ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 10
 11 
 เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2024, 06:39:01 am 
เริ่มโดย raponsan - กระทู้ล่าสุด โดย raponsan

.



เปิดประวัติ พระธรรมพัชรญาณมุนี (พระอาจารย์ชยสาโร) พระราชาคณะเจ้าคณะรองคนใหม่

พระธรรมพัชรญาณมุนี หรือพระอาจารย์ชยสาโร ได้รับการประกาศสถาปนาสมณศักดิ์ จากพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม โปรดสถาปนาให้พระธรรมพัชรญาณมุนี ขึ้นเป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองคนใหม่ มีประวัติอย่างไร

@@@@@@@

ประวัติ พระธรรมพัชรญาณมุนี

พระธรรมพัชรญาณมุนี หรือพระอาจารย์ชยสาโร มีชื่อเดิมว่า ฌอน ไมเคิล ชิเวอร์ตัน เกิดบนเกาะไอล์ออฟไวท์ ประเทศอังกฤษ เมื่อปี 2501 ในปี 2521 ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงพ่อชา (ชา สุภัทโท พระโพธิญาณเถร) ที่วัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี ในปี 2523 ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร และต่อมาในวันที่ 3 มิถุนายน 2523 ได้อุปสมบทโดยมีหลวงพ่อชาเป็นพระอุปัชฌาย์

เมื่อครบการฝึกตนเป็นพระนวกะ 5 พรรษาแล้ว พระอาจารย์ชยสาโรได้ออกธุดงค์และปลีกวิเวกจนถึงช่วงเข้าพรรษาปี 2529 ท่านจึงเดินทางกลับจังหวัดอุบลราชธานี หลังจากนั้นท่านอยู่ที่วัดป่านานาชาติเป็นส่วนใหญ่โดยรับหน้าที่เป็นรองเจ้าอาวาส

ตลอดระยะเวลาหลายปีหลังจากนั้น ท่านได้สลับหมุนเวียนระหว่างช่วงเวลาในการปลีกวิเวกและการปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่งในคณะสงฆ์ ระหว่างนี้ท่านได้รับความไว้วางใจจากคณะสงฆ์อาวุโสในการเขียนเรียบเรียงชีวประวัติของหลวงพ่อชา ซึ่งท่านตั้งชื่อผลงานชิ้นนี้ว่า ‘อุปลมณี’ ในปี 2540 ท่านได้รับหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสวัดป่านานาชาติจนถึงสิ้นปี 2545

ตั้งแต่ต้นปี 2546 พระอาจารย์ชยสาโรได้ปลีกวิเวกมาพำนักอยู่ที่อาศรมชนะมาร อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และพร้อมไปกับการมุ่งต่อกิจส่วนตัวของท่าน พระอาจารย์ยังนำปฏิบัติธรรมให้ญาติโยมเป็นระยะๆ ที่สถานที่ปฏิบัติธรรมบ้านบุญ รวมถึงมีบทบาทในการนำหลักการพัฒนาชีวิตวิถีพุทธเข้าสู่ระบบการศึกษา

@@@@@@@

พระอาจารย์ชยสาโรได้เขียนหนังสือธรรมะทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษไว้มากมาย โดยจำนวนหนึ่งมีการนำไปแปลเป็นภาษาอื่นๆ งานเขียนภาษาอังกฤษชิ้นล่าสุดของท่าน คือ ‘Stillness Flowing’ เป็นงานชิ้นสำคัญซึ่งบันทึกชีวประวัติและคำสอนของหลวงพ่อชาโดยละเอียด

ในปี 2554 พระอาจารย์ชยสาโรได้รับมอบปริญญาเอกกิตติมศักดิ์ในสาขาวิชาธรรมนิเทศจากมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และในปี 2562 ท่านได้รับพระราชทานแต่งตั้งสมณศักดิ์เป็น พระราชพัชรมานิต จากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาในปี 2563 ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระเทพพัชรญาณมุนี และได้รับพระราชทานสัญชาติไทย ทั้งนี้ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตโต) ได้เมตตาตั้งนามสกุลภาษาไทยให้ว่า 'โพธานุวัตน์' และในปี 2564 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระธรรมพัชรญาณมุนี

ล่าสุด วันที่ 13 พ.ค. 2567 พระธรรมพัชรญาณมุนี ได้รับการโปรดสถปนาขึ้นเป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรอง มีราชทินนามตามที่จารึก ในหิรัญบัฏว่า พระพรหมพัชรญาณมุนี ศรีวิปัสสนาธุราจารย์ ไพศาลวิเทศศาสนกิจ วิสิฐสีลาจารดิลก สาธกธรรมวิจิตร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี สถิต ณ สถานพํานักสงฆ์บ้านไร่ทอสี จังหวัดนครราชสีมา มีฐานานุศักดิ์ตั้งฐานานุกรมได้ 8 รูป






Thank to : https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2785292
13 พ.ค. 2567 18:31 น. | ไลฟ์สไตล์ > ไลฟ์ > ไทยรัฐออนไลน์
ข้อมูลอ้างอิง : มูลนิธิปัญญาประทีป

 12 
 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2024, 07:58:02 pm 
เริ่มโดย todaytimepost11 - กระทู้ล่าสุด โดย todaytimepost11
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

 13 
 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2024, 03:18:14 pm 
เริ่มโดย todaytimepost11 - กระทู้ล่าสุด โดย todaytimepost11
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้

 14 
 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2024, 10:26:08 am 
เริ่มโดย aventure1 - กระทู้ล่าสุด โดย aventure1
ดันกระทู้

 15 
 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2024, 06:20:07 am 
เริ่มโดย raponsan - กระทู้ล่าสุด โดย raponsan
.



เปิดประวัติ หลวงปู่ศิลา ตำนานภาพปิดทองหลังพระของจริง

เปิดประวัติ หลวงปู่ศิลา ตำนานภาพปิดทองหลังพระของจริง ลูกศิษย์ลูกหาหลั่งไหลเข้ากราบวันละนับหมื่นคน

เฟซบุ๊กเพจ ศรัทธาบารมี หลวงปู่ศิลา สิริจันโท ได้แชร์เรื่องราวตำนานปิดทองหลังพระ โดยระบุว่า "ครั้งหนึ่งมีผู้ศรัทธาท่านหนึ่ง เห็นภาพหลวงปู่ศิลาในเฟซบุ๊ก ไม่รู้จักหลวงปู่มาก่อน คิดว่าหลวงปู่ท่านละสังขารแล้ว แต่เกิดปิติศรัทธา

จึงบนบานกับภาพในเฟซนั้นในสิ่งที่ตนทุกข์ใจอยู่ว่า หากสำเร็จจะไปปิดทองรูปเหมือนหลวงปู่ที่วัด ปรากฏว่า ทุกอย่างผ่านพ้นได้ตามคำบนประสงค์ จึงสุ่มเดามาที่วัด ซึ่งยุคนั้นที่วัดไม่มีรูปเหมือนหลวงปู่เลย มีแต่องค์จริงท่านนั่งอยู่บนกุฏิสองผัวเมียจึงขอโอกาสแก้บนโดยการปิดทอง หลวงปู่ก็เมตตา

ที่วัดพระธาตุหมื่นหินและธรรมอุทยาน จึงมีรูปหล่อหลวงปู่ไว้ให้ท่านปิดทอง เชิญทุกท่านกราบขอพร ปิดทองตามอัธยาศัย ขอบารมีหลวงปู่คุ้มครองให้ทุกท่านมีโชคลาภ อำนาจ วาสนา เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ประสบสิ่งอันพึงปรารถนาทุกทิพาราตรีกาลเทอญ"

เรื่องนี้นับเป็นหนึ่งในเรื่องที่ลูกศิษย์ของหลวงปู่ศิลา หรือ หลวงปู่มหาศิลา แชร์ในเรื่องของความศรัทธา ปาฏิหาริย์ต่างๆ ซึ่งหลวงปู่มีเมตตากับประชาชนที่เข้ามากราบไหว้




โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ธรรมอุทยานหลวงปู่ศิลาสิริจันโทบ้านแกเปะ ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ศิษยานุศิษย์ พุทธศาสนิกชนได้เข้าร่วมพิธีถวายกุฏิพระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลาสิริจันโท)

โดยมีนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการจากหลายหน่วยงานร่วมจุดธูปเทียนบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หลังจากนั้นพระสงฆ์ได้สวดเจริญพระพุทธมนต์และเจริญชัยมงคลคาถาเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้เข้าร่วมงาน

โดยหลวงปู่ศิลาสิริจันโท ได้มอบให้พระครูปลัดวชิรโสภณญาณ (ชัยชุตินธโร) รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน (ธ) เป็นตัวแทนกล่าวโอวาทธรรมเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้เข้าร่วมงาน ซึ่งมีใจความหนึ่งว่า

“เกิดมาเป็นมนุษย์ก็ดีพอแฮงแล้วหละ ได้พบพระพุทธศาสนาก็เป็นของดีพอแฮงแล้วหละ ได้รู้แจ้งทางโลกทางพรหมโลกทางสวรรค์จนฮอดพระนิพพานพู้นหละกะ เป็นของดีแล้วหละ ให้ปฏิบัติเอาให้หมั่นทำบุญทำทาน ให้หมั่นสร้างบุญสร้างกุศล”

หลวงปู่ศิลาสิริจันโท ยังได้เป่าสังข์แสดงพลังว่ายังแข็งแรงดีอยู่ ทำให้ลูกศิษย์ต่างสาธุขอให้องค์หลวงปู่มีสุขภาพแข็งแรงอยู่เผยแผ่พุทธศาสนาและบารมีให้ลูกศิษย์ลูกหาได้พึ่งพาอาศัยบารมีหลวงปู่นานๆ ด้วย





ประวัติหลวงปู่มหาศิลา

หลวงปู่พระมหาศิลาสิริจันโทมีนามเดิมชื่อ ศิลา นิลจันทร์ เกิดเมื่อ 14 ตุลาคม พ.ศ.2488 ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 11 ปีระกา ปัจจุบันอายุ 78 ปี เป็นบุตรของนายแก่น และนางน้อย นิลจันทร์ บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อครั้งอายุ 15 ปี ณ วัดธาตุประทับ และอุปสมบทสังกัดมหานิกายเมื่อปี พ.ศ.2509 ณ วัดบูรพาภิราม จ.ร้อยเอ็ด โดยพระสิริวุฒิเมธี (เจ้าคณะ จ.ร้อยเอ็ด สมัยนั้น)

หลวงปู่พระมหาศิลาศึกษาปริยัติอย่างมุ่งมั่นจนสอบได้นักธรรมชั้นเอกและเปรียญธรรม 6 ประโยครับพัดเปรียญกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 เมื่อปี พ.ศ.2515 ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และได้รับหน้าที่เป็นพระอาจารย์สอนที่ รร.วัดนิคมคณาราม จ.ร้อยเอ็ด และรับหน้าที่เป็นพระที่สวดปาฏิโมกข์ในการลงอุโบสถของคณะสงฆ์ตลอดมา

เมื่อแตกฉานด้านปริยัติแล้ว หลวงปู่พระมหาศิลาได้จาริกแสวงบุญปลีกวิเวกไปหลายจังหวัด เช่น จ.อุดรธานี จ.หนองคาย จ.ชัยภูมิ ได้เดินธุดงค์ป่า ณ ภูเขา อ.สังคม จ.หนองคาย สู่ภูเขาควาย สปป.ลาว ในปี พ.ศ.2517 เดินทางไปกับหลวงพ่อบ้านชาติ วัดบ้านชาติ จ.ร้อยเอ็ด (มรณภาพแล้ว) ได้พบกับครูบาอาจารย์มากมาย เช่น หลวงปู่ทองมาถาวโร, หลวงปู่มหาบุญมีสิรินธโร, หลวงปู่ลีกุสลธโร และเป็นสหธรรมมิกกับครูบาอาจารย์หลายรูป เช่น หลวงพ่อสมานธัมรักขิตโต, หลวงปู่หนูอินทวัณโณ, หลวงปู่สมสิทธิ์รักขิสีโล, หลวงปู่ล้อมสีลสังวโร




หลวงปู่พระมหาศิลาได้ร่ำเรียนวิปัสนาและเรียนอักษรธรรมลาว อ่านหนังสือจากใบลานอีสานได้อย่างแตกฉาน และได้ศึกษาคัมภีร์ใบลานสายสมเด็จลุนจาก สปป.ลาว หลายฉบับศึกษาจนแตกฉาน

ตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 เป็นต้นมา หลวงปู่พระมหาศิลาได้ปลีกวิเวกหลายที่ ไม่ว่าจะเป็นป่าช้าร้างหลายแห่ง จนหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรีสะอาดซึ่งเคารพนับถือท่านมากได้กราบนิมนต์ท่านมาจำพรรษาที่วัด โดยหลวงปู่ประสงค์จะปลีกวิเวก ณ สวนสงฆ์บ้านแกเปะ เหล่าศิษยานุศิษย์จึงร่วมกันสร้างกุฏิถวายหลวงปู่ศิลาได้จำพรรษาตลอดมา

พระธรรมรัตนดิลก เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์เทพวราราม ได้มีความเลื่อมใสในองค์หลวงปู่ได้นิมนต์ท่านขึ้นไปร่วมงานพุทธาภิเษกพระกริ่งวัดสุทัศน์ฯ และหลายวัดในภาคอีสานจะกราบอาราธนาหลวงปู่ไปร่วมปรกแทบทุกงาน เนื่องจากเหล่าศิษยานุศิษย์ได้ประจักษ์แก่สายตาเรื่องพุทธาคมวัตรปฏิบัติ ความเมตตา ความสันโดษ และเรื่องญาณหยั่งรู้ที่ท่านสามารถล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าอย่างน่าอัศจรรย์






Thank to :-
ภาพจาก : facebook ศรัทธาบารมี หลวงปู่ศิลา สิริจันโท
URL : https://www.amarintv.com/article/detail/64721
Powered by amarintv | 14 พ.ค. 67

 16 
 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2024, 09:12:35 pm 
เริ่มโดย raponsan - กระทู้ล่าสุด โดย neklov
คุณรู้อะไรเกี่ยวกับการนำระบบ KYC ไปใช้และส่งผลต่อ ความปลอดภัย yyy คาสิโน อย่างไร ลิงก์ก่อนหน้านี้จะช่วยคุณเกี่ยวกับปัญหานี้และอธิบายว่าความปลอดภัยในปี YYY นั้นสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

 17 
 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2024, 11:33:43 am 
เริ่มโดย aventure1 - กระทู้ล่าสุด โดย aventure1
ดันกระทู้

 18 
 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2024, 06:52:08 am 
เริ่มโดย raponsan - กระทู้ล่าสุด โดย raponsan
.



ฤดูฝนนี้ไทยจะเป็นอย่างไร หากเอลนีโญกำลังจากไป และลานีญากำลังจะมาแทน

Summary

  • โลกร้อนขึ้นจนหลายคนสัมผัสได้อย่างชัดเจนและกำลังมาพร้อมภัยธรรมชาติที่กำลังกระทบไปทั่วโลก
  • ปัจจุบันองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NOAA) คาดการณ์ว่าเอลนีโญจะสิ้นสุดในช่วงนี้จนถึงเดือนมิถุนายน และจะเปลี่ยนเป็นปรากฏการณ์ลานีญาระหว่างเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม
  • โอกาสที่ปรากฏการณ์ลานีญาเข้ามาแทนเอลนีโญจึงเป็นที่น่าเป็นห่วงว่ารัฐไทยจะมีแผนรับมืออย่างไรกับพายุฝนและน้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงฤดูฝนที่กำลังใกล้เข้ามาในอีกไม่ช้า
   


 :96: :96: :96:

โลกร้อนขึ้นจนหลายคนสัมผัสได้อย่างชัดเจนและกำลังมาพร้อมภัยธรรมชาติที่กำลังกระทบไปทั่วโลก ซึ่งไม่กี่เดือนมานี้ หลายคนอาจเห็นข่าวคราวที่น่าผวากับภัยธรรมชาติในหลายประเทศ เช่น น้ำท่วมดูไบเพราะฝนตกหนักที่สุดในรอบ 75 ปี และเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดที่อินโดนีเซียและคำเตือนว่าจะเกิดสึนามิ

หลังจากเมื่อปีที่แล้วสำนักอุตุนิยมวิทยาของออสเตรเลียคาดการณ์ว่าปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) จะมีความรุนแรงมากในช่วงสิงหาคม 2566-มีนาคม 2567 และจะลดลงไปสู่ระดับอ่อนถึงปานกลางในพฤษภาคม 2567 ซึ่งถ้าเอลนีโญปรับระดับเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังของปี 2567 ก็อาจยาวนานยืดเยื้อไปถึงปี 2568

แต่ปัจจุบันองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NOAA) กลับคาดการณ์ว่าเอลนีโญจะสิ้นสุดในช่วงนี้จนถึงเดือนมิถุนายน และจะเปลี่ยนเป็นปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม

หากใครยังจดจำกันได้ ลานีญา (La Niña) เคยเกิดขึ้นในไทยมาแล้ว และเป็นสาเหตุน้ำท่วมใหญ่ในปี 2011 ช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นและฝนตกหนัก




ส่วนเอลนีโญเป็นผลตรงกันข้ามคือทำให้ประเทศไทยขาดฝนและเกิดความแห้งแล้ง เนื่องจากทิศทางกระแสลมทำให้กระแสน้ำอุ่นไปทางฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก ส่งผลให้ฝั่งอเมริกาใต้ฝนตกมากขึ้น ซึ่งความรุนแรงของเอลนีโญและลานีญาจะแตกต่างออกไปในแต่ละปี เช่น เมื่อปี 2020 ก็เกิดปรากฏการณ์ลานีญา แต่มีกำลังอ่อนทำให้ฝนตกหนักกว่าปี 2019 เท่านั้น

แต่เนื่องด้วยวิกฤติสภาพภูมิอากาศที่อุณหภูมิเฉลี่ยโลกเมื่อปี 2023 กลายเป็นปีที่ร้อนที่สุดนับตั้งแต่ปี 1850 และกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การพยากรณ์เป็นไปอย่างยากลำบาก อีกข้อสำคัญคือการพยากรณ์ปริมาณน้ำฝนและอุณหภูมิไม่ได้ขึ้นอยู่กับการพยากรณ์เอลนีโญและลานีญาทำให้การคาดเดาผลกระทบอาจเป็นไปได้ยากในสภาพอากาศที่แปรปรวนหนักขึ้นเรื่อยๆ

โอกาสที่ปรากฏการณ์ลานีญาจะเข้ามาแทนเอลนีโญจึงเป็นที่น่าเป็นห่วงว่ารัฐไทยจะมีแผนรับมืออย่างไรกับพายุฝนและน้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงฤดูฝนที่กำลังใกล้เข้ามาในอีกไม่ช้า



ประเทศไทยจะกระทบหนักแค่ไหน.?

หากประเทศไทยเกิดลานีญาย่อมมีผลกระทบแน่นอน ซึ่งผลคาดการณ์เดือนเมษายน 2024 ของ กรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่า ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคมอุณหภูมิสูงกว่าปกติ และปริมาณฝนมีค่าใกล้เคียงกับค่าปกติ แต่จะมีฝนตกชุกบริเวณภาคกลางตอนล่าง และฝั่งตะวันตกของภาคอีสาน

อีกทั้งยังคาดว่า จะเกิดปรากฏการณ์เอนโซ (ENSO : El Niño-Southern Oscillation) หรือสภาวะที่เป็นกลาง หมายความว่าเป็นช่วงที่ทั้งเอลนีโญและลานีญาไม่ได้มีพลังอยู่ ซึ่งก็คือในช่วงนี้ที่สภาวะเอลนีโญกำลังอ่อนลงและเปลี่ยนเข้าสู่สภาวะเป็นกลางในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน หลังจากนั้นมีโอกาสถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ที่จะเข้าสู่สภาวะลานีญาในช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม 2024




นอกจากนี้อุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกบริเวณเขตศูนย์สูตรก็เริ่มเย็นลงในเดือนที่ผ่านมา แต่ยังคงอุณหภูมิสูงกว่าปกติ เป็นผลต่อเนื่องจากเอลนีโญที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม องค์กรทั่วโลกยังคงบอกว่าสถานการณ์ตอนนี้ยังคงต้องติดตามต่อเนื่องอย่างใกล้ชิด ซึ่งองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) แนะนำว่าควรสังเกตการใช้แบบจำลองในการคาดการณ์ เพราะบางแบบจำลองตามฤดูกาลมีประสิทธิภาพต่ำ

สิ่งสำคัญคือ เอลนีโญและลานีญาไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ส่งผลต่อสภาพภูมิอากาศโลกและท้องถิ่น การประเมินแนวโน้มต้องคำนึงถึงผลกระทบ และปัจจัยทางสภาพอากาศอื่นๆ ในท้องถิ่นนั้นๆ ด้วย

แม้พยากรณ์จากหลายสำนักจะคาดการณ์ไปในทิศทางเดียวกันในช่วงเวลาหนึ่ง แต่เรายังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะเมื่อสภาพภูมิอากาศยากจะคาดเดาขึ้นเรื่อยๆ การเตรียมแผนรับมือจึงเป็นสิ่งที่ไม่ไกลตัวพวกเราทุกคน และความประมาทต่อสภาพภูมิอากาศในยุคโลกรวน อาจนำไปสู่หายนะที่ไร้หนทางแก้ก็เป็นได้






ขอขอบคุณ :-
อ้างอิง : thehill.com , climate.copernicus.eu , media.bom.gov.au
URL : https://plus.thairath.co.th/topic/naturematter/104388
Thairath Plus › Nature Matter › Environment | 25 เม.ย. 67 | creator : ณัฏฐ์นรี เฮงสาโรชัย 

 19 
 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2024, 06:28:18 am 
เริ่มโดย raponsan - กระทู้ล่าสุด โดย raponsan



ที่เที่ยวสายบุญ Unseen ภูเก็ต วัดพระทอง ไหว้พระผุด หนึ่งเดียวของไทย

ที่เที่ยว ในภูเก็ต ไม่ได้มีแค่ทะเลและบรรดาเกาะที่สวยงาม ครั้งนี้เราพาขึ้นบก ไหว้พระผุด ที่วัดพระทอง ที่เที่ยวสายบุญ Unseen หนึ่งเดียวของไทยที่หลายคนยังไม่รู้จัก




วัดพระทอง หรือ วัดพระผุด ตั้งอยู่หมู่ที่ 7 ถนนเทพกระษัตรี ตำบลเทพกระษัตรี อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต มองภายนอกอาจดูเหมือนวัดพุทธทั่วไป แต่ภายในวัดมีพระพุทธรูปประดิษฐานในรูปแบบที่แตกต่างไปจากที่อื่น นั่นคือ พระผุด พระพุทธรูปองค์ใหญ่แต่โผล่พ้นผืนดินเพียงครึ่งองค์เท่านั้น ส่วนเรื่องราวความเป็นมานับว่าน่าสนใจมากทีเดียว






ประวัติวัดพระทอง

วัดพระทอง เดิมที่ตั้งวัดเป็นที่นา มีน้ำไหลผ่าน มีลำคลอง มีทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงโด กระบือ ชาวเมืองถลางในสมัยนั้นเรียกทุ่งนี้ว่า "ทุ่งนาใน" น้ำในลำคลองไหลมาจากน้ำตกโตนไทรเทือกเขาพระแทว มีหมู่บ้านบ่อกรวดและหมู่บ้านนาใน อยู่สองข้างลำคลอง ต่อมาทุ่งนาในมีคนอยู่อาศัยมากขึ้น ชาวบ้านจึงเรียกบริเวณนี้ว่า "บ้านนาใน" จนถึงปัจจุบัน

วัดพระทองตั้งวัดเมื่อปี พ.ศ.2328 ต่อมาในปี พ.ศ.2452 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ขณะดำรงพระยศเป็นพระบรมโอรสาธิราช ได้พระราชทานนามวัดนี้ว่า "วัดพระทอง" วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 27 ตุลาดม 2523 เขคพระราชทานวิสุงคามสีมา อยู่ระหว่างอุโบสถกับวิหารพระทอง(พระพุด) กว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร วัดมีเนื้อที่ 35 ไร่ 68 ตารางวา









ประวัติหลวงพ่อพระทอง (พระผุด)

มีคำบอกเล่าจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีน ในจังหวัดภูเก็ต เล่าว่า เมื่อสมัยสองพันปีเศษ ตระกูลเจ้าเมืองจีน (เซี่ยงไฮ้) ได้หล่อองค์พระด้วยทองคำ เดิมมีชื่อว่า "กิมมิ่นจ้อ" ต่อมาเซี่ยงไฮ้ได้พ่ายแพ้สงครามแก่ชนชาติทิเบต ชาวทิเบตจึงนำองค์หลวงพ่อลงเรือมาทางทะเลผ่านมาทางมหาสมุทรอินเดีย เพื่อนำกลับประเทศทิเบต ระหว่างการเดินทางเกิดพายุพัดทำให้เรือล่มบริเวณชายฝั่งแถบจังหวัดพังงาเรือและองค์หลวงพ่อจึงจมลงทะเล

ด้วยเวลาที่ยาวนานเกิดการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก ทำให้บริเวณที่เรือจมเกิดเป็นแผ่นดินขึ้น คือเกาะภูเก็ตในปัจจุบัน ต่อมาชั้นดินบริเวณองค์หลวงพ่อเกิดทรุดตัวลงเนื่องจากอยู่ใกล้ลำคลอง องค์หลวงพ่อจึงผุดขึ้นมาให้เห็นเพียงพระเกตุมาลา สูงประมาณ 1 ศอก คนจีนเรียกว่า "พู่ฮุก" ส่วนองค์พระนั้นยังดงอยู่ใต้ดินจนถึงปัจจุบัน ภายหลังจึงได้หล่อองค์พระพุทธรูปครึ่งองค์สวมองค์พระทอง (พระผุด) ไว้

@@@@@@@

ตำนานเรื่องเล่า พระผุดศักดิ์สิทธิ์

มีตำนานเล่าต่อกันมาด้วยว่า แต่เดิมบริเวณที่พบองค์หลวงพ่อพระทองที่เป็นทุ่งนานั้น ได้เกิดพายุพัด ฝนตก น้ำท่วม วันหนึ่งหลังจากฝนหยุดแล้ว ได้มีเด็กชายคนหนึ่งนำกระบือไปเลี้ยงยังทุ่งนาใน เด็กหาที่ผูกเชือกกระบือใกล้ริมลำคลองไม่ได้ แต่พบเห็นสิ่งหนึ่งลักษณะเหมือนไม้แก่นอยู่ใต้โคลนตม จึงได้นำเชือกกระบือไปผูกไว้ ต่อมาเด็กคนดังกล่าวกลับมาบ้านได้เกิดเจ็บป่วยเป็นลมลัมตายในเวลาเช้านั้นเอง และกระบือที่ผูกไว้ก็ตายไปเช่นเดียวกัน

พอตกกลางคืน พ่อของเด็กชายฝันว่าเด็กได้นำเชือกกระบือไปผูกไว้กับพระเกตุมาลาของพระพุทธรูปทองคำที่จมอยู่ในดิน เช้าวันต่อมาพ่อของเด็กและชาวบ้านจึงได้นำน้ำไปล้างขัดถู จึงพบว่าที่ผูกเชือกเป็นพระเกตุมาลาของพระพุทธรูป ชาวบ้านจึงได้แห่กันกราบไหว้บูชาและแจ้งให้เจ้าเมืองทราบ เจ้าเมืองได้สั่งการให้ขุดพระพุทธรูปขึ้นมาเพื่อบูชา แต่ขุดอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ด้วยเกิดเหตุอาเพศ เช่น ตัวต่อ ตัวแตน มาทำร้ายผู้ชุด จึงได้สั่งให้จัดทำสถานที่กราบไหว้บูชาไว้แทน โดยมุงหลังดาเพื่อบังแดดบังลมไว้ก่อนที่จะมีการตั้งวัดขึ้นในเวลาต่อมา

ปัจจุบันพระผุดเป็นองค์พระพุทธรูปปิดทองเหลืองอร่ามสวยงาม แม้ผุดขึ้นมาจากพื้นเพียงครึ่งองค์ แต่เป็นที่เคารพของชาวพุทธในพื้นที่เป็นอย่างมาก

นอกจากการกราบสักการะพระผุดแล้ว ที่วัดแห่งนี้ยังมี พิพิธภัณฑสถานวัดพระทอง ที่เก็บรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ของชาวภูเก็ตในยุคแรก ๆ ให้ชมอีกด้วย







วัดพระทอง หรือ วัดพระผุด

    ที่ตั้ง : หมู่ที่ 7 ถนนเทพกระษัตรี ตำบลเทพกระษัตรี อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
    เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชม : 08.00-17.30 น.
    โทร : 076 274126
    พิกัด : https://maps.app.goo.gl/PjZGKNYAA1GZbKNy5

ชมภาพทั้งหมดได้ : https://www.sanook.com/travel/1447739/gallery/





Thank to : https://www.sanook.com/travel/1447739/
Uranee Th. : ผู้เขียน | 13 พ.ค. 67 (15:28 น.)

 20 
 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2024, 06:20:31 am 
เริ่มโดย raponsan - กระทู้ล่าสุด โดย raponsan
.



“พระพรหมเสนาบดี” ย้ำพระธรรมทูต ต้องรักษาวินัยตามแบบคณะสงฆ์ไทย

"พระพรหมเสนาบดี" เปิดประชุมสหภาพพระธรรมทูตไทยในเอเชียตะวันออก พร้อมนำคณะสงฆ์ไทยร่วมงานเฉลิมฉลองวิสาขบูชา ที่ไต้หวัน

สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ในฐานะประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ มอบหมายให้ พระพรหมเสนาบดี เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา กรรมการ มส. เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา ในฐานะรองประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ รูปที่ 1 ไปเป็นประธานการประชุมสหภาพพระธรรมทูตไทยในเอเชียตะวันออก (UTEA) สมัยสามัญครั้งที่ 2/2567 ที่วัดพระธรรมกายไทเป กรุงนิวไทเป สาธาณรัฐจีน (ไต้หวัน)

โดยมีพระธรรมทูตไทยจากสมัชชาสงฆ์ไทยในญี่ปุ่น สหภาพพระธรรมทูตไทยในยุโรป สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ โอเชียเนีย อินโดนีเชีย แอฟริกา วิทยาลัยพระธรรมทูต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) และผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เข้าร่วมประชุมจำนวน 100 รูป/คน เมื่อวันที่ 10 -13 พ.ค.




ทั้งนี้ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ได้มีสารแสดงธรรมคติ ในการประชุมสหภาพพระธรรมทูตไทยในเอเชียตะวันออก (UTEA) สมัยสามัญครั้งที่ 2/2567 ว่า งานพระธรรมทูตนั้น เป็นมรดกธรรมที่ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โปรดประทานไว้ให้แก่พุทธบริษัท ซึ่งได้มอบหน้าที่อันสำคัญ คือ การบำเพ็ญประโยชน์ เพื่อความสุข เพื่อการเกื้อกูลแก่พหุชนเป็นอันมาก พร้อมทั้งสามารถเป็นหลักใจ และเป็นที่พึ่งของพุทธศาสนิกชนชาวไทย และสาธุชนนานาอารยประเทศ เป็นเครื่องหล่อหลอมความสามัคคี เพิ่มพูนความดีเป็นบ่อเกิดแห่งคุณธรรม จริยธรรมของสังคม เป็นศูนย์รวมแห่งวิถีชีวิตของพุทธบริษัท การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตในต่างประเทศนั้น

นอกจากจะเผยแผ่พระพุทธศาสนาแล้ว ยังจะต้องนำเอาศิลปวัฒนธรรม ภาษา และประเพณีไปเผยแพร่อีกด้วย และส่งเสริมการสร้างสันติภาพด้วยสันติธรรม พระธรรมทูตจึงเป็นผู้สร้างสันติภาพโดยแท้ ในโอกาสนี้ ขอย้ำจริยาของพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ให้พึงตระหนักในสมณภาวะ คือ การใช้สติ และปัญญา ให้สมดุลกัน หมายถึงเราอาจจะรู้ทุกอย่าง แต่ก็ไม่สู้รู้ตัวว่า เรามีภาวะ ฐานะ หน้าที่ของตน เป็นอะไร การวางตน การปฏิบัติหน้าที่ผู้ใหญ่ที่น่าเคารพนับถือ มีวิสัยทัศน์ มีภาวะผู้นำ เสียสละ รับฟัง ให้โอกาสผู้น้อย ผู้ปฏิบัติ ด้วยความเคารพและซื่อสัตย์ สุจริต อุดมด้วยสามัคคีธรรม น้อมนำบนพื้นฐานแห่งสาราณียธรรม ย่อมยังให้เกิดแต่ประโยชน์ไม่มีโทษ




พระพรหมเสนาบดี กล่าวสัมโมทนียกถาเปิดการประชุม ว่า พระธรรมทูตมีหน้าที่ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา รักษาพระธรรมวินัย อีกทั้งเป็นผู้นำวัฒนธรรมไทยสู่นานาชาติ เมื่อดำเนินการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนต่างประเทศซึ่งมีความแตกต่างด้านศาสนาและวัฒนธรรม ดังนั้นจึงควรรักษาน้ำใจของคณะสงฆ์ ชุมชนชาวพุทธนานาชาติ และผู้นำศาสนาในประเทศนั้นๆ ขณะเดียวกันก็ให้รักษาพระธรรมวินัยในแบบพระสงฆ์ไทย เพื่อแสดงถึงวิถีชาวพุทธที่พระพุทธองค์ทรงให้แนวทางไว้ เพื่อเผยแผ่หลักพุทธธรรมคำสอนให้กว้างไกลในนานาชาติ ในการทำงานฝ่ายมหานิกาย เรามีบูรพาจารย์ที่เป็นต้นแบบให้เดินตาม

อาทิ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินฺธโร), สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ), สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ, เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ องค์ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ ต่างยึดพระวินัยเป็นหลัก ยึดความเป็นเถรวาท บูรณาการในการทำงานกับทุกภาคส่วน แต่มีเป้าหมายร่วมกัน การทำงานเผยแผ่ในต่างประเทศต้องไม่ทำให้เสียวินัยและเสียมารยาท




พระสุธีรัตนบัณฑิต คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มจร. ในฐานะผู้แทนของ มจร. กล่าวว่า มจร. โดยวิทยาลัยพระธรรมทูต มีหน้าที่ในการฝึกอบรมพระธรรมทูตปีละ 120 รูป เพื่อส่งไปปฏิบัติศาสนกิจในต่างประเทศ เป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทย ปัจจุบันมีการอบรมพระธรรมทูตไปแล้วจำนวน 30 รุ่น



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระพรหมเสนาบดี รองประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ ยังได้นำพระธรรมทูตไทย พร้อมกับคณะสงฆ์และคณะภิกษุณีชาวไต้หวันเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองวิสาขบูชาที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ โดยมี ไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เป็นประธาน และมีชาวไต้หวันกว่า 20,000 คนเข้าร่วมงาน เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองวัน The Buddha’s Day เมื่อที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมา ที่มณฑลพิธีอนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน ด้วย



ทั้งนี้ สำหรับสหภาพพระธรรมทูตไทยในเอเชียตะวันออก (UTEA) ประกอบด้วยวัดสมาชิกใน 5 ประเทศ คือ จีน เกาหลี มองโกเลีย เวียดนาม และสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) โดยมีวัดจำนวน 14 วัด มีพระสงฆ์จำพรรษาประมาณ 45 รูป ดำเนินการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กับประชาชนชาวไทยและผู้ที่สนใจทั่วไป ขณะที่ในส่วนของสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) มีคนไทยอาศัยอยู่จำนวนประมาณ 100,000 คน มีวัดไทยจำนวน 6 วัด





ขอบคุณ : https://www.dailynews.co.th/news/3426336/
13 พฤษภาคม 2567 , 11:13 น. , การศึกษา-ศาสนา

หน้า: 1 [2] 3 4 ... 10