ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สองบัณฑิตสาวจาก...“ข้าวก้นบาตร”  (อ่าน 1459 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
สองบัณฑิตสาวจาก...“ข้าวก้นบาตร”
« เมื่อ: กันยายน 09, 2015, 07:11:25 pm »
0


สองบัณฑิตสาวจาก...“ข้าวก้นบาตร”

จากคำกล่าวที่ว่า “คนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ แต่สามารถเลือกที่จะมีหรือที่จะเป็นได้” ยังเป็นคติเตือนใจและเป็นข้อคิดให้กำลังใจแก่ผู้คนในสังคมได้อยู่ตลอดเวลา เมื่อคนเราเกิดมาแล้วจะเกิดในครอบครัวที่ยากลำบากเพียงใดก็ตาม แต่ถ้ามีความอดทนเพียรพยายามต่อสู้กับความยากลำบากเช่นนั้นได้ สักวันหนึ่งความใฝ่ฝันที่ตั้งไว้ก็มีโอกาสจะกลายเป็น “ความสำเร็จ” ให้กับชีวิตได้ เช่นเดียวกับชีวิตของเด็กสาวทั้งสองที่มาจากบนเทือกเขาสูงในชนบทที่ห่างไกลความเจริญว่าความยากจนและความด้อยโอกาสมิใช่อุปสรรคของชีวิตแต่ได้กลายเป็นพลังให้เกิดความมุ่งมั่นไปสู่ความสำเร็จ
 
น.ส.เจนจิรา พิมพ์เถื่อน และ น.ส.เกตุ บุญผม จากเด็กในชนบทที่อยู่บนเทือกเขาห่างไกลความเจริญจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือของประเทศไทย ที่ครอบครัวยากจนได้มีความตั้งใจและมีความมุ่งมั่นที่อยากจะได้มีโอกาสเรียนหนังสือในชั้นสูงๆ ขึ้นไปหลังจากที่เธอทั้งสองได้เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่สามของโรงเรียนในหมู่บ้านแล้ว จึงได้เขียนจดหมายมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิกลุ่มแสงเทียน วัดบางไส้ไก่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งดูแลโดย พระมหาสมัย จินฺตโฆสโก เลขานุการมูลนิธิฯ

 

เมื่อจดหมายที่ส่งมานั้นได้รับการพิจารณาตามขั้นตอนอย่างเป็นทางการแล้ว ทางมูลนิธิฯ จึงได้อนุญาตให้เธอทั้งสองคนเข้ามาอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดู รับความช่วยเหลือด้านการศึกษาจนได้มีโอกาสเรียนหนังสือตั้งแต่ระดับชั้น ปวช., ปวส. ตามลำดับและในวันนี้เธอได้เรียนจบชั้นปริญญาตรีพร้อมกับเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในนาม “บัณฑิตของมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว กลายเป็นบัณฑิตสาวใหม่เอี่ยมให้กับน้องๆ อีกหลายร้อยชีวิตที่อยู่ภายใต้การเลี้ยงดูและอุปการะของมูลนิธิกลุ่มแสงเทียน วัดบางไส้ไก่ เธอได้กลายเป็น “แสงเทียน” เล่มต่อไปที่จะได้ช่วยส่องชีวิตให้แสงสว่างทางปัญญาแก่น้องๆ ที่กำลังจะเติบโตติดตามมา

 

จากเด็กนักเรียนที่มาจากชนบทนี้ได้กลายมาเป็น “ครูสาวอาสา” ของมูลนิธิกลุ่มแสงเทียน วัดบางไส้ไก่ ที่ใช้ชีวิตเกี่ยวข้องกับวัดวาศาสนามาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสิบปี ในระยะแรกๆ เมื่อเธอเข้ามาอยู่ภายใต้การเลี้ยงดูของมูลนิธิฯ ก็ได้ทำหน้าที่รับผิดชอบจากเล็กๆ น้อยๆ จนได้พัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ตื่นเช้าตรู่ได้จัดข้าวปลาอาหารจากที่พระบิณฑบาตมาแล้วถวายพระและแบ่งเลี้ยงน้องๆ อีกหลายชีวิต ช่วงกลางวันก็มาทำหน้าที่เป็น “ครูอาสา” สอนหนังสือน้องๆ พอถึงเวลาช่วงเย็นเธอก็ไปเรียนหนังสือภาคค่ำจนเกือบสามทุ่มจึงได้พักผ่อน ชีวิตของเธอได้วนเวียนอยู่อย่างนี้วันแล้ววันเล่าปีแล้วปีเล่า

จากความขยันหมั่นเพียรที่เสมอต้นเสมอปลาย ประกอบกับประพฤติตนเป็นคนดี จนล่าสุดเธอได้กลายมาเป็นผู้รับผิดชอบเป็นหัวหน้า “โครงการอบรมธรรมะวันหยุด” ที่ได้บริหารจัดการเรียนการสอนธรรมะเด็กและเยาวชนวันละ 100 คน และเป็นหัวหน้า “โครงการเด็กอ่อน ก่อนสาย” ที่เลี้ยงดู สอนหนังสือ สอนธรรมะเด็กเล็กก่อนวัยเรียนวันละ 100 คนตลอดทั้งสัปดาห์ มาวันนี้เธอจากเด็กในชนบทป่าดงพงไพรได้กลายมาเป็น “ช้างเผือก” จากการช่วยเหลือเงิน “ทุนการศึกษาช้างเผือก” ที่ได้ส่งเรียนจนจบปริญญาตรีเป็นรายที่ 847 และ 848 ของมูลนิธิกลุ่มแสงเทียนไปแล้ว จึงเป็นการชุบชีวิตหญิงสาวผู้ด้อยโอกาสจนได้มีโอกาสทางการศึกษาเรียนจบปริญญาตรีอย่างภาคภูมิใจเป็นที่สุด

 

น.ส.เจนจิรา พิมพ์เถื่อน (ครูน้อย) และ น.ส.เกตุ บุญผม (ครูอ๋อย) จึงเป็นบัณฑิตสาวใหม่เอี่ยมอ่องผู้สร้างความภาคภูมิใจให้กับมูลนิธิกลุ่มแสงเทียน วัดบางไส้ไก่ และผู้คนที่เคยได้ร่วมบริจาคให้ความช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านี้มาคนละเล็กละน้อยโดยใช้เวลาเพียงสิบปีก็ประสบความสำเร็จดังเป้าหมาย ข้าวก้นบาตรของพระได้ใช้หล่อเลี้ยงชีวิตของบัณฑิตสาวมาโดยตลอด ได้ให้ความเจริญทางร่างกายและทางสติปัญญา จึงเป็นบุญคุณในข้าวน้ำที่ยิ่งใหญ่สุดที่จะลืมลงได้ ค่าเทอม ค่าอุปกรณ์การศึกษาและค่าเลี้ยงดูจำนวนหลายบาทที่ได้ทุ่มเทลงไปกับการชุบชีวิตให้บัณฑิตสาวนี้ บัดนี้ได้เห็นเป็นรูปธรรมขึ้นมาให้ชุ่มชื่นหัวใจแล้ว ส่วนวันข้างหน้าคงเป็นเรื่องของ “สำนึก” ในความ “กตัญญูกตเวที” ของเธอเอง
 

สองบัณฑิตสาวได้ข้าวก้นบาตรของพระใช้หล่อเลี้ยงชีวิตและได้รับความช่วยเหลือจากเงิน “ทุนการศึกษาช้างเผือก” ของมูลนิธิกลุ่มแสงเทียนได้กลายมาเป็น “ช้างเผือก” ให้กับสังคมไทยแล้ว วันนี้และวันข้างหน้ามูลนิธิกลุ่มแสงเทียน วัดบางไส้ไก่ ก็จะชุบชีวิตเด็กด้อยโอกาสเช่นนี้ให้ได้มีโอกาสทางการศึกษา ได้มีธรรมะครองใจ จะได้ให้เติบโตขึ้นมาเป็นเยาวชนและพลเมืองที่ดีให้กับสังคมให้กับประเทศชาติต่อไป

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.banmuang.co.th/news/education/25947
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

bajang

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 325
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สองบัณฑิตสาวจาก...“ข้าวก้นบาตร”
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 09, 2015, 09:01:35 pm »
0
 st11 st12 st12 gd1 like1
น่าภูมิใจ ดีกว่าเราเสียอีก มีโอกาสเรียน ก็ทิ้งโอกาสเรียน จนทุกวันนี้ ไม่มีปริญญาสักใบ


  :88: :49:
บันทึกการเข้า

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สองบัณฑิตสาวจาก...“ข้าวก้นบาตร”
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กันยายน 09, 2015, 11:18:26 pm »
0
 st12
     สาธุธรรม  ในความไม่แพ้  .....โอกาสเป็นของผู้ชนะ จง อย่ายอมแพ้

     

        เพราะว่าใจเป็นใหญ่ใจเป็นประธาน...มรรคผลนิพพานล้วนสำเร็จที่ใจ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

ก้านตอง

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +4/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 195
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สองบัณฑิตสาวจาก...“ข้าวก้นบาตร”
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กันยายน 10, 2015, 09:56:19 am »
0
สานต่อ ปณิธาน มูลนิธิ ต่อ ดูแล น้อง ๆ ต่อ

 ดีใจด้วย ที่ท่านเก่ง และ ทำได้ ดีกว่า เราที่ยังไม่สามารถทำได้

  like1
บันทึกการเข้า