หัวข้อ: นิรมาณกาย เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 07, 2019, 06:20:02 am (http://dhamma.serichon.us/wp-content/uploads/2019/01/gaya.jpg) นิรมาณกาย นิรมาณกาย อ่านว่า นิ-ระ-มาน-นะ-กาย ประกอบด้วยคำว่า นิรมาณ + กาย (๑) “นิรมาณ” บาลีเป็น “นิมฺมาน” (นิม-มา-นะ) รากศัพท์มาจาก นิ (คำอุปสรรค = เข้า, ลง, ไม่มี, ออก) + มา (ธาตุ = กะ, ประมาณ, นับ) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะนะ), ซ้อน มฺ ระหว่างอุปสรรคกับธาตุ (นิ + มฺ + มา) : นิ + มฺ + มา = นิมฺมา + ยุ > อน = นิมฺมาน แปลตามศัพท์ว่า “การกะลง” “การนับเข้า” หมายถึง การวัด, การผลิต, การสร้าง, การทำงาน (measuring; production, creation, work) บาลี “นิมฺมาน” สันสกฤตเป็น “นิรฺมฺมาณ” และ “นิรฺมาณ” สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกความหมายไว้ดังนี้... (สะกดตามต้นฉบับ) “นิรฺมฺมาณ, นิรฺมาณ : (คำนาม) ‘นิรมาณ,’ ศิลปกรรมน์, ศิลปะนิรมาณ, อุตบาทน์, วิรจนา, การสร้างทำ, การทำ; รส, สาร, เยื่อ, อัสถิสาร; สังคติหรือความเหมาะ; manufacture, production, making; pith, essence, marrow; propriety or fitness.” ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า... “นิรมาณ : (คำแบบ คือคำที่ใช้เฉพาะในหนังสือ ไม่ใช่คำพูดทั่วไป) (คำนาม) การสร้าง, การแปลง, การทํา, การวัดส่วน. (ส.).” @@@@@@ (๒) “กาย” บาลีอ่านว่า กา-ยะ รากศัพท์มาจาก... (1) กุ (สิ่งที่น่ารังเกียจ, สิ่งที่น่าเกลียด) + อาย (ที่มา, ที่เกิดขึ้น), “ลบสระหน้า” คือ อุ ที่ กุ (กุ > ก) : กุ > ก + อาย = กาย แปลตามศัพท์ว่า “ที่เกิดขึ้นของสิ่งที่น่ารังเกียจทั้งหลาย” (2) ก (อวัยวะ) + อายฺ (ธาตุ = ไป, เป็นไป), + อ ปัจจัย : ก + อายฺ = กายฺ + อ = กาย แปลตามศัพท์ว่า “ที่เป็นที่เป็นไปแห่งอวัยวะทั้งหลาย” (3) กาย (ร่างกาย) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ : กาย + ณ = กายณ > กาย แปลตามศัพท์ว่า “ที่เกิดขึ้นแห่งส่วนย่อยทั้งหลายเหมือนร่างกาย” (คือร่างกายเป็นที่รวมแห่งอวัยวะน้อยใหญ่ฉันใด “สิ่งนั้น” ก็เป็นที่รวมอยู่แห่งส่วนย่อยทั้งหลายฉันนั้น) “กาย” (ปุงลิงค์) หมายถึง ร่างกาย; กลุ่ม, กอง, จำนวนที่รวมกัน, การรวมเข้าด้วยกัน, ที่ชุมนุม (body; group, heap, collection, aggregate, assembly) ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า... “กาย, กาย : (คำนาม) ตัว เช่น ไม่มีผ้าพันกาย, และมักใช้เข้าคู่กับคํา ร่าง เป็น ร่างกาย, ใช้เป็นส่วนท้ายของสมาส หมายความว่า หมู่, พวก, เช่น พลกาย = หมู่ทหาร. (ป., ส.).” @@@@@@ นิรมาณ + กาย = นิรมาณกาย แปลตามศัพท์ว่า “กายคือการสร้างขึ้น” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า... “นิรมาณกาย : (คำนาม) กายที่ประกอบด้วยขันธ์ ๕ ของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีอันเปลี่ยนแปลงไปเหมือนสิ่งที่ประกอบด้วยขันธ์ ๕ อื่น ๆ, ตามคติมหายานเชื่อว่า เป็นรูปปรากฏของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้า คือ ธรรมกาย.” @@@@@@ อภิปราย : ตามความหมายที่ประสงค์ คำนี้ควรจะแปลว่า “กายที่ถูกสร้างขึ้น” ถ้าต้องการแปลอย่างนี้รูปคำบาลีก็ควรจะเป็น “นิมฺมิตกาย” (นิม-มิ-ตะ-กา-ยะ) “นิมฺมิต” แปลตามศัพท์ว่า “อันเขาสร้างขึ้น” (นิมฺมาน = การสร้าง, นิมฺมิต = สิ่งที่ถูกสร้าง) “นิมฺมิตกาย” แปลงรูปเป็นไทยว่า “นฤมิตกาย” = กายที่เนรมิตขึ้น แต่เมื่อใช้ว่า “นิรมาณกาย” จนลงตัวแล้ว ก็ต้องเลยตามเลย @@@@@@ เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีคำว่า “ตรีกาย” อีกคำหนึ่งที่อาจช่วยให้เข้าใจความหมายเพิ่มขึ้น พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า... “ตรีกาย : (คำนาม) พระกายทั้ง ๓ ของพระพุทธเจ้าตามคติพระพุทธศาสนา นิกายมหายาน ได้แก่ ๑. ธรรมกาย (พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า) ๒. สัมโภคกาย (กายทิพย์หรือกายละเอียดของพระพุทธเจ้า) และ ๓. นิรมาณกาย (กายที่เป็นขันธ์ ๕ และปรากฏแก่มนุษย์ทั่วไป ซึ่งบางทีเรียกว่า รูปกาย).” @@@@@@ ข้อสังเกต : ขอชี้ให้สังเกตคำในพจนานุกรมฯ ที่ว่า “ตามคติมหายานเชื่อว่า” ที่ขอให้สังเกตก็เพราะว่า เรามักเข้าใจกันว่า ศาสนาเป็นเรื่องของ “ความเชื่อ” แต่พึงเข้าใจให้ถูกต้องว่า พระพุทธศาสนานั้นเป็นเรื่องของ “ความจริง” หมายความว่า เป็นศาสนาที่สอนให้รู้ เข้าใจ และเข้าถึงความจริง วิธีนับถืออาจเริ่มด้วยศรัทธาหรือความเชื่อดังที่นับถือกันทั่วไป แต่พระพุทธศาสนาไม่ได้จบแค่ความเชื่อ หากแต่สอนวิธีปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงความจริงต่อไปอีกด้วย และกระบวนการปฏิบัติเพื่อเข้าถึงความจริงนั้น ผู้นับถือต้องกระทำเองเนื่องจากเป็นประโยชน์ของตัวเองโดยตรง เจ้าของคำสอนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆ ด้วย-กับการที่ใครจะได้เข้าถึงหรือเข้าไม่ถึงความจริงนั้น @@@@@@ ข้อที่ควรระลึกไว้ ก็คือ ความเชื่อไม่จำเป็นจะต้องตรงกับความจริง และสิ่งที่เป็นความจริงก็อาจเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่เชื่อก็เป็นได้ บาลีวันละคำมีขอบเขตเพียงแค่ นำรูปศัพท์มาเสนอให้รู้ว่ารากศัพท์หรือความเป็นมาของคำนั้นๆ เป็นอย่างไรเท่านั้น ส่วนความเชื่อหรือความจริงเกี่ยวกับเรื่องนั้นย่อมเป็นหน้าที่ของผู้อ่านที่จะพึงศึกษา สืบค้น หรือปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปด้วยตนเอง หน้าที่ของชาวพุทธคือ ทำความเห็นของตนให้ตรงกับความเป็นจริง ไม่ใช่เกณฑ์ความจริงให้ตรงกับความเชื่อของตน "ดูก่อนภราดา เมื่อใดฝึกจิตจนเข้าถึงความจริง เมื่อนั้นก็ไม่ต้องอิงอยู่กับความเชื่อ" เรื่องโดย : ทองย้อย แสงสินชัย ที่มา : dhamma.serichon.us/ทองย้อย/นิรมาณกาย-อ่านว่า-นิ-ระ-ม/ (http://dhamma.serichon.us/ทองย้อย/นิรมาณกาย-อ่านว่า-นิ-ระ-ม/) หัวข้อ: Re: นิรมาณกาย เริ่มหัวข้อโดย: bajang ที่ มกราคม 07, 2019, 09:28:04 am st11 st12 st12
|