ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: บวชเพื่อรอบรู้ซึ่งทุกข์  (อ่าน 9229 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

meditation

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 127
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บวชเพื่อรอบรู้ซึ่งทุกข์
« เมื่อ: มิถุนายน 16, 2011, 04:28:09 am »
0


บวชเพื่อรอบรู้ซึ่งทุกข์
[๒๓๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าว่าพวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์พึงถามพวกเธออย่างนี้ว่า
อาวุโสทั้งหลาย พวกท่านอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ใน สำนักพระสมณโคดม เพื่อประสงค์อะไร
พวกเธอเมื่อถูกถามอย่างนี้ พึงพยากรณ์แก่พวกเขาอย่างนี้ว่า
พวกเราอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในสำนักพระผู้มีพระภาค เพื่อกำหนดรู้ทุกข์
ก็ถ้าพวกเขาถามอย่างนี้ว่า
อาวุโสทั้งหลาย ก็ทุกข์ที่ท่านทั้งหลายอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ใน สำนักพระสมณโคดม เพื่อกำหนดรู้นั้น เป็นไฉน
พวกเธอพึงพยากรณ์แก่พวกเขาอย่างนี้ว่า
พวกเราอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในสำนักพระผู้มีพระภาค เพื่อกำหนดรู้
ทุกข์ คือ จักษุ
ทุกข์ คือ รูป
ทุกข์ คือ จักษุวิญญาณ
ทุกข์ คือ จักษุสัมผัส
ทุกข์ คือสุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา
ที่เกิดขึ้น เพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย
...
ฯลฯ
...
พวกเราอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในสำนักพระผู้มีพระภาค เพื่อกำหนดรู้
ทุกข์ คือ ใจ
ทุกข์ คือ ธรรมารมณ์
ทุกข์ คือ มโนวิญญาณ
ทุกข์ คือ มโนสัมผัส
ทุกข์ คือสุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา
ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย
ดูกรอาวุโสทั้งหลาย พวกเธอเมื่อถูกถามอย่างนี้ พึงพยากรณ์แก่พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์เหล่านั้น อย่างนี้แล ฯ
สฬา. สํ. ๑๘/๑๔๑/๒๓๘
บันทึกการเข้า
ข้าพเจ้าปรียบเหมือนนกที่กำลังหัดเดิน มีสิ่งใดที่ล่วงเกินใคร ก็ขอกราบอภัยไว้ล่วงหน้านะคะ
ภาวนากรรมฐาน เพื่อใคร เพื่ออะไร ทำไม ? หาคำตอบจากใจเราก่อนนะคะ

GodSider

  • ผู้อุปถัมภ์
  • กำลังแหวกกระแส
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 121
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
การบวชมีหลายอย่าง ดังคำโบราณว่า
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2011, 12:19:23 pm »
0
การบวชมีหลายอย่าง  ดังคำโบราณว่า

บวชเล่น  บวชลอง  บวชครองประเพณี  บวชหนีทหาร  บวชผลาญข้าวสุก  บวชสนุกตามเพื่อน  บวชเปื้อนศาสนา  บวชฆ่ากิเลส  บวชเพื่อเป็นเปรตในอบายภูมิ  บวชรอไปขุมนรก

พระเณรก็คือลูกชาวบ้าน  ผัวชาวบ้าน  และอาจเป็นเมียของผัวชาวบ้าน
ลูกขี้เกียจสันหลังยาว  เอาไปบวช
ลูกติดยา  เอาไปบวช
ลูกตายเสีย  เมียตายจาก  ไปบวช
อกหัก  รักคุด  ตุ๊ดเมิน  ไปบวช
ไม่มีงานทำ  ไปบวช
อยากรวยบ้าง  ไปบวช
อยากดัง  ไปบวช
เมียทิ้ง  ไปบวช
ไม่มีคนเลี้ยงดู  ไปบวช
พ่อแม่ไม่มีเงินส่งเสียให้เรียน  ไปบวช
สังคมรังเกียจ  ไปบวช
รังเกียจสังคม  ไปบวช
ลูกกำพร้าพ่อแม่  ไปบวช
ทะเลาะกัน  ไปบวช
หนีหนี้  ไปบวช
หนีตำรวจ  ไปบวช
อยากบวช  ไปบวช
เห็นทุกข์  ไปบวช
เบื่อหน่าย  ไปบวช

จะเห็นว่า  เกือบครอบคลุมเหตุผลของการบวชเป็นพระเป็นเณร  แทบทุกประเด็นแล้ว

และ ส่วนมากถึงมากที่สุด  คนมักเห็นวัด  เห็นการบวชเป็น  ที่บำบัดของเสีย  ที่รีไซเคิลของทิ้งแล้ว  เป็นถังขยะ  เป็นกระโถน  เป็นห้องส้วม  เป็นที่ระบายถ่ายเทของเสีย  ของกากเดน

พระเณรที่ได้มาจึงมักเป็น  พระเณรกากเดน  พระเณรเหลือเดน  พระเณรสังคมรังเกียจ  พระเณรไม่เอาถ่านและไม่เอาขี้เถ้าด้วย
เพราะมาจากคนกากเดน  คนเหลือเดน  คนสังคมรังเกียจ  คนไม่เอาถ่าน(เอาแต่ขี้เถ้า)

คนมักคิดกันว่า  บวชแล้วคนชั่วจะกลายเป็นคนดี  ทันที
บวชแล้วคนติดยาจะเลิกยาได้  ทันที
บวชแล้วคนกินเหล้าจะเลิกเหล้าได้  ทันที
บวชแล้วคนขี้เกียจจะขยันขันแข็งได้  ทันที
บวชแล้วมหาโจรจะกลายเป็นพระอรหันต์  ทันที
บวชแล้วงูเขียวจะกลายเป็นพระยานาค  ทันที
บวชแล้วหมาขี้เรื้อนจะกลายเป็นเสือโคร่ง  ทันที
บวชแล้วหินลูกรังจะกลายเป็นทองคำ  ทันที

คนมักคิดกันว่า  พระเณรมักจะบอกหวยแม่น
พระเณรมักจะดูดวงเก่ง
พระเณรมักจะสะเดาะห์ต่อชะตาให้ได้
พระเณรมักจะตัดกรรมตัดเวรให้ได้
พระเณรเป็นบุรุษไปรษณีย์  ส่งของให้ผีได้
พระเณรมักจะขลัง  มีของดี  มีของวิเศษต่าง ๆ
พระเณรมักจะเก่งทุกเรื่อง  รู้ทุกเรื่อง

ที่สาธยายมานี้  ไม่รู้เกี่ยวกับคำถามของคุณ จขกท รึเปล่าครับ

แต่ เดิมมา  เมื่อผมเริ่มศึกษาปฏิบัติธรรมกับครูบาอาจารย์สายวัดป่าใหม่ ๆ (สมัยอายุ ๑๔ ปี)  ก็มีความเห็นว่า  การที่พระเณรไปเรียนวิชาการทางโลก  ไม่ดี  ไม่ถูกต้อง  วิชาการทางโลกเป็นเดรฉานวิชา  ไม่เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์  นอกแนวทางนอกพระธรรมวินัย  นอกจุดมุ่งหมายของการบวช

ผมเกิดความคิดต่อต้านมาก ๆ เลยครับ
จน อยู่ปฏิบัติธรรมมานาน  ไปศึกษาปฏิบัติกับครูบาอาจารย์ตามวัดใหญ่ ๆ ที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ  ทำให้มองโลกในหลายแง่หลายมุมมากขึ้น  มากกว่าการมองแบบเถรตรง  หรือมองแบบเหรียญสองด้าน (ผมมองเหรียญสามด้าน)

จน ในวันหนึ่ง  ได้เจอกับสามเณรที่จบ ป.๖ มาแล้วอ่านหนังสือไม่ออก  เขียนไม่ได้  หรือเขียนได้แต่ไม่ถูก  ท่อง กอไก่  ได้ไม่ถึง ฮอ นกฮูก

บอกให้เขียน ทอ ทหาร  เณรเขียน ดอ เด็ก มาให้ดู
สะกดตัวหนังสือให้ฟัง  ยังเขียนตามไม่ได้
จนผมแทบจะต้องสอนภาษาไทยให้ใหม่
ต่อ มาได้จับส่งเณรรูปนั้นและรูปอื่น ๆ ไปฝากให้เรียนหนังสือตามวัดสำนักเรียน  ทั้งในเขตหนองคาย  อุดร  ขอนแก่น  เมืองเลย  ด้วยความเมตตาสงสารเด็ก
และ ยังกลายเป็นอาชีพเสริมในปัจจุบัน  พอถึงเดือนมีนา  เมษา  ต้องคอยติดตามดูเด็ก ๆ ที่เรียนดีแต่ยากจน  หรือพออ่านออกเขียนได้  และเด็กอยากเรียนแต่พ่อแม่ไม่มีเงินส่งเสีย

เอาเด็กเหล่านั้นมาบวชแล้วพาไปฝากหลวงพี่  หลวงน้า  หลวงลุง  หลวงพ่อที่เคยรู้จักกันให้ช่วยสงเคราะห์  ส่งเสียให้เล่าเรียน
และยังหาพี่ ๆ ที่คุ้นเคยกัน  ช่วยอุปถัมภ์บำรุงเณรเหล่านั้นไว้  ตลอดเวลาที่บวชอยู่
แต่ถ้าลาสิกขาเมื่อไหร่  ก็ทางใครทางมัน  นะจ๊ะ

ที่จบปริญญาตรี  ไปแล้วก็หลายรูป
จบปริญญาโท  สึกไปเป็นอาจารย์สอนอยู่ตามมหาวิทยาลัยก็หลายคน
จบแค่ ม.๖ ก็หลายสิบ

ผม เห็นว่า  การที่ศาสนาพุทธได้สงเคราะห์  คนด้อยโอกาสในสังคม  เป็นสิ่งหนึ่งที่ศาสนาสามารถจะทำได้  และศาสนาพุทธก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย
และเป็นการสงเคราะห์โลก  อีกแบบหนึ่ง
นอกเหนือไปจากการสงเคราะห์โลกด้วย ธรรม

จากคุณ : คอแก้ง
บันทึกการเข้า
สุดเขต เสลดเป็ด ไกลสุดกู่ ใกล้แค่ ปลายจมูก