่ารังเกียจ ตอนมีชีวิตอยู่ก็เอาดีไม่ได้ พอตายแล้วยิ่งโสโครกใหญ่ กลายเป็น

ซากศพขึ้นอืดพอง น้ำเหลืองไหลกลิ่นเหม็น เมื่อกำหนดพิจารณาทราบว่า ร่างกายของซากศพทั้งหลายนี้แล้ว ก็

น้อมนึกถึงสิ่งที่ตนรัก ที่เห็นว่าเขาสวย เอาความจริงจากซากอสุภเข้าไปเปรียบเทียบดู ว่าที่เห็นว่าเขาสวยสดงด

งามนั้น มีอะไรต่างกับซากศพนี้บ้าง ปากที่ชมว่าสวย เต็มไปด้วยเสลด น้ำลาย ของตัวเองพอกลืนได้ แต่รังเกียจ

ของคนอื่นไม่กล้าแ้ม้แต่ที่จะแตะ

      ซากศพนั้นมีสภาพอย่างไร เมื่อตายแล้วจากความเป็นคนหรือสัตว์ เราเรียกกันว่าผีตาย มีสภาพอย่างไรเมื่อ

ตาย แม้ยังไม่ตายสิ่งเหล่านั้นก็มีครบ พิจารณาคนที่เรารักมีสภาพอย่างนั้น ใคร่ครวญให้เห็นติดอกติดใจจนกระทั่ง

เห็นสภาพของผู้ใดก็ตาม มีความรู้สึกว่าเป็นซากศพทันที เห็นคนหรือสัตว์มีสภาพเป็นซากศพไปหมด เต็มไปด้วย

ความรังเกียจ เห็นผิวภายนอกก็มองเห็นภายใน คือเห็นเป็นสภาพถุงน้ำเลือด ถุงอุจจาระ ปัสสาวะที่เคลื่อนที่ได้

ต่อไปเขาก็จะกลายเป็นซากศพที่มีร่างกายอืดพอง น้ำเหลืองไหล เราก็เช่นเดียวกัน เขามีสภาพเช่นไร เราก็มี

สภาพเช่นนั้น กายนี้ล้วนแต่เป็นอนิจจัง หาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้เลย เมื่อไม่เที่ยงอย่างนี้เป็นทุกขัง ความ

ทุกข์อันเกิดแต่ความเคลื่อนไปหาความเสื่อมอย่างนี้ เป็นอนัตตา เพราะเราจะบังคับควบคุมไม่ให้เคลื่อนไปไม่ได้

ต้องเป็นไปตามกฎธรรมดา

      พิจารณาเห็นโทษเห็นทุกข์อันเกิดแต่ร่างกาย เกิดนิพพิทาความเบื่อหน่ายในร่างกายของตนเองและผู้อื่น

เห็นเมื่อไหร่เบื่อหน่ายหมดความพอใจเมื่อนั้น เห็นคนมีสภาพเป็นศพทุกขณะที่เห็นอย่างนี้ เรียกว่า ได้้

อสุภกรรมฐานในส่วนของสมถภาวนา

      อารมณ์ ที่เห็นว่า ร่างกายนอกจากจะโสโครกน่าสะอิดสะเอียนแล้ว เบื่อหน่ายในการทรงสังขาร เบื่อที่จะ

เกิดต่อไป เพราะถ้าเกิดมีร่างกายในภาพใด ร่างกายก็จะมีสภาพโสโครกสกปรก เป็นซากศพและไม่เที่ยง เป็น

ทุกข์บังคับไม่ได้ เบื่อในการเกิด เป็นนิพพิทาญาณใน วิปัสสนาญาณ ใคร่ครวญหากฎธรรมดาควบคู่กันไป วางใจ

เฉยเพราะนี่เป็นเรื่องธรรมดา ที่เกิดมาก็ต้องเจ็บไข้ไม่สบาย มีลาภแล้วก็เสื่อมได้ มียศก็เสื่อมได้ มีสุขก็ทุกข์ได้

มีสรรเสริญก็มีนินทาได้ เกิดแล้วก็ต้องตายได้ ทุกอย่างมันธรรมดา จนจิตชินต่ออารมณ์ มีทุกข์ก็รู้สึกว่าเป็นปกติ

ไม่หวั่นไหว เรียกว่า ได้สังขารุเปกขาญาณใน วิปัสสนาญาณ เป็นคุณธรรมที่ใกล้ความเป็นผู้บรรลุพระโสดาบัน

แล้ว หมั่นคิดว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ไม่หวั่นไหวต่อมรณภัย มีจิตใจศรัทธา

เชื่อมั่นในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จิตว่างจากกรรมชั่วครู่ คือรักษาศีล 5 ได้เป็นปกติ มีอารมณ์รักพระนิพพาน

เป็นปกติ ใคร่ครวญปรารถนาแต่พระนิพพาน ไม่ต้องการเกิดต่อไป อย่างนี้ท่่านว่า ทรงคุณได้ในระดับพระ

โสดาบัน

      ฉะนั้น ขอให้ท่านที่ปฏิบัติในอสุภกรรมฐานจงพยายามกำหนดพิจารณาให้ขึ้นใจจนได้"ปฏิภาคนิมิต"ในที่สุด

และรักษานิมิตนั้นไว้อย่าให้เสื่อมไป ยกเอานิมิตนั้นขึ้นสู่อารมณ์วิปัสสนาญาณ ท่านจะเข้าถึงมรรคผลนิพพานได้

ภายในไม่ช้าเลย การพิจารณาอย่างนี้เรียกว่า พิจารณากำหนดรูู้้






http://www.watphahuodon.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539297182 (http://www.watphahuodon.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539297182)
http://www.chatvariety.com/space/read.php?tid=5553 (http://www.chatvariety.com/space/read.php?tid=5553)
http://www.mahamodo.com/asupa/E3.html (http://www.mahamodo.com/asupa/E3.html)
http://mpcha.wikispaces.com/3-2task1g7 (http://mpcha.wikispaces.com/3-2task1g7)
http://buddhist.freehomepage.com/asupa.htm (http://buddhist.freehomepage.com/asupa.htm)
http://www.palungdham.com/t956.html (http://www.palungdham.com/t956.html)
http://www.alittlebuddha.com/html/The%20Vision%20of%20P.M.Narin/The%20Vision%20of%20Phramaha%20Narin%20100.html (http://www.alittlebuddha.com/html/The%20Vision%20of%20P.M.Narin/The%20Vision%20of%20Phramaha%20Narin%20100.html)
http://www.oknation.net/blog/bigeye2009/2011/03/06/entry-3 (http://www.oknation.net/blog/bigeye2009/2011/03/06/entry-3)
http://forum.mthai.com/view_topic.php?table_id=1&cate_id=34&post_id=54507 (http://forum.mthai.com/view_topic.php?table_id=1&cate_id=34&post_id=54507)
http://atcloud.com/stories/83838 (http://atcloud.com/stories/83838)
http://www.boon-chai.com/s0124/index.php?pgid= (http://www.boon-chai.com/s0124/index.php?pgid=)


หัวข้อ: Re: เห็นความจริงคือ เห็นอะไร
เริ่มหัวข้อโดย: SAWWALUK ที่ มีนาคม 13, 2011, 11:17:44 am
เห็นตามด้วยแล้วคะ ว่าเรา เกิด แก่ เจ็บ ตาย

และรู้ว่าร่างกายเรา ก็มี ปฏิกูล อยู่ร่างกาย

 แต่เห็นแล้ว ก็ยังชอบดารา หล่อ ๆ สวย ๆ อยู่ คะ
 :s_hi:


หัวข้อ: Re: เห็นความจริงคือ เห็นอะไร
เริ่มหัวข้อโดย: ครูนภา ที่ มีนาคม 13, 2011, 11:19:09 am
เห็นความจริง ในที่นี้ น่าจะหมายถึงการเห็น

    ใน นาม และ รูป

    เห็นด้วยปัญญาญาณ ใน สติ + สมาธิ

   :13:

   


หัวข้อ: Re: เห็นความจริงคือ เห็นอะไร
เริ่มหัวข้อโดย: tcarisa ที่ มีนาคม 13, 2011, 11:20:23 am
น่าจะเป็นการเห็น ใน อริยสัจจะ 4 ประการ มากกว่า นะคะครูภา

  คือเห็น ทุกข์  สมุทัย นิโรธ และ มรรค

 :s_hi:


หัวข้อ: Re: เห็นความจริงคือ เห็นอะไร
เริ่มหัวข้อโดย: Namo ที่ มีนาคม 13, 2011, 11:22:28 am
ลองอ่านเรื่องนี้ ดูอาจจะเกี่ยวข้องกันนะคะ

อริยสัจจะ ในการภาวนา

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=913.0 (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=913.0)
 :25:


หัวข้อ: Re: เห็นความจริงคือ เห็นอะไร
เริ่มหัวข้อโดย: ครูนภา ที่ มีนาคม 13, 2011, 11:35:06 am
ปฏิจจสมุปบาท เป็นธรรมลึกซึ้ง อย่าได้ดูหมิ่น เป็นของตื้น

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=933.0 (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=933.0)

ถ้าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยนะคะ

 :25:


หัวข้อ: Re: เห็นความจริงคือ เห็นอะไร
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 13, 2011, 12:18:26 pm
เห็นความจริง คือ เห็นไตรลักษณ์ครับ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ผู้รู้กล่าวว่า(ไม่ใช่ผม) ในเบื้องตัน ไม่จำเป็นต้องเห็นทั้ึงสามข้อหร็อกครับ

เห็นข้อใดข้อหนึ่งก็พอแล้ว เรื่องนี้เป็นวิปัสสนาล้วนๆต้องรู้ด้วยตนเอง(ปัจจัตตัง)

อธิบายยาก ต้องไปศึกษาเรื่องวิปัสสนาเอาเอง มีเหตุปัจจัยเหมาะสมเมื่อไหร่จะโพสต์ให้อ่าน

ขอคุยเป็นเพื่อนเป็นเท่านี้

 ;) :25:


หัวข้อ: Re: เห็นความจริงคือ เห็นอะไร
เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ มีนาคม 14, 2011, 02:28:29 am
(http://www.kaweeclub.com/link/a1%20%2869%29.gif)

               (http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTcDHd7DjZTyAtZKNLkmijZaiVgb8A9DWN23Ztf8Byi1jwZLDmF)                    (http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSQqF5kRbpnYFPxmYJn6uORHR5g_mXelFieJ1fityfEY2FnHltiiQ)

(http://www.kaweeclub.com/link/a1%20%28174%29.gif)

มองโลก / มองธรรม / มองกรรม / มองตน


อันชีวิต      คนเรา      นั้นผันแปร

มีเกิดแก่      เจ็บพราก      น่าใจหาย

มีรักลวง      รวยโลภ      โกรธวุ่นวาย

ไม่ละอาย      กลัวกรรม   ศีลธรรมเมิน


หากความจริง   เฉกเช่น      อย่างที่เห็น

ถึงคราเข็ญ   กลียุค      คงเผชิญ

การเมือง / ค้า   แข่งดี      ภัยยับเยิน   

มิบังเอิญ      ด้วยกรรม   คงทำมา


ครวญมองโลก   มองตน      ค้นมองธรรม

โลกหม่นดำ   ศีลธรรม      ไม่นำพา

อยากเร้นหนี   บำเพ็ญ      เพียรภาวนา

หวังภายหน้า   เวรภัย      ไม่ต้องเจอ.



                                                                                                                     ธรรมธวัช.!


                    (http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRvwYuN3mPSmEP8cev4plizT8sEaS-eXjVTN1v1VPHQkKPJMIMiYg)                    (http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTf3lCHguR5ViEKoTrGTZDZhMpBwGbCG3OhEXgwe2rXa2YgRKukyQ)

(http://www.kaweeclub.com/link/a1%20%28187%29.gif)

http://www.carabao2524.com/board/show.php?ques_no=4607
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=122353 (http://www.oknation.net/blog/print.php?id=122353)
http://blog.tlcthai.com/fwdmail/2010/04/%E0%B8%AA%E0%B8%B6%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/ (http://blog.tlcthai.com/fwdmail/2010/04/%E0%B8%AA%E0%B8%B6%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/)
http://www4.eduzones.com/futurecareer/20208 (http://www4.eduzones.com/futurecareer/20208)


หัวข้อ: Re: เห็นความจริงคือ เห็นอะไร
เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ มีนาคม 14, 2011, 12:27:17 pm
(http://widget.sanook.com/static_content/full/text/a49f5ad136a272db4dbe31d1b86d47aa_1203325535.gif)


กาม / ทราม / ปราม


ชื่อว่า “มนุษย์”      สุขทุกข์      อยู่ที่กาม

เที่ยวซ่านทราม      มีกาม      เป็นของชอบ

ศีล,ทาน,ธรรม      ครูบา      ไม่คิดนอบ

ดีแต่หอบ         รักร่าน      ซ่านทรวงตรม.


 
                                                                                                                   ธรรมธวัช.!



http://gotoknow.org/blog/neo-humanist/196159?page=2