หัวข้อ: พระพุทธเจ้า สอนเกี่ยวกับเรื่อง การเกิดมาไว้ อย่างไร ครับ เริ่มหัวข้อโดย: เจมส์บอนด์ ที่ มกราคม 04, 2012, 10:26:29 am พระพุทธเจ้า สอนเกี่ยวกับเรื่อง การเกิดมาไว้ อย่างไร ครับ
บางครั้งก็อดสงสัยไม่ได้ ครับว่าชีวิตเราที่เวียนว่ายตายเกิด อยู่มากมายหลายชาตินี้ พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงตรัสสอนธรรมที่เรียกว่าไม่ต้องมาเกิดอีก แต่ในปัจจุบันนี้พระองค์สอนให้ ทำอย่างไรกับการเกิดที่เป็นอยู่ปัจจุบันครับ และอะไรเป็นเป้าหมายของการเกิดครับ 1.เกิดมาเพื่อใช้ กรรม ( คือ รับวิบาก ผลบุญ และ ผลบาป ) ใช่หรือไม่ครับ 2.เกิดมาเพื่อสร้าง กรรมดี ( คือ เสบียงบุญ ) และระงับกรรมไม่ดี ใช่หรือครับ 3.เกิดมาเพื่อภาวนา ใช่หรือไม่ครับ ขอบคุณที่ตอบครับ :25: หัวข้อ: Re: พระพุทธเจ้า สอนเกี่ยวกับเรื่อง การเกิดมาไว้ อย่างไร ครับ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 05, 2012, 12:03:19 pm ชีวิตมาจากไหน ชีวิตในความหมายของพระอภิธรรม หมายถึง ชีวิตของ คน สัตว์ เทวดา รูปพรหม อรูปพรหม อันเกิดมาจากกรรม คือ กุศลกรรม และอกุศลกรรม นั่นเอง (http://www.buddhism-online.org/Images/Sect06A/LabelP02_03.gif) มนุษย์ เทวดา รูปพรหม และอรูปพรหม เป็นชีวิตที่เกิดมาจาก ผลของการทำความดี คือ กุศลกรรม การกระทำความดี นั้น เราทำได้ ๓ ทาง คือ ทางกาย ทางวาจา และทางใจ เช่น การทำทาน การรักษาศีล การเจริญภาวนา การอ่อนน้อมถ่อมตน การช่วยเหลือการงานที่เป็นกุศล การทำบุญอุทิศส่วนกุศล การอนุโมทนากุศล การฟังธรรม การแสดงธรรม การตั้งตนไว้ในทางที่ชอบ การทำสมาธิจนได้ รูปฌาน อรูปฌาน กุศลกรรมเหล่านี้ เมื่อบุคคลได้สิ้นชีวิตไปแล้ว จะนำชีวิตให้ไปเกิดในสุคติภูมิ ได้แก่ มนุษย์ เทวดา รูปพรหม หรือ อรูปพรหม ตามที่ตนได้กระทำกุศลนั้น ๆ ไว้ ดูแผนภูมิที่ ๑ แผนภูมิที่ ๑ (http://www.buddhism-online.org/Images/Sect06A/P02.jpg) (http://www.buddhism-online.org/Images/Sect06A/LabelP03_01.gif) อกุศลกรรม คือ การกระทำบาปทางกาย กายทุจริต ๓ได้แก่ การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต การจี้ปล้นลักขโมย การประพฤติผิดทางเพศ การทำบาปทางวาจา วจีทุจริต ๔ ได้แก่ การพูดเท็จไม่ตรงกับความจริง การพูดส่อเสียดยุยง ทำให้เขาแตกแยกจากกัน การพูดคำหยาบด่าทอสาปแช่ง การพูดเพ้อเจ้อ เหลวไหลไร้สาระ ไม่เกิดประโยชน์แก่ผู้ฟัง การทำบาปทางใจ มโนทุจริต ๓ ได้แก่ การเพ่งเล็งในทรัพย์สินสิ่งของๆ คนอื่น เพื่อจะนำมาเป็นของตน การคิดพยาบาทอาฆาต มุ่งที่จะทำร้ายต่อบุคคลอื่น ตลอดจนมีความเห็นผิดจากความเป็นจริง เช่น คิดว่าบุญบาปไม่มีไม่ให้ผล เมื่อตายลง ไม่ต้องไปเสวยผลของบุญผลของบาป ที่ทำไว้ เห็นว่าชาติหน้า นรกสวรรค์ไม่มี เป็นต้น เมื่อได้ทำบาปเหล่านี้แล้วตายลงย่อมส่งผลให้ไปเกิดในอบายภูมิ ๔ คือ นรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน ต้องได้รับความทุกข์ทรมาน เพื่อใช้ผลของบาปกรรมนั้น ดูแผนภูมิที่ ๒ ประกอบ แผนภูมิที่ ๒ (http://www.buddhism-online.org/Images/Sect06A/P03.jpg) การทำบาปทุจริต ทั้งปวง จึงเป็นไปด้วยอำนาจของจิตฝ่ายบาป คือ อกุศลจิต ๑๒ ทำให้ชีวิตต้องไปรับทุกข์ทรมานในนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ดังกล่าว (http://www.buddhism-online.org/Images/Sect06A/LabelP03_02.gif) คนเราโดยทั่วไปไม่ค่อยจะคิดว่า เราเป็นใครมาจากไหน ทำไมเกิดมาจึงมีรูปร่างหน้าตาอุปนิสัยใจคอไม่เหมือนกัน เพราะอะไร ทั้ง ๆ ที่เกิดมาจากบิดามารดาเดียวกัน ลองหาคำตอบดูจาก แผนภูมิที่ ๓ (http://www.buddhism-online.org/Images/Sect06A/P03_2.jpg) แผนภูมิที่ ๓ (http://www.buddhism-online.org/Images/Sect06A/P04_01.jpg) คนเรามีนิสัยใจคอต่างกัน เพราะมาจากที่ต่างกันนั่นเอง อ้างอิง บทเรียนอภิธรรม ตอนที่ ๖ ชุดที่ ๑ ชีวิตมาจากไหน หลักสูตรเรียนทางอินเตอร์เน็ต อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่มา http://www.buddhism-online.org/Section06A_02.htm (http://www.buddhism-online.org/Section06A_02.htm) หัวข้อ: Re: พระพุทธเจ้า สอนเกี่ยวกับเรื่อง การเกิดมาไว้ อย่างไร ครับ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 05, 2012, 12:13:21 pm ชีีวิตจะไปไหน การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารทุกข์ ก็ด้วยอำนาจของ อวิชชา คือความไม่รู้ ไม่รู้ความ เป็นจริงของชีวิต จึงต้องทำกรรมลงไป ด้วยอำนาจของกิเลสที่อยู่ภายในจิตใจ เป็นตัวผลักดัน ให้มีการเสาะแสวงหา สิ่งที่ชอบสิ่งที่พอใจ ของสวย ๆ งาม ๆ รับประทานข้าวเคล้าเสียงเพลง เป็นต้น ซึ่งถือเป็นสื่อที่จะชักนำ ให้เกิดความเคลิบเคลิ้มหลงใหล กระทำในสิ่งที่จะก่อให้เกิดความทุกข์ความเดือดร้อนต่อไป เมื่อทำบาปอกุศล ความเดือดร้อนก็ย่อมติดตามมา หาความสุขความสงบใจไม่ได้ มีความหวาดกลัววิตกกังวล ฝันร้าย เห็นภาพหลอนต่าง ๆ เมื่อตายลงย่อมจะต้องไปเกิดในทุคติภูมิ เป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย หรือ เดรัจฉาน บ้าง ตามกรรมที่ตนได้กระทำไว้ ถ้าทำในส่วนที่ดีเป็นบุญเป็นกุศล ก็จะได้รับ ความสุขความเจริญ ความดีนั้นไม่มีขายอยากได้ ต้องทำเอาเอง การทำบุญกุศลมีหลายอย่างด้วยกัน เช่น การทำทาน การทำบุญใส่บาตร การรักษาศีล การเจริญภาวนา การช่วยเหลือเกื้อกูลคนแก่คนชรา เป็นต้น ผลบุญที่ทำเมื่อตายแล้ว ย่อมนำไปสู่สุคติภูมิ เป็นมนุษย์หรือ เทวดา (http://www.buddhism-online.org/Images/Sect06A/P04_02.gif) ถ้าทำสมาธิจนได้รูปฌาน เมื่อตายย่อมจะไปเกิดในพรหมโลก เป็นพรหมที่มีรูปร่างสวยงาม มีความสุขจากผลของฌาน มีถึง ๑๖ ชั้นด้วยกัน ส่วนผู้ที่ทำสมาธิได้ อรูปฌาน คือ ผ่านรูปฌานมาแล้ว ก็ย่อมจะไปบังเกิดในพรหมโลกเช่นเดียวกัน แต่เป็นพรหมที่ไม่มีรูปร่างกาย มีแต่นามคือ จิตและเจตสิกเท่านั้น มี ๔ ชั้นด้วยกัน รายละเอียดจะได้กล่าวต่อไปในเรื่องภูมิ ๓๑ การทำบุญ ทำกุศล การทำทาน การรักษาศีล เจริญภาวนา หรือการทำบาปอกุศลก็ดี ย่อมจะส่งผลให้ต้อง เวียนตายเวียนเกิดอีกต่อไป หาที่สิ้นสุดไม่ได้ ตราบเมื่อยังไม่ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ การปฏิบัติธรรมจนสำเร็จเป็นพระโสดาบัน จึงจะรู้ได้ว่าเราจะเกิดต่อไปอีกไม่เกิน ๗ ชาติ เวียนตายเวียนเกิดเป็นมนุษย์บ้าง เทวดาบ้าง จนกว่าจะสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ดูแผนภูมิที่ ๔ ประกอบ แผนภูมิที่ ๔ (http://www.buddhism-online.org/Images/Sect06A/P05.jpg) ชาติหน้ามีจริงหรือไม่นั้น คำตอบก็คือ ตราบใดถ้ายังมีกิเลสและทำกรรม อยู่ คือ กรรมที่เป็นส่วนบุญ และกรรมที่เป็นส่วนบาป เมื่อยังทำกรรมเพราะอำนาจของกิเลส ก็ต้องเกิดอีกแน่นอน การเกิดใหม่นั่นแหละคือชาติหน้าของเรา ชาติหน้าที่จะไปเกิดมีทั้งหมดถึง ๓๑ ภูมิ ซึ่งจะได้กล่าวต่อไป อ้างอิง บทเรียนอภิธรรม ตอนที่ ๖ ชุดที่ ๑ ชีวิตมาจากไหน หลักสูตรเรียนทางอินเตอร์เน็ต อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่มา http://www.buddhism-online.org/Section06A_03.htm (http://www.buddhism-online.org/Section06A_03.htm) หัวข้อ: Re: พระพุทธเจ้า สอนเกี่ยวกับเรื่อง การเกิดมาไว้ อย่างไร ครับ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 05, 2012, 12:20:58 pm เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร คนเรามีชีวิตเพื่ออะไร ? เป็นคำถามที่หาคำตอบยาก มีตอบได้หลายแง่หลายมุม ผู้ที่ศึกษาพระอภิธรรมเท่านั้นจึงหาคำตอบได้ เพราะเข้าใจในเรื่องราวของชีวิตได้ดี สามารถแก้ปัญหาได้ถูกต้อง ลองหาคำตอบจากภาพข้างล่างนี้ ว่าเรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร (http://www.buddhism-online.org/Images/Sect06A/P06.jpg) (http://www.buddhism-online.org/Images/Sect06A/P06_02.jpg)(http://www.buddhism-online.org/Images/Sect06A/P06_03.jpg) อ้างอิง บทเรียนอภิธรรม ตอนที่ ๖ ชุดที่ ๑ ชีวิตมาจากไหน หลักสูตรเรียนทางอินเตอร์เน็ต อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่มา http://www.buddhism-online.org/Section06A_04.htm (http://www.buddhism-online.org/Section06A_04.htm) หัวข้อ: Re: พระพุทธเจ้า สอนเกี่ยวกับเรื่อง การเกิดมาไว้ อย่างไร ครับ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 05, 2012, 01:07:24 pm พระพุทธเจ้า สอนเกี่ยวกับเรื่อง การเกิดมาไว้ อย่างไร ครับ ใช่ครับ แน่นอน เราเกิดมาเืพื่อเสวยวิบากกรรม ทั้งสองฝ่ายทั้งบุญและบาป] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "ดูกรมาณพ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้" พุทธพจน์ จากจูฬกัมมวิภังคสูตร :49: พระพุทธเจ้า สอนเกี่ยวกับเรื่อง การเกิดมาไว้ อย่างไร ครับ ต้องเลือกทางก่อน พระพุทธเจ้าไม่ได้บังคับให้ใครเชื่อคำสั่งสอนของท่าน หากเราเลือกที่จะเชื่อพระองค์ และเลือกที่ไปสุคติ เราต้องตั้งมั่นอยู่ใน "กุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ" แต่หากเลือกที่จะไม่มาเกิดอีก ไม่ปรารถนาจะอยู่ในสังสารวัฏนี้อีกต่อไป ก็ต้องปฏิบัติตาม มรรคมีองค์ ๘ :49: พระพุทธเจ้า สอนเกี่ยวกับเรื่อง การเกิดมาไว้ อย่างไร ครับ ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกอะไร หากเราเชื่อคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เราก็ต้องเลือกว่า เรารักที่จะท่องเที่ยวอยู่ใน ๓๑ ภพภูมินี้หรือเปล่า เพราะการภาวนา แบ่งออกเป็นสองส่วน คือ สมถะ และวิปัสสน หากปรารถนาจะเป็นพรหม(ยกเว้นสุทธาวาส) ก็ทำสมถะ หากปรารถนาจะเข้านิพพานในฐานะสาวกภูมิ ต้องทำทั้งสมถะและวิปัสสนา หากปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าหรือพระปัจเจกพุทธเจ้า ก็ต้องสร้างโพธิสัต์บารมี(ต้องทำสมถะและวิปัสสนาอ่อนๆ) การเกิดและการเป็นอยู่ในปัจจุบันชาติ ถ้าจะถามว่า เพื่ออะไร ต้องถามตัวเองก่อนว่า คุณต้องการเป็นอะไร ต้องการอะไร ในชาตินี้และในชาติต่อไป เมื่อเลือกได้แล้ว คุณจะรู้เองว่า เกิดมาเพื่ออะไร Born to be........(someone or.....with somebody) :57: :72: :) ;) |