พระธาตุหล้าหนอง หรือ พระธาตุกลางน้ำ
วัดสิริมหากัจจายน์ หรือ วัดธาตุเป็นวัดราษฎร์ นิกายเถรวาท(มหานิกาย)
ตั้งอยู่ที่ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย
พระธาตุหล้าหนอง อ.เมืองหนองคาย"พระธาตุหล้าหนอง หรือ พระธาตุกลางน้ำ"ที่ชาวหนองคาย รู้จักและให้ความเคารพศรัทธากันมาหลายชั่วอายุคนนั้น หากจะย้อนไปศึกษาประวัติพระธาตุองค์นี้จะพบว่า
ในหนังสืออุรังคธาตุ หรือตำนานพระธาตุพนม ตอนหนึ่งได้กล่าวถึงการสร้างพระธาตุหล้าหนองว่า พระธาตุองค์นี้ สร้างโดยพระอรหันต์ 5 องค์ ประกอบด้วย พระมหารัตนเถระ, พระจุลรัตนเถระ, พระมหาสุวรรณปราสาทเถระ, พระจุลสุวรรณปราสาทเถระ และพระสังฆวิชัยเถระ ที่ล้วนเป็นศิษย์พระพุทธรักขิต พระธรรมรักขิต พระสังฆรักขิต พระอรหันต์ทั้ง 3 องค์
พระอรหันต์ทั้ง 5 ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า จากประเทศอินเดียมาพร้อมกัน และได้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้พร้อมกัน 6 แห่ง คือ ที่
พระธาตุหอผ้าหอแพ บ้านทรายฟอง เมืองหาดทรายฟอง สปป.ลาว,
พระธาตุหัวเหน่า 29 องค์ บรรจุไว้ที่พระธาตุหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว,
พระอุรังคธาตุ หรือพระธาตุหน้าอก บรรจุไว้ที่พระธาตุพนม อ.พระธาตุพนม จ.นครพนม,
พระธาตุบังคล หรือกระเพาะอาหาร บรรจุไว้ที่พระธาตุบังพวน วัดพระธาตุบังพวน อ.เมืองหนองคาย,
พระธาตุเขี้ยวฝาง 7 องค์ บรรจุไว้ที่พระธาตุโพนจิกเวียงงัว อ.เมืองหนองคาย และ
พระธาตุฝ่าพระบาทเบื้องขวา 9 องค์ บรรจุไว้ที่พระธาตุเมืองลา หรือพระธาตุหล้าหนอง อ.เมืองหนองคาย
โดยพระธาตุหล้าหนองนี้ตั้งอยู่กลางบริเวณวัดธาตุ หรือวัดสิริมหากัจจายน์ ชุมชนวัดธาตุ เทศบาลเมืองหนองคาย"พระเทพมงคลรังษี" เจ้าคณะจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า พระธาตุองค์นี้มีขนาดใกล้เคียงกับองค์เจดีย์พระธาตุพนม อ.พระธาตุพนม จ.นครพนม ซึ่งบริเวณวัดธาตุแห่งนี้มีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 100 ไร่ และตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง พอถึงฤดูน้ำหลากแม่น้ำโขงที่ไหลเชี่ยวกรากจะกัดเซาะตลิ่งบริเวณวัดธาตุจนพังทลายหายไป ซึ่งตามประชุมพงศาวดาร ภาค 70 ได้บันทึกไว้ว่า
น้ำโขงกัดเซาะตลิ่งพังเข้าไปจนถึงองค์พระธาตุหล้าหนอง และพระธาตุได้พังลงในแม่น้ำโขง เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 9 เวลาใกล้ค่ำ ร.ศ.66 จ.ศ.1209 พ.ศ.2309 ซึ่งนายฟรองชีวการ์นิเยร์ ชาวฮอลันดา หนึ่งในคณะสำรวจอินโดจีนในอาณาจักรล้านช้าง ได้วาดภาพลายเส้นของพระธาตุหล้าหนองนี้ไว้เมื่อปีพ.ศ.2411 พร้อมคำบรรยายภาพว่า
"ปิรมิด หรือองค์พระธาตุตั้งอยู่บนพื้นที่รูปครึ่งวงกลมที่ถูกตัดขาดจากฝั่งแม่น้ำด้านขวา หรือฝั่งไทย โดยปิรมิดแห่งนี้ถูกน้ำพัดขาดจากที่ตั้งเดิมบนริมฝั่งสิบปีมาแล้วและยังเอียงลงสู่น้ำราวกับเรืออับปางที่พร้อมจะจมลง"
จากการสำรวจของกลุ่มงานโบราณคดีใต้น้ำ สำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ที่ 4 สำนักโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกรมศิลปากร เมื่อ 19-27 เม.ย.2538 ทราบว่าพระธาตุหล้าหนอง อยู่ในเขตปกครองของอำเภอเมืองหนองคายปัจจุบันจมอยู่กลางแม่น้ำโขง องค์พระธาตุจมอยู่กลางแม่น้ำโขงห่างจากฝั่งไทย 180 เมตร องค์พระธาตุก่อด้วยอิฐถือปูน ล้มตะแคงไปตามกระแสน้ำ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีฐานเหลี่ยมมุมฉาก โดยด้านหนึ่งโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำเพียงครึ่งฐาน องค์พระธาตุมีรูปทรงทางสถาปัตยกรรมเท่าที่ยังเหลืออยู่เป็นชั้นฐานเขียง 2 ชั้น ฐานสี่เหลี่ยมย่อเก็จต่อขึ้นมาอีก 4 ชั้น จึงเป็นเรือนธาตุ ต่อด้วยบัวลูกแก้วอีก 2 ชั้น ความสูงของเจดีย์เฉพาะส่วนที่สัมผัสได้ 12.20 เมตร ความกว้างของฐานองค์พระธาตุชั้นล่างสุด 15.80 เมตร
"พระธาตุหล้าหนอง" เป็นที่เคารพสักการะของชาวหนองคาย และชาวบ้านได้จัดงานประเพณีเกี่ยวกับพระธาตุในทุกปี คือประเพณีบุญบั้งไฟ เดือน 6 เพื่อจุดถวายองค์พระธาตุ ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 6 พิธีบวงสรวงองค์พระธาตุ วันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ถวายปราสาทผึ้ง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 และการแข่งเรือยาววันออกพรรษาทุกปี เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาการที่องค์พระธาตุจมลงไปในแม่น้ำโขง ทำให้ชาวหนองคายต้องการบำรุงรักษาพุทธสถานแห่งนี้ไว้ โดยนายทรงพล โกวิทศิริกุล นายกเทศมนตรีเมืองหนองคาย ได้ทำโครงการก่อสร้างพระธาตุหล้าหนององค์จำลอง แล้วบรรจุชิ้นส่วนพระธาตุองค์จริงเข้าไว้ข้างใน และปรับปรุงสภาพแวดล้อมริมฝั่งแม่น้ำโขงขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 38,650,000 บาท จากงบประมาณของจังหวัดหนองคาย และสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.หนองคาย
โดยขนาดพระธาตุองค์จำลอง ฐานกว้าง 10x10 เมตร ความสูงประมาณ 15 เมตร พร้อมทั้งการเสริมสร้างเสถียรภาพตลิ่งและป้องกันการกัดเซาะตลิ่งตลอดความยาว 194 เมตร และงานตกแต่งปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์โดยรอบ
ชาวหนองคายยังคงเหนียวแน่นในการเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี จึงร่วมกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ การสร้างองค์พระธาตุหล้าหนองจำลองขึ้นอ้างอิง
พระธาตุกลางแม่น้ำโขง จังหวัดหนองคาย
ที่มา....
http://www.nkcity.com/index.php?mod=...ta&article=436http://www.baanmaha.com/community/thread19169.html