ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สวดมนต์แบบไม่เข้าใจความหมาย มีประโยชน์หรือไม่คะ  (อ่าน 4742 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ยุวธิดา

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 73
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


คือ เวลาแผ่เมตตา ทุกคำที่พูดก็มาจากใจ และเข้าใจความหมายแบบตรงๆ
แต่บทสวดมนต์ เวลาสวด รู้สึกแค่ท่อง แต่ไม่ได้มาจากความรู้สึก เพราะไม่รู้ว่า ที่สวดคืออะไร หมายความว่าอะไร แบบนี้ มีประโยชน์ไหมคะ



ประโยชน์ของการสวดมนต์ และ ข้อควรระวัง
ประโยชน์
๑. เพื่อความตั้งมั่นของพระสัทธรรม  //อํ. ปญฺจก. ๒๒ /๑๖๑ /๑๕๕
๒. เป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติ  //อํ. ปญฺจก. ๒๒ /๒๓ /๒๖
๓. เป็นอาหารของความเป็นพหูสูตร  //อํ. ทสก. ๒๔ /๑๒๐ /๗๓
๔. เป็นองค์ประกอบของการเป็นบริษัทที่เลิศ  //อํ. ทุก. ๒๐ /๖๘ /๒๙๒
๕. ทำให้ไม่เป็นมลทิน  //อํ. อฎฺฐก. ๒๓ /๑๔๙ /๑๐๕
๖. เป็นบริขารของจิตเพื่อความไม่มีเวรไม่เบียดเบียน  //ม. มู. ๑๓ /๕๐๐ /๗๒๘
๗. เป็นเหตุให้ละความง่วงได้  //อํ. สตฺตก. ๒๓ /๗๓ /๕๘


   หนังสือทำวัตรสวดมนต์แปล ฉบับของสวนโมกข์
เริ่มใช้ในสวนโมกข์ราว ๆ ปี ๒๔๙๖
ครั้งแรกแปลแล้วให้คัดลอกลงในกระดาษสมุด
ให้ชาวบ้านซ้อมสวดกันก่อน
แล้วแก้ไขขัดเกลา ให้เสียงลงกันและฟังลื่นไม่ขัดหู
จนเป็นที่พอใจ จึงพิมพ์เป็นเล่ม (ครั้งแรก ๒๔๙๗)
ปรากฏว่าได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วประเทศ
นับเป็นหนังสือของสวนโมกข์
ที่มีสถิติการพิมพ์จำหน่ายจ่ายแจกมากที่สุด

ข้อควรระวัง
" ...ภิกษุทำการสาธยายธรรม ตามที่ฟังได้เรียนมาโดยพิสดาร
แต่เธอไม่รู้ทั่วถึงความหมายอันยิ่งแห่งธรรมนั้นๆ ด้วยปัญญา
ภิกษุนี้ เราเรียกว่า ผู้มากด้วยการสวด ยังมิใช่ ธรรมวิหารี (ผู้อยู่ด้วยธรรม)...
   ...เธอไม่ใช้วันทั้งวันให้เปลืองไปด้วยการเรียนธรมมนั้นๆ
ไม่เริดร้างจากการหลีกเร้น ประกอบตามซึ่งธรรมเป็นเครื่องสงบใจในภายในเนืองๆ
ภิกษุอย่างนี้แล ชื่อว่า ธรรมวิหารี "
อํ. ปญฺจก. ๒๒/๙๙-๑๐๐/๗๓-๗๔
*จากพระสูตร แสดงว่า เน้นปฏิบัติ

ถ้าสวดแบบไม่รู้ความหมาย แนะนำให้สวดคำของพระพุทธศาสดา
โดยเลือกสวดบทใดบทหนึ่งก็ได้ เลือกมาท่องจำสักหนึ่งบท แล้ว ทำในใจให้แยบคาย

"เพราะเหตุว่า ถึงแม้เขาจะเข้าใจธรรมที่เราแสดงสักบทเดียว นั้นก็ยังจะเป็นไปเพื่อ
ประโยชน์เกื้อกูลและความสุขแก่ชนทั้งหลายเหล่านั้น ตลอดกาลนาน"
สฬา. สํ. ๑๘/๓๘๗/๖๐๓
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 14, 2011, 03:35:17 pm โดย ยุวธิดา »
บันทึกการเข้า
เกิดเป็นคนต้องสร้างตนให้มีดี เรียนทั้งทีต้องสร้างดีศรีแก่ตน
เป็นอยุ่ด้วยความพอเพียง ดีกว่าฟุ้งเฟ้อจนเป็นทุกข์

ยุวธิดา

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 73
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สวดมนต์แบบไม่เข้าใจความหมาย มีประโยชน์หรือไม่คะ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2011, 03:37:18 pm »
0



การสวดมนต์ แม้จะไม่รู้ความหมาย ก้มีประโยชน์ครับ เพราะ...............

       1. การสวดมนต์แท้จริงแล้ว เป็นการท่องสูตร เหมือน ท่องสูตรคูณ หากจำได้แล้วก็เอาไปใช้ประโยชน์ได้ หรือแม้เอาไปใช้เองไม่ได้ แต่ความจำของเราสามารถถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังท่อง ต่อ ๆ กันไปได้

  ที่บอกว่าเป็นการท่องจำสูตรนั้ ก็คือส่วนใหญ่เป็นการท่องจำพระสูตรนั่นเอง

         พระสูตร ส่วนใหญ่คือคำพูด คำสอน คำบรรยาย คำเทศนา ของพระพุทธเจ้า ที่เคยพูดไว้จริง ๆ กับใครสักคน หรือกับกลุ่มชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่มีตัวตนจริง เมื่อ 2500 กว่าปีก่อน และเป็นคำพูดคำสอนที่มีประโยชน์มาก ๆ จึงทรงกำหนดไว้ว่าให้เป็นพระสูตร ที่ควรจดจำ และอนุญาตให้พระช่วยกันจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระอานนท์ ซึ่งเป็นพระพุทธุปฐาก (ทำหน้าที่คล้าย ๆ เป็นเลขาส่วนตัว) ของพระพุทธเจ้า

       เมื่อพระอานนท์ ได้ยินได้ฟังสิ่งที่มีประโยชน์ จากพระพุทธเจ้า ก็จดจำมา และเอามาจำแนกเป็นชุด ๆ ไป หรือแยกเป็นพระสูตร ๆ ไป จากนั้นก็บอกให้พระรูปอื่น ๆ ช่วย ๆ กันท่องจำกันไว้ และในภายหลัง กลายมาเป็นการมารวมกลุ่มกันท่องเป็นคณะ (ก็คือรูปแบบของการสวดมนต์นั่นเอง)

       และระบบการท่องมาแบบนี้ เรียกว่า ระบบ "มุขปาฐะ"  คือการบอกกล่าว ปากต่อปากกันกันมาเรื่อย ๆ แต่ ต้องระมัดระวังไม่ให้คลาดเคลื่อนไปจากคำเดิม ๆ เมื่อพระรุ่นนั้น ๆ มรณภาพไป พระรุ่นต่อ ๆ มาก็ท่องคำเดิม เรื่องเดิม โดยระบบของการสวดมนต์พร้อม ๆ กันทุก ๆ วั้น เช่นที่พระในวัดได้สวดกันมา

       ระบบที่ว่านี้ ผมมองว่าเป็นระบบการเก็บรักษาข้อมูลที่ชาญฉลาดที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา เพราะ ต่อให้เก็บรักษาข้อมูลไว้บนแผ่นหิน ก็อาจจะชำรุดผุกร่อนไปได้ เมื่อกาลเวลาผ่านมานานนับพันปี เรื่องรักษาไว้ในกระดาษ ยิ่งไม่สามารถวางใจได้ เพราะเสียหายได้ง่ายมาก  แต่การเก็บรักษาฐานข้อมูลขนาดมหึมานี้เอาไว้ใน "สมองของมนุษย์"  รุ่นแล้ว รุ่นเล่า ต่อ ๆ กันมาแบบนี้ อย่างไม่มีผิดพลาด ผ่านกุศโลบายของการสวดมนต์นี้ ผมว่าสุดยอดแห่งการเก็บรักษาข้อมูลแล้วล่ะ

     ดังนั้น พระพุทธเจ้า เคยพูดว่าอะไร ในสมัยสองพันกว่าปีก่อน แม้วันนี้ เราก็ยังคงได้ยินเสียงพูดแบบเดียวกันนั้น  แต่ออกมาจากปากของพระบ้าง ของคนทั่ว ๆ ไปที่ชอบสวดบ้าง  (ก็คือก๊อปปี้คำพูดของพระพุทธเจ้ามาพูดซ้ำนั่นเอง)

    หากเราไปฟังในวัดที่พระกำลังสวดมนต์  หรือมนต์ที่เราสวดเองนั่นแหล่ะ คือการ ทบทวน คำพูด หรือคำเทศน์คำสอน ของพระพุทธองค์ ที่เราเรียกกันว่า พระสูตร นั่นเอง

    และนี่คือ จุดประสงค์ที่แท้จริง ของการสวดมนต์ล่ะ (คือสามารถรักษาคำสอนผ่านกาลเวลาได้ยาวนาน โดยไม่ผิดเพี้ยน) ส่วนผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่เป็นไปในทางที่ดี ก็เป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้น

    ดังนั้น ท่านเจ้าของกระทู้สวดเถอะครับ แม้ว่าท่านจะไม่สามารถเข้าใจในคำบาลีนั้น ๆ ได้ก็ตาม แต่ประโยชน์เกิดขึ้นแล้วทันทีที่ท่านสวด นั่นก็คือ ท่านได้ช่วยรักษา พระพุทธวจนะ (คำพูดของพระพุทธเจ้า) หรือพระสูตร ต่าง ๆ ของพระพุทธองค์  ส่วนเรื่องแปลไม่ได้ ไม่เป็นไร คนอื่นเขามาฟัง เขาแปลได้ เขาก็เอาไปแปลเป็นไทย แล้วเอามาเขียนเป็นบทความ หรือเป็นเรื่องดี ๆ ที่พระพุทธเจ้าเคยสอนไว้เมื่อครั้งกระนั้น ก็จะเป็นประโยชน์อีกทอดหนึ่ง

    อย่างน้อยที่สุด เพื่อน ๆ ในห้องศาสนานี้ มีอยู่หลายคนที่สามารถแปลคำสวดมนต์ได้ รวมทั้งผมด้วย ผมก็พอแปลได้บ้าง แม้จะไม่ทั้งหมด แต่ถือว่าพอเข้าใจ

    สมมติว่า ท่านเจ้าของกระทู้แปลไม่ได้เลย ไม่เคยรู้ความหมายเลย แต่มาสวดต่อหน้าผม หรือบางท่านที่พอแปลได้ ก็สามารถแปลเอาคำสวดนั้น ๆ มาเขียนเป็นข้อความที่เต็มไปด้วยสาระได้ จริงไหมครับ  และหนังสือธรรมะ ทุก ๆ เล่ม ที่สอนกันในโรงเรียน หรือเขียนขายกัน ให้เราซื้อหามาอ่าน จนรู้วิธีการปฏิบัติ ก็ล้วนแล้วแต่แปลมาจากการสวดมนต์ ทั้งนั้น

    คนสวดได้แปลไม่ได้ก็มีประโยชน์  คนสวดไม่ได้ แต่แปลได้ ก็เป็นประโยชน์ มารวมกันทำงาน ก็จะได้สิ่งดี ๆ ที่เกิดประโยชน์มากขึ้นไปอีก..............ดังนั้นสวดเถอะครับ มีแต่ประโยชน์ (แต่ต้องเลือกด้วยนะ คำสวดบางชุด หาประโยชน์ จากคำแปล แทบจะไม่ได้เลยก็มี ส่วนใหญ่ ไม่ใช่พระสูตรที่มาจากพระพุทธเจ้า แต่เป็นของพระในยุคหลัง ๆ แต่งกันขึ้นเอง)


    2. ประโยชน์อีกส่วนหนึ่งในการสวดมนต์ ก็คือ ทำให้จิตใจคุึณสงบร่มเย็นได้  อันนี้เห็นได้ทันทีสำหรับคนที่สวดมนต์ส่วนใหญ่ ที่แม้จะไม่รู้ความหมาย


   3. ประโยชน์สำหรับคนบางกลุ่ม มนต์สามารถสวดขับไล่ผีสาง หรือสิ่งที่ชั่วร้ายที่มารบกวนจิตใจก็ได้

  4. มนต์มีประโยชน์อีกมากมาย เช่น ในงานมงคล ที่คนยินดี มีความสุขอยู่แล้ว หากมีพระมาสวดให้พร ก็ยิ่งมั่นใจ มีความสุขอิ่มเอิบเพิ่มขึ้น เช่นงานบุญบ้านใหม่ งานแต่งงาน ฯลฯ

  5. มนต์มีประโยชน์ ช่วยซับน้ำตา และให้กำลังใจแก่คนที่พลัดพราก จากสิ่งที่รักที่หวง หรือบุคคลผู้เป็นที่รัก ตายจากไป  เมื่อพระมาสวด ก็ทำให้มั่นใจได้ว่า จะมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้น เช่น คนตายจะได้ไปสู่สุคติ คนที่อยู่ก็จะไม่มีเวรมีภัยใด ๆ มาแผ้วพานอีก

  6. บ้านใครเกิดอาเพท มีผีมาหลอกเป็นประจำ ก็นิมนต์พระไปสวด ผีก็หนีไป นี่ก็ประโยชน์ของมนต์

   7. บ้านใด อยากจะอัญเชิญเทวดา มาสิงสถิตย์ ในศาลพระภูมิ ทำไม่เป็น ก็ให้ใครสักคนที่ทำเป็น มาทำพิธี สวด ๆ มนต์บทใดบทหนึ่ง สักพักหนึ่ง เทวดาก็มาสถิตย์ เป็นพระภูมิเจ้าที่ทันที สบายอกสบายใจกันถ้วนหน้า ได้มีสมาชิกระดับเทพ มาเพิ่ม ในครัวเรือน

   8. คุณผู้หญิงบางคน กลุ้มใจ สามี ไม่กลับบ้าน นานแล้ว เครียดจนรู้สึกว่า ตนเองเหมือนถูกผีเข้า ไปให้พระสวดมนต์ แล้วเอาน้ำที่พระสวดเสกแล้ว ด้วยมนต์นั่นแหล่ะ (น้ำมนต์) มาพรม ๆ ก็สบายใจ ผีออกไป กลับบ้านได้ กินอิ่มนอนหลับ ไปได้อีกหลายวัน หากโชคดี สามีกลับบ้านไว ก็จะสบายใจไปอีกนานโข

   9. วันดีคืนดี วัดขาดทุนทรัพย์ ในการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม ท่านสมภาร ก็ฉลาดในกุศโลบาย ก็จัดพีธีสวดมนต์มหากุศล มหาสมัย ฯลฯ อะไรก็แล้วแต่จะเรียก หรืออาจจะปลุกเสกอะไรก็ตาม ก็ต้องสวดมนต์ ปรากฎว่า คนเข้าวัดตรึม ได้เงินหลายล้าน ท่านเจ้าอาวาสก็สบายใจ เพราะได้บูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอารามได้สำเร็จซะที

   10. หากให้ผมจารนัยไปอีก ผมสามารถจารนัยได้จนถึงข้อที่ 100 ครับ แต่ เอาเป็นว่า ข้อแรกนั่นแหล่ะ คือความหมายสูงสุด ของการสวดมนต์ครับ  คือการรักษาไว้ซึ่งพระพุทธวจนะ ให้สืบทอดไปยาวนาน ในกาลเวลา.....สาธุ


จากคุณ : รถเรณู
บันทึกการเข้า
เกิดเป็นคนต้องสร้างตนให้มีดี เรียนทั้งทีต้องสร้างดีศรีแก่ตน
เป็นอยุ่ด้วยความพอเพียง ดีกว่าฟุ้งเฟ้อจนเป็นทุกข์

ยุวธิดา

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 73
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สวดมนต์แบบไม่เข้าใจความหมาย มีประโยชน์หรือไม่คะ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2011, 03:40:26 pm »
0



มีแต่ได้ ค่ะ ได้สลัด ความฟุ้งซ่านในสมอง

ได้จัดลำดับ ร่างกายท่าในการสวดมนต์ เราจะสำรวม

ที่สุดเลยที่ได้ ได้ความสงบอันเกิดจากสมาธิที่ตั้งมั่น

การ สวดมนต์ สามารถทำได้ ทั้งสมถะ คือใจแนบไปกับทุกถ้อยคำที่เปล่งออกมาเห้ฯปากมันขยับ จิตไปจับที่ลมหายใจ หรือจิตไปจับที่ปากขยับหรือปลายจมูก ได้ทำสมถะ จิตมีแรง

หากสวดมนต์ แล้ว ปล่อยให้กายสบายจิตผ่อนคลาย เห็นจิตที่ไหลไปคิดขณะสวดมนต์ ได้สติ ได้ เดินปัญญา

บางครั้งสวดมนต์ ครึ่งชั่วโมง ได้ ฝึก สติ สมาธิ และปัญญา ไปพร้อมๆกันค่ะ

การสวดมนต์ถือเป็นการ warm up จิตให้พร้อมสำหรับทำสมาธิ และเดินปัญญาต่อไปค่ะ

จากคุณ : รุ่งฟ้าสาง
บันทึกการเข้า
เกิดเป็นคนต้องสร้างตนให้มีดี เรียนทั้งทีต้องสร้างดีศรีแก่ตน
เป็นอยุ่ด้วยความพอเพียง ดีกว่าฟุ้งเฟ้อจนเป็นทุกข์