ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - arlogo
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6
161  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / ขั้นตอนการขึ้นกรรมฐาน โดย พระครูสิทธิสังวร วัดราชสิทธาราม เมื่อ: มีนาคม 01, 2011, 09:59:25 am


วีดีโอที่ 1 ขั้นตอนเริ่มต้น ( ต่อเนื่อง )



วีดีโอที่ 2 สรุปขั้นตอนทั้งหมด  ( จบตอน )

http://www.somdechsuk.org/
162  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / หลวงพ่อเทียน กับการเจริญสติ เมื่อ: มีนาคม 01, 2011, 09:53:40 am


วิธีการเจริญสติ โดย หลวงพ่อเทียน
163  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / เกี่ยวกับ หลวงพ่อพุทธทาส เมื่อ: มีนาคม 01, 2011, 09:49:49 am


ธรรมกวี ก.ข. ปรมัตถ์ หลวงพ่อพุทธทาส1.mpg

ลองฟังดูนะ สำหรับศิษย์ที่ิคิดถึงหลวงพ่อพุทธทาส
164  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / หลวงพ่อปัญญานันทะ ภิกขุ วัดชลประทานรังสฤษดิ์ เมื่อ: มีนาคม 01, 2011, 09:36:36 am




จิตคงที่ดีทุกอย่าง ๑
http://www.fungdham.com/download/sound/panyanunta/panya1.wma


จิตคงที่ดีทุกอย่าง ๑
http://www.fungdham.com/download/sound/panyanunta/panya2.wma
165  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / รายงานจากศิษย์ที่ไปวัดป่าบ้านตาด เ่ล่าด้วยภาพนะจ๊ะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2011, 02:04:42 pm















166  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / พุทธภาษิตประจำวันนี้ "ปราภวสูตร" เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2011, 08:57:31 am
[๓๐๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
             สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยามสิ้น
ไปแล้ว เทวดาตนหนึ่งมีรัศมีอันงดงามยิ่ง ทำพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสว
เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว ยืนอยู่ ณ
ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
             [๓๐๔]    ข้าพระองค์มา เพื่อจะทูลถามถึงคนผู้เสื่อม และคนผู้เจริญ
                          กะท่านพระโคดม จึงขอทูลถามว่าอะไรเป็นทางของคน
                          เสื่อม ฯ
             พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
                          ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ ผู้รู้ชั่วเป็นผู้เสื่อม ผู้ใคร่ธรรมเป็นผู้เจริญ
                          ผู้เกลียดธรรมเป็นผู้เสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัด
                          ข้อนี้เถิดว่าความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๑
                          ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๒
                          อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ
                          คนมีอสัตบุรุษเป็นที่รัก ไม่กระทำสัตบุรุษให้เป็นที่รัก ชอบใจ
                          ธรรมของอสัตบุรุษ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุ
                          นั้นแล เราจงทราบข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๒ ฯ
                          ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๓
                          อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ
                          คนใดชอบนอน ชอบคุย ไม่หมั่น เกียจคร้าน โกรธง่าย
                          ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบ
                          ชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๓ ฯ
                          ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๔
                          อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ
                          คนใดสามารถ แต่ไม่เลี้ยงมารดาหรือบิดาผู้แก่เฒ่า ผ่านวัย
                          หนุ่มสาวไปแล้ว ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุ
                          นั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๔ ฯ
                          ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๕
                          อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ
                          คนใดลวงสมณะพราหมณ์ หรือแม้วณิพกอื่นด้วยมุสาวาท
                          ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบ
                          ชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๕ ฯ
                          ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๖
                          อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ
                          คนมีทรัพย์มาก มีเงินทองของกิน กินของอร่อยแต่ผู้เดียว
                          ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบ
                          ชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๖ ฯ
                          ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๗
                          อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ
                          คนใดหยิ่งเพราะชาติ หยิ่งเพราะทรัพย์ และหยิ่งเพราะโคตร
                          ย่อมดูหมิ่นญาติของตน ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะ
                          เหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๗ ฯ
                          ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๘
                          อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ
                          คนใดเป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลงสุรา และเป็นนักเลง
                          การพนันผลาญทรัพย์ที่ตนหามาได้ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม
                          เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อม
                          นั้นเป็นที่ ๘ ฯ
                          ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๙
                          อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ
                          คนไม่สันโดษด้วยภริยาของตน ประทุษร้ายในภริยาของคนอื่น
                          เหมือนประทุษร้ายในหญิงแพศยา ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม
                          เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อม
                          นั้นเป็นที่ ๙ ฯ
                          ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๑๐
                          อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ
                          ชายแก่ได้หญิงรุ่นสาวมาเป็นภริยา ย่อมนอนไม่หลับ เพราะ
                          ความหึงหวงหญิงรุ่นสาวนั้น ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม
                          เพราะเหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้น
                          เป็นที่ ๑๐ ฯ
                          ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๑๑
                          อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ
                          คนใดตั้งหญิงนักเลงสุรุ่ยสุร่าย หรือแม้ชาย เช่นนั้นไว้ในความ
                          เป็นใหญ่ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้น
                          เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๑๑ ฯ
                          ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๑๒
                          อะไรเป็นทางของคนเสื่อม ฯ
                          ก็บุคคลผู้เกิดในสกุลกษัตริย์ มีโภคทรัพย์น้อย มีความมักใหญ่
                          ปรารถนาราชสมบัติ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม บัณฑิตผู้ถึง
                          พร้อมด้วยความเห็นอันประเสริฐ พิจารณาเห็นคนเหล่านี้
                          เป็นผู้เสื่อมในโลก ท่านย่อมคบโลกที่เกษม (คนผู้เจริญ) ฯ
                          จบปราภวสูตรที่ ๖


             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ บรรทัดที่ ๗๒๑๘ - ๗๒๙๑. หน้าที่ ๓๑๖ - ๓๑๙.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=25&A=7218&Z=7291&pagebreak=0 Aeva Debug: 0.0007 seconds.
167  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / ทีมมัชฌิมา สระบุรี ไปร่วมงานเททองหล่อพระ ที่วัดพระพุทธฉาย 18/2/54 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2011, 11:00:51 am
มีภาพมาให้ชม ร่วมอนุโมทนากับคณะทีมมัชฌิมา หญิงไปร่วมงานเททองหล่อพระที่ วัดพระพุทธฉาย

ในวันที่ 18/2/54

ก็อนุโมทนาด้วย ...


















ส่วนคำอธิบายเนื้อเรื่องรอเจ้าของเรื่องมาอธิบายเองนะจ๊ะ
168  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / เมืองลับแลเขาวังสะดึง เมื่อ: กุมภาพันธ์ 12, 2011, 07:03:52 pm
เมืองลับแลเขาวังสะดึง
ใน พื้นที่ ต. เขาแร้ง อ. เมือง จ. ราชบุรี เดิมที่เขาวังสะดึงด้านทิศตะวันออกจะมีปากถ้ำ ซึ่งในปัจจุบันจะมีหินแผ่นใหญ่ปิดปากถ้ำซ้อนกันอยู่ ไม่สามารถเข้าไปภายในถ้ำได้


ภาพจำลองประกอบบทความ

ขอบคุณภาพประกอบ http://3.bp.blogspot.com/

ณ ถ้ำแห่งนี้มีประวัติเล่ากันต่อ ๆ กันมาว่า เป็นที่พักอาศัยของชาวเมืองลับแล ซึ่งชาวเมืองลับแลจะมีรูปร่างสันทัดคล้ายกับคนไทยโดยทั่วไป การแต่งตัวก็เหมือนกับคนไทยโดยทั่วไป แต่มีภาษาพูดที่แตกต่างจากคนไทย

ภาย ในถ้ำในวันดีคืนดีจะมีเสียงดนตรีไทยประเภทวงปี่พาทย์ดังแผ่ว ๆ มาจากในถ้ำ แต่ไม่สามารถหาแหล่งที่มาของเสียงได้ จากเมืองลับแลนี้ชาวเมืองลับแลจะเป็นกลุ่มคนที่มีความซื่อสัตย์ ขยันทำมาหากิน ซื่อตรง รักเดียวใจเดียว ไม่ลักเล็กขโมยน้อยอยู่กันเป็นกลุ่ม จะพบเห็นคนเมืองลับแลได้ก็ต่อเมื่อเวลาใกล้ค่ำ ชาวลับแลจะออกมาอาบน้ำในสระน้ำด้านหน้าของเขาวังสะดึง เรียกชื่อสระนี้ว่า “สระพัง”  หรือบางครั้งชาวลับแลจะลงมาจากเขามาจับจ่ายชื้อเสบียงอาหารที่บริเวณตลาดนัดเชิงเขาในฤดูน้ำหลาก

ภาย ในถ้ำของชาวเมืองลับแลจะมีข้าวของเครื่องใช้ครบทุกอย่าง โดยเฉพาะพวกถ้วยชาม เครื่องใช้ในครัวเรือน เมื่อชาวไทยในเขตพื้นที่ใกล้เคียงมีงานมงคลต่าง ๆ มักจะมาเอาถ้วยชามภายในถ้ำไปใช้ เมื่อเสร็จงานแล้วก็จะนำกลับมาส่งคืน

จาก ความซื่อสัตย์ของคนเมืองลับแลนี้เองมักจะถูกเอาเปรียบจากคนในพื้นที่ใกล้ เคียงจนมีเรื่องเล่ากันว่า ชาวไทยได้เข้าไปยืมถ้วยชามจากชาวลับแลมาใช้แล้วมักไม่ส่งคืนจนชาวเมืองลับแล เกิดความเบื่อหน่าย การถูกเอารัดเอาเปรียบจึงได้ปิดปากถ้ำไม่ออกมาติดต่อกับคนภายนอกอีกเลย

เรื่องเล่าอีกอย่างหนึ่งก็คือ มี ชายไทยเกิดหลงป่าขึ้นไปบนเขาวังสะดึงแล้วเกิดไปพบกับหญิงสาวชาวเมืองลับแล และต่างก็ตกหลุมรักซึ่งกันและกันจึงอยู่กินกันฉันสามีภรรยาภายในถ้ำลับแลจน เกิดพยานรักขึ้น 1 คน  โดยสามีจะมีหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตรอยู่ภายในถ้ำ อยู่มาวันหนึ่งในขณะที่สามีเลี้ยงบุตรอยู่นั้นภรรยาก็ออกหาของป่า บุตรเกิดร้องไห้งอแงแล้วสามีมักโกหกว่า "อย่าร้องเดี่ยวแม่มา"  จึงทำให้ภรรยาที่เป็นชาวลับแลจับได้ว่าเป็นคนโกหก ชาวเมืองลับแลจึงขับไล่ออกจากถ้ำ

โดย ภรรยาก็ได้ให้ห่อขมิ้นห่อใหญ่กับสามีนำติดตัวมาด้วย หลังออกจากถ้ำมาแล้วนึกโกรธภรรยาและคนเมืองลับแลประกอบกับความรำคาญในความ หนักของห่อขมิ้นจึงแก้ห่อขมิ้นทิ้งเสีย  นำติดตัวมาเพียงชิ้นเดียว เมื่อกลับถึงบ้านชิ้นขมิ้นกลับกลายเป็นทองคำ

เมื่อ ย้อนหลังกลับไปหาขมิ้นที่ตนทิ้งไปก็หาไม่พบ ในอดีตที่ผ่านมาที่บริเวณเขาวังสะดึง มักจะมีสิ่งลี้ลับหลายอย่างที่ไม่สามารถสืบค้นหาความจริงได้ จนตราบเท่าทุกวันนี้ แต่สิ่งที่ทำให้คนในพื้นที่โดยรอบเขาวังสะดึงเชื่อเรื่องเมืองลับแลก็คือ หลัก ฐานลูกปัดโบราณที่มีอยู่โดยรอบบริเวณเชิงเขาวังสะดึง ยิ่งในช่วงฤดูฝนเกิดการชะล้างของน้ำฝนจะพบเห็นได้ง่าย จะไหลมารวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ มักจะมีผู้คนจากต่างจังหวัดที่ทราบข่าวมาขุดดินบริเวณเชิงเขามาร่อนหาลูกปัด กันจำนวนมาก

คน ในพื้นที่รอบเขาวังสะดึงได้อธิฐานไว้ว่าขอให้หาลูกปัดตามพื้นดินให้ได้มาก ๆ พอที่จะจำหน่ายเพื่อปลูกสร้างบ้านได้สักหลังก็ได้สมดังคำอธิฐานมาแล้ว ลักษณะของลูกปัดที่พบเห็นจะมีหลายขนาดด้วยกันโดยมีขนาดเล็กสุดเท่าหัวไม้ขีด จนถึงขนาดใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย มีหลากสีมีรูตรงกลางทุกเม็ด มีความใสคล้ายกับทำจากพลาสติกแต่เมื่อนำมาเผาไฟจะไม่ละลาย ยังคงมีสีและสภาพดังเดิม

จาก ตำนานเรื่องเมืองลับแลจะเห็นได้ว่า คนเมืองลับแลเป็นคนมีนิสัยรักสงบ มีความซื่อสัตย์ ขยันในการทำมาหากิน จึงทำให้เขาเหล่านั้นมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ควรที่คนทั่วไปน่าจะนำมาเป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิต



ติดตามอ่านแบบเต็มได้ที่นี่

http://rb-history.blogspot.com/2011/01/blog-post.html
169  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ปฏิบัติธรรมประจำเดือน 29 - 30 มกราคม 2554 วัดราชสิทธาราม เมื่อ: มกราคม 06, 2011, 04:22:48 pm
ปฏิบัติธรรมประจำเดือนมกราคม 2554 วัดราชสิทธาราม

    * ข่าวสาร

เขียนโดย weera2548 เมื่อ อา, 02/01/2011 - 21:44

ขอเชิญเข้าปฏิบัติธรรม

         ประจำเดือนมกราคม  2554  ระหว่างวันเสาร์ที่ 29 - วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม 2554

ณ คณะ 5  วัดราชสิทธาราม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ 10600 โทร. 084-651-7023

ลงทะเบียนวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2554 เวลา 09.00. (หรือมาตอนเย็นวันศุกร์ก็ได้)

กำหนดการ

   วันเสาร์ที่ 29 มกราคม 2554

          เวลา 09.00น.                           ลงทะเบียน

          เวลา 10.00 น.                          ขึ้นกรรมฐาน เจริญภาวนา  เดินจงกรม

          เวลา 11.00น.                           รับประทานอาหารกลางวัน แล้วพักผ่อน

          เวลา13.00น.                            ฟังบรรยายธรรมตอบถามปัญหา จบแล้วดื่มน้ำปานะ

          เวลา14.00น.                            เดินจงกรม

          เวลา 15.25น.                           พักดื่มน้ำปานะ

          เวลา 16.00น.                           ทำวัตรกรรมฐาน แล้วนั่งกรรมฐานตามอัธยาศัย

วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม 2554

          เวลา 09.00น.                           ลงทะเบียน

          เวลา 10.00 น.                          ขึ้นกรรมฐาน เจริญภาวนา  เดินจงกรม

          เวลา 11.00น.                           รับประทานอาหารกลางวัน แล้วพักผ่อน

          เวลา13.00น.                            ฟังบรรยายธรรมตอบถามปัญหา จบแล้วดื่มน้ำปานะ

          เวลา14.00น.                            เดินจงกรม

          เวลา 15.25น.                           พักดื่มน้ำปานะ

          เวลา 16.00น.                           ทำวัตรกรรมฐาน กลับบ้าน 
170  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ภาพที่ปรากฏและวาดไว้ตั้งนานรูปเจดีย์ ถึง 8 ปีนี้ ที่แท้ก็คือ... เมื่อ: ธันวาคม 28, 2010, 10:24:20 pm

 
ภาพวาดที่พระอาจารย์พยายามวาดออกมาตอนได้นิมิต เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นก็นึกไม่ออกว่าเป็น
ที่ไหน พึ่งมาถึงบางอ้อ ก็เมื่อเทียบกับภาพนี้


ที่แท้ก็คือ พระธาตุลำปางหลวง นี่เอง
171  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / งานปริวาสกรรม วัดทุ่งเซียด ๒๖ มี.ค. ถึง ๔ เม.ย. พ.ศ.๒๕๕๔ สุราษฯ เมื่อ: ธันวาคม 18, 2010, 09:15:09 pm
กำหนดการงานเข้าอยู่ปริวาสกรรม
ระหว่างวันที่ ๒๖ มีนาคม ถึง ๔ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๔
ณ.วัดทุ่งเซียด หมู่ที่ ๑ ต.ท่าโรงช้าง อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี
---------------------------------------------------

ขอกราบอาราธนาพระภิกษุ สามเณร ร่วมอยู่ปริวาสกรรม ในครั้งนี้ โดยทั่วหน้ากัน พบกับป่าธรรมชาติ นักปราชญ์หลากหลาย ได้นิสัยธรรม

<----สิ่งที่ต้องเตรียมมาด้วย… เช่น --->

    * บาตร
    * กรด
    * มุ้ง
    * ผ้ากันฝน
    * ของใช้ส่วนตัว (ยารักษาโรคประจำตัว)

<----การเดินทางมาวัดทุ่งเซียด---->

    * รถไฟ->
      ลงรถที่สถานีสุราษฎร์ธานี->ต่อรถประจำทางสายพุนพิน-เคียนซา->ลงรถหน้าวัด
    * รถทัวร์->
      ลงรถที่พุนพิน->ต่อรถประจำทางสายพุนพิน-เคียนซา->ลงรถหน้าวัด

***หมายเหตุ วันที่ ๒๔-๒๕ มีนาคม ๒๕๕๔ มีรถของทางวัดรอรับที่สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี***

สามารถดูรายละเอียดแผนที่การเดินทางเพิ่มเติมได้ที่ http://www.wattungsaid.com

<----ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่---->
พระปลัดพิสูจน์ศักดิ์  อภิปุณฺโญ(หลวงแดน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ๐๘๙-๒๙๒-๖๒๙๑

อีเมล์ : wattungsaid@hotmail.com
   บันทึกการเข้า
http://www.wattungsaid.com


172  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / มหาเถรสมาคม หนุนทำ ปทานุกรม ฉบับบาลี-ไทย เมื่อ: ธันวาคม 18, 2010, 08:15:45 pm

นาย อำนาจ บัวศิริ ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการจัดทำปทานุกรมพระไตรปิฎกเชิงวิจัย ฉบับบาลี-ไทย เฉลิมพระเกียรติฉลองเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามที่ศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ โดยแต่งตั้งให้พระพรหมโมลี วัดพิชยญาติการาม กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะประธานศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาฯ เป็นประธานในการดำเนินงาน

สำหรับ การจัดทำปทานุกรมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์คือ เพื่อเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา ในปี 2554 เพื่อรักษาบาลีพระไตรปิฎกอันเป็นต้นฉบับเดิมไว้ เพื่อป้องกันการปฏิรูปความหมายที่แท้จริงของภาษาบาลี

เพื่อให้มีการ ใช้ศัพท์ธรรมที่ถูกต้อง และเพื่อเป็นคู่มือศึกษาค้นคว้าบาลีพระไตรปิฎกของนิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไปที่มีความสนใจ สำหรับขั้นตอนในการดำเนินงานจากนี้ไปจะมีการรวบรวมคำศัพท์ในพระไตรปิฎก จากนั้นก็จะมีการวิเคราะห์และแปลความหมาย ตรวจ ชำระ ก่อนที่จะมีการจัดพิมพ์ทั้งในรูปแบบของหนังสือและซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ต่อไป โดยจะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 2 ปี
173  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ เมื่อ: ธันวาคม 18, 2010, 08:12:17 pm

เรื่องมีอยู่ว่า สมัยก่อนนานมาแล้ว มีครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่แถวนั้น
ทำมาหากินด้วยความผาสุก วันหนึ่งลูกชายไปเที่ยว กลับมาบ้านด้วย
ความหิวโหย หิวมาก ตะโกนเรียกแม่ให้จัดข้าวปลาอาหารให้รับประทาน

แม่ก็จัดอาหารมาให้ มีข้าวเหนียวใส่กล่องข้าวมา
อารามหิวจัดเห็นกล่องข้าวก็เกิดความโกรธมาก ด่าว่าแม่
"ข้าวกล่องแค่นี้ จะกินอิ่มได้อย่างไร ทำไมแม่แกล้งเอาข้าวมาให้
นิดเดียว แม่ไม่รักลูกใช่ไหม ฯลฯ
แล้วก็ทำร้ายแม่ จนแม่ตายอย่างอเนจอนาถ

เมื่อฆ่าแม่แล้วก็กินข้าว ปรากฏว่ากินข้าวไม่หมดหรอก
ที่คิดว่ากล่องข้าวน้อยมีข้าวเหนียวนิดเดียว จะกินไม่อิ่ม
แต่ความจริง มีมากจนกินไม่หมดเลย

ทีนี้ก็ได้คิด เสียใจที่โกรธโมโห แล้วก็ฆ่าแม่

แต่ทุกอย่างก็สายไปแล้ว
ลูกชายจึงสร้างเจดีย์ขึ้นมาเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แม่
ที่ชาวบ้านพากันเรียกว่า เจดีย์ก่องข้าวน้อย


เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์เตือนสติสอนใจเราว่า
เมื่อถูกความโกรธครอบงำแล้ว ใจเราก็มืดไปหมด
ตัดสินอะไรก็ไม่ถูกต้อง คิดอะไรก็ผิดหมด

ลักษณะอย่างนี้ พวกเราประสบในชีวิตประจำวันไม่มากก็น้อย
ลูกชายทำผิด เป็นโทษมหันต์ เพราะคิดผิด
คิดว่าแม่แกล้ง คิดว่าข้าวจะไม่พอกิน

ถ้าคิดเป็นก็จะเห็นเมตตาของแม่
และไม่รู้สึกว่าข้าวจะไม่พอกิน เพราะจริง ๆ ก็พออยู่แล้ว
นี่เป็นตัวอย่างว่า ทุกข์เกิดเพราะคิดผิด
174  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / ปรับปรุง ICon ให้แล้ว ตามคำแนะนำของสมาชิก เมื่อ: ธันวาคม 18, 2010, 07:42:57 pm
ขณะนี้ ทางเว็บมาสเตอร์ ก็ได้ทำการปรับปรุง ICon บอร์ด ให้แล้ว

ตามข้อเสนอแนะ ของสมาชิก

งานนี้เว็บมาสเตอร์ ถ้าต้องการให้ปรับปรุงอะไรอีก


ก็ชี้แนะไปที่เว็บ มาสเตอร์ เลยนะจ๊ะ

 ;)
175  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / กับบรรยากาศอีกที ที่เห็นพวกหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ร.พ. มักจะไปกัน นะ เมื่อ: ธันวาคม 14, 2010, 05:58:29 pm








ก็เป็นอีกสถานที่ มีการฝึกอบรมธรรม ประจำเดือน ที่มีผู้ไปกันพอสมควร

ศูนย์ปฏิบัติธรรมเมืองอริยะ ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
176  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / สถานที่มีสัปปายะ เงียบสงบ เก็บตัวที่ดี อีกที เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม เมื่อ: ธันวาคม 14, 2010, 05:53:42 pm














ขอบคุณภาพจาก
http://www.klongdigital.com/webboard3/47039.html



รำลึกถึง ความสะงัดที่นี่ มีพระที่ตั้งใจ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ หลายรูป
เอาจริง เอาจัง ในการฝึกฝน เพื่อเส้นทางพระนิพพาน

ก็แนะนำใน ฐานะศิษย์สวนโมกขพลารามเก่า ก็แนะนำท่านที่สนใจภาวนากันไปที่นี่ได้

 :25:

177  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / ความสงัด และ สงบ กับ สัปปายะที่วัดถ้ำซับมืด เมื่อ: ธันวาคม 14, 2010, 05:41:17 pm















้ถ้ำซับมืด วันนี้ ไม่มีหลวงปู่ทา แล้ว คงมีแต่วัดที่ท่านสร้างเอาไว้ ให้เป็นที่พักพิงของศาสนิกชน

ที่สนใจแสวงความวิเวก แนะนำเพราะอยู่ไม่ไกล จากที่วัดยืนมองออกไปจะเห็น ลำตะคองกว้างไกล

น้ำสะท้อนกับแสงแดด ระยิบ ระยับ




โพสต์รำลึก ถึง หลวงปู่ทา วัดถ้ำซับมืด ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
178  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ่จะ.......ทำไม ? เรื่องประจำเมื่อฉันขึ้นรถ Taxi เมื่อ: ธันวาคม 01, 2010, 04:38:20 pm
อากาศ กลางวัน ก็กำลังร้อนเพราะแดดกำลังส่อง ความร้อน ก็ทาบทับ มาบนพื้นผิว

กระทบกับจีวรของพระ ที่ต้องห่มคลุมทั้งร่าง เหงื่อภายในกาย ก็เริ่มหยดเพราะแดดส่อง

ควันจากไอเสีย ที่วิ่งผ่านไปทิ้งไว้ รู้ชัดเลยถึง บรรยากาศรอบตัวว่า ไม่ดีเสียเลย

  สำหรับ พระบ้านนอกองค์หนึ่ง ที่กำลังยืนตากแดดรอรถ จะได้อาศัยชายคา ร่มไม้

ในเขต กทม. นี้ช่างยากเสียเหลือเกิน ทำให้อดประหวัดนึกถึง ที่อยู่ก่อนจากมา มีทั้งร่มเงา และ ใบไม้

แถมอากาศที่แจ่มใส

  หลังจากยืนอยู่อึดใจใหญ๋ ก็ได้รถ Taxi คันหนึ่งเป็นพาหนะ เืพื่อไปส่งจุดหมายปลายทาง

ระหว่าง นั้นรถคันหน้า ก็จอดรอเลี้ยว เสียงบ่น แบบ เกรงใจ ก็หลุดออกมาเบา ๆ ว่า

  "แม่...จะจอด จะเลี้ยว ก็ไม่ดูชาวบ้าน เลยนะ"

  พอบ่นเสร็จ ก็เป็นจังหวะเดียวกับพระ ก็หันหน้าไปมอง ในขณะที่คนบ่นก็หันกลับมามองพระ

 พระจึงกล่าวว่า

  "แผ่เมตตา ให้เขาเถอะโยม อย่าไปถือสาเลย เขาไม่ได้ยินเราบ่นหรอก"

  เงียบ เหมือนได้ผล คนขับ Taxi เงียบไปเหมือนซาบซึ้งในรสพระธรรม

  สักพักหนึ่ง ก็มี มอร์เตอร์ไซค์ขับเข้ามาและแซงแบบปาดไป ในจังหวะที่รถ ค่อยเคลื่อนตัว

  "แม่... จะรีับ ไปตาย ที่ไหน วะ" เสียงรอบนี้รู้สึกว่าจะหนักกว่า รอบแรก

  ---------------------------------------------------------------

  ถ้าจะเขียนให้อ่านต่อไป ก็จะเหมือนนิยาย น้ำเน่า ทุกเรื่อง ที่คนอ่านสามารถ เดาบทจุดจบได้ว่าเป็นอย่างไร

ดังนั้น จึงเลิกเขียนตอนนี้ กลับมาเรื่องที่ควรสนใจ กันหน่อย


   นี่เป็น ตัวอย่าง ของอายุสั้น นะจ๊ะ เพราะอะไร เพราะสนิมอารมณ์ มันเข้าไปอยู่ในใจของใคร ก็ทำหงุดหงิดได้

ทำให้อารมณ์ รับสนิมไว้มาก ๆ ในที่สุด ก็เหมือนจุดจบด้วยอำนาจกิเลส โทสะ เรื่องอย่างนี้มิใช่ ไม่เคยเกิดเพียง

ในปัจจุบัน แต่เ้กิดมา ทุกยุค ทุกสมัย เหลือเกิน.... ที่ผ่านมาหลาย พันศตวรรษ อำนาจกิเลส พวกนี้ก็ยังถูกฝัง

ในปุถุชน โดยไม่ต้องเรียนรู้ เกิดขึ้นเป็นธรรมชาติ เด็ก ๆ รู้จักอยากได้เป็น โดยไม่ต้องสอน ใส่อารมณ์ทำร้ายกัน

เป็นโดยไม่ต้องสอน เพราะรหัสของกิเลส มันฝังอยู่ตั้งแต่กำเนิดกับมนุษย์อย่างนี้ มีเพียงพระพุทธเจ้าผู้เดียว ที่

มาตีแผ่รหัสทั้งหลายเหล่านี้ และ ทำลายกระบวนการของรหัส ทั้งหลายเหล่านี้ ให้หมด ให้สิ้นไป

  สนิมอารมณ์ เป็นคำพูดที่ดี ที่สุด เพราะเหล็กที่เป็นสนิม ปราศจากการดูแล เอาใจใส่ จึงทำให้เกิดสนิม

นานเข้าสนิมก็กัดกร่อน ทำให้เหล็กหมดคุณค่าไปในที่สุด

  ฉันใด ก็ฉันนั้น กิเลสแม้เพียงหน่อยหนึ่ง ถ้าเราปล่อยไว้ ก็จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจน กิเลสนั้นมันใหญ่ เปลี่ยนแปลง

พฤติกรรม ตัวเราให้เป็น คนเห็นแก่ตัว เข้าสักวัน

  ดังนั้น อยากชวนพวกท่านทั้งหลาย พากันเคาะสนิมหัวใจกันเสียบ้าง สละเวลาสัก 10 - 30 นาที

นั่งหายใจเข้า หายใจออก กำหนด รู้ตามลมหายใจเข้า หายใจออก หรือ ภาวนา พุทโธ สักร้อยครั้ง พันครั้ง

หมื่นครั้ง แสนครั้ง ก็จะช่วยเคาะสนิมเหล่านี้ออกไปได้


  เจริญพร พอได้คุยกันทุกท่าน

   ;)
179  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ต้องการให้พระทำอย่างไร ? เมื่อ: ธันวาคม 01, 2010, 04:16:46 pm
เป็นคำถามที่พระอาจารย์ ประสพมาในช่วงเช้ิา นี้หลังจากต้องเดินทางเข้า กทม.

เพื่อดำเนินการเรื่องการจัดทำหนังสือ

  หลังจากเสร็จสิ้น ก็เดินทางกลับ ขากลับ ก็คิดว่ามีเวลาเหลือเยอะตั้งแต่ 11.00 น. ก็เลยคิดว่า กลับแบบ

ธรรมดา คือไม่รีบ ก็เลยไปยืนโบกรถเมล หน้าปากซอย หลังจากยืนรออยู่ตั้งนาน ราว ๆ 10 นาทีมา 1 คัน

ก็โบก ๆ เสร็จ รถคันแรกไม่จอดรับ ( ไม่รู้ทำไม ) ก็เลยต้องยืนรออีก 10 นาที

  คันนี้เขาจอด แต่จอดใกล้จากป้ายที่เรายืนประมาณ 30 เมตร พระอาจารย์ก็เลยรีบ จ้ำแต่ก็ต้องรักษาอาการ

สำรวมไว้ด้วย แต่ก็เดินเร็ว เดินไปได้ประมาณ 10 กว่าเมตร รถก็ออกตัวไม่รอทั้ง ๆ ที่จอดเพราะเราโบก นะนี

  สงสัย จะทำบุญไม่ดี รถออกไปแล้ว ก็เลยต้องยืนรอต่ออีก 10 นาทีปรากฏว่า คันที่ 3 ก็ไม่จอด ป้ายนี้ก็มี

แต่พระยืนอยู่รูปเดียวซะอีก ในที่สุด ......

  ก็ต้องไปแบบไม่ธรรมดา อีก นั่งรถแท๊กซี่ แทนก็แล้ว กัน ( เอ ถ้าเราไม่มีปัจจัย จะทำอย่างไรเนี่ย )


   ก็เลยมานั่ง ถามตัวเองในใจ ว่า ในยุคนี้ คุณโยมต้องการให้พระสำรวม หรือ ต้องการให้พระไม่สำรวม

   ต้องการให้พระวิ่ง ขึ้นรถ แบบชาวบ้าน ใช่หรือป่าว ?

   ยังไงกันเนี่ย ไม่สำรวมก็ว่า สำรวมก็ไม่ชอบ .......

 ;)
180  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / ดาวน์โหลด หนังสือ ธรรมะ จากวัดท่ามะโอ ลำปาง ได้ที่นี่ เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2010, 08:47:41 am


http://www.wattamaoh.com/home/download.php


ดาวน์โหลดไฟล์หนังสือธรรมะ (หนังสือแนะนำ)

     หนังสือธรรมะดังต่อไปนี้ ได้รับการแปลหรือรจนาโดยพระคันธสาราภิวงศ์ (พระอาจารย์สมลักษณ์)

 

* หากท่านใดมีความประสงค์จะร่วมทำบุญเพื่อพิมพ์แจกเป็นธรรมทาน หรือมีความประสงค์จะขอรับหนังสือธรรมะเล่มใด

โปรดติดต่อ พระคันธสาราภิวงศ์ (พระอาจารย์สมลักษณ์)

E-mail : Tamaoh24@gmail.com

* คำแนะนำในการอ่าน/วิธีดาวน์โหลดไฟล์หนังสือธรรมะ

- หากต้องการเปิดอ่านทันที ให้คลิกที่ลิงค์โดยตรง
- แต่ถ้าต้องการดาวน์โหลดเก็บไว้ในเครื่องเพื่ออ่านในภายหลัง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save Target As ... ค่ะ

หมายเหตุ : เปิดอ่านไฟล์หนังสือด้วยโปรแกรม Acrobat Reader ค่ะ
ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของท่านไม่มีโปรแกรมนี้

ท่านสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมนี้ได้ โดย

ติดตามไปตางลิงก์ เลยนะจ๊ะ

( แนะนำให้มีหนังสือ ที่ดี ๆ น่าอ่านหลายเล่ม ที่สำคัญคือ นำมาปฏิบัติด้วยจะดี )
181  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ธรรมคติ ที่ดี ๆ ที่ได้ส่งมาจากเมล เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2010, 08:44:13 am
ธรรมคติ ที่ดี ๆ ที่ได้ส่งมาจากเมล

ดวงประทีปส่องใจนั้นไม่ใช่ไฟฟ้า ไม่ใช่ไฟที่เป็นวัตถุ แต่เป็น ธรรมะ

๐ "ธัมโม ปะทีโป วิยะตัสโส สัตถุโน พระธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นดุจดวงประทีปส่องใจให้สว่างไสว"

๐ เราต้องหาธรรมะควบคู่ไปกับการหาวัตถุ ประพฤติธรรมควบคู่กันกับการดำรงชีวิตในหน้าที่การงาน


182  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วาทะเพื่อกล่อมใจ สาม เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2010, 08:39:00 am


“ธรรมะ” อยู่ที่ไม่เอ่ยคำพูด
“ธรรมะ”  อยู่ที่มีสติทุกขณะ
“ธรรมะ” อยู่ที่พยักหน้า
หากเจ้ายิ้มออกมาสักครั้ง
นั่นแหละคือ “ธรรมะ”
183  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วาทะเพือกล่อมใจ สอง เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2010, 08:37:06 am


ขณะที่เจ้าพูดจาทิ่มแทงคนอื่น  คนที่ชัดเจนที่สุด ก็คือ ตัวเจ้า !
เมื่อนั้นจะยังคงพูดจาเช่นนั้นต่ออีกหรือไม่
นั่นคือการแสดงออกถึงจิตใจดีงามที่มีอยู่ และ นั่นก็คือ “ธรรมะ”


http://www.96rangjai.com/dharma/
184  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วาทะเพื่อกล่อมใจ หนึ่ง เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2010, 08:35:16 am


เมื่อเจ้าทำดี “ธรรมะ” นั้นก็เป็นธรรมที่เที่ยงแท้
หากจิตใจไม่เที่ยงตรง  กายไม่เที่ยงตรง
วาจาไม่เที่ยงตรง  การกระทำไม่เที่ยงตรง
เช่นนี้ แม้ธรรมแท้ก็อาจกลายเป็นธรรมปลอมได้


http://www.96rangjai.com/dharma/
185  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / อร่อยไหมคะหลวงพี่ ( การตูนสั้นมีคติ ) เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2010, 08:28:12 am


เรื่องนี้ ก็เป็นอีกเรื่อง ที่ดูแล้วเหมือนเป็นเหตุการณ์ ธรรมดา จนพระัเราบางครั้ง ก็ลืม และ เพลิดเพลิน

จนลืมธรรม ในเรื่อง ปัจจเวก ปัจจัย 4 จึงทำให้ หลง ในปัจจัย 4 มีคติธรรมชั้นสูง กล่าวเรื่องการวางจิต

เป็นอนัตตสัญญา ในอายตนะด้วย


เจริญพร การ์ตูน คติธรรม ผู้พัฒนาสื่อ ถ้าร่วมใจกันสร้างสื่อให้เด็ก ๆ รุ่นใหม่เข้่าใจ กันมาก ๆ ก็ดี

186  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ดับไฟ ( การ์ตูนสั้น แต่ มีคติ ) เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2010, 08:24:21 am


ดับไฟ ถึงแม้เป็น การ์ฺตูนหน้าเดียวจบ อาตมาพิจารณา แล้วมีหลักธรรม ที่สำคัญอยู่่

พิจารณาดูให้ ดีในสถานการณ์จริง ธรรมะต้องใช้ในสถานการณ์จริง จึงจะเป็นธรระที่แท้จริง

ใช้โดยหลัก สมมุติ หรือ คิดไม่ได้ ต้องใช้ภาวนาจริง

187  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / กินตับเอื้ออาทร ( จริงหรือไม่ ใครรู้ช่วยแถลง ) เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2010, 08:19:46 am
กินตับเอื้ออาทร (600x400)
สหายรัก

ตุ๊กแกกับงูเขียวเป็นกัลยานมิตรที่น่านับถือมาก เมื่อตุ๊กแกตับแก่
ก็จะส่งเสียงร้องเรียกให้งูเขียวมาช่วย
ด้วยการกินตับตัวเอง มิเช่นนั้นแล้วตับจะโตจนคับอกตาย
เมื่อ ได้สหายที่ดีอย่างงูเขียวมาช่วยล้วงตับออกไป เจ้าตุ๊กแกก็จะผลิตตับใหม่ออกมา เพื่อดำรงอยู่ต่อไป ทำให้เราได้เห็นสัจจธรรมที่ว่า หากเรามีกัลยานมิตรที่ดีสักคนมาช่วย ทำลายตับคืออวิชชาในตัวเราออกไป เราก็จะไม่ต้องตายแล้วเกิดอีกต่อไป ตับคืออวิชชา ความไม่รู้ ตัณหาความทะยานอยาก อุปปาทานความยึดมั่น หากใหญ่เกินไปก็จะทำลายคนๆนั้นอย่างทารุณโหดร้าย ตายอย่างน่าอนาจ จะมีสักกี่คนในโลกนี้ที่มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม อย่างเจ้าตุ๊กแก ที่รู้ว่าตับแก่ แล้วแสวงหากัลยานมิตรมาช่วย แม้การช่วยเหลือจะดูโหดร้ายรุนแรงไปนิด แต่ทั้งมวลล้วนเป็นการช่วยเหลือด้วยเอื้ออาทร เปรียบกับครูบาอาจารย์ที่เมตตาศิษย์ บางครั้งอาจดูดุดัน โผผาง แต่ในใจล้วนเปี่ยมด้วยเมตตาธรรม....
จงแสวงหากัลยานมิตร เพราะกัลยานมิตรคือทั้งหมดของพรหมจรรย์ และหากเรารู้ว่าอะไรทำให้เราทุกข์ จงจัดการกำจัดมันเสีย อย่าได้ปล่อยให้มันกำจัดเราก่อนจนไม่มีทางแก้ใขได้
 
 
 
ปล. คุณpalajinหาข้อมูลมาว่า
เพิ่งรู้ครับตอนแรกนึกว่าเป็นรูปงูกำลังจะกินตุ๊กแก
ก็เลยไปหาข้อมูลเรื่องนี้มา ปรากฎว่า เรื่องเป็นอย่างงี้
ตุ๊กแกกินอาหารมากเกินไป แล้วอาหารไม่ย่อยหรือย่อยไม่ทัน
ตุ๊กแกก็จะร้องเสียงดังเพื่อให้งูมาช่วย งูจะเอาตัวรัดตุ๊กแกไว้แล้วเอาหัวมุดเข้าไปในปากตุ๊กแก
เพื่อ "กินอาหารในกระเพาะ" ของตุ๊กแกครับ
แต่ไม่ได้เข้าไปกินตับแน่นอนครับ
ก่อนหน้า: พีตามาแนวใหม่ "เกมหยุดยั้ง KFC ทำร้ายไก่"
ถัดไป: Promotion Net-True 25/09/07
188  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / ภูลังกาเป็นเทือกเขาห้าลูก ดินแดนอัศจรรย์ แห่งธรรม เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2010, 10:05:09 pm


ภู ลังกาเป็นเทือกเขาห้าลูก เกาะกลุ่มกันอยู่ใกล้กับบึงโขงโหลงและภูวัว ท้องที่จังหวัดหนองคาย เดิมขึ้นอยู่กับอำเภอบ้านแพง แต่ในปัจจุบันเป็นพื้นที่ของอำเภอบึงโขงโหลง ใกล้กับอำเภอเซกา ภูลังกาเป็นตำนานอันลือเลื่อง เกี่ยวพันกับศาสนาและคติความเชื่อปรัมปรา

ภูลังกามีความลี้ลับอาถรรพ์มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์จนกระทั่งถึงปัจจุบัน เป็นเรื่องพูดยากอธิบายยากเพราะเป็นเรื่องของนามธรรม ที่ทางวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์ไม่ได้ แต่ทั้งๆ ที่พิสูจน์ไม่ได้ คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันที่มีการศึกษาสูงๆ เป็นครู เป็นข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และระดับศาสตราจารย์ด็อกเตอร์จากต่างประเทศจำนวนไม่น้อยก็ยอมรับว่า เรื่องความลึกลับนามธรรมเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ทางจิต ที่ต้องรับฟังไว้เพื่อศึกษาพิจารณาค้นคว้าต่อไป จะปฏิเสธเสียเลยทีเดียวไม่ได้

ภูลังกา เป็นตำนานเรื่องพระเจ้าห้าพระองค์ นโมพุทธายะ และเป็นเมืองหลวงของชาวบังบดลับแลอันมีเมืองพญานาครวมอยู่ด้วย และยังเป็นสนามรบกับกองทัพกิเลส ที่กองทัพธรรมของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ส่งศิษยานุศิษย์ที่เป็นพระธุดงค์กรรมฐานทุกรุ่นทุกสมัยมารบราฆ่าฟันกับกิเลส ตัณหาที่ภูลังกาไม่เคยเลิกราจนกระทั่งถึงทุกวันนี้

พระกรรมฐานที่มีชื่อเสียงเป็นที่เคารพเลื่อมใสของมหาชนที่เคยไปบำเพ็ญเพียร อยู่ที่ภูลังกามาแล้วคือ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่สิม พุทธาจาโร ครูบาวัง ฐิติสาโร พระอาจารย์สมชาย เขาสุกิม พระอาจารย์ชา วัดหนองป่าพง พระอาจารย์โง่น โสรโย ฯลฯ

ตามตำนานพระเจ้าห้าพระองค์นั้นกล่าวว่า กาเผือกได้ตกไข่ 5 ฟองที่ภูลังกา วันหนึ่งเกิดลมพายุใหญ่หอบเอาไข่ปลิวไปตามลม ไข่นั้นได้ตกกระจัดกระจายไปในสถานที่หลายแห่ง ต่อมาไข่นั้นได้ฟักออกมาเป็นพระเจ้ากกุสันโธ พระเจ้าโกนาคโม พระเจ้ากัสสโป พระเจ้าโคตโม และองค์ต่อไปได้แก่ พระศรีอาริยเมตรัยโย ที่จะมาตรัสรู้ในอนาคตอีกประมาณ 750 ล้านปี เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ที่ 5 ในภัทรกัปนี้ ( ตัวเลข 750 ล้านปี เป็นเพียงสันนิษฐานของปราชญ์ผู้รู้ อย่าได้ยึดเอาเป็นหลักฐานทางประวัติพุทธศาสนา )

และยังมีความพิสดารแถมท้ายอีกว่า กาทั้งหลายไม่กล้าบินผ่านไปจะต้องถูกอำนาจอาถรรพ์ลึกลับที่ภูลังกาเป็นพายุ ใหญ่พัดพากาตัวนั้นให้เซถลาปลิวว่อนไปทางป่าเซกา ( เขตอำเภอเซกาในปัจจุบัน )

ภูลังกาในอดีตเมื่อ 50 ปีก่อนโน้น เป็นดงหนาป่าทึบกว้างใหญ่ไพศาล ชุกชุมไปด้วยเสือสิงห์กระทิงแรด และโขลงช้างเถื่อน แต่ในปัจจุบันนี้ป่าใหญ่หายไปหมดสิ้นกลายเป็นทุ่งโล่งรกร้างและไร่นา จะพอมีป่าเหลืออยู่รอบๆ ภูลังกาบ้างเล็กน้อยพอเป็นยากระษัยเท่านั้นเห็นแล้วเศร้าใจ

รอบๆ ภูลังกามีวัดป่าตั้งอยู่ประมาณ 10 วัด มีทั้งฝ่ายนิกายและมหาธรรมยุต พระสงฆ์องค์เณรรูปใดถ้าบกพร่องในศีลพระวินัยแล้วจะอยู่ไม่ได้นาน ต้องมีอันเป็นไปเพราะพระภูมิหรือเจ้าที่เจ้าทางแรงมาก

หลวงปู่ตอง ถ้ำชัยมงคลภูลังกา เล่าให้ฟังว่า มีพระธุดงค์ทรงเครื่องคณะหนึ่งมาจากทางขอนแก่นขึ้นไปแสวงวิเวกอยู่บนภูลังกา ใกล้กับถ้ำชัยมงคล เป็นพวกไม่รู้ประสีประสามีวิทยุทรานซิสเตอร์ไปด้วย เปิดเพลงเปิดเทปกันดังลั่นสนุกสนาน ครองจีวรก็ไม่มีสังฆาฏิเพราะไม่ได้เอาสังฆาฏิมาด้วย หลวงปู่ตองเห็นแล้วได้แต่นึกในใจว่า
“ พระผีบ้าพวกนี้ ไม่ได้ฉันข้าวเช้าแน่ๆ พรุ่งนี้ “

และแล้วก็เป็นจริง เสียงเพลงหมอลำซิ่งจากเทปทรานซิสเตอร์ดังลั่นสนั่นหวั่นไหวอยู่พักหนึ่งก็ เงียบไป เปลี่ยนเป็นเสียงทะเลาะวิวาทกันเสียแล้ว ไม่รู้ทะเลาะกันเรื่องอะไร แล้วก็พากันหอบข้าวของเครื่องบริขารวิ่งลงจากภูลังกาไปคนละทิศละทาง วิ่งกันกระเจิดกระเจิงอย่างคนเสียสติเข้าป่าเข้าดงหลงทางอยู่ในป่าไม่ได้ฉัน ข้าวในวันต่อมา เป็นไปตามที่หลวงปู่ตองว่าไว้จริงๆ เพราะหลวงปู่ตองรู้ว่าเจ้าป่าเจ้าเขาที่ภูลังกาต้องเล่นงานพวกพระกำมะลอ เหยียบย่ำพระธรรมวินัยคณะนี้แน่ๆ เนื่องจากท่านมีประสบการณ์ นี่คือความเฮี้ยน ความอาถรรพ์ของภูลังกา

" ถ้าอยากจะรู้เรื่องพญานาค เรื่องเมืองลับแล เรื่องเหล็กไหล...ต้องไปหาหลวงปู่ตอง " :::::>>
ผู้เขียนรู้จักกับหลวงปู่ตองได้ก็เพราะ ท่านเจ้าคุณพระราชเมธาการ เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี วัดโพธิสมภรณ์
( ธรรมยุต ) ได้บอกว่า " ถ้าอยากจะรู้เรื่องพญานาค เรื่องเมืองลับแล เรื่องเหล็กไหล...ต้องไปหาหลวงปู่ตอง
เวลานี้ภูลังกาถ้ำชัยมงคล มีหลวงปู่ตองเฝ้าถ้ำอยู่กับเณรน้อยชื่อเณรเคน หลวงปู่ตองอายุ 66 แล้ว ยังแข็งแรงมีวิชาตัวเบาหรือลูกเบา ท่านแบกปูนหนักถุงละ 25 กิโลกรัม ขึ้นไปสร้างพระเจดีย์บนยอดภูลังกาวันละหลายเที่ยวสบายมาก อยากจะรู้เรื่องลึกลับผีสางเทวดาปีศาจยักษ์มาร หรือเรื่องยาสมุนไพรต้องถามหลวงปู่ตอง ถ้าเป็นพระกรรมฐานปฏิบัติธรรมมีศีลเสมอกันท่านถึงจะเล่าให้ฟัง เป็นฆราวาสญาติโยมชาวบ้านท่านจะปิดปากเงียบ ไม่ยอมพูดเรื่องนี้ ขืนพูดไปก็เป็นความผิดเข้าข่ายอวดอุตริมนุสธรรมถูกปรับเป็นอาบัติ “

นอกจากจะบอกล่าวแล้ว ท่านเจ้าคุณราชเมธากรได้มีเมตตาพาผุ้เขียนไปกราบไหว้หลวงปู่ตองที่ถ้ำชัย มงคลภูลังกาอีกด้วย ก่อนที่จะได้ฟังหลวงปู่ตองเล่าเรื่องเมืองลับแลนั้น มาฟังประวัติอัตโนย่อๆ ของท่านก่อน...
สถานะเดิมของท่านชื่อ ตอง ศรีสาพันธ์ เกิดเมื่อวันจันทร์ เดือน 8 พศ. 2475 ที่บ้านน้ำเที่ยง ตำบลบ้านส้ง ( ซ่ง ) อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร เรียนหนังสือจบ ป. 4 บิดาและมารดาชื่อนายจอม และนางเภา ศรีสาพันธ์ บิดามารดาได้อพยพครอบครัวหนีความกันดารแห้งแล้งมาตั้งหลักแหล่งอยู่ที่บ้าน โนนสวนปอ อยู่ใกล้บึงโขงโหลง เขตจังหวัดหนองคาย
นายตอง ศรีสาพันธ์ ได้บรรพชาอุปสมบทเมื่อปี พศ. 2522 อายุได้ 47 ปี บวชเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยชราแล้ว บวชที่วัดธรรมทูนุสรณ์ อำเภอบึงโหลง จังหวัดหนองคาย พระอาจารย์อุ้ม หรือพระครูจันทเขตพิทักษ์ เจ้าคณะอำเภอเซกา เป็นพระอุปัชฌาย์ อำเภอเซกานี้อยู่ใกล้กับบึงโขงดหลง เหตุที่บวชเป็นพระเมื่อแก่เริ่มผมหงอกแล้ว หลวงปู่ตองเล่าว่า

ความจริงท่านได้เลื่อมใสในพระศาสนามาตั้งแต่เป็นเด็กไปวิ่งเล่นในวัดแล้ว ครั้นเติบใหญ่ก็ไม่มีวาสนาได้บวชเพราะฐานะยากจน ต้องช่วยพ่อแม่ทำไร่ทำนาหาเลี้ยงชีพแบบปากกัดตีนถีบอยู่ชั่วนาตาปี ต้องผจญกับโลกธรรมต่างๆ มีทั้งสุขและทุกข์

ที่ว่าสุขนั้นก็เป็นความสุขอย่างแกนๆ แห้งๆ ไปอย่างนั้นเอง ความจริงแล้วมันมีความทุกข์เป็นตัวยืนโรง ดุจแผ่นดินเป็นที่ยืนเหยียบของคนเรา ถึงแม้จะหนีขึ้นไปอยู่บนต้นไม้หรือขึ้นไปอยู่บนบ้านมีความสุข ก็ต้องมีเหตุให้ลงมาเหยียบพื้นดิน ทำมาหากินอยู่บนดินอยู่นั่นเอง แม้กระทั่งตายลงก็ต้องเอาศพฝังดินหรือเผาที่กองฟอนบนดิน ชีวิตคนเราทุกคนเกิดมาเป็นเรื่องสมมติทั้งนั้น ไม่มีสาระแก่นสารอะไรเลย

           สมมติว่าเป็นตัวเราของเรา พากันหลงในสมมติแข่งกันทำมาหากินไม่รู้จักพอ แก่งแย่งเบียดเบียนกัน ข่มเหงรังแกกัน เข่นฆ่ากันด้วยอำนาจ โลภโมโทสัน สนุกสนานมัวเมาในลาภ ยศ สรรเสริญ และความสุขอันไม่จีรังยั่งยืน ไม่เที่ยงแท้แน่นอน และแล้วในที่สุดก็ล้วนต้องเน่าเข้าโลง ตายไปเอาอะไรไปด้วยไม่ได้สักอย่าง ร่างกายอันเป็นที่รักยิ่งของตัวเองก็เอาไปด้วยไม่ได้ ตายไปแล้วร่างกายของเราก็ต้องเน่ากลายเป็นอาหารของฝูงหนอนชอนไชกัดกิน น่าขยะแขยงน่าหวาดเสียวยิ่งนัก ใครคนไหนคิดว่าตัวเองรูปสวยรูปงามนั้น แต่พอตายลงไปนอนขึ้นอืดอยู่ในโลงก็ต้องเน่าเปื่อยเละเทะเป็นปลาร้าปลาเจ่า ยังไงยังงั้น

ชีวิตคนเราเกิดมาล้วนหลงผิด ดังที่ทางพระศาสนาได้กล่าวไว้ว่า การร้องเพลงดูไปแล้วเหมือนร้องไห้ การฟ้อนรำเต้นรำดุจเป็นอาการของคนบ้า เสียงหัวเราะเฮฮาอ้าปากเห็นเหงือกเห็นฟันเหมือนอาการของทารกเด็กอมมือใน เบาะ

หลวงปู่ตองบวชในฝ่ายมหานิกายเป็นพระอยู่ในบ้านในเมืองไม่ค่อยจะถือเคร่งใน ธรรมวินัยเท่าไรนัก เป็นที่รู้กันไม่ว่ากันเพราะเป็นพระฝ่ายศึกษาเล่าเรียนปริยัติธรรม ไม่ใช่พระป่าปฏิบัติกรรมฐานถือเคร่งในธุดงค์ 13 ข้อ
หลวงปู่ตองบวชมาได้ 3 พรรษา ก็รู้สึกเบื่อหน่ายวัด เพราะพระเณรในวัดไม่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย พลอยทำให้ท่านประพฤติผิดในพระธรรมวินัยไปด้วย พระเณรในวัดมั่วสุมกันสนุกสนานมากกว่าที่จะปฏิบัติศาสนกิจ

ท่านระลึกนึกถึงพระธุดงค์ที่ไปปฏิบัติกรรมฐานอยู่ในป่า แสวงหาความสงัดเงียบบำเพ็ญเพียรจนได้พบกับความสุขในทางธรรมะ จึงอยากจะทำอย่างนั้นบ้าง เพื่อหาทางหลีกหนีพระเณรในวัดที่ย่อหย่อนธรรมวินัย ท่านได้เดินธุดงค์ไปที่ภูลังกาอยู่ห่างจากวัดไม่ไกลเท่าไรนัก โดยขึ้นทางด้านบ้านดงบัง อยู่ห่างจากถ้ำชัยมงคลออกไปไกลพอสมควร

บนภูลังกามีถ้ำมีเงื้อมผาให้เลือกเอาเป็นที่พักบำเพ็ญภาวนา มีลานหินกว้างเหมาะที่จะเดินจงกรม ดินฟ้าอากาศรื่นรมย์ กระแสลมพัดเย็นสบาย กลิ่นดอกไม้ป่าโชยชื่น บรรยากาศสัปปายะวิเวกเหมาะสำหรับปฏิบัติธรรมมาก เมื่อขึ้นมาอยู่บนภูลังกาแล้ว หลวงปู่ตองก็ปฏิบัติธรรมขั้นอุกฤษฏ์ ถือเคร่งในวัตรปฏิบัติธุดงค์ 13 เหมือนพระป่าธุดงค์ทุกประการ นั่นคือ “ กินน้อย...นอนน้อย “

กินน้อย คืออดอาหารฉันแต่น้ำลูบท้อง เป็นการทดสอบกำลังใจตัวเองว่าจะมีความทรหดอดทนขนาดไหน จะสร้างขันติบารมีได้ไหม กลัวเป็นลมตายเพราะอดข้าวไหม ?

นอนน้อย คือจะนอนพักผ่อนเอาเฉพาะตอนกลางคืน ไม่นอนมากนอนเพียงคืนละ 4 ชั่วโมงเท่านั้น เวลาส่วนใหญ่ใช้ไปในการเดินจงกรม สร้างวิริยะความเพียรและนั่งสมาธิสงบกายสงบจิตให้จิตได้พักผ่อนเสพเสวยปิติ สุขในวิหารธรรม อันปราศจากนิวรณ์ 5

เมื่อนั่งสมาธิเสพสุขก็มักจะยึดติดเกิดเกียจคร้าน จึงต้องลุกขึ้นเดินจงกรม สร้างวิริยะความเพียรขับไล่ความเกียจคร้าน สรุปแล้วก็คือมีการเดินจงกรมและนั่งสมาธิสลับกันไปทั้งวันและเกือบทั้งคืน

ผลของการทดลองอดอาหารปรากฏว่า สามารถอดได้หลายวัน ในวันแรกจะหิวมาก พอเข้าวันที่สองร่างกายจะปรับตัวเองได้ไม่หิว ฉันแต่น้ำตัวเบาสบายไม่ง่วงเหงาหาวนอนเลย เกิดความขยันหมั่นเพียรอย่างแปลกประหลาด ไม่อยากหลับนอนอยากจะเจริญภาวนาลูกเดียว ทั้งนี้ทั้งนั้นเกิดจากอำนาจสมาธิมันมีปิติแรงมากเป็นปิติในธรรม

และในช่วงนี้แหละที่ทำให้หลวงปู่ตองได้ประสบเข้ากับ “ มิติเร้นลับ “ กายและจิตของท่านที่เป็น “ กายวิเวก จิตวิเวก “ ได้เชื่อมโยงเข้าหา “ โลกวิญญาณ “ หรือโลกอันเป็นทิพย์ คือโลกของภูตผีปีศาจ ยักษ์ มาร นาค ครุฑ คนธรรพ์ หรือบังบดลับแล และเทพเจ้าเหล่าพรหมทั้งหลาย ภาษาของปรจิตวิทยาเขาเรียกว่า กระแสจิตที่เป็นสมาธิอันมั่นคงแน่วแน่ ได้กลายเป็นคลื่นจิตในระดับคลื่นเดียวกันกับกระแสจิตของโลกวิญญาณ สามารถรับและส่ง สื่อความหมายทั้งเสียงและภาพติดต่อกันได้ ( คงจะเหมือนการรับส่งโทรทัศน์ละกระมัง )

มาฟังหลวงปู่ตองเล่าถึงเหตุการณ์ตอนนี้ ท่านเล่าว่า...

" ตอนนั้นในราว 1 ทุ่ม มืดสนิทอากาศกำลังเย็นสบายๆ อาตมากำลังเดินจงกรมอยู่ที่พลายหินบนภูลังกา เสียงแมลงกลางคืนจักจั่นและแม่ม่ายลองไน ส่งเสียงร้องก้องกังวานไปทั่วทั้งขุนเขา อาตมาแหงนดูท้องฟ้ามืดมีดวงดาวเกลื่อนกลาดมากมายเต็มท้องฟ้าไปหมด ดาวหลายดวงอยู่ใกล้ๆ ดูราวจะเอื้อมถึง เป็นคืนที่น่าดูมาก เบิกบานใจอย่างบอกไม่ถูก

ทันใดนั้น...เสียงจักจั่นและแม่ม่ายลองไนหยุดส่งเสียงกระทันหัน เกิดความเงียบสงบอย่างแปลกประหลาด

ความมืดได้ทวีมากยิ่งขึ้น เดินไม่เห็นทางเดินจงกรม เอ๊ะ! ทำไมมันมืดอย่างนี้ แหงนมองฟ้าก็ยังเห็นดวงดาวดารดาษส่องแสงระยิบระยับ ไม่มีเมฆฝนปิดบังไว้แต่อย่างใด

ขณะที่อาตมากำลังยืนงงๆ อยู่นั้น ก็ได้เห็นแม่ชีนุ่งห่มสีขาวเดินเข้ามาหา มี 5 คน นั่งคุกเข่าลงกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ อาตมารู้สึกแปลกใจที่มีแม่ชีบนภูลังกาในยามค่ำคืน ใจคอไม่ดีเลยเพราะไม่มีพระเณรหรือลูกศิษย์อยู่ด้วย กลัวจะเป็นบาปอาบัติถูกตำหนิติเตียน ตอนนั้นลืมคิดไปถนัดว่าในความมืดเหมือนอยู่ในถ้ำอย่างนั้น ทำไมสามารถมองเห็นแม่ชีทั้ง 5 คน ได้ถนัดชัดเจนเหมือนในยามกลางวัน ขณะที่อาตมายืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น แม่ชีผู้เป็นหัวหน้าได้พูดขึ้นว่า...

" หลวงพ่อขึ้นมาปฏิบัติภาวนาบนนี้จะต้องมีวัตรปฏิบัติเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ถ้าหลวงพ่อย่อหย่อนในพระวินัยจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ มีพระสงฆ์องค์เณรขึ้นมาอยู่บนนี้หลายรูปแล้วแต่อยู่ไม่ได้ "

ตอนนี้อาตมาตั้งสติได้แล้วขนลุกซู่ขึ้นมาเฉยๆ ความรู้สึกบอกว่า ผีแน่ๆ เป็นผีแม่ชี แต่ก็ไม่กลัวเพียงแต่ขนลุกเท่านั้น เพียงแค่นึกรู้สึกขึ้นมาเท่านั้น หัวหน้าแม่ชีก็พูดชี้แจงในทันทีว่า

" พวกเราไม่ใช่ผี หลวงพ่ออย่าเข้าใจผิด พวกเราเป็นพรหม สมัยเป็นมนุษย์เป็นแม่ชีสำเร็จฌาน พรหมไม่มีเพศหญิง พวกเราเพียงแต่แสดงร่างที่เคยเป็นแม่ชีให้ดูเท่านั้น ภูลังกาเป็นแดนบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ หลวงพ่อมาอยู่ที่นี่จะต้องฉันมังสวิรัติ ขออย่าได้ฉันเนื้อสัตว์ "

อาตมาพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งฟังจะว่าถูกสะกดจิตก็ไม่เชิง นึกอยากจะถามแต่ไม่รู้จะถามอะไร ในที่สุดแม่ชีลึกลับทั้ง 5 คนนั้นก็ลาจากไป

การมาและการไปสวยงามมาก ย่อตัวลงคุกเข่ากราบเบญจางคประดิษฐ์ตัวลอยอยู่เหนือพื้นตอนเข้ามาหา แต่ตอนจะกลับถอยหลังออกไป 3 ก้าว แล้วจึงนั่งคุกเข่าลงกราบลา ตอนลุกขึ้นยืนคล้ายๆ ลอยตัวขึ้นสง่างามมาก ไม่เหมือนมนุษย์ลุกขึ้น

เมื่อแม่ชีทั้งห้าไปแล้ว บรรยากาศอันเงียบงันอาถรรพ์ก็หายไป กลับเป็นปกติเหมือนเดิม จักจั่นเรไรเริ่มส่งเสียง กระแสลมที่หยุดนิ่งก็พัดมาโชยชื่น กลิ่นหอมดอกไม้ป่าพาให้รื่นรมย์ใจ ความมืดมิดคลายไป สามารถมองเห็นทางเดินจงกรมได้เหมือนเดิม

หลวงปู่ตองเป็นคนเชื่ออะไรยาก ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ชอบโต้เถียงเรื่องผีสางเทวดาว่าไม่มีจริง เพราะไม่เคยเห็น ผีมีที่ไหน คนโบราณแต่งเรื่องผีๆ สางๆ หลอกให้คนกลัว เพื่อที่จะได้ปกครองกันง่ายเท่านั้นแหละ

แต่แล้วในที่สุด หลวงปู่ตองก็มาเจอผีแม่ชีเข้าให้ที่ภูลังกา เป็นการเจอผีตอนเป็นพระกรรมฐานเสียด้วย เหมือนถูกล้างสมองครั้งใหญ่ให้หายโง่ ไม่เชื่อไม่ได้แล้ว เพราะได้เห็นอย่างจะแจ้งกับตา ได้ยินกับหู แถมยังถูกผีแม่ชียื่นคำขาดให้ฉันมังสวิรัติ ถ้าฉันเนื้อสัตว์ต่อไปจะอยู่ภูลังกาไม่ได้ "

ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้หลวงปู่ตองต้องเลิกฉันเนื้อสัตว์ทุกชนิดตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงวันนี้ นับได้ 17 ปีเข้าให้แล้ว การฉันอาหารมังสวิรัติทำให้จิตสงบเร็วขึ้น การพิจารณาธรรมตามหลักไตรลักษณ์ก็ปลอดโปร่ง เข้าใจได้ลึกซึ้งกว่าแต่ก่อน การทดลองอดอาหารทรมานตัณหาความอยากก็สามารถอดอาหารได้ถึง 1 เดือนเต็มๆ ท่านเล่าถึงตอนนี้ว่า...

วันนั้นทั้งวันนั่งเข้าสมาธิเงียบเชียบไม่ลุกขึ้นเลย จิตมันนิ่งมันติดใจในรสสมาธิ หมูป่าฝูงใหญ่มาหากินใกล้ๆ แล้วมันก็ทะเลาะกันกัดกันอุตลุด อาตมาก็เห็นแต่ประสาทหูไม่ยอมรับเสียง ไม่ได้ยินเสียง รู้เห็นว่ามันกัดกันเท่านั้น แล้วจิตก็วิ่งเข้าไปอยู่ในภวังค์จ่อไป ประสาทหูมันดับไม่ยอมรับเสียง แปลกจริงๆ ดูคล้ายกับว่าจิตไม่ใช่อาตมา จิตเป็นตัวหนึ่งต่างหาก และตัวอาตมาก็เป็นตัวหนึ่งต่างหาก จิตกับตัวเรามันแยกจากกัน เพราะสมาธิมันมากเหลือเกิน

อาตมานั่งเข้าสมาธิอยู่ทั้งวันเหมือนฤาษีเข้าฌาน จะลุกขึ้นในตอนใกล้ค่ำ ฉันน้ำแล้วก็เดินจงกรม การอดอาหารทำได้แต่น้ำต้องฉัน จะขาดไม่ได้ อันนี้เป็นกฏตายตัวสำหรับพระธุดงค์ในป่าที่อดอาหารหลายๆ วัน แต่อย่าให้ขาดน้ำเป็นอันขาดเพราะน้ำช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตเอาไว้

อาตมาบำเพ็ญความเพียรอย่างอุกฤษฏ์ที่ภูลังกาหลายเดือน ได้รู้ได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ลึกลับหลายอย่างด้วยอำนาจศีล อำนาจสมาธิที่อาตมาปฏิบัติดีปฏิบัติชอบถูกต้องพระธรรมวินัย

หลวงปู่ตองกลับไปจำพรรษาที่วัดเดิม วัดตานเทพมงคลใกล้บึงโขงโหลง ได้ดำริขบคิดจะญัตติเป็นพระธรรมยุต เพื่อจะได้เข้าสู่สายพระกรรมฐานเป็นพระป่าอย่างแท้จริง ครั้นปรึกษากับญาติโยมชาวบ้านก็ไม่มีใครเห็นด้วยเลย ชาวบ้านอยากจะให้อยู่พัฒนาวัดเดิมให้เจริญรุ่งเรือง ถ้าหลวงปู่ตองไปเสียแล้วพระเณรก็จะสึกกันหมดวัดก็จะร้าง

ด้วยเหตุนี้เองทำให้หลวงปู่ตองต้องจำใจอยู่วัดนี้ต่อมาถึง 5 ปีเป็นหลักใจให้ชาวบ้าน หนักไปทางพิธีกรรมที่พระสงฆ์องค์เจ้าจะต้องทำ เช่น งานบุญต่างๆ งานบวช งานศพ ฯลฯ ตลอดถึงซ่อมแซมปฏิสังขรณ์กุฏิ ศาลาโบสถ์ วิหาร พัฒนาวัดวาอารามเป็นงานหลัก

เมื่อเห็นว่าได้ทำความเจริญให้วัดนี้มั่นคงดีแล้ว ท่านจึงได้ญัตติเป็นพระธรรมยุตเข้าสู่สายปฏิบัติกรรมฐานในปี พศ. 2530 แต่ยังจำพรรษาอยู่ที่วัดเดิมเพราะญาติโยมยังไม่ยอมให้ท่านไปธุดงค์

อยู่มาคืนวันหนึ่งยังไม่ดึกนัก...ขณะที่หลวงปู่ตองนั่งเข้าสมาธิอยู่ที่กุฏิ วัดตานทพมงคลริมบึงโขงโหลง อากาศคืนนั้นค่อนข้างเย็นจนท่านรู้สึกหนาว มีลมพัดแรงมาจากบึงโขงโหลงจนต้นไม้ใหญ่น้อยเอนลู่ซู่ซ่าเหมือนพายุฝนจะมา ท่านได้เห็นนิมิตในสมาธิเป็นแสงสว่างสีขาวพุ่งปราดข้ามบึงโขงโหลงมาตกลงที่ กุฏิที่ท่านนั่งอยู่

           นิมิตภาพแสงสว่างนั้นได้แปรเปลี่ยนไปเป็นร่างชายคนหนึ่งผมเกรียนคล้ายทิด สึกใหม่ นุ่งขาวห่มขาวกิริยาท่าทางเรียบร้อยสำรวม ลักษณธอุบาสกผู้มีบุญได้เดินเข้ามายกมือไหว้และแนะนำตัวเองว่า

" เราคืออาจารย์วัง อยู่ถ้ำชัยมงคลบนภูลังกาเวลานี้ เราไปเกิดเป็นพรหมอยู่บนพรหมโลก เราอยากจะให้ท่านไปอยู่ถ้ำชัยมงคลภูลังกา "

กล่าวแล้วก็เดินหายไป หลวงปู่ตองได้พิจารณาแล้วเห็นว่า นิมิตนี้เป็นเพียงจิตสังขารปรุงแต่งธรรมดาดุจดังคนเรานอนหลับแล้วฝันไป ไม่ควรยึดถือเป็นเรื่องจริงจัง

ครั้นต่อมาอีกหลายวัน ก็เกิดนิมิตภาพนี้อีกขณะนั่งสมาธิจิตสงบวิญญาณ อาจารย์วังซึ่งเป็นพรหมมาชวนให้ไปอยู่ถ้ำชัยมงคลเป็นครั้งที่สอง แต่หลวงปู่ตองก้ไม่สนใจเพราะถือว่านิมิตต่างๆ เป็นอุปสรรคในการเจริญภาวนานิมิต เป็นเพียงภาพล่อ ภาพหลอก ภาพลวง

ต่อมาอีกประมาณ 15 วัน ก็เกิดนิมิตในสมาธิอีก เป็นภาพอาจารย์วังนุ่งขาวห่มขาวมาหาเป็นครั้งที่ 3 พอมาถึงก็ถามว่า

" ท่านปั้นพระพุทธรูปได้ไหม ? " หลวงปู่ตองตอบในสมาธิว่า " เคยปั้นมาแล้วแต่ไม่เก่ง " นิมิตภาพอาจารย์วังกล่าวต่อไปว่า " เราจะให้ท่านขึ้นไปอยู่ถ้ำชัยมงคลบนภูลังกา ไปปั้นพระพุทธรูปหลายองค์ มีเจดีย์ธาตุอยู่บนยอดภูลังกาใส่อัฐิธาตุของเรา แต่เวลานี้เจดีย์ธาตุนั้นได้ถูกคนร้ายใจบาปทุบทิ้งป่นปี้ ค้นหาสิ่งของเงินทอง เราต้องการให้ท่านไปช่วยสร้างเจดีย์ขึ้นใหม่ด้วย "

นิมิตภาพของอาจารย์วังบอกกล่าวแล้วก็หายไปอีก คราวนี้หลวงปู่ตองชักเอะใจสงสัย เพราะนิมิตอาจารย์วังมาหาอย่างมีความมุ่งหมายขึงขังจริงจัง เป็นการออกคำสั่งให้ทำเลยทีเดียวบ่งบอกถึงอำนาจบังคับบัญญชาดูน่ากลัว หากขัดขืนเห็นจะเกิดเรื่องเป็นแน่

หลวงปู่ตองจึงได้ออกสืบถามชาวบ้านว่า อาจารย์วังภูลังกามีประวัติความเป็นมาอย่างไร ก็ได้ความว่า พระอาจารย์วัง ฐิติสาโร เป็นพระธรรมกรรมฐานผู้มีชื่อเสียงเลื่องลืออยู่ถ้ำชัยมงคลบนยอดภูลังกาใน สมัยปี พศ. 2480 - 2496...

ท่านเป็นศิษย์คนสำคัญของหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และต่อมาได้พบกับหลวงปู่มั่น ภูริทตตเถระ จึงได้เป็นสหธรรมิกกับพระอาจารย์ดังๆในสมัยนั้น เช่นพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร พระอาจารย์สีโห เขมโก พระอาจารย์อ่อน ญาณศิริ เป็นต้น ชาวบ้านนิยมเรียกท่านว่า " ครูบาวัง "

ศิษย์สำคัญๆ ของครูบาวัง หรือพระอาจารย์วังมีหลายรูป อาทิ พระอาจารย์วัน อุตตโม แห่งภูเหล็ก สกลนคร พระอาจารย์ชา วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี หลวงปู่โง่น วัดพระพุทธบาทเขารวก ตะพานหิน จังหวัดพิจิตร พระครูอดุลธรรมภาณ เจ้าคณะอำเภอศรีสงคราม ( ธรรมยุต ) นครพนม เป็นต้น

พระครูอดุลธรรมภาณเป็นพระเพียงรูปเดียวที่รอดตาย เมื่อคราวเรือล่มในบึงโขงโหลงมีพระกรรมฐานภูลังกาจมน้ำถึงแก่มรณภาพ 3 รูป คือพระอาจารย์ปุ่น พระอาจารย์ทอง และพระอาจารย์ทองดี เรือล่มคราวนั้นเป็นเรื่องโด่งดังมาก ในปี พศ. 2499 ใกล้กึ่งพุทธกาลชาวบ้านเล่าลือกันว่า พญาอือลือผีเงือก ( พญานาค ) บึงโขงโหลง เป็นผู้เอาชีวิตพระกรรมฐานภูลังกา

พระอาจารย์วังเชี่ยวชาญเป็นพิเศษทางกสิณอภิญญา เป็นพระธุดงค์กรรมฐานมีฤทธิ์มาก พระอาจารย์พุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวันครั้งนั้นยังไม่มรณภาพเคยเล่าให้ศรัทธาญาติโยมคณะ " ธรรมทานทัวร์ " ฟังเมื่อหลายปีมาแล้วว่า

คราวหนึ่งพระเณรและเถรชีที่ขึ้นไปปฏิบัติธรรมอยู่บนภูลังกา ได้รับความลำบากกันมากเพราะขัดสนอาหารบิณฑบาตร และยังเจ็บไข้ได้ป่วยอาพาธด้วยโรคภัยไข้ป่าบ้าง แพ้อากาศบ้าง พระอาจารย์วังได้พาลงจากภูลังกามาส่งให้พ้นป่าใหญ่ ปรากฏว่ามีฝูงเสือโคร่งหลายตัวได้ติดตามมาด้วย ทำให้พระเณรเถรและชี ( พ่อขาวแม่ขาว ) หวาดกลัวกันมาก พระอาจารย์วังได้บอกให้พระภิกษุสามเณรตาเถรและแม่ชี พากันรีบเดินไปก่อนส่วนองค์ท่านนั่งลงขวางทางเสือไว้ ฝูงเสือเห็นท่านนั่งก็พากันนั่งลงบ้าง

พระอาจารย์วังทำอย่างนี้อยู่หลายครั้ง ถ่วงเวลาไว้เพื่อให้คณะพระเณรเถรชีเดินทางพ้นป่าใหญ่ระยะทางสิบกว่ากิโลเมตร ไปถึงหมู่บ้านที่ปลอดภัย ต่อจากนั้นพระอาจารย์วังจึงได้เดินทางกลับภูลังกาโดยมีฝูงเสือติดตามต้อยๆ ไป เหมือนสุนัขที่จงรักภักดีต่อเจ้าของ

พระอาจารย์พุธ ฐานิโย สรุปว่าทำไมฝูงเสือถึงได้จงรักภักดีพระอาจารย์วัง

คำตอบก็คือ พระธุดงค์กรรมฐานอย่างพระอาจารย์วังนั้นมีอำนาจจิตแรงกล้า และโดยเฉพาะมีเมตตามาก จะเข้าสมาธิระดับลึกมากอยู่ทุกวันคืน แล้วแผ่เมตตาไปทั่วทุกสารทิศ อันมีทิศเบื้องบน ทิศเบื้องล่าง ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทั่วทุกโลกธาตุภพภูมิอันไม่มีขอบเขตเรียกว่า " แผ่เมตตาเจโตวิมุตติ "

การแผ่เมตตาเจโตวิมุตตินั้นคือ ต้องเข้าสมาธิให้ได้ระดับจตุตถญาณ เพื่อให้บรรลุภาวะดวงจิตหลุดพ้นจากกิเลสชั่วคราว เรียกว่า เจโตวิมุตติ ประเภทยังไม่หลุดพ้นอย่างเด็ดขาดเป็นแต่เพียงหลุดพ้นจากกิเลส ด้วยอำนาจพลังจิตโดยเฉพาะด้วยกำลังฌาน 4 คือกิเลสทั้งหมดได้ถูกอำนาจอัปปนาสมาธิกดข่มไว้ หรือทับไว้ดุจก้อนหินใหญ่มหึมาทับหญ้าเอาไว้ฉะนั้น ตลอดเวลาที่อยู่ในฌาน 4 นั้นเรียกว่า " วิขัมภนะวิมุตติ "

การแผ่เมตตาเจโตวิมุตติมีอานุภาพมาก เป็นกระแสคลื่นจิตตานุภาพอันชุ่มชื่นเยือกเย็น ภูตผีปีศาจยักษ์มาร เทวดา พรหม คนธรรพ์ นาคและมนุษย์ตลอดถึงสิงสาราสัตว์ดุร้ายทั้งหลาย เมื่อได้กระทบสัมผัสกระแสเมตตาเจโตวิมุตติแล้วจะบังเกิดความรู้สึกชุ่มชื่น เย็นกายเย็นใจ อิ่มเอิบเบิกบาน ปีติปราโมทย์ดุจดังได้เสวยความสุขอันเป็นทิพย์สุดวิเศษ จะมีไมตรีจิตมิตรภาพ รักใคร่เคารพนับถือผู้ทรงศีลที่แผ่เมตตาเจโตวิมุตตินั้น ไม่กล้าคิดทำร้ายแต่ประการใดเลย

พระอาจารย์วังได้มรณภาพไปนานแล้ว ตั้งแต่ปี พศ. 2496 เมื่อนับถึงปี พศ. 2534 ซึ่งเป็นปีที่หลวงปู่ตองได้นิมิตพระอาจารย์วังนั้น ก็เป็นเวลายาวนานถึง 38 ปี ทำให้หลวงปู่ตองข้องใจว่า นับตั้งแต่พระอาจารย์วังมรณภาพไป เหตุใดถึงไม่แสวงหาผู้มีวาสนาบารมีให้มาบูรณปฏิสังขรณ์ถ้ำชัยมงคล-ภูลังกา ทำไมปล่อยให้เวลาผ่านมาถึง 38 ปี จึงมาบอกให้ท่านไปบูรณปฏิสังขรณ์ ทั้งๆ ที่ท่านก็เป็นเพียงพระบ้านนอกธรรมดา ไม่มีบุญบารมีอะไรเลย แต่ด้วยความยำเกรงพระอาจารย์วังที่เป็นวิญญาณมาสั่งให้ไปอยู่ถ้ำชัยมงคลภู ลังกา หลวงปู่ตองจึงจำใจเดินทางขึ้นไปภูลังกา ทำการสำรวจถ้ำชัยมงคลก็ได้เห็นสภาพความเป็นจริงว่า เจดีย์ธาตุบนยอดเขาภูลังกาที่บรรจุอัฐิธาตุของพระอาจารย์วังนั้น ได้ถูกพวกคนร้ายใจบาปทุบทำลายพังทลายลงมา เหลืออยู่เพียงฐานเจดีย์เท่านั้น อัฐิธาตุของพระอาจารย์วังตกอยู่กระจัดกระจายในบริเวณนั้น ทำให้หลวงปู่ตองเกิดความรู้สึกสลดสังเวชยิ่งนัก...

"ครั้นเมื่อไปดูที่ถ้ำชัยมงคลก็พบกับสภาพถ้ำที่เสื่อมโทรมเต็มไปด้วยหยากไย่ ใยแมงมุม พระพุทธรูปหลายองค์ที่พระอาจารย์วังปั้นไว้ ได้ถูกคนใจร้ายใจบาปจับกลิ้งไว้กับพื้นก็มี ที่ถูกขุดเจาะทำลายก็มี คนใจร้ายคงค้นหาเหล้กไหลในองค์พระพุทธรูป ยิ่งทำให้หลวงปู่ตองเศร้าสลดใจ

โอหนอ...คนเราทำไมมันถึงได้ใจร้ายต่ำทรามถึงเพียงนี้ กล้าทำลายปูชนียวัตถุอันศักดิ์สิทธิ์ในพระศาสนาไม่เกรงกลัวบาปกรรม นรกมหาอเวจี หลวงปู่ตองได้บอกตัวเองว่า " ถ้ำชัยมงคลก็ดี ภูลังกาก็ดีเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ จิตสัมผัสทำให้เราขนพองสยองเกล้าอยู่เป็นระยะ ที่นี่เป็นอาศรมสถานปฏิบัติธรรมของครูบาอาจารย์มาตั้งแต่อดีต ไม่สมควรจะปล่อยให้รกร้างว่างเปล่าเศร้าหมอง เราจะต้องบูรณปฏิสังขรณ์ที่นี่ให้สำเร็จจงได้ "

วันนั้นหลวงปู่ตองจึงพักค้างคืนในถ้ำชัยมงคล พอเข้าที่นั่งทำสมาธิภาวนาได้ไม่นาน วิญญาณพระอาจารย์วังก็มาหาอีก ลืมตาก็เห็นหลับตาก็เห็น นุ่งขาวห่มขาวเหมือนเดิม วิญญาณพระอาจารย์วังพูดว่า อัฐิธาตุของเราที่ตกอยู่กระจัดกระจายนั้น เมื่อท่านได้เก็บรวบรวมไว้แล้วก็ให้เอาบรรจุใส่ไว้ในเจดีย์อย่างเดิม ถ้าท่านสงสัยอะไรให้ไปถามพระครูอดุลธรรมภาณ ที่วัดศรีวิชัย บ้านศรีวิชัย อำเภอศรีสงคราม พระครูอดุลฯ สมัยเป็นสามเณรเคยอยู่กับเราที่ถ้ำชัยมงคลนี้

นิมิตภาพพระอาจารย์วังบอกกล่าวแล้วก็เดินออกจากถ้ำหายไป

หลวงปู่ตองได้เดินทางไปหาพระครูอดุลธรรมภาณในวันต่อมา เล่าเรื่องทั้งหมดที่ตนประสบให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ พระครูอดุลธรรมภาณได้ยินแล้วก็พิศวงงงงันไม่อยากจะเชื่อ ตนเองเป็นศิษย์ก้นกุฏิมาตั้งแต่เป็นสามเณรน้อยจนกระทั่งเป็นพระ อายุพรรษาแก่เท่าถึงวันนี้ยังไม่เคยเห็นวิญญาณพระอาจารย์วังมาหาเลย จึงถามว่า " ท่านตองจำรูปร่างหน้าตาพระอาจารย์วังที่เห็นในสมาธิได้แน่รี ? "

หลวงปู่ตองตอบว่า " ผมจำได้ติดตา "

พระครูอดุลธรรมภาณลุกขึ้น เดินเข้าไปในห้องหยิบเอารูปถ่ายพระอาจารย์วังมาส่งให้หลวงปู่ตองดู ถามว่า " เหมือนรูปนี้ไหม ? "

หลวงปู่ตองได้เห็นรูปถ่ายของพระอาจารย์วังแล้วก็ตะลึง ขนพองสยองเกล้าถึงกับรีบวางรูปถ่ายลง แล้วกราบรูปถ่ายด้วยความเคารพเลื่อมใส เพราะวิญญษณพระอาจารย์วังที่มาหานั้นเป็นคนๆ เดียวกันกับรูปถ่ายนี้ จึงได้กราบเรียนให้พระครูอดุลธรรมภาณทราบตามนั้น พระครูอดุลธรรมภาณได้ฟังแล้วก็อัศจรรย์ใจขนลุกไปทั้งตัว เหลียวซ้ายแลขวาเข้าใจไปว่าวิญญาณพระอาจารย์วังจะต้องติดตามหลวงปู่ตองมา ท่านพระครูอดุลฯ ได้ร้องว่า " ผมขนลุกไปหมดแล้ว ท่านพระอาจารย์วังอาจจะมาอยู่ในห้องนี้แล้วก็ได้ "

ด้วยเหตุดังกล่าวนี้เองทำให้หลวงปู่ตองเกิดความเลื่อมใสพระอาจารย์วัง มีความเชื่ออย่างปราศจากข้อสงสัยว่า วิญญาณพระอาจารย์วังมีจริง เป็นเทพเจ้าชั้นสูงอยู่พรหมโลกมาวนเวียนอยู่ถ้ำชัยมงคลภูลังกา ด้วยความห่วงใย ดังนั้นหลวงปู่ตองจึงตัดสินใจมาอยู่ถ้ำชัยมงคลด้วยความเต็มใจเคารพเลื่อมใส ในองค์อาจารย์วังอย่างสุดจิตสุดใจทีเดียว

ขอหยุดเรื่องหลวงปู่ตองไว้ชั่วคราวก่อน จะขอเล่าถึงเรื่องราวพิสดารของพระอาจารย์วัง เมื่อเล่าจบแล้วจึงจะได้เล่าเรื่องหลวงปู่ตองเป็นตอนสรุปส่งท้าย...

พระอาจารย์โง่น หรือหลวงปู่โง่น โสรโย วัดพระพุทธบาทเขารวก อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร เป็นพระเกจิอาจารย์เรืองฤทธิ์เชี่ยวชาญในกฤตยาคม สามารถพูดได้หลายภาษา เป็นต้นว่า ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน รัสเซีย สเปน ลาตินอเมริกา จีน ญวณ เขมรและพม่า

เคยมีผู้กล่าวว่าหลวงปู่โง่นเก่งหลายภาษาเพราะสำเร็จ
" อรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ " นั้น หลวงปู่โง่นตกใจมากรีบปฏิเสธเป็นการใหญ่

" อย่าหาเรื่องให้ฉันตกนรก ! ฉันไม่ได้เป็นพระอรหันต์ ! อย่าได้พูดเป็นอันขาดว่าฉันเป็นพระอรหันต์ ฉันเป็นเพียงพระธรรมดา เป็นหลวงตาแก่ๆ องค์หนึ่ง เหตุที่สามารถพูดได้หลายภาษาก็เพราะศึกษาค้นคว้าหัดพูดหัดเขียนภาษาต่างๆ ด้วยความอยากรู้เท่านั้น "

หลวงปู่โง่นสมัยเป็นฆราวาสหนุ่มนั้น เคยสอนศาสนาคริสต์อยู่ที่เกาะลังกาหรือประเทศศรีลังกา เกิดเบื่อขึ้นมาเลยมาอยู่กับพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร ที่วัดป่าบ้านศรีเวินชัย ริมฝั่งแม่น้ำศรีสงคราม ต. สามผง อ. ศรีสงคราม จ. นครพนม ประมาณปี พศ. 2485 ปรารภอยากบวช พระอาจารย์วังจึงจับตัวให้นุ่งขาวห่มขาวเป็น &
189  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / เหตุให้แจ้งในสมาธิในภาวนา ยังไม่ใช่หนทางในพระศาสนา เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2010, 08:59:17 am
เมื่อ มหาลีทูลถามพระพุทธองค์ว่า

        [๒๕๐] โอ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุทั้งหลายเห็นจะประพฤติพรหมจรรย์ใน   
พระผู้มีพระภาค เพื่อเหตุจะทำให้แจ้ง ซึ่งสมาธิภาวนาเหล่านั้นเท่านั้น.
 

        ภ. ดูกรมหาลี มิใช่ภิกษุทั้งหลายจะประพฤติพรหมจรรย์ในเรา เพื่อเหตุจะทำให้แจ้ง   
ซึ่งสมาธิภาวนาเหล่านั้นเท่านั้น ดูกรมหาลี ธรรมเหล่าอื่นที่ภิกษุประพฤติพรหมจรรย์ในเรา
เพื่อเหตุจะทำให้แจ้ง อันดีกว่าและประณีตกว่ายังมีอยู่.
 

        โอ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมทั้งหลายที่ภิกษุประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค
เพื่อเหตุจะทำให้แจ้ง อันดีกว่าและประณีตกว่านั้น เป็นไฉน?

        ภ. ดูกรมหาลี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นโสดาบัน มีความเป็นผู้ไม่ตกต่ำเป็นธรรม     
เป็นผู้เที่ยง มีอันจะตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า เพราะสัญโยชน์ ๓ หมดสิ้นไป ดูกรมหาลี ธรรมนี้แล   
ที่ภิกษุประพฤติพรหมจรรย์ในเรา เพื่อเหตุจะทำให้แจ้ง อันดีกว่าและประณีตกว่า.   

        [๒๕๑] ดูกรมหาลี ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นสกทาคามี มาสู่โลกนี้เพียงอีกครั้งเดียว
จะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ เพราะสัญโยชน์ ๓ หมดสิ้นไป และเพราะราคะ โทสะ โมหะ   
เบาบางไป ดูกรมหาลี แม้นี้ก็เป็นธรรมที่ภิกษุประพฤติพรหมจรรย์ในเรา เพื่อเหตุจะทำให้แจ้ง     
อันดีกว่าและประณีตกว่า. 
 
        [๒๕๒] ดูกรมหาลี ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุไปเกิดในภพสูง ปรินิพพานในภพนั้น   
ไม่ต้องเวียนกลับมาจากโลกนั้น เพราะสัญโยชน์ส่วนเบื้องต่ำ ๕ ประการหมดสิ้นไป ดูกรมหาลี
แม้นี้ก็เป็นธรรมที่ภิกษุประพฤติพรหมจรรย์ในเรา เพื่อเหตุจะทำให้แจ้ง อันดีกว่าและประณีตกว่า.
                       
                         อริยมรรคมีองค์ ๘   
        [๒๕๓] ดูกรมหาลี ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง บรรลุเจโตวิมุติ     
ปัญญาวิมุติ อันไม่มีอาสวะ เพราะสิ้นอาสวะอยู่ในปัจจุบัน ดูกรมหาลี แม้นี้ก็เป็นธรรมที่
ภิกษุประพฤติพรหมจรรย์ในเรา เพื่อเหตุจะทำให้แจ้ง อันดีกว่าและประณีตกว่า ดูกรมหาลี   
เหล่านี้แล ธรรมทั้งหลายที่ภิกษุประพฤติพรหมจรรย์ในเรา เพื่อเหตุจะทำให้แจ้ง อันดีกว่า
และประณีตกว่า.

        [๒๕๔] โอ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มรรคมีอยู่หรือ ปฏิปทาเพื่อทำให้แจ้งธรรมเหล่านั้น     
มีอยู่หรือ?   
        ภ. ดูกรมหาลี มรรคมีอยู่ ปฏิปทาเพื่อทำให้แจ้งธรรมเหล่านั้นมีอยู่.
        โอ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็มรรคเป็นไฉน ปฏิปทาเพื่อทำให้แจ้งธรรมเหล่านั้น     
เป็นไฉน? 
   
        ภ. มรรคมีองค์ ๘ อันประเสริฐนี้แหละ คือ ความเห็นชอบ ความดำริชอบ เจรจาชอบ
การงานชอบ เลี้ยงชีพชอบ ความเพียรชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งใจชอบ ดูกรมหาลี     
มรรคนี้ปฏิปทานี้แหละ เพื่อทำให้แจ้งธรรมเหล่านั้น.

พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค - หน้าที่ 191
190  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / พระพุทธเจ้าทรงตรัสวิธี การเห็นรูปทิพย์ และ เสียงทิพย์ ( ในพระไตรปิฏก ) เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2010, 08:51:36 am
การเห็นรูปทิพย์ การฟังเสียงทิพย์     
  พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค - หน้าที่ 190

      [๒๔๘] ดูกรมหาลี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เจริญสมาธิโดยส่วนสองเพื่อเห็นรูปทิพย์     
อันน่ารัก และเพื่อฟังเสียงทิพย์อันไพเราะ ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด   
ในทิศตะวันออก เพราะเธอเจริญสมาธิโดยส่วนสอง เพื่อเห็นรูปทิพย์อันน่ารัก และเพื่อ     
ฟังเสียงทิพย์อันไพเราะ ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ในทิศตะวันออก
เธอจึงเห็นรูปทิพย์อันน่ารัก และฟังเสียงทิพย์อันไพเราะ ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความ 
กำหนัด ในทิศตะวันออก ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร ดูกรมหาลี ข้อนั้นเป็นเพราะเธอเจริญสมาธิ
โดยส่วนสอง เพื่อเห็นรูปทิพย์อันน่ารัก และเพื่อฟังเสียงทิพย์อันไพเราะ ประกอบด้วยกาม 
เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ในทิศตะวันออก. 

        [๒๔๙] ดูกรมหาลี ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุเจริญสมาธิโดยส่วนสอง เพื่อเห็นรูปทิพย์   
อันน่ารัก และเพื่อฟังเสียงทิพย์อันไพเราะ ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด   
ในทิศใต้ เพราะเธอเจริญสมาธิโดยส่วนสอง เพื่อเห็นรูปทิพย์อันน่ารัก และเพื่อฟังเสียงทิพย์     
อันไพเราะ ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ในทิศใต้ เธอจึงเห็นรูปทิพย์อันน่ารัก     
และฟังเสียงทิพย์อันไพเราะ ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ในทิศใต้ ข้อนั้น 
เป็นเพราะเหตุไร ดูกรมหาลี ข้อนั้นเป็นเพราะเธอเจริญสมาธิโดยส่วนสอง เพื่อเห็นรูปทิพย์
อันน่ารัก และเพื่อฟังเสียงทิพย์อันไพเราะ ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด   
ในทิศใต้.
   
        ภิกษุเจริญสมาธิโดยส่วนสอง เพื่อเห็นรูปทิพย์อันน่ารัก และเพื่อฟังเสียงทิพย์อันไพเราะ   
ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ในทิศตะวันตก เพราะเธอเจริญสมาธิโดยส่วนสอง   
เพื่อเห็นรูปทิพย์อันน่ารัก และเพื่อฟังเสียงทิพย์อันไพเราะ ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่ง   
ความกำหนัด ในทิศตะวันตก เธอจึงเห็นรูปทิพย์อันน่ารัก และฟังเสียงทิพย์อันไพเราะ
ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ในทิศตะวันตก ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร 
ดูกรมหาลี ข้อนั้นเป็นเพราะเธอเจริญสมาธิโดยส่วนสอง เพื่อเห็นรูปทิพย์อันน่ารัก และเพื่อ     
ฟังเสียงทิพย์อันไพเราะ ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ในทิศตะวันตก.

        ภิกษุเจริญสมาธิโดยส่วนสอง เพื่อเห็นรูปทิพย์อันน่ารัก และเพื่อฟังเสียงทิพย์อันไพเราะ   
ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ในทิศเหนือ เพราะเธอเจริญสมาธิโดยส่วนสอง     
เพื่อเห็นรูปทิพย์อันน่ารัก และเพื่อฟังเสียงทิพย์อันไพเราะ ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่ง   
ความกำหนัด ในทิศเหนือ เธอจึงเห็นรูปทิพย์อันน่ารัก และฟังเสียงทิพย์อันไพเราะ ประกอบ 
ด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ในทิศเหนือ ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร ดูกรมหาลี ข้อนั้น     
เป็นเพราะเธอเจริญสมาธิโดยส่วนสอง เพื่อเห็นรูปทิพย์อันน่ารัก และเพื่อฟังเสียงทิพย์   
อันไพเราะ ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ในทิศเหนือ.   

        ภิกษุเจริญสมาธิโดยส่วนสอง เพื่อเห็นรูปทิพย์อันน่ารัก และเพื่อฟังเสียงทิพย์อันไพเราะ   
ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ในทิศเบื้องบน ทิศเบื้องต่ำ และทิศเบื้องขวาง
เพราะเธอเจริญสมาธิโดยส่วนสอง เพื่อเห็นรูปทิพย์อันน่ารัก และเพื่อฟังเสียงทิพย์อันไพเราะ     
ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดในทิศเบื้องบน ทิศเบื้องต่ำ และทิศเบื้องขวาง 
เธอจึงเห็นรูปทิพย์อันน่ารัก และฟังเสียงทิพย์อันไพเราะ ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความ   
กำหนัด ในทิศเบื้องบน ทิศเบื้องต่ำ และทิศเบื้องขวาง ข้อนั้นเพราะเหตุไร ดูกรมหาลี     
ข้อนั้นเป็นเพราะเธอเจริญสมาธิโดยส่วนสอง เพื่อเห็นรูปทิพย์อันน่ารัก และฟังเสียงทิพย์
อันไพเราะ ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ในทิศเบื้องบน ทิศเบื้องต่ำ และ   
ทิศเบื้องขวาง ดูกรมหาลี เหตุปัจจัยนี้แหละ เป็นเหตุ เป็นปัจจัย สุนักขัตตลิจฉวีบุตรจึง
มิได้ยินเสียงทิพย์อันไพเราะ ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดที่มีอยู่ มิใช่ไม่มี.   


        Aeva Debug: 0.0007 seconds.
191  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / พรหมกายกา ถึงได้ด้วยการภาวนา เมตตา ประการหนึ่ง เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2010, 08:42:20 am
พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๑๓ อังคุตรนิกาย จตุกกนิบาต - หน้าที่ 128
                            เมตตาสูตรที่ ๑
         [๑๒๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวกเป็น
ไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ มีใจประกอบด้วยเมตตาแผ่ไปตลอดทิศหนึ่งอยู่
ทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ก็เหมือนกัน ตามนัยนี้ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง แผ่ไปตลอดโลก
ทั่วสัตว์ทุกเหล่าในที่ทุกสถานด้วยใจประกอบด้วยเมตตาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้
ไม่มีเวรไม่มีความเบียดเบียนอยู่ บุคคลนั้นพอใจ ชอบใจเมตตาฌานและถึงความปลื้มใจด้วยเมตตา
ฌานนั้น ยับยั้งอยู่ในเมตตาฌานนั้น น้อมใจไปในเมตตาฌานนั้น อยู่จนคุ้นด้วยเมตตาฌานนั้น
ไม่เสื่อม เมื่อกระทำกาละ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของ เทวดาเหล่าพรหมกายิกา ดูกรภิกษุทั้งหลาย
กัปหนึ่งเป็นประมาณอายุของเทวดา เหล่าพรหมกายิกา ปุถุชนดำรงอยู่ในชั้นพรหมกายิกานั้น ตราบ
เท่าตลอดอายุ ยังประมาณอายุทั้งหมดของเทวดาเหล่านั้นให้สิ้นไปแล้ว ย่อมเข้าถึงนรกบ้างกำเนิด   
ดิรัจฉานบ้าง เปรตวิสัยบ้าง ส่วนสาวกของพระผู้มีพระภาค ดำรงอยู่ในชั้นพรหม กายิกานั้นตราบ
เท่าตลอดอายุ ยังประมาณอายุทั้งหมดของเทวดาเหล่านั้นให้สิ้น   ไปแล้ว ย่อมปรินิพพานในภพนั้น
เอง ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นความพิเศษผิดแผก     แตกต่างกัน ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชน
ผู้ไม่ได้สดับ คือ ในเมื่อคติ    อุบัติมีอยู่ ฯ
     อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ มีใจประกอบด้วยกรุณาแผ่ไปตลอดทิศหนึ่งอยู่
ทิศที่สอง ที่สาม ที่สี่ก็เหมือนกัน ตามนัยนี้ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง แผ่ไปตลอด
โลกทั่วสัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ด้วยใจประกอบด้วย กรุณาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่
หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่ บุคคลนั้นพอใจ ชอบใจกรุณาฌานนั้น และ
ถึงความปลื้มใจด้วยกรุณาฌานนั้น ยับยั้งอยู่ในกรุณาฌานนั้น น้อมใจไปในกรุณาฌานนั้น อยู่จน
คุ้นด้วยกรุณาฌานนั้น ไม่เสื่อม เมื่อกระทำกาละ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาเหล่า
อาภัสสระ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ๒ กัปเป็นประมาณอายุของเทวดาเหล่าอาภัสสระ ปุถุชนดำรงอยู่ใน
ชั้นอาภัสสระนั้น ตราบเท่าตลอดอายุ ยังประมาณอายุ ทั้งหมดของเทวดาเหล่านั้นให้สิ้นไปแล้ว
ย่อมเข้าถึงนรกบ้าง กำเนิดดิรัจฉานบ้าง  เปรตวิสัยบ้าง ส่วนสาวกของพระผู้มีพระภาค ดำรงอยู่ใน
ชั้นอาภัสสระนั้นตราบ เท่าตลอดอายุ ยังประมาณอายุทั้งหมดของเทวดาเหล่านั้นให้สิ้นไปแล้ว
ย่อมปรินิพพานในภพนั้นเอง ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นความพิเศษผิดแผกแตกต่างกัน  ระหว่าง
อริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ คือ ในเมื่อคติ อุบัติมีอยู่ ฯ
192  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / เทวกาย ที่ปรากฏข้อความในพระไตรปิฏก เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2010, 08:37:22 am
พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค - หน้าที่ 192


        [๒๓๙] ลำดับนั้น เทวดาอีกองค์หนึ่ง ได้กล่าวคาถานี้ ในสำนัก  พระผู้มีพระภาคว่า   
ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ถึงพระพุทธเจ้าว่า เป็นสรณะ เขาจัก ไม่ไป
อบายภูมิ ละกายมนุษย์แล้ว จักยังเทวกายให้บริบูรณ์ ฯ   
193  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / พุทธพจน์ ที่ควรใส่ใจ เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2010, 08:35:20 am
ธรรมควรใส่ใจ

ความสงัดเป็นสุขของบุคคลผู้สันโดษ มีธรรม
ปรากฏแล้ว เห็นอยู่ ความไม่พยาบาท คือความสำรวม
ในสัตว์ทั้งหลาย เป็นสุขในโลก ความปราศจากกำหนัด
คือความล่วงกามทั้งหลายเสียได้ เป็นสุขในโลก
การกำจัดอัสมิมานะ เสียได้นั่นแล เป็นสุขอย่างยิ่ง

                    พระไตรปิฏกไทย  วิ.4 มหา.1 หน้า 7
194  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / รายการ RDN 12/7/2553 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2010, 07:48:11 am
สำหรับสมาชิก อ่าน
คลิ๊กที่รูปภาพ 1 ครั้ง ไม่ต้องเซพ หรือ ดาวน์โหลด ภาพจะขยายขึ้นมา
195  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / การประกาศเรื่อง ข่าวสารงานบุญต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณ ในเรื่องบุญกุศล เมื่อ: มิถุนายน 24, 2010, 07:42:10 am
มีเมล์เข้ามาถาม เรื่องประกาศ พระอาจารย์ได้ตรวจสอบหรือป่าวว่าเป็นจริง หรือ ไม่

ก็ขอประกาศทางนี้ เลยว่า การประกาศเรื่อง ข่าวสารงานบุญนั้น ทุกคนที่เป็นสมาชิก ก็มีสิทธิประกาศ ส่วนจะเป็นจริง หรือ ไม่จริง พระอาจารย์ รับรองเรื่องประกาศนั้นไม่ได้

ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณ ของผู้อ่าน ที่ได้รับข่าวสาร ให้ตรวจสอบกันเอง

ในเรื่องบุญกุศล

ประกาศที่ชัดเจน

ก็ต้องมีการแจ้งติดต่อ ประสานงานกับทางวัดนั้นได้ เช่นติดต่อเจ้าอาวาสได้ เป็นต้น




ดังนั้น ถ้าสมากชิก มีข่าวสารงานบุญ ใด ๆ ที่ดูแล้วเชื่อถือ ได้

ไม่ว่า จะเป็น งานอบรม งานปริวาสกรรม งานปิดทอง ผ้าป่า ทอดกฐิน เป็นต้น อนุญาตให้ลงประกาศได้ทั้งหมด

ในหัวข้อ ข่าวสารเพื่อนถึง เพื่อน หรือ แม้กล่าวคำไว้อาลัย ให้กับเพื่อนสมาชิกที่จากกันไป เป็นต้น

อนุญาต อนุญาต อนุญาต

จะได้ไม่ต้องเมล์เข้ามาถามกันอีกนะจ๊ะ
196  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ขออนุโมทนา กับการได้รับปริญญาดุษฏิบัณฑิต ของ พระครูสิทธิสังวร เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2010, 08:35:22 am
ช่วงนี้ผมเองไ้ด้แต่เดินทาง ไม่ค่อยได้ตามข่าวเรื่องเว็บ จึงไม่ได้ทราบเรื่องการรับปริญญา


ดังนั้นถึงไม่ได้ไปในวันนี้ ก็ขอ อนุโมทนา กับหลวงพ่อจิ๋ว ด้วยครับที่ได้รับปริญญาในครั้งนี้








ไว้มีโอกาสจะเข้ากราบนมัสการครับ........
197  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / การปฏิบัติ พระกรรมฐาน นั้นเริ่มจาก น้อย ไปหา มาก เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2010, 09:45:10 pm
ถ้าผู้ฉลาดในการปฏิบัติ ภาวนาฉลาดในการภาวนา เราต้องค่อยเริ่มจากเบา ไปสู่ หนัก น้อย ไปหา มาก
ความสำเร็จถึงจะเป็นไปได้จริง

ยกตัวอย่าง คนไม่เคยทำบุญเลย เริ่มทำบุญ ก็เริ่มทำสละกิเลส หนึ่งบาท สองบาท สามบาท จนกำลังใจเพิ่มขึ้น
ก็จะสามารถทำได้คราว หลาย ๆ บาท

ดังนั้น พระกรรมฐาน เมื่อฝึกไม่ควรหวังผลเบื้องสูงก่อน ในลำดับ พระกรรมฐาน พระพุทธนุสสติ นั้น
มุ่งที่การสำเร็จเป็น พระโสดาบัน ขั้นต่ำ โคตรภูจิต

ดังนั้นศิษย์ กรรมฐาน ทุกท่าน อย่าใจร้อน จงปฏิบัติ ไปตามลำดับ พระกรรมฐาน
198  ธรรมะสาระ / กระดานข่าวทางวัดแก่งขนุน / รายนามผู้ร่วมบริจาค ปรับปรุงศาลา กรรมฐาน อนุโมทนา กับ ญาติธรรม ทุกท่าน เมื่อ: มกราคม 19, 2010, 11:45:59 am
อนุโมทนา กับญาติธรรม ทุกท่านที่ร่วมบริจาคปรับปรุงศาลา ปฏิบัติพระกรรมฐาน ดังนี้

คุณนาฏนพิทย์ เพชรชาลี บริจาคผ้าม่าน 4 ช่อง เป็นเงิน 15,000 บาท

คุณนาฏนพิทย์ เพชรชาลี บริจาค โต๊ะหิน หน้าศาลา 3,500 บาท

คุณหัตถา บริจาคเครื่องขยายเสียงใหม่ เป็นเงิน 3,500 บาท
โยมป้าสุคนธ์ สุนทรนนท์ บริจาค พรม 16 เมตรเป็นเงิน 15,000 บาท

พระสนธยา ธัมมะวังโส บริจาค ตู้น้ำดื่ม เป็นเงิ้น 3,500 บาท

ส.จ.พันธุ์ธัช ชุณห์วิสิทธิกิจ บริจาค ลำโพง 1 ชุด 6,000 บาท

พระสนธยา ธัีมมะวังโส บริจาค สวิชช์พัดลม 2 ชุด 440  บาท

คุณนาฏนพิทย์ เพชรชาลี บริจาค สวิชช์พัดลม 2 ชุด 500 บาท

คุณหมออุบล เหล่าเจริญสมบัติ บริจาคพัดลมเพดาน 1 ชุด 1,500 บาท

ครอบครัวสุนทรนนท์ บริจาคพรม 5 เมตร 1,600 บาท

คุณนาฏนพิทย์ เพชรชาลี บริจาคพรม 5 เมตร 1,200 บาท

คุณทินกร ทัศนะภาค บริจาค คอมพิวเตอร์ และ ไวเลสแลน 1 ชุดAeva Debug: 0.0005 seconds.
199  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / บทสวดบรรเทาใจ ฟังแล้วจะได้สดชื่น เมื่อ: มกราคม 18, 2010, 07:02:16 am
เป็น วีดีโอ บทสวดไชยปกรณ์

200  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / วันธงไชย ในปี 2553 เมื่อ: มกราคม 14, 2010, 06:38:53 am
เดือน มกราคม วันที่ 4  5 11  23 30
เป็นวันธงไชย เหมาะในการทำมงคลสมรส ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการร้านค้า

เดือน กุมภาพันธ์ วันที่  4 7 13 25
เป็นวันธงไชย เหมาะในการทำมงคลสมรส ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการร้านค้า

เดือน มีนาคม วันที่ 1 9 14 26
เป็นวันธงไชย เหมาะในการทำมงคลสมรส ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการร้านค้าAeva Debug: 0.0004 seconds.
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6