ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ราชันจอมทัพ แห่งราชจักรีวงศ์  (อ่าน 1694 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ราชันจอมทัพ แห่งราชจักรีวงศ์

6 เม.ย. พ.ศ. 2325 สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกทรงขึ้นเสวยราชสมบัติ สืบแทนสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พร้อมทรงพระนามว่า “พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก” ซึ่งนับเป็นกษัตริย์องค์แรกแห่งราชวงศ์จักรี ในขณะที่ทรงมีพระชนมายุ 46 พรรษา
       
       หลังจากนั้นอีก 15 วัน ซึ่งก็ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 21 เม.ย. 2325 พระองค์ โปรดเกล้าฯให้ย้ายราชธานีมาสร้างใหม่ ณ ฝั่งตรงข้ามกรุงธนบุรี เพราะเห็นว่าเป็นชัยภูมิที่เหมาะสม โดยโปรดให้ทำพิธียกเสาหลักเมืองสร้างกรุงเทพฯขึ้น
       
       ...ประวัติศาสตร์บรรทัดแรกของกรุงรัตนโกสินทร์ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว...

        ในทุกวันที่ 6 เม.ย.ของทุกปีนั้น เป็น“วันจักรี” อันถือเป็นวันแห่งการรำลึกมหาปฐมบรมราชจักรีวงศ์ สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ผู้สถาปนากรุงเทพฯขึ้นเป็นราชธานี ซึ่งคนไทยมีวันนี้ได้ก็เพราะพระองค์ท่าน ดังนั้นในวันที่ 6 เม.ย. เราจึงควรรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อประเทศไทยโดยพร้อมเพรียงกัน

       



         พระพุทธยอดฟ้าฯ ราชันจอมทัพ
       
       สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีพระนามเดิมว่า “ด้วง” หรือ “ทองด้วง” ทรงประสูติที่กรุงศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2279 ตรงกับ วันพุธแรม 5 ค่ำ เดือน 4 ปีมะโรง ในรัชกาลพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เป็นบุตรของพระอักษรสุนทร(ทองดี) ข้าราชการกรมอาลักษณ์ กับท่านหยก ธิดาเศรษฐี
       
       เมื่อพระชนมายุได้ 12 พรรษา ได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมเด็จเจ้าฟ้าอุทุมพร กรมขุนพรพินิต ครั้นมีพระชนมายุ 25 พรรษา ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น หลวงกระบัตรเมืองราชบุรี ต่อมา พ.ศ. 2311 ได้เข้ามารับราชการในเมืองหลวงเป็น พระราชวรินทร์ ในกรมพระตำรวจหลวง
       
       ครั้งเมื่อเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติ ทรงประกอบพระราชกรณียกิจที่สำคัญคือ ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี ทรงโปรดให้สร้างพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว)พร้อมกับอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานไว้ ให้ชาวไทยได้กราบไหว้บูชามาจนทุกวันนี้





        ด้านการปกครองทรงโปรดให้ตรวจชำระกฎหมายขึ้นใหม่เรียกว่า “กฎหมายตราสามดวง” ส่วนทางด้านการศาสนา โปรดเกล้าฯ ให้มีการประชุมสังคายนาพระไตรปิฎก และจารึกเป็นอักษรบนใบลาน เรียกว่า “พระไตรปิฎกหลวงฉบับทองใหญ่” และทรงบูรณะวัดวาอารามต่างๆมากมาย รวมทั้งวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(วัดโพธิ์) ซึ่งเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 ด้วย
       
       นอกจากนี้สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ถือเป็น “ราชันจอมทัพ” แห่งกรุงรัตนโกสินทร์อย่างแท้จริง เพราะทรงเป็นจอมทัพที่กรำศึกสงครามมาตั้งแต่ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา สมัยกรุงธนบุรี และในรัชสมัยของพระองค์เองที่ทรงปกป้องบ้านเมืองให้รอดพ้นจากภัยข้าศึก ดังปรากฏในประวัติศาสตร์สงครามเก้าทัพ ซึ่งทรงบัญชาเหล่าทหารด้วยกุศโลบายอันแยบคาย ทำให้สามารถนำชัยชนะมาสู่กองทัพไทยได้อย่างงดงาม
       
       พระบรมราชานุภาพของพระองค์จึงเป็นที่เลืองลือและยำเกรงทั่วไปในประเทศใกล้เคียง ทำให้ราชอาณาเขตของไทยขยายออกไปกว้างขวางกว่าสมัยใดๆ ในขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงปกครองด้วยทศพิธราชธรรม ทำให้ไพร่ฟ้าประชาชนอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข สมกับพระปณิธานที่ตั้งไว้ว่า
       
       “ตั้งใจจะอุปถัมภก ยกยอพระศาสนา จะปกป้องขอบขัณฑสีมา รักษาประชาชนแลมนตรี”





ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9590000035091
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

suchin_tum

  • ไม่กลับมาเกิด
  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 486
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

   สาธุ สาธุ ค่ะ
บันทึกการเข้า
ขอน้อมอาราธนากำลังแห่งครูอาจารย์กรรมฐานมัชฌิมาจงมาประสิทธิ์ประศาสตร์