เหลือเชื่อ.! หลวงปูภู..ชุบชีวิตคนตาย.?
ในสมัยที่โรคห่าระบาด (อหิวาตกโรค) ผู้คนป่วยเป็นโรคนี้ล้มตายกันเป็นเบือ เพราะในตอนนั้นยังไม่มียาที่จะรักษาได้ ในยุคนั้นคนกรุงเทพฯ ที่ป่วยเป็นโรคนี้พอเสียชีวิต จะนำศพไปทิ้งไว้ที่ป่าช้าวัดสระเกศมากมาย จนสัปเหร่อต้องแล่เนื้อ โยนให้นกแร้งกิน แล้วเอากระดูกมาเผาหรือฝัง เหตุที่ผู้คนตายกันเป็นจำนวนมากทุกศพที่นำมาโยนในป่าช้าจนส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว นกแร้งต่างมาชุมนุมกันอยู่ที่วัดสระเกศ จนชาวบ้านขนานนามว่า แร้งวัดสระเกศฯ เปรตวัดสุทัศน์ฯ
ขณะที่เกิดโรคห่าระบาด หลวงปู่ภูได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดสระเกศฯ
พอตกกลางคืน ท่านจะออกมาเดินจงกลมพิจารณาซากศพเรียกว่าปฏิบัติ "อสุภะกรรมฐาน" พิจารณาซากศพเป็นอารมณ์
อีกทั้งหลวงปู่ ได้เรียนวิชาทำไม้เท้าพ่อครู ขณะที่เดินธุดงค์ ท่านได้ตัดไม้จากกอไผ่ที่ช้างโขลงผ่านทั้งกอ
นำมาเก็บไว้เพื่อจะจิ้มศพคนที่ตายวันเสาร์เผาวันอังคาร ให้ครบ ๗ ศพพระครูธรรมมานุกูล(ภู) วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม กรุงเทพมหานคร
มีอยู่หนหนึ่ง ในขณะที่หลวงปู่จุดเทียนเดินเข้าป่าช้า มีกองศพอยู่มากมาย
ท่านได้เอาเทียนส่องดูตามทวารของศพ เมื่อท่านเห็นศพใดทวารหนักยังเปิดก็ปล่อยไว้ตามเดิม
ปรากฏว่าคืนนั้น ท่านคัดศพที่ทวารเปิด ได้ ๖ ศพ
ท่านจึงประกอบ พิธีทำน้ำมนต์ ที่หน้าโกดังศพ แล้วเอาน้ำมนต์กรอกใส่ปากของคนตายทั้ง ๖
และนั่งดูอาการอยู่จนกระทั่งตีห้า ปรากฏว่าร่างทั้ง ๖ ค่อยๆ เคลื่อนไหวฟื้นขึ้นมา
เมื่อท่านเห็นว่าร่างทั้ง ๖ คนฟื้นคืนสติแล้วท่านก็ให้เด็กวัดช่วยกันนำมาที่กุฎิ และให้เด็กนำข้าวสารมาเสก พร้อมกับให้เด็กนำไปหุงข้าวต้มมาหยอดคนป่วยกินจนหมดทั้งหกคน จนผู้ป่วยหายดีแล้ว จึงได้กราบนมัสการลาท่านกลับบ้าน นับว่าท่านมีบุญฤทธิ์ สามารถช่วยคนตายแล้วให้ฟื้นขึ้นมาได้ที่มา
http://www.soonphra.com/geji/poo/index.htmlขอบคุณภาพจาก
http://ho.files-media.com/,http://www.soonphra.com/