ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - pamai
หน้า: 1 [2] 3
41  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: อยากทราบอานิสงค์ ของการถวายน้ำอัดลม แก่พระพุทธรูปครับ เมื่อ: ธันวาคม 14, 2011, 12:24:16 pm
ทำแล้วขายดี ใช่หรือไม่คะ สบายใจ ใช่หรือไม่คะ
ก็ในเมื่อเราทำแล้วไม่ทำให้ใครเดือดร้อน บุญก็ย่อมได้อยู่คะ

  :58: :88:
42  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: ขณะนี้ ทาง สำนักงาน ไม่สามารถ Connect Server สถานีได้ เมื่อ: ธันวาคม 02, 2011, 10:03:17 am
ถึงว่า เสียง จึงไม่มีคะ
 :25:
43  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: ขอเชิญสมัครร่วมปฏิบัิติธรรม ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 30 - 31 ธ.ค.54 - 1 ม.ค.55 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2011, 09:53:42 am
โครงการ ดูน่าสนใจ มากคะ แต่ประกาศ ปฏิบัติ กรรมฐานเข้มข้น แล้วรู้สึกล้ว คะ จะลำบาก
เพราะโดยส่วนตัว ก็ไม่ค่อยชอบนั่งกรรมฐาน เดินจงกรม เท่าไหร่ คะ

  อีกอย่างเวลาไปชวน ไม่มีใครรู้จักพระอาจารย์ แม้ปฏิปทา ก็ไม่เคยได้ยินกันในเว็บมัชฌิมา ก็
ไม่มีการแสดงปฏิปทา คือการปฏิบัติของพระอาจารย์คะ คนหลายคนที่ไปชวนเลยไม่สนใจกันคะ

  ถ้าเป็น ฟังธรรม มีกิจกรรม ส่วนอื่น ก็น่าสนคะ เพราะลองชวนเพื่อน ๆ หลายคนแล้ว
จะเห็นว่า ไปเข้าคอร์ส นั่งกรรมฐาน กลัวรับไม่ได้ คะ คือ ส่วนใหญ่ จะกลัวการนั่งกรรมฐาน

  ถ้าเป็นเข้าคอร์สฟังธรรม และปล่อยปฏิบัติ ตามอัธยาศัย ก็น่าสนใจคะ

  ข้อให้ถือเป็นข้อเสนอแนะ นะคะ

  อนุโมทนา กับทุกท่าน ที่มีกำลังใจเข้าร่วมโครงการคะ

   :25: :25: :25: :25:
44  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ระดับน้ำ ที่สระบุรี สูงเกินปีที่แล้ว นะครับ เมื่อ: ตุลาคม 10, 2011, 10:57:47 am
เรียน ถาม ทีมมัชฌิมา ทุกท่าน คะ
ระดับน้ำที่สระบุรี เป็นอย่างไรบ้างคะ


  :25: :25: :25:

อยากทราบด้วยคน เพราะเห็นช่วงนี้ เว็บเงียบ ๆ ไป สมาชิกแต่ละท่านเป็นอย่างไรเล่าสถานการณ์ให้ฟังกันบ้าง

 :s_hi: :49:

ก็เป็นห่วง จึงได้ถาม ครับ

 :25: :88:
45  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: ทำบุญวันออกพรรษา วัดแก่งขนุน วันที่ 12 ต.ค.54 เมื่อ: ตุลาคม 10, 2011, 10:55:49 am
อนุโมทนา ด้วยครับ

อีก 2 วันเองนะครับ
46  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / โปรแกรม พระไตรปิฏก ฉบับต่าง ๆ เมื่อ: ตุลาคม 10, 2011, 10:45:27 am
โหลดกันตามอัทธยาศัยครับ  เอาไปแจกเป็นธรรมทานแก่ผู้ใดก็ได้นะครับ

ผมโหลดมาจากเวบ torrent แล้วก็เอามาอัพโหลดขึ้นมีเดียไฟร์ จะได้โหลดกันได้ง่ายๆ



Program พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

http://www.mediafire.com/?c53zxccxnb672fc


หากงงกับศัพท์ ทางพระธรรม แล้วล่ะก็ ผมมีพจนาณุกรมให้ด้วยครับ
ของท่านพระธรรมปิฏก(ป.อ.ปยุตฺโต)  ดังนี้

พจนานุกรมพุทธศาสน์ - ฉบับประมวลศัพท์

http://www.mediafire.com/?cbp6icdo191zkdx

และ

พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม

http://www.mediafire.com/?a3y3960fuwqhfl5



ขอขอบคุณคณะผู้จัดทำโปรแกรม และ ท่านพระธรรมปิฏก(ป.อ.ปยุตฺโต) ที่รวบรวมความหมายของคำศัพท์ต่างๆครับ

สาธุ สาธุ ครับ  -/\-

จากคุณ    : x-philes
47  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: วิญญาณแสนรู้ เมื่อ: ตุลาคม 10, 2011, 10:39:54 am
คือ ยังไม่ค่อยจะเข้าใจ กับเรื่อง ของวิญญาณ ในแนวทางของท่านเจ้าของกระทู้นี้ ครับ

แต่จาก หัวข้อ ถ้าเปิดประเด็นก็จะมอง จะมองจากโจทย์ที่ตั้งดังนี้

 1. วิญญาณ

 2. แสนรู้


    ดังนั้น วิญญาณ คือ อะไร ? ก็ดูจากการแสดงความคิดเห็น สรุป วิญญาณ มีสองแบบ ตามความเชื่อ

  1. วิญญาณ ที่เป็นดวงจิต ออกจาก กาย มีเพราะตาย หรือที่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า ghost

     ซึ่งมีที่ตั้ง ตามกำเนิด เรียกว่า ที่เกิด จุติ 7 ประการนะครับ ( เข้าใจตามที่แสดงความคิดเห็น )

     เช่น เกิดในโลกมนุษย์ โลกสวรรค์ เป็นต้น

 2. วิญญาณ คือ การรับรู้ รับทราบ อารมณ์ อันเป็นที่เสวยทุกข์ สุข มิใช่สุข และ ทุกข์
   
     วิญญาณ นี้ มีในขันธ์ 5 เกิดขึ้นเพราะมี ผัสสะ ระหว่าง อายตนะ คือ ใจ และ อารมณ์

 ถ้ามองตามเกณฑ์ ศาสนา แล้ว ถามว่า เรื่องไหน กล่าวมากที่สุด

    ก็ต้องบอกว่า เรื่องที่กล่าวมากที่สุด ก็ทั้งสองเรื่อง คือไม่รู้จะเอาอะไรมาวัด ใช้ serch engine หรือเปิดพระไตรปิฏกนับกัน ผมว่าทำไม่ได้หรอก คุณบอกว่า เรื่อง นี้ 100 ครั้ง เรื่องนี้ 90 ผมไม่เชื่อหรอก ดังนั้น ประเด็นว่ากล่าว วิญญาณ ความหมายไหน มากที่สุด ประเด็นนี้ผมว่าต้องยกลง ไม่ต้องเอามาเป็นเคริื่องวัด

   หากแต่ควรจะเปลี่ยนคำถามว่า ควรจะศึกษา เรื่องไหนมากที่สุด อันนี้น่าจะตอบได้ นะครับ

   เพราะว่า ถ้าศึกษา วิญญาณ ตาย แล้ว เกิด แบบภพ แบบชาติ คงสิ้นสุดได้ยาก ขนาดพระพุทธเจ้าใช้เวลา 400000 อสงไขยชาต พระโพธิสัตว์ มาแล้ว ดังนั้นน่าจะพูดจบได้ยากเรื่องนี้

  แต่ถ้าพูด วิญญาณ ในขันธ์ 5 ใน อายตนะ 12 ใน ปฏิจจสมุปบาท 12 ประการแล้ว น่าจะจบได้ง่ายในการภาวนาเพราะ ในนี้มีคำว่า ญาณ คือ รู้แจ้ง ( ผมว่าไม่น่าจะใช้คำว่า แสนรู้ )


  ส่วนคำว่า แสนรู้ อันนี้ตีความ ถ้าคนไทยเราพูด ถึงคำว่า แสนรู้ ก็หมายความเป็นความสามารถพิเศษ

  เช่น หมานี้แสนรู้ หมายถึง หมาตัวนี้มีฉลาดเป็นพิเศษ ที่เราทึ่งในความสามารถ

       คนแสนรู้ ม้าแสนรู้ นกแสนรู้ เออหนอ ดังนั้นคำว่าแสนรู้ นี้ถ้านำมาเติมกับคำว่า

      วิญญาณแสนรู้ แล้วมันดูรู้สึก ขัด ๆ กับ วิญญาณ ใน ความหมายที่ 2


    วิญญาณแสนรู้  วิญญาณที่ฉลาด

    การรับรู้ที่ฉลาด

    เอ้อหนอ ความหมายตามศัพท์ น่าฉงบ งง ๆ

  ที่นี้ ถ้ามาถอดคำใหม่ เป็น วิญญาณ 1 รู้  หรือ 10 รู้ 100 รู้ 1000 รู้ 10000 รู้ 1000000 รู้ ดีหรือไม่ครับ

มาร่วมวิจารณ์ อย่าคิดกันมากแบบผม

 :hee20hee20hee: :hee20hee20hee:
48  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / ฟังเรื่องเล่า กฏแห่งกรรม 76 เรื่อง ที่นี่คะ เมื่อ: สิงหาคม 25, 2011, 12:07:03 pm



ฟังเรื่องเล่า กฏแห่งกรรม 76 เรื่อง ที่นี่คะ

http://www.dhammajak.net/kram/2.html
49  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: วิธีทำจิตให้ร่าเริง มีปีติ ในการภาวนา ควรทำอย่างไร คะ เมื่อ: สิงหาคม 13, 2011, 05:59:18 pm
ที่พักทีี่่ใกล้ พักกันสัก 2 -3 คน ที่ใกล้ที่สุดตรงไหน ราคาเ่ท่าไหร่ ครับ

 :c017:
50  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / วิธีทำจิตให้ร่าเริง มีปีติ ในการภาวนา ควรทำอย่างไร คะ เมื่อ: สิงหาคม 01, 2011, 09:55:14 am
วิธีทำจิตให้ร่าเริง มีปีติ ในการภาวนา ควรทำอย่างไร คะ

ตามหัวข้อเลยคะ เพราะส่วนใหญ่ จะท้อแท้ เบื่อหน่าย อยากหนี ออกจากที่ต่าง ๆ เสมอ คะ

ไม่รู้ว่าตั้งคำถาม ไ้ด้ถูกหรือไม่คะ

 ช่วยด้วยคะ

 :25:
51  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / กฎธรรมชาติ ที่พึงทราบ เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2011, 02:06:36 pm



กฎธรรมชาติ

อิมัส๎มิง สะติ อิทัง โหติ;
เมื่อสิ่งนี้ “มี” สิ่งนี้ ย่อมมี

อิมัสสุปปาทา อิทัง อุปปัชชะติ;
เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น

อิมัส๎มิง อะสะติ อิทัง นะ โหติ;
เมื่อสิ่งนี้ “ไม่มี” สิ่งนี้ ย่อมไม่มี

อิมัสสะ นิโรธา อิทัง นิรุชฌะติ.
เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป

นิทาน. สํ. ๑๖/๘๔/๑๕๔.



52  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / สติ กับ มหาสติ ต่างกันอย่างไร คะ เมื่อ: มิถุนายน 16, 2011, 10:15:39 am
สติ กับ มหาสติ ต่างกันอย่างไร คะ

ขอบคุณคะ

 :c017:
53  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / คุณคิดอย่างไร ถ้ามีคนกำลังพูดถึง คนที่คุณเคารพในแง่ที่ไม่ดี เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2011, 12:47:44 pm
มีเรื่องจะเล่าให้ เพื่อน ๆ สมาชิกฟัง ถือว่าปรึกษากันไปในตัว

  ดิฉันได้รับมอบหมาย จาก ผอ. ให้ดำเนินการจัดงานเข้าค่ายธรรมะให้นักเรียน ดิฉันมีความศรัทธากับพระสงฆ์รูปหนึ่งที่ทำหน้าที่ ๆ สอนงานเข้าค่ายมารูปหนึ่ง จึงได้ไปนิมนต์ท่าน และ ท่านก็รับนิมนต์

  ปรากฏมีคณะครู ในทีม 2 ท่าน ไม่ชอบ พระรูปนี้อยู่ ได้กล่าวในแง่ไม่ดีของท่าน ต่าง ๆ นา ๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องนิมนต์ และเปลี่ยนพระรูปนี้ เป็นองค์อื่น ๆ  ตอนที่เขาพูดในแง่ไม่ดีของท่าน ในตอนนั้น รู้สึกว่าเรื่องอย่างนี้เรายังไม่รู้เลย รู้สึกศรัทธากับท่านตก ทันที ทำให้หัวใจ ต่อต้าน ยากจะเลิกเรื่องนิมนต์กับท่าน แต่สุดท้ายเพื่อนในทีมก็ให้กำลังใจว่า พระรูปนี้ไม่น่าจะเป็นอย่างที่เขาพูด จึงฮึดขึ้นอีก เพราะเพื่อน ๆ ช่วยให้เหตุผล ก็เลยนิมนต์ท่านเหมือนเดิม ทำให้ครูอีก 2 - 3 คน ขอปฏิเสธร่วมงาน นี้จากทีมช่วยเหลือ กลายเป็นทีมควบคุม นร. ห่าง ๆ

   หลังจากเสร็จสิ้นงาน ก็ได้รับการตอบรับดีในเรื่องธรรมะจากนักเรียน และได้นำความปรึกษาคนใกล้ชิด ของพระรูปนี้ จึงได้ทราบความจริงว่า เรื่องที่ครูกล่าวมานั้นเป็นเรื่องไม่จริง เลย .....

  รู้สึก ว่าอารมณ์ ตนเองยังไม่มั่นคงต่อธรรมะ ทันที ที่เชื่อจากการบอกเล่า โดยไม่เชื่อจากจริยาวัตรที่ท่านดำเนินตนเอง

  เพื่อน ๆ สมาชิก คงจะประสพปัญหา เช่นเดียวกับ ผาใหม่ ด้วยใช่หรือไม่คะ

  เช่น มีคนมากล่าวหา พ่อแม่ เราในทางที่ไม่ดี แล้ว เราไม่รู้ความจริง เพียงเพราะการวิเคราะห์แต่จากอารมณ์เองก็มักทำให้เืรื่องดี ๆ เสียได้

  ถ้าเป็นอย่างนี้ ควรจะเสริมธรรมะ อย่างไรดีคะ ที่จะทำให้ใจมั่นคง ไม่กวัดแกว่งไปมา ตามลมปากของคนอื่น คะ ควรเจริญธรรมะ อะไรเป็นพิเศษคะ

 :58: :c017:


 
54  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ความฝันกับกรรมฐาน เมื่อ: เมษายน 28, 2011, 06:36:45 pm
หลากหลาย ความคิด การปรุงแต่ง เราว่าอย่าเอาความฝันมาเป็นอารมณ์ เลยคะ
เอาปัจจุบันเป็นอารมณ์ ดีกว่าคะ ส่วนสุคติ ถ้าเราทำกุศลดี ก็ต้องไปดีคะ ไม่ต้องกังวลคะ

ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง เรารู้อย่างนี้ ต้องรีบขวนขวายในกุศล คะ

 :13:
55  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ภาวนาแล้ว จิตชอบหลุดจากพุทโธ ไปอยู่นิ่ง ๆ เมื่อ: มีนาคม 29, 2011, 05:07:39 pm
ภาวนาแล้ว จิตชอบหลุดจากพุทโธ ไปอยู่นิ่ง ๆ ไม่ทราบว่าอันนี้เป็นสมาธิหรือยังคะ

ถ้ายังควรแก้ไขอย่างไร คะ

 :s_hi:
56  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: ขอเชิญร่วมเข้าปฏิบัติธรรมประจำเดือนมีนาคม 26 - 27 มี.ค. 2554 วัดราชสิทธาราม เมื่อ: มีนาคม 26, 2011, 01:13:35 pm
อนุโมทนา คะ กับข่าวงานบุญ ด้วยคะ
 :25:
57  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / กทม.เผยมีอาคารสูงเสี่ยงกระทบแผ่นดินไหวกว่า 2,700 แห่ง เมื่อ: มีนาคม 26, 2011, 01:00:17 pm



กรุงเทพฯ 25 มี.ค. – กทม.เผยมีอาคารสูงในพื้นที่อาจได้รับผลกระทบหากเกิดแผ่นดินไหวกว่า 2,700 แห่ง และมีตึกที่ต้องเฝ้าระวังพิเศษ 12 แห่ง เร่งให้เจ้าของตรวจสอบความแข็งแรงของอาคาร หากยังไม่แน่ใจสามารถแจ้งให้ กทม.ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจเพิ่มเติมได้
แผ่นดินไหว
นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่จากสำนักการโยธา ลงพื้นที่ตรวจอาคารสูงเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับเหตุแผ่นดินไหวที่ อาคารออล ซีซั่น ถนนวิทยุ พร้อมกล่าวว่า ปัจจุบันในพื้นที่ กทม.มีตึกอาคารทั้งขนาดเล็กใหญ่รวมกันกว่า 2 ล้านตึก แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศพม่าและแรงสั่นสะเทือนมาถึง พื้นที่ กทม.โดยเฉพาะตึกสูงขนาดใหญ่ จะได้รับผลกระทบ ซึ่งตึกใหญ่ที่มีพื้นที่เกิน 10,000 ตารางเมตร ใน กทม.ที่อาจได้รับผลกระทบมีกว่า 2,700 แห่ง แต่อาคารขนาดใหญ่ที่ กทม.ต้องเฝ้าดูแลเป็นพิเศษมีอยู่ด้วยกัน 12 แห่ง เนื่องจากเป็นอาคารที่ใกล้กับชุมชน และมีคนอาศัย และทำงานเป็นจำนวนมาก ได้แก่ 1 อาคารเสริมมิตรทาวเวอร์ 30 ชั้น สุขุมวิท 21 ,2.อาคารเฟิรสทาวเวอร์ 22 ชั้น ซอยสุขุมวิท 1 ,3.ศูนย์การค้ามาบุญครอง 29 ชั้น เขตปทุมวัน ,4.อาคารออลซีซั่น 53 ชั้น เขตปทุมวัน

5.อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ อาคารโครงเหล็ก 58 ชั้น เขตสาทร ,6. อาคารชัยทาวเวอร์ 30 ชั้น เขตจตุจักร ,7.อาคารเบญจินดา 36 ชั้น เขตจตุจักร, 8.อาคารชินวัตร 3 สูง 32 ชั้น เขตจตุจักร, 9.อาคารไอทาวเวอร์ 32 ชั้น เขตจตุจักร, 10.อาคารธนาคารทหารไทย 34 ชั้น เขตจตุจักร, 11.อาคารซันทาวเวอร์ เอ 40 ชั้น เขตจตุจักร, และ12.อาคารซันทาวเวอร์ บี 34 ชั้น เขตจตุจักร

นายพรเทพ กล่าวว่า ได้แจ้งไปยังเจ้าของอาคารใหญ่ทั้งหมดกว่า 2,700 แห่ง ให้มีการตรวจสอบความแข็งแรงของอาคาร รวมถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยขณะเกิดเหตุ แต่หากไม่แน่ใจสามารถโทรแจ้งมายังสายด่วน กทม. 1555 เพื่อที่ กทม.จะส่งเจ้าหน้าที่จากกองควบคุมอาคารเข้าไปตรวจสอบเพิ่มเติมให้ รวมทั้งจะได้ขอความร่วมมือไปยังสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาปรับปรุง แก้ไขอาคารต่อไป พร้อมกันนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนที่ใช้อาคารขนาดใหญ่ ขอให้เจ้าของอาคารติดป้ายบริเวณอาคารว่าอาคารของตนเองได้ผ่านการตรวจสอบ และมีความมั่นคงแข็งแรงสามารถรองรับหากเกิดแรงสั่นสะเทือนได้.
ที่มา-สำนักข่าวไทย

รูปภาพประกอบจาก board.postjung.com

http://www.xn--12c1bij4d1a0fza6gi5c.com/%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A1-%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2-2700-%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87.html
58  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: จะไปสอบเอ็น... แต่ไม่มั่นใจ เลยไปบน สิ่งศักด์สิทธิ์ เมื่อ: มีนาคม 25, 2011, 05:51:50 pm
ถ้าไปไหว้แล้วทำให้ใจ เต็มร้อย แล้วไปไหว้ เุถอะคะ อย่างน้อยเรากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีพระรัตนตรัย

แล้วได้บุญคะ แม้แต่การกราบพ่อแม่ ครูอาจารย์ ปู่ย่าตายาย ผู้ใหญ่ ให้ศีล ให้พร เราจะไปกล่าวว่าเป็นเรื่อง

เหลวไหลนั้นเลยยังไม่ได้นะจ๊ะ

เชื่อมั่นในตัวเรา ความรู้ เมื่อกราบแล้ว สำหรับชาวธรรมะ ก็ไม่ใช่ มางอมืองอเท้า ไม่ทำอะไร รอให้บุญมาหล่นทับ
นั้นก็ยังไม่ใช่นะคะ ต้องกระทำด้วยคะ ตนเป็นที่พึ่งของตนเอง คะ

เอาใจช่วยนะคะ ขอให้มีชัยคะ

สาธุ
59  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: หลากปราฏการณ์ดาราศาสตร์ มองอย่างเข้าใจพิบัติภัยธรรมชาติ!! เมื่อ: มีนาคม 23, 2011, 01:15:55 pm
โปรดระงับ ความตื่นตระหนก อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด
คิดเสียว่า เป็นเวรกรรม ที่เราต้องรับผลของกรรมแล้ว คะ
 :67:
60  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: อีกปัญหา คะ "เมื่อเพื่อนเรามาปรึกษา เรื่องการเป็นเมียน้อย" เมื่อ: มีนาคม 18, 2011, 08:56:03 am
ขอเขียนเรื่อง “เมียน้อย” สักตั้ง เพราะเมียหลวง-เมียน้อยอยู่คู่สังคมมาทุกยุคทุกสมัย เมื่อก่อนได้ยินคำว่าเมียน้อยอย่างไร

เดี๋ยว นี้ก็ไม่เห็นเมียน้อยจะลดลงเลย มีแต่จะพูดให้ได้ยินกันดังลั่นสนั่นเมือง แถมยังล้อเล่น (แต่ทำท่าว่าจะจริง) ด้วยว่า “ถ้าอยากรู้ว่า ผู้หญิงคนไหนเป็นเมียหลวงให้ดูที่ทะเบียนสมรส ส่วนเมียน้อยน่ะ ให้ดูที่ทะเบียนรถ” อ่ะ ก็เมียน้อยของผู้มีอันจะกิน มักได้ทั้งบ้านทั้งรถชัวร์ๆน่ะซี เพราะได้อานิสงส์จากเจ้าบุญทุ่มไง
ถ้า ไปคุยกับผู้ชายที่มีเมียน้อยนะ โอ้ยโหยว ส่วนใหญ่ มักโทษเมียหลวงทั้งขึ้นทั้งล่อง หรือถ้าไม่โทษ เค้าก็สามารถชักแม่น้ำทั้ง 5 มาทำให้ตัวเองรู้สึกดี และเห็นควรว่า มีเมียน้อยได้ ไม่เป็นไร....
ถามว่า ทำไมผู้หญิงบางคนถึงเป็นเมียน้อยนะ?...อู้ย คำตอบมีเยอะแยะ ไล่ตั้งแต่
1.เป็นเมียน้อยเพราะถูกหลอก
โอ้ โหแสนจะเป็นปัญหาคลาสสิก ได้ยินมานาน กลุ่มนี้บอกว่า ตอนเค้ามาคบหล่อนน่ะ เธอไม่รู้เลยว่า เค้ามีเมียแล้ว จึงคบๆกันไป แต่พอเสียเนื้อเสียตัวแล้วนี่สิ ถึงได้รู้ความจริง แต่ตกกระไดพลอยโจนไปแล้ว...ก็น่าเห็นใจ แสดงว่าหนุ่มขี้จุ๊มีอยู่ ทั่วทุกหัวระแหง จึงควรระวังๆกันไว้
         
ถ้า สาวใดไม่อยากเป็นเมียน้อยจริงๆ ดังนั้น พอรู้ว่าเค้ามี “บ้านใหญ่” อยู่แล้ว หากหล่อนหาเลี้ยงตัวเองได้ และถือคติไม่ยอมมีสามีร่วมกับคนอื่นแล้วไซร้ ฝ่ายหญิงน่าจะเลิกซะเลย แต่ อย่าลืม “เก็บค่าเสียใจ, เสียโอกาส และเสียรู้” จากเค้ามามั่งละกัน
2. เป็นเมียน้อยเพราะถูกบังคับ
เช่น ครอบครัวที่ยกลูกสาวให้เจ้าหนี้น่ะ เคยได้ยินมะ แต่ อย่างนี้ก็มีนะตัว คือ ฝ่ายหญิงไปได้งานทำ แล้วเผอิญเจ้านายชีกอดันชอบขึ้นมา หากหล่อนชอบด้วย ก็โป๊ะเชะ ผลลัพธ์เป็นไงคงไม่ต้องอธิบาย แต่ ถ้าไม่มีใจให้ล่ะ ขณะเดียวกัน ก็หนีไม่ได้ซะด้วย คงไม่แคล้วถูกบังคับใจจำยอมเป็น “อนุ” อ่ะดี้

3. เป็นเมียน้อยแบบพอใจก็คบ ไม่พอใจก็เลิก ไม่มีข้อผูกมัดกันมาก
เพราะหนุ่มที่มาก้อร่อก้อติก ดันถูกสเปกหล่อนเข้าจังเบ้อเร่อ แถมเธอก็ไม่ทันได้ถามหรือไม่อยากถามก็บ่ฮู้ว่า เค้ามีภรรยารึยัง?
การคบกันจึงเกิดจากความพอใจและอารมณ์พาไปไงงั้น
4. เป็นเมียน้อยอย่างเต็มใจเอง
แบบเนี่ยะ มีตัวอย่างเยอะ แม้ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากเป็นเมียน้อยก็เถอะ แต่บางรายไม่งั้นสิ อยากเป็นซะเองด้วยเหตุผลต่างๆนานา เช่น
4.1 ต้องการคนอุปถัมภ์ ช่วยเหลือทางการเงิน จึงยอมเป็นเมียน้อยละกัน จะให้ทำไงล่ะ บางราย เป็นเมียน้อยเพราะอยากปลดหนี้ แต่ เนื่องจาก “ของฟรีไม่มีในโลก” ดังนั้น เมื่อหล่อนอยากปลดหนี้ จึงต้องให้เค้าปลดเปลื้องอารมณ์ใคร่เป็นการแลกเปลี่ยน จะได้ เจ๊ากันไป...เฮ้อ
อีกกลุ่ม เป็นเมียน้อยเพราะรักสบาย จึงใช้ทางนี้แหละเป็นทางด่วน ช่วยลัดเลาะไปสู่จุดหมาย จะได้ไม่ต้องทำงานหลังขดหลังแข็ง ตรงข้าม วันๆได้
แต่ง ตัวสวยๆไปช็อปปิ้งไม่ดีกว่าเรอะ คิดงี้สิจึงมักง่ายหันไปเป็นเมียน้อยซะเลย อู้หูฟังแล้วอิจฉา แต่รู้ได้ไงน้าว่าเค้าจะไม่ทิ้งหล่อนน่ะหึ?
4.2 หาคนรักแบบเป็นโสดซิง ซิง ไม่ได้ นี่หว่า พอมีหนุ่มไม่โสดมาจีบ จึงนึกว่าเป็นรถด่วนขบวนสุดท้าย ดังนั้น ถ้าต้องเป็นเมียน้อยก็ยอมฟะ เออ...หยั่งงี้ก็มี
4.3 เป็นเมียน้อย เพราะคิด (ไปเอง) ว่า หนุ่มมีเมียแล้วที่มาติดพันน่ะ คือคู่แท้ แต่ดันมาเจอกันทีหลัง หล่อนจึงถือว่า ไม่ได้ไปแย่งนะ แต่ ฟ้าลิขิตให้เราพบกันสายไปเท่านั้นละค่ะ...โอ้โห ขืนคิดอย่างนี้ มีหวังคงเป็นเมียน้อยกันตรึม
4.4 เป็นแม่ม่าย จึงยอมเป็นเมียน้อย เพราะคิดว่า หมดโอกาสที่หนุ่มโสดจะตื๊อขอแต่งงานด้วยแล้วนี่ ฉะนั้น ถ้าหนุ่มหน้าไหนเข้ามาประชิด ก็เอาซะเลย เข้าทำนอง พอเป็นม่ายก็กลายเป็นฝ่ายถูกเลือก ไม่ใช่มีโอกาสเลือกเหมือนสมัยก่อน อีกต่อไปแล้วน่ะเซ่
 ว่า แต่เป็นเมียน้อยน่ะดีหรือ? เพราะผู้ชายไม่ได้ โง่ให้มาตักตวงสมบัติไปเฉยๆ นะ ยกเว้นพวกที่โง่จริงๆ ก็แล้วไป แถม “หนุ่มที่อยากมีเมียน้อยแต่ไม่อยากมีภาระ”ก็เยอะ ขืนเจอพวกนี้เข้า เกรงว่าสาวๆ จะกลายเป็นของเล่นชั่วคราวไปซะก่อนน่ะสิ
61  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / แพทยสภาเปิดรับสมัคร"แพทย์อาสาช่วยญี่ปุ่น" เมื่อ: มีนาคม 18, 2011, 08:53:21 am
แพทยสภา ได้ใช้ สังคมออนไลน์ สื่อสาร รับสมัครแพทย์อาสา แสดงความจำนง ไปช่วยผู้ประสบภัยพิบัติและสึนามิที่ญี่ปุ่น

นาวาอากาศเอก (พิเศษ) นพ.อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา ใช้ทวิตเตอร์ @DrIttaporn ทวิตข้อความ แพทยสภารับสมัคร"แพทย์อาสา"ช่วยเหลือญี่ปุ่น-ลงทะเบียนได้ที่ www.tmc.or.th โดยรายชื่อจะส่งให้สถานทูต/หน่วยเกี่ยวข้อง มีผู้แสดงความจำนงแล้ว 61 ชื่อ

และ แพทย์ทอ.แจ้งว่าจะส่งเครื่อง C130 ไปญี่ปุ่นชุดแรก 2เที่ยวบิน นำแพทย์/พยาบาล/ยา/อาหารไปช่วยเซนได-เที่ยวแรก วันนี้ (17 มีค.) เวลา 22.00น. โดย ขากลับจะรับคนไทยกลับด้วย สำหรับผู้ต้องการกลับเครื่องทอ.ให้ติดต่อสถานทูตไทย
62  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ความจริงที่เกิดใน hi5 และ face book เมื่อ: มีนาคม 15, 2011, 01:44:45 pm








ขอบคุณภาพจาก

 http://www.clipmass.com
 http://www.fwdder.com
63  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: รายการ RDN ช่วงนี้ไม่ได้ยินเสียงครับ เมื่อ: มีนาคม 14, 2011, 07:49:01 pm
เคยเห็นว่ามีแบบสอบถาม เรื่องรายการ RDN อยู่นะคะ

จำไม่ได้ว่าอยู่บอร์ดไหน

 :88:
64  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: เพื่อนสมาชิก มีความคิดอย่างไร กับวัดติดทีวี ในห้องส้วม จ๊ะ เมื่อ: มีนาคม 12, 2011, 10:06:41 am
น่าจะติด playstation 3 ในห้องน้ำด้วยครับ เพราะว่าชอบเล่นเกมส์

55555

 :85:
65  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: เชิญร่วมโพสต์ ภาพไทยๆ อวยพรในวันปีใหม่ไทยกันบ้าง เมื่อ: มีนาคม 08, 2011, 08:55:05 am


ขอให้ หื้อ เพื่อน อ้าย เอื้อย ทุกท่าน ประสพสุข โชคดีปีใหม่ไทย ต่วยกัน ถ้วนหน้า

จาก ผาใหม่

 :)
66  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: กับภาพงาม ๆ ที่วัดผาซ่อนแก้ว เขาค้อ เพชรบูรณ์ เมื่อ: มีนาคม 05, 2011, 08:20:59 am
น่าสนใจมาก ๆ คะ อยากไปพักผ่อน หย่อนใจ ภาวนาธรรม ในสถานที่สงบ บ้างคะ

ใครพอจะทราบ การติดต่อ การเดินทาง แผนที่ ช่วยแนะนำหน่อยนะคะ

 :25: :25: :25: :c017:
67  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: ประกาศเรื่องการจัดรายการออกอากาศ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2011, 01:18:40 pm
เบื้องต้นทดสอบตามที่ต้องการก่อนเถอะคะ เพราะภาระค่าใช้จ่าย เป็นเรื่องสำคัญไม่ทราบว่าที่ผ่านมา
ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากใครหรือคะ

 :25:
68  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: โทษของการกล่าวตู่พระสารีบุตร "ศีรษะแตกเจ็ดเสี่ยง" เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2011, 01:16:21 pm
เรื่องนี้อ่านแล้ว ทำให้รู้สึกว่าเราควรระมัดระวัง กับการกล่าววาจากับพระอริยะเจ้า
ซึ่งเราเองก็รู้ และ ก็ไม่รู้ อันที่จริงต้องกล่าวว่า ไม่รู้เลยว่า พระสงฆ์รูปไหนเป็นพระิอริยะเจ้า
ดังนั้นอ่านเรื่องนี้แล้ว ทำให้มีความรู้สึกว่า ไม่อยากสนทนากับพระสงฆ์เลยคะ

เพราะเกรงว่าวาจาของเราอาจจะ กระทบกระทั่งกับพระอริยะสงฆ์ขึ้นมาแล้ว ถือว่าเป็นจุดเสี่ยงนะคะ

หรือมีข้อแนะนำพึงปฏิบัติกับพระสงฆ์อย่างไร

คิดว่าไม่เ้ข้าหาหรือสนทนาเป็นการส่วนตัว เพียงแต่สดับฟังธรรม ก็เพียงพอ ใช่หรือไม่คะ

ท่าน จขกท. มีความเห็นส่วนนี้ว่าอย่างไรคะ

 :smiley_confused1:
69  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: เมื่อเพื่อนมาขอคำปรึกษาด่วน เรื่องถูกพ่อแม่บังคับให้แต่งงาน เมื่อ: กุมภาพันธ์ 17, 2011, 07:55:07 pm
ฝ่ายชายก็อยากแต่งสิคะ เพราะรู้จักเจ้าสาว เนื่องด้วยฝ่ายหญิง เป็นครู และ หน้าตาสวย ฐานะตระกูลก็ไม่ขัดสน

ส่วนฝ่ายชาย ก็ฐานะเสมอกัน คนละหมู่บ้านฝ่ายชายไม่ได้ทำงานอะไร นอกเสียจากอยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่ มติฝ่าย

ชายก็คือ ต้องการให้มีครอบครัว เพื่อจะได้เลิกสำมะเร่ เทเมา ก็ต้องเลือกฝ่ายหญิงนิสัยดี ที่คิดว่าจะไปอบรมได้

เรื่องนี้ฟังแล้วอย่างกับละคร แต่แง่คิดพวกเราก็พยายามให้คำปรึกษาว่าอย่าไปแต่ง

แต่ไปยุ่งชีวิตเขามากเกรงว่าจะไม่ดี จึงต้องการให้คำปรึกษาว่า กตัญญู กับ อกตัญญู  ทำให้พ่อแม่

ร้องไห้เสียใจเป็นบาปหรือไม่

เรื่องนี้มีเงื่อนไข เพราะว่าถ้าแต่งแล้ว ผู้หญิงกับผู้ชาย อยู่คนละจังหวัด พ่อแม่ก็เลยให้ลูกสาว ลาออกมาทำ

เกษตรแทนพร้อมเจ้าบ่าว ( ฟังแล้ว ระบบคลุมถุงชน ไม่น่าจะมีแล้วในสังคม แต่ก็ยังมีอยู่อีก ) การลาออกจาก

การเป็นครูที่ทำงานมาอายุ 29 ปีนี้นับว่าไม่มาและก็ไม่น้อย .... ก็น่าคิดนะคะ


 :c017:

70  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / เมื่อเพื่อนมาขอคำปรึกษาด่วน เรื่องถูกพ่อแม่บังคับให้แต่งงาน เมื่อ: กุมภาพันธ์ 17, 2011, 12:13:30 pm
ส่วนตัวก็ยังไม่คิดว่ามันน่าจะเป็นไปได้ในยุคนี้ แต่เพื่อนคนนี้ก็เป็นครูด้วยกัน

มาขอคำปรึกษาว่า ตอนนี้ พ่อแม่ บังคับให้แต่งงานเนื่องด้วยอายุ 30 แล้วกลัวลูกสาวจะขึ้นคาน

โดยการจัดหาเจ้าบ่าว จากเพื่อน ๆ กันมีการมาสู่ขอเป็นทางการแล้ว แต่ตนเองก็ไม่ได้ไปจนกระทั่ง

รับขันหมากไว้แล้วกำหนดวันแต่งงานแล้ว ในปีนี้

 ส่วนเพื่อนสาว นั้นไม่อยากแต่ง มาถามควรทำอย่างไรดี ไ่ม่กลับบ้านดีกว่าไหม เพราะพ่อก็ขู่

แม่ก็ร้องไห้ เพื่อให้แต่ง จะแก้ปัญหาอย่างไรดีนี่

  ขอความเห็นกันหน่อยนะคะ เพื่อมีคำพูดดี ๆ ให้เพื่อนเป็นทางออก หรือ สบายใจ ได้คะ

  :17: :17: :17:
71  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: นักปฏิบัติธรรม ทุกท่าน มีความเห็นอย่างไรที่ เรา ยังชอบดูการ์ตูน เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2011, 09:12:38 am
แลหนัง แลคอน แล้ว ย้อนคิด เหมือนดั่งชีวิต เราทุกสิ่ง

จะดูการ์ตูน หรือ ดูละคร ก็คือกัน เพราะผลการดู ก็คือความเพลิดเพลิน

ดูแล้ว ปฏิบัติธรรม ภาวนาบ้าง ก็ไม่แปลกคะ

 :smiley_confused1:
72  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: ธรรมสัญจร เพชรบุรี - นครปฐม เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 04:34:16 pm
หัวข้อนี้น่าจะอยู่ในส่วน ของสมาชิก ที่พิเศษคะ ดิฉีันคลิ๊กเข้าไปแล้ว เข้าไม่ได้คะ

 :smiley_confused1:
73  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ระบบวรรณะ 4 หมดไปจากสังคมไทยกันหรือยัง เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2011, 08:25:05 am
ระบบเจ้าขุนมูลนาย แบบเมื่อครั้งย้อนหลัง ร. 5 ลงไปนั้น ได้หมดไปจากประเทศไทย อาจจะมีเรื่องของความภักดีกับ
บุคคลบางกลุ่มบ้างแต่ สำหรับความอิสระ เสรี ตามความคิด นั้นประเทศไทย จัดได้ว่าเป็นประชาธิปไตยเต็มตัวตั้งแต่
สมัย ร.7 แล้ว ดังนั้นบ้านเมืองไทย จึงเห็นคนออกมาประท้วง กันบ่อย ๆ เพราะฟรีทางความคิด

ดังนั้นประเทศไทย นั้น วรรณะ 4 ยังมีอยู่ แต่ มีอยู่ด้วยความเคารพซึ่งกันและกัน ไม่ใช่มีไว้เพื่อดูหมิ่นซึี่งกันและกัน

 :85:
74  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: มีเคส คนตายแล้วฟื้น ให้อ่านบ้างหรือไม่คะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2011, 08:11:13 am


ศิษย์กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ อาจจะลืมผู้ที่อยู่ใกล้ตัวนะครับ

แต่ผมไม่สามารถเปิดเผยได้ น่าจะเป็นในหมู่ศิษย์กรรมฐาน น่าจะรู้ว่า มีใครกันบ้างนะครับ

 :25:

นึกไม่ออก ช่วยบอกหน่อยคะ
75  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ใครทราบที่มาของบทชุมนุมเทวดา บ้างคะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2011, 08:37:22 pm
สวดมนต์ ขอให้เทวดา พระสยามเทวาธิราช ช่วยปกปัก ปกป้องคนไทย ใจรักชาติ และ แผ่นดินไทย

ขออย่าได้สูญเสียเลยเจ้าข้า.....

วันนี้ทราบข่าว ทหารเสียชีวิต เพราะปกป้องดินแดน แล้วใจหาย จริง ๆ ๆ คะ

 :welcome:
76  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / การดูกายทิพย์และวิธีการทรงกายจักรพรรดิ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2011, 10:45:55 pm
เป็นบทความจากเวปวัดถ้ำฯเก่าครับผมเก็บไว้  แล้วจำผู้เขียนไม่ได้ต้องขออนุญาตนำมาให้พี่น้องศิษย์วัดถ้ำฯ
ได้ศึกษากันครับ อนุโมทนากับท่านผู้เขียนด้วยครับ.
การดูกายทิพย์และวิธีการทรงกายจักรพรรดิ
________________________________________
 
ขอ นำเรื่องราวบางอย่างที่ได้เรียนรู้มาจาก หลวงตาม้าสมัยบวชเรียนอยู่กับท่านที่วัดถ้ำเมืองนะ นำมาถ่ายทอดเรียบเรียงเป็นบทความนี้เป็นธรรมทานครับ  หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย
-----------------------------
การดูกายทิพย์และวิธีการทรงกายจักรพรรดิ
ร่าง กายที่เราใช้ในการดำเนินชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เป็นแค่     ธาตุ 4 ที่รวมตัวกันขึ้นมา ประกอบเป็นสิ่งที่โลกๆเรียกว่า เราแต่แท้จริงแล้วนี้ไม่ใช่เรา ไม่มีส่วนไหนในร่างกายอันเน่าเหม็นสกปรกนี้     ที่เป็นเราแม้แต่อย่างเดียว ทุกอย่างกำลังแก่ตัวลงตามกาลและเวลาและในไม่ช้า จะสลายตัวคืนสู่ธรรมชาติไปในที่สุด
กายทิพย์ คือรูปและนามที่ประกอบขึ้นจากจิตและมีความเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะอารมณ์ของ จิต กายทิพย์คือกายที่ซ้อนอยู่ในกายเน่าๆกายนี้ กายเน่าๆกายนี้ที่กายทิพย์ซ้อนอยู่เป็นเพียงเปลือกเท่านั้น ทุกวันนี้เราเหมือนตัวทากที่อาศัยอยู่ในเปลือก ซึ่งเปลือกนี้แลที่เป็นสิ่งสำคัญที่จะดำรงอยู่ในภพมนุษย์ได้ เมื่อเปลือกแตกไปจิต กายทิพย์นี้ก็ไม่อาจทรงอยู่ในภพมนุษย์ได้อีกต่อไป ซึ่งเป็นที่ๆเราเอาร่างกายเนื้อมารับกรรม ใช้กรรม หรือ มาสร้างบุญบารมีมาปฎิบัติ ฯลฯ   ต่อไปนี้จะลงลึกในส่วนกายทิพย์ซึ่งเป็นรูปและนามที่ประกอบขึ้นถูกตกแต่งจาก อำนาจกรรม (ใครจะใหญ่เกินกรรม) และ สภาวะจิต   ที่ส่งผลต่อกายทิพย์โดยตรงว่าจะมีรูปร่างเช่นไร
กำหนดดูกายทิพย์
หาก กำหนดดู ทำใจให้สบายๆ อธิษฐานขอกำลังหลวงปุ่ ขอดูเพื่อศึกษา แล้วกำหนดไป จับอารมณ์แรก จิตจะเห็นถึงกายทิพย์ที่ซ้อนอยู่ ไม่ต้องเพ่ง ไม่ต้องเกร็งวางใจสบายๆทรงอารมณ์กระแสหลวงปู่ที่ไหลผ่านเข้าสู่จิตเราให้มี กำลังแล้วน้อมไปอารมณ์คล้ายการนึกแล้วเห็นแต่ไม่ใช่อุปาทาน ขอแค่ใจสบายและอาราธนากำลังหลวงปุ่ มาก่อนกำหนดทุกครั้ง แล้วไม่ต้องลังเลไม่ต้องสงสัย ให้มีความกล้า นึกกำหนดไป หลวงตาเมตตาสอนว่าอุปาทานต่างๆ หลวงปู่ท่านคุมปิดให้หมด เราไม่ต้องกังวล นิมิตที่เห็นนั้นจริงทุกประการ ซึ่งหลักการนี้ยังใช้กับการกำหนดดูภพภูมิด้วย และที่สำคัญที่สุดและเป็นพื้นฐานหัวใจที่สำคัญที่สุดของวิชาเปิดโลกทั้งหมด คือ พรหมวิหาร ซึ่งหลักการง่ายๆ ไม่มีอะไรมากเลยหลวงตาสอนว่า " รักทุกคน ไม่เกลียดใคร ไว้ใจบางคน" ซึ่งแปลถึงว่าเราไม่มีอคติใดกับใครๆ รักทุกคนโดยไม่มีสิ่งใดแฝง แต่ในทางเดียวกันก็เป็นการมีเมตตาอย่างมีปัญญาทั้งนี้ในการทรงอารมณ์หลวงปู่ ในการน้อมไปดูนั้น การกำพระผงจักรพรรดิ  จะช่วยได้มากสำหรับคนที่ฝึกใหม่ๆ ที่อำนาจจิตยังทรงกำลังหลวงปู่ได้ไม่นิ่งพอ
หลวงปู่ดู่ เป็นพระมหาบรมโพธิสัตว์เจ้าบารมีรวมทั้งก่อนและหลังรับพยากรณ์ถึง 80 อสงไขย กับเศษแสนมหากัป  และ สร้างบารมีพิเศษด้านกำลังจักรพรรดิ และเป็นผู้ที่จักมาตรัสรู้เป็นพระศรีอาริยเมตไตรยในอนาคตกาลอีกประมาณล้านปี มนุษย์ ขอจงมั่นใจในกำลังและเมตตาท่านเถิด
คำแนะนำ - อย่าทิ้งการปฎิบัติภาวนา ตลอดชีวิต   จนกว่าลมหายใจจะหมดไป
ประเภทของกายทิพย์
1. กายสัตว์นรก
       - เป็นกายทิพย์ที่จะปรากฎกับผู้ที่อำนาจจิตใจอยู่ในกิเลศอย่างเข้มข้น มีจิตใจที่เร่าร้อน ไม่สงบ วุ่นวายมีความคิดที่น้อมไปสู่อกุศล กายสัตว์นรกยังจำแนกออกไป ตาม อบาย ขั้นต่างๆ เช่นเปรต หรือนรกชั้นต่างๆซึ่งความน่าเกลียดน่ากลัวของกายทิพย์เหล่านี้ก็แตกต่างกัน ออกไป
ตามชั้นของสถาวะจิตที่อยู่ในอารมณ์แห่งบาปเพียงใดเมื่อเราสามารถที่จะกำหนดดูกายทิพย์เหล่านี้ได้ เมื่อเราเห็นกายสัตว์นรกเราก็สามารถ
น้อมกระแสดูต่อได้ว่า เมื่อเขาตายไป จะไปตกนรก ชั้นใดแต่ในทางกลับกัน แทนที่จะปล่อยให้เขาตกนรก เราก็สัพเพครอบวิมาน
ให้ เขาเพื่อปรับพื้นฐานจิตใจเขาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อครอบวิมานกำลังบารมีบุญตัวนี้จักไหลเข้าสู่กายทิพย์เขาทำให้เขาจะมี โอกาสที่จะดีขึ้นเรื่อยๆได้
หากไม่พ้นวิสัยของกรรมก็อาจรอดนรกได้ในที่สุด


2.กายในของสัตว์
            - เมื่อพูดถึงกายในของสัตว์คนส่วนใหญ่คงนึกกันว่าจะมีลักษณะเหมือนสัตว์ชนิด นั้นๆ เช่นเมื่อสุนัขตายไป ก็ จะมีวิญญานในรูปร่างลักษณะ ของสุนัข แต่แท้จริงแล้วหาใช่เป็นยังงั้นเลย สุนัขที่เราเห็นนั้น แท้จริงกายในก็มีลักษณะคล้ายกับรูปร่างมนุษย์ที่ขดตัวลงไปคลาน 4 ขาในร่างของสุนัข และนับว่าเป็นความทรมานอย่างยิ่ง ภูมิของสัตว์พระพุทธเจ้าจึงจัดเป็นอบายภูมิชนิดหนึง แต่ทั้งนี้กายทิพย์ที่อยู่ในร่างของสัตว์ก็ยังมีลักษณะความหยาบละเอียดแตก ต่างกันไป เช่นหากเห็นสุนัขเรื้อนตามวัดวา พวกนี้ส่วนใหญ่คือสัตว์นรกที่ขึ้นมาชดใช้กรรมต่อในภูมิของสัตว์ ส่วนสุนัขที่เราเห็นอยู่ดีกินดี ก็ จะมีกายทิพย์ที่ยังเป็นกลางๆอยู่ ส่วนหากเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีบุญญาบารมีหรือผู้มีธรรม โดนกรรมวิสัย
ทำ ให้ต้องเกิดเป็นสัตว์ เช่นเกิดเป็นช้าง นก ฯลฯ จะมีความบริสุทธิ์ของกายทิพย์ที่มากกว่าสัตว์ทั่วไป แต่ทั้งนี้สำหรับโพธิสัตว์ที่บารมีเต็มแล้ว
จะไม่มีการไปเกิดเป็นสัตว์ หรืออบายภูมิใดๆ อีกเลย จักขึ้นลงเพียง ภูมิมนุษย์ กับภูมิ เทวดา พรหม
3. กายมนุษย์
           - มีความคล้ายคลึงกับร่างกายที่เราครองอยู่ในชาติปัจจุบันมากที่สุด เพราะกรรมตกแต่ง กายทิพย์มนุษย์ คือกายที่อยู่ตรงกลางของประเภทกายทิพย์ทั้งหมด โดยกายทิพย์มนุษย์โดยทั่วไปสภาวะ อารมณ์จะอยู่กลางๆ คาบเกี่ยวระหว่างบาปและบุญ ขึ้นๆลงๆ ไม่คานกันมากนัก แต่ทั้งนี้ก็ยังแตกต่างกันอยู่ในเรื่อง ความหมองคล้ำ หรือความใสของกายทิพย์ สำหรับกายทิพย์มนุษย์ที่หมองคล้ำนั้น เหตุเกิดจาก ศีล 5 ไม่ครบ ยิ่ง มากข้อก็ยิ่งหมองและสุดท้ายนำพาไปสู่การเป็นกายทิพย์สัตว์นรกในที่สุดส่วน สำหรับมนุษย์ที่มีศีล 5 เป็นพื้นฐาน กายทิพย์จะมีความละเอียดมากกว่ายิ่งสถาวะอารมณ์ดีด้วย ก็ยิ่งมาก และเข้าใกล้สู่การเป็นกายทิพย์เทวดาต่อไป
4.กายเทวดา
            - คือผู้ที่สามารถทำสภาวะจิตจนตั้งมั่นอยู่ในบุญตลอดเวลา เป็นปกติ มีหิริโอตะปะ ความละอายในบาป เป็นปกติมีศีลบริสุทธิ์ และมี อารมณ์เมตตาระดับหนึง แม้จะมีอารมณ์ขุ่นเคืองบ้างในบ้างครั้งแต่ก็เบาบางมาก และหายไปทันทีและจิตก็กลับมาทรงอารมณ์ที่อยู่ในบุญทันที กายทิพย์ตั้งแต่ระดับเทวดาขึ้นไปจะมีเครื่องทรงที่มาจากอำนาจบุญที่เคยกระทำ ไว้ ไม่ว่าทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขาและรวมถึงความเข้มข้นของอารมณ์จิตที่ตั้งมั่นในบุญและความละเอียดของ จิต ซึ่งจะส่งผลต่อความะเอียดของกายเทวดาว่าจะสามารถเข้าถึงสวรรค์ชั้นใดได้ จาก 6 ชั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับบุญบารมี ด้วย จึงขึ้นอยู่กับเราที่จะทรงกายเทวดาได้ละเอียดแค่ไหนวิมานของเทวดาเองก็มี ความละเอียดประณีตแตกต่างกันตามกำลังบุญของเจ้าของวิมานนั้นๆ
5.กายพรหม
            - มีความคล้ายคลึงกับกายทิพย์เทวดาแต่จะมีความละเอียดกว่ามากเครื่องทรงจะมี ความละเอียดกว่ามากและเบาบางลึกซึ้งสุขุม การจะทรงกายทิพย์ของพรหมได้จักต้องมีอารมณ์ตั้งมั่นและสมาธิของจิตที่ดีมาก อารมณ์ใจสบายอย่างที่สุด และ มีพรหมวิหาร เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาอย่างเข้มข้นครบถ้วน ซึ่งเป็นพรหมวิหารธรรม ความหมายตรงตามชื่ออยู่แล้ว
6.จิตพรหมลูกฝัก
           - ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมากเป็นเรื่องของคนที่เล่นณานสมาบัติขั้นสูงๆกัน พบมากในฤาษีและผู้ปฎิบัติบางสายที่เข้าใจผิดขั้นสุดท้ายว่านี้คือนิพพาน สถาวะนี้จิตจะไร้รูปไร้ร่าง ฯลฯ เมื่อตายไปจะไปติดแหง่กอยู่ในอรูปพรหม 4 ไปไหนไม่ได้ นิ่งอยู่อย่างนั้นไปไหนไม่ได้จนกว่าจะหมดกำลัง พอหมด หากมีกรรมบาปที่เคยทำเผลอๆดิ่งลงนรกต่อภูมินี้ให้อธิษฐานไว้เลยว่านับแต่บัด นี้ ตราบเข้านิพพานเราขอ ปิด อรูปพรหม 4 อย่างเด็ดขาด รวมถึงอบายภูมิ 4 แต่อธิษฐานอย่างนี้ ก็ต้องปฎิบัติด้วยต้องทำด้วยไม่งั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไร
7.กายทิพย์ของพระอริยะเจ้า
            - มีเครื่องทรงที่ใสคล้ายแก้วมีความบริสุทธิและละเอียดสูงส่ง ยิ่งตัดกิเลสมากข้อเท่าใดเข้าใกล้ความเป็นอรหันต์เพียงใดไล่ไปตั้งแต่ พระโสดาบัน พระ สกิทาคามี พระอนาคามีกายทิพย์รวมถึงเครื่องทรงก็ยิ่งใสเป็นแก้วมากขึ้นเท่านั้นส่วนถ้า ถึงกายทิพย์พระอรหันต์นั้นกายจะใสบริสุทธิ์หมดจดเป็นแก้วเป็นสภาวะกายทิพย์ ที่อยู่เหนืออำนาจของโลกสมมุติใดๆ และเมื่อละสังขารไป ก็จักเข้าสุ่แดนพระนิพพาน วิมานเป็นแก้วกายทิพย์ก็จักเป็นกายทิพย์พระวิสุทธิเทพ รูปลักษณ์กายพระอริยะเจ้านอกจากจะเป็นแบบมีเครื่องทรงโดยส่วนใหญ่
ก็พบว่าจะอยู่ในลักษณะพระสงฆ์ได้ด้วย คือกายทิพย์ห่มบวชเป็นพระเลยก็อยู่ที่ความประสงค์ของพระอริยะองค์นั้นๆ แต่ส่วนมากครูบาอาจารย์
ที่เป็นพระเวลาท่านไปโปรดใครท่านจะไปในรูปลักษณ์พระเป็นส่วนใหญ่
8.กายทิพย์พระวิสุทธิเทพที่ประทับที่พระนิพพาน
             เครื่องทรงแตกต่างกันตาม สาวกภูมิ ปัจเจกภุมิ พุทธภูมิ แต่ความบริสุทธิ์เหมือนกันวิมานที่พระนิพพานก็แตกต่างกันตาม สาวกภูมิ ปัจเจกภุมิ พุทธภูมิ สภาวะนิพพานทุกอย่างเป็นแก้ว บริสุทธิ์ลักษะเหมิอนเพชรประกายพรึกเมื่อต้องแสงแดด เป็นแดนทิพย์และสภาวะทิพย์พิเศษที่อยู่นอกเหนือจากอำนาจใดๆ ทั้งสิ้นไม่ใช่อัตตา และไม่ใช่อนัตตา ไม่ไช่สูญ เป็นวิมุติเหนือโลกเฉพาะผู้เข้าถึงจักเข้าใจถึงอารมณ์นี้อย่างถ่องแท้ปถุชน ทั่วไปก็ฟังเอาตามผู้ที่เข้าถึงแล้ว แต่ทั้งนี้พระวิสุทธิเทพหากท่านจะโปรดใครหรือใครกำหนดไปหาท่านท่านก็จะแสดง เป็นรูปลักษณ์พระพุทธเจ้าห่มจีวร(หากเป็นพระวิสุทธิเทพพุทธภูมิ)หรือเป็นรูป ลักษณ์พระสงฆ์หากเป็นพระวิสุทธิสาวกภูมิ เรื่องวิมานนี้ก็นิยามได้ว่าพลังงานนั้นต้องมีทั้งรูปและนามถึงจะทรงตัวอยู่ ได้วิมานแต่ละแบบที่จะรองรับกายทิพย์เรา ณ สวรรค์แต่ละชั้นนั้น
ก็เป็น เหมือนภาชนะรองสภาวะจิตตามกำลังนั้นๆ เป็นทั้งรูปและนามเกาะกันอยู่ แต่นั้นยังเป็นแบบสมมุติ วิมานแก้วที่พระนิพพานนั้นก็เป็นเหมือนภาชนะรองรับสภาวะธรรมที่เป็นที่สุด แล้ว มีทั้งรูปและนามประกอบกัน แต่เป็นรูปนาม แบบวิมุติและสุดท้ายจริงๆแล้ว รูปนามแบบวิมุตินี้ก็คือไม่มีอะไร นิพพานคือนิพพาน สภาวะอันปราศจากทุข์ แต่ไม่ใช่สูญ ที่สูญไปคือกิเลศ
-------------------------------------------
วิธีการทรงกายจักรพรรดิ
ก่อนจะเข้าสุ่การทรงกายจักรพรรดิ   ให้ฝึกการบวชจิตให้เป็นปกติ
การบวชจิต-บวชใน
หลวงปู่ปรารภว่า...   จะเป็นชายหรือหญิงก็ดี ถ้าตั้งใจประพฤติปฏิบัติมีศีล    รักในการปฏิบัติจิตมุ่งหวังเอาการพ้นทุกข์เป็นที่สุด
ย่อมมีโอกาสเป็นพระกันได้ทุกๆ คนมีโอกาสที่จะบรรลุมรรค ผล นิพพาน  ได้เท่าเทียมกันทุกคนไม่เลือกเพศ เลือกวัย หรือฐานะ แต่อย่างใด
ไม่มีอะไรจะมาเป็นอุปสรรคในความสำเร็จได้ นอกจากใจของผู้ปฏิบัติเอง   ท่านได้แนะเคล็ดในการบวชจิตว่า.....
" ในขณะที่เรานั่งสมาธิเจริญภาวนานั้น    คำกล่าวว่า
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ      ให้นึกถึงว่าเรามีพระพุทธเจ้าเป็นพระอุปัฌาย์ของเรา
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ...    ให้นึกว่าเรามีพระธรรมเป็นพระกรรมวาจาจารย์
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ...     ให้นึกว่าเรามีพระอริยสงฆ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
แล้วอย่าสนใจขันธ์ 5 หรือร่างกายเรานี้ ให้สำรวมจิตให้ดี     มีความยินดีในการบวช
ชายก็ตั้งจิตเป็นพระภิกษุ     หญิงก็ตั้งจิตเป็นพระภิกษุณี
อย่างนี้จะมีอานิสงส์สูงมาก     จัดเป็นเนกขัมบารมีขั้นอุกฤษฎ์ทีเดียว "
กาย ทิพย์ของเรานั้นหากก่อนภาวนาเราได้ตั้งจิตบวชพระแล้ว     ระหว่างที่ภาวนาอยู่กายทิพย์เราก็เป็นพระมีรัศมีกายทิพย์สว่างมากอย่างนี้จะ มีอานิสงส์พลังบุญสูงมาก    ภาวนาได้ง่าย เนื่องจากตั้งจิตไว้ในศีลและฐานะอันสูง   อย่างนี้เรียกว่าบวชจิต ซึ่งการบวชจิตด้วยใจกุศลศรัทธานั้น    มีอานิสงค์ดีกว่าผู้ที่บวชรูปลักษณ์ภายนอกแล้วไม่บวชจิตเสียอีก     แต่หากบวชได้ทั้งนอกและในอานิสงค์ก็ทวีคูณแต่สำหรับฆราวาสผู้ครองเรือนนั้น เวลาสวดมนต์หรือภาวนาทำสมาธิ   ตั้งจิตบวชเป็นพระแล้วอานิสงค์มากภาวนาได้ง่าย    หลวงตาท่านสอนไว้ว่าหากเราภาวนาคาถาจักรพรรดิสบายๆ ทรงไว้ ภาวนาบ่อยๆ กายทิพย์จิตจะทรงเครื่องจักรพรรดิ  เพราะว่าเป็นไปตามพลังงานที่เราสวด พอเป็นเช่นนี้แล้วอารมณ์สภาวะทิพย์นั้นจะทรงตัวได้เข้มขึ้นส่งผลดีต่อการปฎิ บัติ
การทรงกายจักรพรรดิ
เราสามารถจะทรงกายพระจักรพรรดิได้ก็ต่อเมื่อเราสามารถปรับสภาวะจิตให้เข้าถึงกายทิพย์ตั้งแต่กายเทวดาขึ้นไป คุณสมบัติพิเศษของกายทิพย์
คือ เมื่อเราทรงกายเทวดา หรือ พรหม เราก็ทรงเครื่องจักรพรรดิเข้าไปอีกซึ่งจะทำให้มีกำลังบุญมาก เครื่องทรงจักรพรรดินี้ก็จะทรงที่กายทิพย์
ตั้งแต่ชั้นเทวดาขึ้นไปตราบใดที่อารมณ์จิตยังไม่ตก สำหรับผู้ที่ฝึกบ่อยๆเข้าจนชำนาญแล้ว ก็จะสามารถทรงเครื่องจักรพรรดิเป็นปกติไปเลย
เวลา ไปที่ไหน เมื่อเราทรงกำลังบุญเปิดโลก รัศมีจะแผ่ในโลกทิพย์กว้างไกล การสัพเพมีกำลังมาก ฯลฯเรียกได้ว่าหากจะชำนาญในวิชาขั้นสูงของวิชาเปิดโลกได้ก็ต้องฝึกทรง เครื่องจักรพรรดิให้ชำนาญ ที่สำคัญอารมณ์ต่างๆ อย่าไปหมายมั่นว่าฉันจะทรง ให้เราทำอารมณ์ใจสบายๆ ก็พอ พยายามทำใจให้ถึงสภาวะของกายทิพย์ที่อธิบายไว้ตั้งแต่ชั้นเทวดาขึ้นไป ทำไปเพื่อความดี เพื่อความระงับกิเลศ เดี๋ยวก็ได้เองถึงเอง
การทรง คือการทรงคาถาจักรพรรดินั้นเอง คาถาจักรพรรดิหลวงปู่เข้าถึงได้หลายระดับเมื่อเราเข้าถึงระดับที่ทรงคาถาจักรพรรดิจน
เป็น อารมณ์ เราไม่ต้องมานั่งไล่ กายทิพย์ เพราะศีล อารมณ์ สภาวะกำลังบุญ พระไตรรัตน์ อยู่ในคาถาจักรพรรดิ หมดแล้ว ขอเพียงทำใจให้สบาย นึกถึงหลวงปุ่   ขอบารมีท่าน ตั้งท่านเป็นอารมณ์ พระพุทธเจ้าทรงเครื่องจักรพรรดิ   อยู่บนหัว หลวงปู่ทวดอยู่บ่าซ้ายหลวงปุ่ดุ่อยู่บ่าขวา ภาวนา คาถาจักรพรรดิให้ใจสบายๆ อารมณ์สบายๆ คาถาจักรพรรดิเป็นอารมณ์ยิ่งดีเข้าเท่าไร    โดยไม่ต้องสนใจว่าถึงไหนๆ เดี๋ยวก็ค่อยๆทรงได้เอง
คาถาจักรพรรดิ หลวงปู่ดู่  คือ คาถาทรงกายจักรพรรดิ
เมื่อ ภาวนาคาถาจักรพรรดิจนเป็นอารมณ์    ฝึกบ่อยๆ ทำให้เป็นนิสัย ให้เป็นปกติ ฝึกให้ชำนาญ ใช้เวลา   มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับ ความตั้งใจของคุณเอง    ข้อคิดที่ฝากไว้คือ อย่าเหลิง ไม่ว่าได้ถึงไหน อย่าหลงตนเอง  ไม่ว่าคนจะสรรเสริญตนเช่นไร ให้มีสติ ตั้งใจภาวนา ไม่ประมาท  ไม่มีใครจะใหญ่เกินกรรมเมื่อทำได้ คุณก็จะได้ พลังเหนือพลัง ที่จะสร้างประโยชน์สืบไป กำลังพระ+จักรพรรดิหลวงตาท่านเองก็ทรงเครื่องจักรพรรดิ  กายในท่านก็บวชพระจึงเป็นกำลังเหนือกำลัง  และที่สำคัญที่สุด อย่าทิ้งหลวงปู่เป็นอันขาด ไม่งั้นทุกอย่างที่กล่าวมา  คุณจะไม่มีกำลังของตนเองที่จะทำได้แม้แต่ข้อเดียว เราปฎิบัติไปโดย  ตั้งให้ท่านคุมเราทุกขณะจิตให้อธิษฐานไว้ยังนี้เลย    วิชาต่างๆที่อธิบายมานี้ให้ไว้เป็นแนวทางสำหรับผู้ที่มีจริตแบบนี้   เป็นตัวเลือกหนึ่งในการฝึกปฎิบัติในสายเปิดโลก  ไม่ปฎิบัติแบบนี้ก็ไปต่อถึงจุดหมายได้เหมือนกันบางคนชอบแบบลึกซึ้งบางคนชอบ แบบเรียบง่ายก็ว่ากันไปเสมือนว่ามีถนน 10 สาย ที่จุดสุดท้ายถึงที่เดียวกันไม่ว่าปฎิบัติไปแบบไหน ขอให้ถูกตามที่หลวงปู่หลวงตาสอนเป็นพอ ถนนแต่ละสายจะแตกต่างกันที่ลีลาการเดินทางและประโยชน์ที่ สร้างทิ้งไว้ระหว่างเดินทาง มากน้อย แตกต่างกันอยู่ที่ตัวเรา  ใครที่เน้นอยากจะช่วยผู้อื่นให้มากๆ ช่วยสรรพวิญญาณอย่างลึก  ส่วนมากเป็นพุทธภูมิหรือสาวกภูมิพิเศษก็จะเดินอีกสายหนึง  กับท่านที่มุ่งตัดกิเลศเพื่อพระนิพพานซึ่งทุกสายทุกทางย่อมถึง   ที่หมายเดียวกัน บริสุทธิ์เหมือนกัน ขอโมทนา
จะอ่านไว้เป็นความรู้หรือจะ เอาข้อที่ตนสนใจลองปฎิบัติดูก็ได้    ไม่ว่าปฎิบัติเน้นแบบใดจุดสุดท้ายก็เหมือนกัน   ทุกคนมีหลวงปู่ สุดท้ายสำคัญที่สุด  อยู่ที่ความสบายของใจนั้นและธรรมรักษา


http://www.watthummuangna.com/home/community/index.php?topic=241.0
77  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: สอบถามวิธีป้องกันรองเท้าไม่ให้หาย ขณะเข้าไปทำบุญที่วัด เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2011, 04:07:46 pm


จะไหวหรือ คะคุณธรรมธวัช ล็อกกุญแจแบบนี้แล้ว  :57:

คิดว่าทางที่ดีติดถุงผ้าอย่างคุณ samapol ก็ดีนะคะ น่าจะเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายคะ

 :08:
78  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: 17 อาการของคุณที่ทำให้เขาสติแตก!! ศิลปะการครองเรือน อ่านดูอาจจะดี เมื่อ: มกราคม 24, 2011, 03:42:54 pm
เป็นคำแนะนำ สำหรับการครองเรือนที่ดี ของคุณผู้หญิง คะเรื่องนี้

 :25:
79  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ธรรมอันเป็นที่รักด้วยคุณธรรม 7 ของพระนักเผยแผ่ หรือ กัลยาณมิตร เมื่อ: มกราคม 24, 2011, 03:40:53 pm
เยี่ยมมากคะ ถ้าได้พระเผยแผ่ ธรรมะ อย่างนี้

 :88:
80  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เกี่ยวกับการเดินจงกรม ใส่รองเท้า หรือ ถุงเท้า เดินได้หรือป่าวคะ เมื่อ: มกราคม 24, 2011, 03:34:57 pm
เกี่ยวกับการเดินจงกรม ใส่รองเท้า หรือ ถุงเท้า เดินได้หรือป่าวคะ

คือไม่ทราบธรรมเนียม คะ ว่าการเดินจงกรม จริง ๆ แล้วถอดรองเท้า หรือ ใส่รองเท้า หรือ ถุงเท้า

อันไหนถูกต้องคะ

  เพราะเคยไปฝึกเดิน พระคุณเจ้าบอกใ้ห้ถอดรองเท้าเดิน ถามว่าทำไม ท่านก็ไม่ตอบ ๆ แต่เพียงว่า

ครูบาอาจารย์ ไม่ฝึกเดินใส่รองเท้ากัน อันนี้ก็คือที่วัดที่ไปฝึกนะคะ

  ที่นี้พอมาฝึกที่บ้าน อากาศหนาว บางครั้งเราก็เดินใส่รองเท้า บางครั้ง ก็เดินใส่ถุงเท้า

  อยากจะถามว่า ที่ถูกต้องนั้น ควรเป็นแบบไหนในการเดินจงกรม

   :c017:
หน้า: 1 [2] 3