ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สุกขวิปัสสก กับ อภิญญา และ วิชชา เกี่ยวข้องกันอย่างไรคะ  (อ่าน 6138 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

sunee

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 301
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ไปปฏิบัติ ธรรม มาที่วัด โดนพวกที่ปฏิบัติธรรมด้วยกัน ทัก ว่า ปฏิบัติแบบนี้เป็น วิปัสสก แบบนี้เป็น อภิญญา แบบนี้ วิชชา คือไม่เข้าใจ พอสอบถามกลับไป ก็ไม่ได้รับคำอธิบาย หรือ ให้คำตอบคะ จึงมาเรียนถามเพื่อน ๆ ที่มีความรู้ในห้องนี้ช่วยตอบด้วยนะคะ

  :c017: :25: :smiley_confused1:
บันทึกการเข้า

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 18, 2012, 04:21:05 pm โดย Admax »
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

เสริมสุข

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 223
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 สุกขวิปัสสก คือ ผู้ที่บรรลุธรรม ด้วยปัญญาเป็นหลักครับ
  เป็น ปัญญาวิมุตติ

 อภิญญา6 เตวิชโช3 ปฏิสัมภิทา4 คือผู้บรรลุธรรมด้วยอำนาจแห่งจิต หรือ ใจ
  เป็น เจโตวิมุตติ

 
บันทึกการเข้า
อยากได้รับความสุข จาก ธรรมะ อยากได้รับ ..... แหมก็อยากนี้จ๊ะ

Hero

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 557
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สำหรับ สุกขวิปัสสก นั้นจะเข้า ผลสมาบัติ มี สุญญตมหาวิหารสมาบัติ เป็นต้นได้ครับ การเข้าอย่างนี้ทรงจิตในธรรมที่เป็นผลได้ 24 ชม.ครับ

สำหรับ ฝ่ายอภิญญา เตวิชโช ปฏิสัมภิทา นั้นจะสามารถเข้า สมาบัติ 4 8 นิโรธสมาบัติ สัญญาเวทยิตนิโรธ และ เจโตสมาธิอนิมิต ได้ครับ มีการเข้าทรงอารมณ์ตั้งแต่ 1 3 5 7 14 15 21 30 วันครับ

  ถ้าพูดถึงความแตกต่างก็มีประการฉะนี้ด้วยครับ

 
บันทึกการเข้า
ทำไมต้องมีอินทรีแดง เพราะสังคมเราบางครั้งก็ตาบอด
ปล่อยให้คนดี เดือดร้อน ดังนั้นจึงต้องมีผู้ปกป้องคนดี
hero ไม่ได้มีแต่ในหนังเท่านั้น นะครับ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
กระทบปฐมฌาน  ไม่ได้รูป ไม่ได้นิมิต เข้าสุขวิปัสสก
กระทบปฐมฌาน ได้รูป ได้นิมิต เข้าเจโต ส่วน วิชชาสาม อภิญญาหก ปฏิสัมภิทาสี่ นั้นต่างกันไปตามของเก่า-ของใหม่ ก็คือธาตุธรรม ที่ติดตัวมา
            ใครอยากเข้าเจโต ก็ฝึกกรรมฐาน มัชฌิมา ก็ได้
             เพราะฝึก มีปัคคหะนิมิต ฐานจิตตั้งแต่ห้องหนึ่ง
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

prachabeodee

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 135
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ถ้าปารถนาบ้านหลังใหญ่ๆโตๆ.....ก็ต้องทำงานหนักทำงานมาก เพื่อจะได้ทำความปารถนาให้เป็นจริง....พวกนี้ต้องทำให้แจ้งให้อิ่มก่อนจึงจะพอแก่ใจจึงจะทิ้งได้(เรียกว่าพวก ฌาณ,อภิญญา วิสัย)..........
ถ้าต้องการบ้านเพียงแค่ที่หลับนอนก็เพียงพอแล้ว(หลังเล็กๆ)......ก็ไม่ต้องดิ้นรนมากก็อยู่ได้แล้ว(เป็นพวก สุขวิปัสโก)............
ผลทั้งสอง ก็เป็นวิมุตติทั้งสิ้น..แต่นิสัยต่างกัน,เวลาต่างกัน,ผลแห่งการปฎิบัติก็ต่างกัน....ไม่มีใครถูกไม่มีใครผิด...เพียงแต่ขึ้นอยู่กับเจตนาและหรือบารมีที่สั่งสมมา...แต่อดีตชาติและนิสัยของผู้ปฎิบัติเองว่าชอบ(ถนัด)ไปในทางไหน................
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



พระอรหันต์ ๔ จำพวก
 
      หลวงพ่อเณรอธิบายให้ฟังว่า พระอรหันต์ (พระ-อะ-ระ-หัน) คือ ผู้ห่างไกลจากกิเลสแล้ว ผู้หักกำของวงล้องสังสารวัฏได้แล้ว ผู้ความแก่ปัจจัย ผู้ไม่มีความลับในเรื่องทำบาป ผู้สำเร็จธรรมวิเศษสูงสุดในพระพุทธศาสนา พระอริยบุคคลชั้นสูงสุด สามารถละสังโยชน์ได้ครบ ๑๐ ประการ ทั้งนี้ หากแบ่งพระอรหันต์ ตามคุณวิเศษจะได้ ๔ จำพวก คือ
 
      ๑.พระสุกขวิปัสสก (ไม่มีญาณวิเศษใดๆ นอกจากรู้การทำอาสวะให้สิ้นไป (อาสวักขยญาณ) อย่างเดียว) อานิสงส์จากการที่ปฏิบัติวิปัสสนาเพียงอย่างเดียว

      ๒.พระเตวิชชะ ผู้ได้วิชชา ๓ คือ
             ๒.๑ บุพเพนิวาสานุสสติญาณ หมายถึง รู้ระลึกชาติได้
             ๒.๒ จุตูปปาตญาณ หมายถึง รู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลายอันเป็นที่เกิดจากการเข้าใจในกฎแห่งกรรมอย่างแท้จริงจึงรู้เหตุการณ์ที่จะเป็นไปได้ทั้งสิ้น และ
             ๒.๓ อาสวักขยญาณ หมายถึง รู้ทำอาสวะให้สิ้น อานิสงส์จากการที่ปฏิบัติวิปัสสนา และถือวัตรธุดงค์


     ๓.พระะฉฬภิญญะ หมายถึง ผู้ได้อภิญญา ๖ คือ
          -ทิพฺพจักขุ ตาทิพย์ คือ ฤทธิที่สามารถหยั่งรู้เหตุการณ์ใกล้ไกลได้ มีพระอนุรุทธะ เป็นเอกทัคคะ เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในด้านการมีตาทิพย์ คือ สามารถมองเห็นโลกใบนี้ ราวกับ มองเม็ดมะขามป้อมบนฝ่ามือ
          - ทิพยโสต หูทิพย์อิทธิวิธี แสดงฤทธิ์ได้ (
          - โดยเฉพาะมโนมยิทธิการแยกร่างและจิต เป็นฤทธิที่แสดงได้เฉพาะพระอรหันต์ประเภทฉฬภิญโญเท่านั้น
          - เจโตปริยญาณ (ทายใจผู้อื่นได้)
          - บุพเพนิวาสานุสสติญาณ (ระลึกชาติได้) และ
          - อาสวักขยญาณ (ญานที่ทำให้อาสวะสิ้นไป) อานิสงส์จากการปฏิบัติวิปัสสนาและเจริญสมาธิจนได้ฌานสมาปัตติ

 
     ๔.พระปฏิสัมภิทัปปัตตะ (ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา 4) คือแตกฉานในความรู้อันยิ่ง ๔ ประการ ได้แก่
           - อัตถปฏิสัมภิทา ความแตกฉานในอรรถ
           - ธัมมะปฏิสัมภิทาความแตกฉานในธรรม
           - นิรุตติปฏิสัมภิทาความแตกฉานในภาษา
           - ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ความแตกฉานในปฏิภาณไหวพริบ


อ้างอิง
ขอพร ๑,๒๕๐ พระอรหันต์ "พุทธอุทยานพุทธชยันตี" นครนายก
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=8653.0
ขอบคุณภาพจาก http://www.jepata.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

อรหันต์ 4, 5, 60
       1. สุกฺขวิปสฺสโก (ผู้เจริญวิปัสสนาล้วน)
       2. เตวิชฺโช (ผู้ได้วิชชา 3)
       3. ฉฬภิญฺโญ (ผู้ได้อภิญญา 6)
       4. ปฏิสมฺภิทปฺปตฺโต (ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา)


       พระอรหันต์ทั้ง 4 ในหมวดนี้ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรสทรงประมวลแสดงไว้ในหนังสือธรรมวิภาคปริจเฉทที่ 2 หน้า 41 พึงทราบคำอธิบายตามที่มาเฉพาะของคำนั้นๆ

       แต่คัมภีร์ทั้งหลายนิยมจำแนกเป็น 2 อย่าง เหมือนในหมวดก่อนบ้าง เป็น 5 อย่างบ้าง ที่เป็น 5 คือ
       1. ปัญญาวิมุต (ผู้หลุดพ้นด้วยปัญญา)
       2. อุภโตภาควิมุต (ผู้หลุดพ้นทั้งสองส่วน คือ ได้ทั้งเจโตวิมุตติ ขั้นอรูปสมาบัติก่อนแล้วได้ปัญญาวิมุตติ)
       3. เตวิชชะ (ผู้ได้วิชชา 3)
       4. ฉฬภิญญะ (ผู้ได้อภิญญา)
       5. ปฏิสัมภิทัปปัตตะ (ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา)


       ทั้งหมดนี้ ย่อลงแล้วเป็น 2 คือ พระปัญญาวิมุต กับ พระอุภโตภาควิมุต เท่านั้น
       พระสุกขวิปัสสกที่กล่าวข้างต้น เป็น พระปัญญาวิมุต ประเภทหนึ่ง (ในจำนวน 5 ประเภท)
       พระเตวิชชะ กับพระฉฬภิญญะ เป็น อุภโตภาควิมุต ทั้งนั้น


       แต่ท่านแยกพระอุภโตภาควิมุตไว้เป็นข้อหนึ่งต่างหาก
       เพราะพระอุภโตภาควิมุตที่ไม่ได้โลกียวิชชาและโลกียอภิญญาก็มี
      ส่วนพระปฏิสัมภิทัปปัตตะ ได้ความแตกฉานทั้งสี่ด้วยปัจจัยทั้งหลาย คือ การเล่าเรียน สดับ สอบค้น ประกอบความเพียรไว้เก่าและการบรรลุอรหัต.


       พระอรหันต์ทั้ง 5 นั้น แต่ละประเภท จำแนกโดยวิโมกข์ 3 รวมเป็น 15 จำแนกออกไปอีกโดยปฏิปทา 4 จึงรวมเป็น 60 ความละเอียดในข้อนี้จะไม่แสดงไว้ เพราะจะทำให้ฟั่นเฝือ ผู้ต้องการทราบยิ่งขึ้นไป พึงดูในหนังสือนี้ฉบับใหญ่



อ้างอิง วิสุทธิ. 3/373 ; วิสุทธิ.ฏีกา 3/657.
ที่มา http://84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=62
ขอบคุณภาพจาก http://www.thairath.co.th/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ไปปฏิบัติ ธรรม มาที่วัด โดนพวกที่ปฏิบัติธรรมด้วยกัน ทัก ว่า ปฏิบัติแบบนี้เป็น วิปัสสก แบบนี้เป็น อภิญญา แบบนี้ วิชชา คือไม่เข้าใจ พอสอบถามกลับไป ก็ไม่ได้รับคำอธิบาย หรือ ให้คำตอบคะ จึงมาเรียนถามเพื่อน ๆ ที่มีความรู้ในห้องนี้ช่วยตอบด้วยนะคะ

   

    วิปัสสก คือ อรหันต์ประเภท สุกขวิปัสสก หรือ สุกฺขวิปสฺสโก(ผู้เจริญวิปัสสนาล้วน)
    พระสุกขวิปัสสกที่กล่าวข้างต้น เป็น พระปัญญาวิมุต(ผู้หลุดพ้นด้วยปัญญา)


    วิชชา คือ อรหันต์ประภท เตวิชฺโช (ผู้ได้วิชชา 3)
    วิชชา 3 (ความรู้แจ้ง, ความรู้วิเศษ)
        1. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ (ญาณเป็นเหตุระลึกขันธ์ที่อาศัยอยู่ในก่อนได้, ระลึกชาติได้)
        2. จุตูปปาตญาณ (ญาณกำหนดรู้จุติและอุบัติแห่งสัตว์ทั้งหลาย อันเป็นไปตามกรรม, เห็นการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์ทั้งหลาย เรียกอีกอย่างว่า ทิพพจักขุญาณ)
        3. อาสวักขยญาณ (ญาณหยั่งรู้ในธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย, ความรู้ที่ทำให้สิ้นอาสวะ, ความตรัสรู้)


     อภิญญา คือ อรหันต์ประเภท ฉฬภิญฺโญ(ผู้ได้อภิญญา 6)
     อภิญญา 6 (ความรู้ยิ่งยวด)
       1. อิทธิวิธา หรือ อิทธิวิธิ (ความรู้ที่ทำให้แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้)
       2. ทิพพโสต (ญาณที่ทำให้มีหูทิพย์)
       3. เจโตปริยญาณ (ญาณที่ให้กำหนดใจคนอื่นได้)
       4. ปุพเพนิวาสานุสสติ (ญาณที่ทำให้ระลึกถึงชาติได้)
       5. ทิพพจักขุ (ญาณที่ทำให้มีตาทิพย์)
       6. อาสวักขยญาณ (ญาณที่ทำให้อาสวะสิ้นไป)
       ห้าข้อแรกเป็นโลกียะ (โลกียอภิญญา) ข้อท้ายเป็นโลกุตตระ.


       หากย่อลงเหลือ ๒ ประเภท จะได้
           - สุกขวิปัสสก เป็น ปัญญาวิมุต(ผู้หลุดพ้นด้วยปัญญา)
           - วิชชา และ อภิญญา เป็น อุภโตภาควิมุต (ผู้หลุดพ้นทั้งสองส่วน คือ ได้ทั้งเจโตวิมุตติ ขั้นอรูปสมาบัติก่อนแล้วได้ปัญญาวิมุตติ)



อ้างอิง พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
ขอบคุณภาพจาก http://profile.ak.fbcdn.net/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ