ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เราอยู่ในระบบสังคม..ที่มอมเมาให้กินเนื้อสัตว์ : วิปัสสนาบนหน้าข่าว  (อ่าน 1452 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28499
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


เราอยู่ในระบบสังคมที่มอมเมาให้กินเนื้อสัตว์
วิปัสสนาบนหน้าข่าว โดยพระชาย วรธัมโม เรื่อง ศูนย์ภาพเนชั่น ภาพ

ไม่เคยคิดว่าในชีวิตจะกลายเป็นคนที่หยุดบริโภคเนื้อสัตว์ไปได้ เพราะในหัวมีอาหารคาวเมนูโปรดอยู่หลายรายการด้วยกัน แต่ในที่สุดก็มาถึงจุดเปลี่ยน เมื่อเราต้องการสร้างเหตุปัจจัยด้านบวกให้เกิดกับตนเองมากขึ้น จึงเปลี่ยนแปลงตัวเองหันไปฉันมังสวิรัติ

อันที่จริงการฉันเนื้อสัตว์ก็ถือเป็นการปฏิบัติธรรมที่ง่ายไม่ต้องทำตัวให้ลำบาก ไม่ต้องมานั่งพินิจพิเคราะห์สงสัยลังเลว่าอาหารในจานที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเรามีเนื้อสัตว์ปนมาหรือเปล่า โยมที่นำอาหารมาถวายจะรู้หรือไม่ว่าเราไม่ฉันเนื้อสัตว์ แต่ในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไปเราก็ไม่ต้องมานั่งฟุ้งซ่านลังเลสงสัยอะไรแบบนั้นอีก เพราะ 'วิจิกิจฉา' ก็เป็นกิเลสตัวหนึ่งที่เราทุกคนต้องก้าวข้ามผ่านกันไป


 :96: :96: :96: :96:

ตอนที่เริ่มหันมาฉันมังสวิรัติใหม่ๆ ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก มีโยมทำถวายให้ ส่วนที่ยากน่าจะเป็นความรู้สึกอยากฉันอาหารคาวเมนูโปรดมากกว่า อย่างเช่น ไก่ชุบแป้งทอด ข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ยำกุนเชียง เหล่านี้จะคอยมากวนความรู้สึกอยู่เป็นระยะ แม้จะผ่านไปแล้วประมาณ ๓-๕ ปีก็ยังรู้สึกอยากฉันอยู่ บางครั้งไปงานที่บังเอิญมีอาหารคาวตั้งอยู่ตรงหน้าก็ต้องทำใจหลีกเลี่ยง การหันมาทานมังสวิรัติหรือกินอาหารเจ จึงเป็นการทำตัวเองให้มีระเบียบวินัยในเรื่องการรับประทานอาหารไปอีกขั้นหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการห้ามกิเลสเรื่องการกินโดยตรงซึ่งทำได้ยาก แต่ถ้าสามารถผ่านช่วงนี้ไปได้ก็ถือว่าเราชนะกิเลสไปได้อีกตัวหนึ่ง

สมัยที่ผู้เขียนเป็นฆราวาสเคยกินข้าวขาหมูที่มีมันหมูหนาๆ มันๆ ได้อย่างเอร็ดอร่อย ตอนนั้นมีคนที่ทานมังสวิรัติมานั่งใกล้ๆ แล้วพูดว่าเธอไม่สามารถกินมันหมูแบบนั้นได้อีกเพราะเหม็นคาว ได้ยินแล้วก็นึกในใจว่ามันจะยากขนาดไหนเชียวกับการกินมันหมูแบบนี้ ต่อให้เรากินมังสวิรัติเราก็ยังคงกินมันหมูแบบนี้ได้แหละน่า แต่เมื่อเวลาผ่านไปถึงได้รู้ว่าสิ่งที่เราคิดตอนนั้นมันผิด เพราะทุกวันนี้เราไม่สามารถกลับไปกินข้าวขาหมูอย่างเคยได้อีกแล้ว


 :25: :25: :25: :25:

การกินมังสวิรัติเป็นเวลา ๒๒ ปีทำให้จมูกมีปฏิกิริยากับของคาวทันทีคือรู้สึกเหม็นและทานไม่ลง ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกกะปิ หรือแม้แต่ผัดไทยใส่กุ้งแห้งเพียงไม่กี่ตัวก็ยังรู้สึกเหม็น คนที่กินมังสวิรัติหรือกินอาหารเจมานานจะรู้สึกคล้ายๆ กันทุกคน แต่ก็มีบางคนที่แตกต่างออกไปคือ หลังจากกินอาหารเจหรืออาหารมังสวิรัติได้ปีสองปีก็ยังกลับไปกินเนื้อสัตว์ได้อีกโดยไม่รู้สึกเหม็นคาว ก็เป็นไปได้เหมือนกัน

สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาหลังจากหยุดกินเนื้อสัตว์เป็นระยะเวลานาน ๆ ก็คือรู้สึกมากขึ้นว่าเนื้อสัตว์ไม่ใช่อาหารของมนุษย์ และรู้สึกตัวมากขึ้นว่ามนุษย์เราไม่จำเป็นต้องกินเนื้อของเพื่อนร่วมโลกก็มีชีวิตอยู่ได้ และไม่ได้หมายความว่าการงดเนื้อสัตว์จะทำให้เราขาดสารอาหารบางอย่างไป หากเราต้องการโปรตีนก็ยังมีโปรตีนจากถั่วและธัญพืชให้เลือกกิน


 st12 st12 st12 st12

บางคนบอกว่าถ้าไม่กินเนื้อสัตว์แล้วจะไม่มีแรง เดี๋ยวสารอาหารจะไม่ครบ ๕ หมู่ ความจริงข้อนี้มีการโต้เถียงและเปรียบเทียบกันมานานแล้วว่าวัวควายเป็นสัตว์กินหญ้ายังมีพละกำลังมหาศาลไถนาได้อย่างแข็งขัน การกินผักแล้วไม่มีแรงจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด เป็นเพราะเรากินเนื้อสัตว์มานานร่างกายก็เลยคุ้นชินกับอาหารหนักย่อยยาก พอเราเปลี่ยนเป็นอาหารผักย่อยง่ายร่างกายจึงไม่คุ้น ต่อเมื่อกินผักไปนานๆ ร่างกายจะปรับสมดุลไปเอง

สิ่งหนึ่งที่อยู่ในตำราเรียนวิชาสุขศึกษาคือการบอกว่าเราต้องกินอาหารให้ครบ ๕ หมู่ หนึ่งใน ๕ หมู่คือโปรตีนที่มาจากเนื้อสัตว์ สิ่งที่วิชาสุขศึกษาไม่เคยคำนึงถึงคือการจะได้รับสารโปรตีนจากเนื้อสัตว์ต้องมาจากการทำลายชีวิตสัตว์ ในที่สุดก็ไปขัดกับวิชาพุทธศาสนาที่สอนเราให้หลีกเลี่ยงการฆ่าสัตว์ แม้เราจะไปซื้อเนื้อมาจากตลาดแล้วบอกว่าเราไม่ได้ฆ่ามันโดยตรงแต่คนอื่นก็ฆ่าให้เราเรียบร้อยแล้ว การซื้อเป็นเพียงการปฏิเสธการรับรู้ภาพทารุณกรรมที่เราไม่อยากเห็นแค่นั้นเอง แล้วเราก็ลืมภาพทารุณกรรมเหล่านั้นไป สัตว์ก็ยังคงถูกฆ่าเพื่อนำร่างของมันมาปรุงอาหารให้มนุษย์กินอยู่ดี


 :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:

ไม่ใช่แต่ในตำราเรียนเท่านั้น แม้แต่วงการแพทย์ก็สนับสนุนให้เรากินเนื้อสัตว์โดยอ้างว่าการกินเนื้อสัตว์ทำให้มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง แต่ความจริงก็คือคนกินเนื้อสัตว์ก็ยังต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่ดี ลองไปเดินดูตามโรงพยาบาลสิคนป่วยจำนวนมากรอเข้าคิวเพื่อพบหมอด้วยโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ นานา พวกเขากินเนื้อสัตว์แต่ทำไมยังต้องมาหาหมอกันอีกล่ะ ไหนว่ากินเนื้อสัตว์แล้วแข็งแรงไง?
 
ในเมื่อคนในวงการแพทย์ยังบริโภคเนื้อสัตว์และเขาก็อยู่ในโลกของความเอร็ดอร่อยจากการบริโภคเนื้อสัตว์ จึงไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องมาแนะนำเราให้หันไปกินผักเพราะมันไม่ใช่กงการที่สลักสำคัญอะไรในเมื่อเขายังไม่รู้เลยว่าการหยุดเนื้อสัตว์มีคุณประโยชน์อย่างไร


 :49: :49: :49: :49:

จริงๆ แล้วมีประโยชน์หลายด้านเลยทีเดียวสำหรับการหยุดบริโภคเนื้อสัตว์ ซึ่งวงการแพทย์วางเฉยไม่ได้ให้ความสำคัญ เช่น ทำให้โรคภัยไข้เจ็บที่รุนแรงบางอย่างหายไป ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยมะเร็งอยู่ในอาการดีขึ้นเมื่อหยุดบริโภคเนื้อสัตว์แล้วหันไปกินผักให้มากขึ้น ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวบางชนิดมีอาการดีขึ้น อย่างเช่น เราเคยป่วยเป็นโรคไมเกรน ปัจจุบันก็ดีขึ้น เมื่อมีบาดแผลตามร่างกายก็หายเร็วขึ้น กระเพาะอาหารทำงานเบาลง การขับถ่ายคล่องขึ้น หน้าไม่เป็นสิว ฯลฯ

ทั้งหมดนี้เราตกอยู่ในระบบโครงสร้างสังคมที่ครอบงำเราให้บริโภคเนื้อสัตว์ เขาบอกว่าถ้าเราไม่กินเนื้อสัตว์ เราจะป่วยเราจะอ่อนแอ คนที่อยู่ในสังคมก็คิดเหมือนกันหมด ในโรงเรียนครูก็พูดแบบนี้ ในมหาวิทยาลัยอาจารย์ก็พูดแบบนี้ ในโรงพยาบาลหมอก็พูดแบบนี้ ในวัดพระก็พูดแบบนี้ ไม่เคยมีการประชาสัมพันธ์เลยว่าเราควรหยุดเนื้อสัตว์ เนื้อสัตว์แม้จะทำให้เราอิ่มท้องมีสารโปรตีนที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย แต่ในขณะเดียวกันเนื้อสัตว์ก็นำโรคภัยไข้เจ็บมาสู่คนเพราะมันประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อพังผืดที่ย่อยยากและเชื้อโรคต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ฮอร์โมนแห่งความเครียด” ที่หลั่งออกมาจากตัวสัตว์ขณะถูกฆ่า ฮอร์โมนความเครียดจะแทรกซึมอยู่ในเนื้อที่เรากินลงไป สุดท้ายก็นำเราไปสู่โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ

 :s_good: :s_good: :s_good: :s_good:

บางทีวงการแพทย์อาจจะทราบ แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญว่าจะต้องมาบอกให้คนเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน เพราะวงการแพทย์มีอำนาจและอิทธิพลในการให้ข้อมูลข่าวสาร ถ้าพูดออกไปจะมีผลกระทบไปทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โรงฆ่าสัตว์ โรงงานอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ ภัตตาคาร ในที่สุดอาจมีผลกระเทือนไปทั้งประเทศ ที่สำคัญคือทำให้เขาอดรับประทานเมนูเนื้อสัตว์ที่ถูกปาก ผู้รับเคราะห์คือสัตว์จำนวนมากมายที่ต้องตายไปในแต่ละวัน น้อยคนที่จะรู้ว่าแม้ไม่กินเนื้อสัตว์เราก็แข็งแรงมีชีวิตอยู่ได้

ประเทศอินเดียเป็นตัวอย่างของสังคมฮินดูที่ไม่กินเนื้อสัตว์มาเป็นพันๆ ปีแล้ว ประชากรส่วนใหญ่ในประเทศไม่ได้บริโภคเนื้อสัตว์เป็นอาหารหลัก แต่ประชากรของเขาก็ยังมีชีวิตสืบเผ่าพันธุ์มาจนทุกวันนี้ คนไทยที่ไปอินเดียเพื่อเยี่ยมชมพุทธสังเวชนียสถานบ่อยๆ น่าจะหันกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองบ้างว่า

“เรากำลังถูกหลอกให้กินเนื้อสัตว์กันอยู่หรือเปล่า ?"


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20140923/192626.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

prachabeodee

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 135
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
แฮะ แฮะ.....
            ชอบใจตรงคำว่า  "วิปัสสนาบนหน้าข่าว"........ที่สุดเลย
       
บันทึกการเข้า