โหลดหนังสือ เรื่องนี้ ที่นี่นะคะ
http://www.buddhadasa.com/pdf/self.pdfตัวกู-ของกู
ถ้าจะอยู่ ในโลกนี้ อย่างมีสุข
อย่าประยุกต์ สิ่งทั้งผอง เป็นของฉัน
มันจะสุม เผากระบาล ท่านทั้งวัน
ต้องปล่อยมัน เป็นของมัน อย่าผันมา
เป็นของกู ในอำนาจ แห่งตัวกู
มันจะดู วุ่นวาย คล้ายคนบ้า
อย่างน้อยก็ เป็นนกเขา เข้าตำรา
มันคึกว่า "กู-ของ-กู" อยู่ร่ำไป
จะหามา มีไว้ ใช้หรือกิน
ตามระบิล อย่างอิ่มหนำ ก็ทำได้
โดยไม่ต้อง มั่นหมาย ให้อะไรๆ
ผูกยึดไว้ ว่า "ตัวกู" หรือ "ของกู"ฯ
กลอนในปฏิทิน เดือนกุมภาพนธ์ 2553
อันตัวกู นี้ไซร์ ไม่มีแน่ ถูกต้องแท้ ตามพระพุท-ธ บรรหาร
" อตุตา หิ อตุตโน นตุถิ"- ประทาน เป็นหลักฐาน ไว้ให้เรา เอามาตรอง
ว่าแม้ตน ของตน ก็ไม่มี บุตรภรรยา ทาษี สินทั้งผอง
เป็นของตน ได้แค่ไหน ไยมิมอง ให้ถูกต้อง ธรรมสัจจ์ ถนัดจริง
ข้างคนเขลา เหล่าพาล มีพายพล ยึดว่าตน ของตน กลผีสิง
ว่ากูๆ ว่าของกู ดูเหมือนลิง เที่ยวได้วิ่ง คว้าไขว่ หยุดไม่ลง ฯ
ธรรมะคือสิ่งที่ ช่วยให้มนุษย์มีใจคอปกติ
"สำหรับธรรมะนี้ถ้าเราโดยหลักผู้ใหญ่ ๆที่สุดเราพูดได้อย่างวิทยาศาสตร์ ว่าเป็นสิ่งที่ทำให้คนเรามีใจคอเป็นปกติ หรือ Balance อยู่ตามสภาพ หมายความว่า คนในโลกนี้มีใจคอสูญเสียสภาพปกติเกือบตลอดวัน คือว่า อ้ายนั่น อ้ายนี่ เข้ามาทางตา หู คอ จมูก ลิ้น กาย ใจ มาทำให้เกิด ความรู้สึก เป็นไปในทางชอบหรือรัก นี้อีกอย่างหนึ่ง ให้เกลียดหรือไม่ชอบ อึดอัดใจ นี้อีกอย่างหนึ่ง
แท้จริง แล้วทั้งสองอย่างนี้ใช่ไม่ได้ คือจิตใจ ที่อยู่ ในลักษณะทั้งสองอย่างนี้ใช้ไม่ได้ที่จะปฏิบัติงานอะไรก็ตาม งานออฟฟิต ชนิดไหนก็ตาม ถ้าใจคอมันสูญเสียสภาพเดิมอย่างนี้ คือ รักหรือเกลียดเสียแล้ว พอใจหรือไม่พอใจ เสียแล้ว นั้นจะเป็นการทำผิดทันที ผิดไม่มากก็น้อย ในการที่จะทำอะไรออกไป หรือจะพูดอะไรออกไป หรือจะปฏิบัติหน้าที่ อะไรก็ตามที
ฉะนั้นเราต้องถือหลักว่า ธรรมะนี้ คือ สิ่งที่ช่วยให้มนุษย์ มีใจคอปกติ แม้แต่ความตายมาจ่ออยู่ข้างหน้า หรือแม้แต่จะเจอเสือในป่า ก็ต้องใจคอปกติ คือไม่กลัวจนขาดสติ อาจจะขึ้นต้นไม้ก็ได้ หรือจะวิ่งหนีก็ตามก็ยังคงมีใจคอปกติ นี่คือความต้องการของธรรมะเป็นอย่างนี้ คือเราไม่หวั่นไหว ในโลกธรรม ที่แบ่งเป็นฝักฝ่าย ฝ่ายนี้ได้ อีกฝ่ายเป็นฝ่ายเสีย ได้ลาภ ได้ยศ ได้สรรเสริญ ได้สุข มีได้ ก็ต้องมีเสีย นี่คือ สิ่ง ที่ทำให้ ใจคอ ไม่ปกติ แต่ธรรมะต้องการจะทำให้มีอำนาจเหนือโลกธรรม กล่าวคือ มีใจคอปกตินั่นเอง แล้วจะรู้ได้เองว่า ควรจะทำอะไร ควรทำอย่างไร เท่าไรด้วย ไปมองดูเถอะมันจะเป็นที่สุดสำหรับทุกคน"
โดย ท่านพุทธทาสภิกขุ แห่งสวนโมกขพลาราม