พิมพ์

[sunee]

อยาเริ่มต้นปี ด้วยเรื่องเป็น มงคล คะ คือ ได้ไปวัดจีนที่เยาวราช เห็น รูป 18 พระอรหันต์ ใครทราบประวัติ ลงรูปให้ชมเป็น มงคล ตอนต้นปี ฉลอง ตรุษจีน ที่จะถึง ให้ด้วยนะคะ

 

[raponsan]

ข้อมูลข้างล่างนี้จากเว็บผู้จัดการนะครับ
http://www.manager.co.th/china/ViewNews.aspx?NewsID=4540887734293

     อรหันต์ คำจีนแต้จิ๋วออกเสียงว่า หล่อ-หั่ง เรื่องราวของ 16 อรหันต์กลายเป็น 18 อรหันต์ มีเล่าไว้ในหนังสือพระพุทธ-พระโพธิสัตว์-สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจีน พิมพ์ครั้งที่ 4

     หลักฐานทางประวัติศาสตร์จีนพบว่า ในปีพ.ศ. 1423 ได้มีช่างเขียนจีนชื่อ กวนฮิว เป็นผู้ศรัทธาเลื่อมใส
ได้วาดรูปพระอรหันต์ทั้งสิบหกองค์ถวายไว้ที่วัดแห่งหนึ่งในมณฑลตี้เกียง

    ต่อมาได้มีขุนนางแห่งราชวงศ์เช็ง ในรัชกาลพระเจ้าเฉียนหลงได้ไปพบภาพอรหันต์ทั้งสิบหกที่วัดนี้ระหว่างทางไปราชการจึงให้ช่างเขียนผู้ชำนาญจำลองรูปกลับมาถวายพระเจ้าเฉียนหลงจักรพรรดิเฉียนหลงเห็นเข้าก็โปรด จึงทรงให้จำลองภาพเพิ่มแล้วพิมพ์พระราชทานไปไว้ยังที่ต่างๆ แต่ต่อมาเมื่อเวลาผ่านไปชื่อและภาพของพระอรหันต์ก็สับสนไป ไม่ตรงกันในแต่ละที่

    อรหันต์ทั้ง 18 องค์ มีดังนี้
       1. เจียวเช้าซินซือ ฉายา ภิกษุในรังนก
       2. จื้อไจ๊ซินซือ เป็นภิกษุอินเดีย ชื่ออิศวร
       3. เค้าทงซินซือ อยู่ที่เขาหยกมอง
       4. ฮงกันซินซือ ฉายาผู้ปราบเสือให้เชื่อง
       5. ฮุยเอี๊ยงซินซือ
       6. ซิบติดจื๋อ ฉายาผู้เก็บตก
       7. ฮั้นซัวจื๋อ ฉายาอยู่ในถ้ำ
       8. ฮุยซางซินซือ
       9. กูตี๋ฮั่วเสียง เป็นภิกษุอินเดีย ชื่อคณมติ
       10. เต้าง้วยซินซือ อยู่เกาะทอง
       11. ซีจือปักคูจุนเจี่ย เป็นภิกษุอินเดีย ชื่อสิงหลบุตร
       12. ซ่งซัวะซินซือ
       13. ส่อฮูลอต้นจุนเจีย นามเป็นบาลี คือ ราหุล
       14. เซ่งจันซินซือ
       15. จี้โมโลจั๊บ นามเป็นบาลี คือ กุมารชีพ
       16. โมโหเกียเหยจุนเจีย นามเป็นบาลี คือ มหากัสสป
       17. ม้าเม้งจุนเจีย นามเป็นบาลี คือ อัศวโฆษ
       18. ปโต้ฮั่วเสียง ฉายาพระท้องพลุ้ย
       
     พระอรหันต์องค์ที่ 18 หรือพระท้องพลุ้ยจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่ทรงเป็น "พระศรีอารยเมตไตรย มหาโพธิสัตว์ หรือหมีเล็กผ่อสัก" นั่นเอง

     ข้อมูลข้างบนจากเว็บผู้จัดการนะครับ

โพสต์คุณ : He-Who-Must-Not-Be-Named
จาก http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2006/02/Y4081840/Y4081840.html

[raponsan]

โพสต์คุณ : He-Who-Must-Not-Be-Named
จาก http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2006/02/Y4081840/Y4081840.html

     ส่วนข้อมูลที่จะนำเสนอต่อไปนี้ อาจจะไม่ตรงกับข้อมูลข้างบน แต่เป็นข้อมูลพร้อมรูปที่หาได้จากเว็บน่ะครับ
(เพราะมีการจัดพระอรหันต์ทั้ง 18 องค์แตกต่างกันไป) จะค่อยๆ ทยอยลงพร้อมรูปนะครับ ซึ่งทั้งหมดนี้นำมาจากเนื้อหาเรื่อง 18 อรหันต์ (สือปาออลอหั่น หรือ จั๊บโป๊ยล่อหั่น)

จากเว็บ
http://www.tteen.net/view.php?time=20040615154431
http://www.lannaworld.com/cgi/lannaboard/reply_topic.php?id=12886

และจะพยายามเพิ่มเติมเนื้อหาบางส่วนตามพุทธเถรวาทนะครับ

องค์ที่ 1
ปินโฑลภารัทวาช

(น่าจะ ปิณโฑลภารทวาชะ ครับ)

     แปลว่า ก้อนข้าวผู้รับทาน ภารัทวาชเป็นสกุลใหญ่ 1 ใน 18 ของพราหมณ์ สถิตอยู่อมรโคยานทวีปพร้อมด้วยพระอรหันต์อีก 1,000 องค์ เป็นบริวาร ท่านได้แสดงปาฏิหาริย์ หยิบบาตรไม้จันทน์บนยอดเขาสูง
 
     ความทราบถึงพระพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า แสดงปาฏิหาริย์เพื่อบาตรไม้จันทน์ต่อหน้าพวกที่ยังมิได้รับศีล
จึงขับออกไปเสียจากชมพูทวีปไปอยู่ทวีปอมรโคยาน

    ต่อมา บรรดาสาวกคิดถึงท่าน จึงขอให้กลับมาพระพุทธองค์ก็ยอมอนุโลมให้กลับมาแต่ไม่ให้เข้าปรินิพพาน
ต้องดำรงขันธ์เป็นเนื้อนาบุญต่อไป เพื่อพิทักษ์พระศาสนาจนกว่าพระศรีอารยจะมาตรัส ฉะนั้นการสักการบูชาท่านจึงได้กุศลมาก

     ลักษณะพิเศษของท่าน คือถ้ามีผู้ใดเลี้ยงพระท่านก็จะปลอมแปลงเป็นพระธรรมดาแอบเข้าไปร่วมรับประทานด้วยรูปเป็นผอมเห็นซี่โครง บ้างยืน บ้างนั่ง มือถือหนังสืออีกมือถือบาตร หรือมือทั้งสองถือหนังสือ
หรือวางบนเข่า บ้างยืนในท่าหยิบบาตร

หมายเหตุ  ข้อความข้างบนควรพิจารณาว่าเป็นเนื้อหาของพุทธนิกายมหายาน ตามเนื้อหาพุทธเถรวาทนั้น พระปิณโฑลภารทวาชะนั้น ท่านได้ดับขันธปรินิพพานแล้ว และท่านเองยังได้รับตำแหน่งเอตทัคคะ คือเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในฝ่ายผู้บันลือสีหนาท
     เนื่องด้วยท่านมักเปล่งวาจาว่า “ยสฺส มคฺเค วา ผเล วา กงฺขา อตฺถิ โส มํ ปุจฺฉตุ
     แปลว่า ผู้ใด มีความสงสัยในมรรคหรือในผล ผู้นั้น ก็จงถามเราเถิด”

ควรอ่านเนื้อหาตามเว็บข้างล่างนี้ประกอบด้วยครับ
http://www.84000.org/one/1/14.html

องค์ที่ 2
กนกวัจฉ แปลว่าลูกโคทอง

    สถิตอยู่แคว้นกัศมีระ พร้อมด้วยพระอรหันต์อีก 500 องค์เป็นบริวาร ท่านเป็นสาวกที่สามารถในทางรู้แจ้งบรรดาลัทธิธรรมต่าง ๆและเป็นผู้ทรมานร่างกายได้ดี สามารถนั่งเข้าฌาณในกลางฝนได้ รูปท่านเป็นรูปห้อยเท้าขวา มือขวาวางบนเข่า มือซ้ายวางที่ฝ่าเท้าซ้าย

องค์ที่ 3
กนกภารัทวาช เป็นชื่อฤๅษี 1 ใน 7 มหาฤๅษี

    สถิตอยู่แคว้นบูรพวิเทพ พร้อมด้วยพระอรหันต์ 600 องค์เป็นบริวาร รูปท่านนั่งห้อยเท้า เท้าซ้ายยกขึ้นจากรองเท้ามือขวาวางอยู่บนเข่า มือซ้ายอยู่ข้างหูเป็นรูปคนแก่ผมยาว

องค์ที่ 4
สุปินฑ (น่าจะเป็น สุภัททะ)

    สถิตอยู่อุตตรกุรุทวีป พร้อมด้วยอรหันต์ 700 เป็นบริวาร ท่านองค์นี้อาจจะเป็นพระสุภัทร ซึ่งเป็นพราหมณ์ชาวเมืองกุสินารา บรรลุพระอรหันต์ เมื่ออายุ 120 ปี โดยสดับพระธรรมเมื่อพระพุทธเจ้าทรงประชวรหนักจวนเสด็จดับขันธ์ รูปเป็นคนแก่นั่งเข้าสมาธิ มือถือหนังสือบ้างทำเป็นรูปนั่งธรรมดา มีบาตรและกระถางธูปอยู่ข้างหนึ่ง มือซ้ายถือหนังสือ มือขวาทำมุทราดีดนิ้ว บ้างยกมือขวาหงาย

หมายเหตุ  ควรศึกษาเพิ่มเติมจาก พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=10&A=3502&w=สุภัททะ

องค์ที่ 5
นกุล แปลว่า พังพอน

    สถิตอยู่ชมพูทวีป พร้อมด้วยพระอรหันต์ 800 องค์ เป็นบริวาร ท่านชอบอยู่โดดเดี่ยว ถือการธุดงค์เป็นพรต
ไม่มีศิษย์ไม่เคยเทศนา ไม่ของอยู่ปะปนกับใคร ไม่เคยอาพาธ พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นศิษย์ที่มีอายุยืนยาวที่สุด คือ 160 ปี ทั้งนี้เพราะเมื่อสมัยพระวิปัสสีพุทธ ท่านได้ถวายเภสัชแก่ภิกษุผู้อาพาธ ท่านไม่เคยเทศนาโปรดใครนั้น เพราะท่านเห็นว่าพระสารีบุตร พระอานนท์และพระมหาสาวกองค์อื่น ๆ เทศนาได้ดีแล้ว ท่านจึงไม่จำเป็นต้องเทศน์

    รูปท่านเป็นนั่งห้อยเท้า มีพังพอนอยู่ข้าง ๆ บ้างเป็นรูปกบสามขาอยู่ใต้รักแร้บ้างเป็นรูปเข้าฌาณ มีเด็กน้อยอยู่ข้างหนึ่งหรือแบมือทั้งสองข้าง

หมายเหตุ  อ่านเนื้อหาแล้วเลยคิดไปถึงพระพากุละ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเอตทัคคะในทางผู้ไม่มีโรคาพยาธิ
ไม่ทราบว่าจะเป็นองค์เดียวกันหรือไม่ (แต่พระอรหันต์องค์นี้สั่งสอนพุทธบริษัทนะครับ เพราะเนื้อหาข้างบนน่าจะมาจากความเชื่อพุทธมหายานน่ะครับ)

ลองอ่านเนื้อหาเทียบเคียงดูครับ http://www.84000.org/one/1/22.html

องค์ที่ 6
ภัทร แปลว่า ประเสริฐ

สถิตอยู่ตามระทวีปพร้อมด้วยพระอรหันต์ 900 องค์ บ้างว่าท่านเป็นพระญาติพระพุทธเจ้า บ้างว่ามีสกุลสูง เป็นมหาสาวกองค์หนึ่งสามารถอธิบายอรรถธรรมที่ลึกซึ้ง ด้วยคำพูดง่าย ๆ รูปท่านเป็นรูปนั่งห้อยเท้า ถือหนังสือมีอยู่ข้าง ๆ แสดงว่าท่านปราบเสือได้ บ้างทำเป็นรูปมีขนคิ้วยาว ประณมมือ

หมายเหตุ  เมื่อกล่าวถึงผู้มีตระกูลสูง จึงได้นึกถึงพระภัททิยะ ซึ่งได้เอตทัคคะในทางผู้เกิดในตระกูลสูง
ไม่ทราบว่าจะเป็นองค์เดียวกันหรือไม่

ข้อเด่นที่บางท่านอาจจดจำได้ง่าย คือ ภายหลังจากที่ท่านบรรลุอรหันต์แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ท่านมักเปล่งอุทานว่า "สุขหนอ ๆ"

ภิกษุทั้งหลายได้ยินได้ฟังแล้วเข้าใจว่า ท่านไม่ยินดีในการประพฤติพรหมจรรย์รำลึกนึกถึงแต่ราชสมบัติอยู่
จึงนำความเข้ากราบทูลพระผู้มีพระภาค พระพุทธองค์รับสั่งให้เรียกท่านมา ตรัสถามว่า:-
   “ภัททิยะ ทราบว่าเธอเปล่งอุทานว่าอย่างนั้นจริงหรือ ?”
   “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เป็นความจริง พระเจ้าข้า”
   “เธอเห็นประโยชน์อะไร จึงเปล่งอุทานอย่างนั้น ?”

  “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สมัยเมื่อข้าพระองค์เป็นฆราวาส ครอบครองราชย์สมบัติอยู่ ต้องดูแลป้องกันรักษาขอบขัณฑสีมาทั้งหลายทั้งภายในและภายนอก ทั่วราชอาณาเขต แม้แต่ตัวข้าพระองค์เองจะมีคนคอยดูแลป้องกันรักษา อยู่รอบข้างกายเป็นนิตย์ ก็อดที่จะสะดุ้งจิตหวาดกลัว มิได้ บัดนี้
    แม้ข้าพระองค์จะอยู่ในที่ใด ๆ ในป่า หรือใต้ร่มไม้ หรือที่อื่น ๆ เพียงลำพัง ก็ไม่ต้องสะดุ้งกลัว ขนก็ไม่ลุกชูชัน อาศัยอาหารผู้อื่นเลี้ยงชีพ ไม่ต้องวิตกกังวลรับผิดชอบต่อชาติบ้านเมืองและประชากร ข้าพระองค์เห็นประโยชน์สุขอย่างนี้ จึงเปล่งอุทานอย่างนั้น พระเจ้าข้า"

   พระบรมศาสดา ทรงสดับแล้วได้ตรัสยกย่องชมเชยในการกระทำของท่าน

อ่านเพิ่มเติมได้จาก http://www.84000.org/one/1/10.html

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2006/02/Y4081840/Y4081840.html
โพสต์คุณ : He-Who-Must-Not-Be-Named

[raponsan]

องค์ที่ 7
กาลิก แปลว่า เวลา ชั่วเวลา

สถิตอยู่สังฆฏทวีปพร้อมด้วยพระอรหันต์ 1,000 องค์ ท่านเป็นที่นับถือ แห่งพระเจ้าพิมพิสาร รูปท่านเป็นรูปนั่งห้อยเท้าหรือเข้าฌาณบ้างถือหนังสือหรือใบไม้ บ้างทำเป็นรูปคิ้วยาวลงมาจนลากดิน ต้องใช้มือถือไว้ บ้างฉาบทั้งสองมือ

องค์ที่ 8 วัชรบุตร

สถิตอยู่บรรณทวีป พร้อมพระอรหันต์ 1,100 องค์เป็นบริวาร รูปห้อยเท้า ถือไม้เท้าขักขระ ไม้เท้านี้บนยอดมีโลหะ มีช่องเป็นวงกลมสำหรับร้อยแหวนโลหะ เมื่อเขย่าจะเกิดเสียงเวลาเดินทางในป่า จะทำให้จำพวกสัตว์เลื้อยคลานได้ยินเสียงจะตกใจแล้วหลีกหนีไป

องค์ที่ 9 สุปากะ

   สถิตอยู่กลางเขาคันธมาทน์พร้อมด้วยพระอรหันต์ 900 องค์ ในหนังสือเถรคาถา มีชื่อโสปากะอยู่องค์หนึ่ง เนื่องด้วยตอนจะคลอดมาดาสลบไปผู้คนเข้าใจว่าตาย จึงนำไปทิ้งที่ป่า เมื่อท่านคลอดออกมามารดาก็ถึงแก่กรรมไปจึงชื่อว่าโสปากะ แปลว่าอันเขาทิ้งแล้ว
   เมื่อท่านอายุได้ 7 ปี ได้ฟังคำพระพุทธเจ้าสั่งสอนก็เลื่อมใน แล้วออกบรรพชา ภายหลังได้บรรลุพระอรหันต์ เป็นสาวกองค์หนึ่ง รูปท่านนั่งห้อยเท้า มือถือหนังสือหรือพัด ข้าง ๆ มีอรหันต์องค์เล็ก หรือทั้งสองมือถือลูกประคำ

หมายเหตุ ควรศึกษาเพิ่มเติมจาก http://202.57.162.77/tripitaka/default.php?cat=5000037
ส่วนนี่ก็เป็นพระโสปากะเช่นเดียวกัน ลองเทียบเคียงดูครับ
http://202.57.162.77/tripitaka/default.php?cat=5200049

องค์ที่ 10
ปันถก แปลว่าทาง เติมคำมหาเป็น มหาปันถก

    สถิตที่สวรรค์ตรัยตรึงพร้อมด้วยพระอรหันต์ 1300 องค์ เป็นบริวาร ท่านเป็นบุตรของพราหมณี พราหมณีนี้ออกลูกที่ใดก็ตายทุกคราว ครั้งหลังจึงไปคลอดที่ถนนใหญ่แล้วได้บุตรคือท่านเอง ท่านมีฤทธิ์ชำแรกกายเข้าของแข็งได้นิรมิตไฟน้ำได้ เดินเหินในอากาศได้
    ฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงตรัสให้ไปปราบพญานาค ท่านยังเป็นองค์ที่ยอดเยี่ยมด้วยปัญญา สามารถแก้ความสงสัยในอรรถธรรมให้แจ่มแจ้งได้ เป็นเอตทัคคะสาวกองค์หนึ่ง รูปท่านนั่งห้อยเท้าบนหลังสิงห์ บ้างนั่งห้อยเท้ากำลังทรมานพญานาคให้เข้าอยู่ในบาตร บ้างนั่งใต้ต้นไม้ มือถือหนังสือ บ้างเป็นรูปนั่งเข้าฌาณ


หมายเหตุ  ท่านมหาปันถกเถระ ได้เอตทัคคะในทางผู้เจริญวิปัสสนา เนื้อหาข้างบนไม่เหมือนกับที่ระบุในพระไตรปิฎกเสียทีเดียว

ดังนั้นจึงควรศึกษาเนื้อหาเพิ่มเติมจาก
http://www.84000.org/one/1/34.html
http://www.dhammathai.org/monk/monk70.php

ท่านมหาปันถกเถระ ท่านมีน้องชายอีกหนึ่งคน ซึ่งต่อมาก็ได้บวช.. แต่ด้วยบุพกรรมบางอย่าง ทำให้...
... ติดตามต่อใน องค์ที่ 16 ครับ (ควรอ่านคู่กันครับ)

องค์ที่ 11 ราหุล

    สถิตอยู่ยังปริยังคุปทวีปพร้อมด้วยอรหันต์ 1,100 องค์บริวาร ท่านเป็นพุทธชิโนรส พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า
ท่านจะได้ไปเกิดเป็นเชษฐโอรส ของพระอานนท์ ฉะนั้น จึงมีสมญาว่า โอรสพระอานนท์

   เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จพระปรินิพพาน ท่านได้เป็นคณาจารย์นิกายไวภาษิก และเป็นที่เคารพของบรรดาสามเณร ท่านเป็นเอตทัคคะมหาสาวก ศึกษาในธรรมวินัย และประพฤติปฏิบัติเคร่งครัด รูปท่านบ้างทำเป็นผู้มีศีรษะโต ตาโต จมูกเป็นขอ บ้างก็เป็นรูปคนธรรมดา มือทั้งสองอุ้มเจดีย์

หมายเหตุ จากเนื้อหาข้างบน ผมค่อนข้างจะไม่แน่ชัดในเรื่องคำเรียกพระราหุลนะครับ พระราหุลนั้นได้รับเอตทัคคะในการเป็นผู้ใคร่ในการศึกษา

อ่านเพิ่มเติมเนื้อหาได้ที่
http://www.dhammathai.org/monk/monk40.php
http://www.84000.org/one/1/08.html

องค์ที่ 12 นาคเสน

สถิตอยู่เขาปาณฑพแคว้นมคธ พร้อมด้วยพระอรหันต์ 1,200 องค์เป็นบริวาร ท่านเป็นผู้มีสง่า มีปฏิภาณในการโต้ตอบแก้ปัญหาธรรม มีความรู้ลึกซึ้ง ดูเหมือนจะเป็นคนเดียวกันกับ พระนาคเสน ในมิลินทปัญหา รูปนั่งห้อยเท้า มือซ้ายยกสูงเพียงหู มือขวาอยู่บนเข่า

หมายเหตุ  ถ้าเป็นพระนาคเสนใน มิลินทปัญหา นั้น เป็นการโต้ตอบปัญหากับพระเจ้าเมนันเดอร์ของกรีก
(Menander หรือ มิลินท์ Milinda) โดยอยู่ในช่วงปี พ.ศ. 500-800
ดูเนื้อหาทางประวัติศาสตร์ได้จากเว็บ
http://www.dhammathai.org/buddhism/india/chapter05_1.php

ส่วนเนื้อหาเรื่องมิลินทปัญหา หาดูตามกูเกิ้ลได้เยอะแยะครับ
(ในบางลิงค์ข้างล่าง สามารถดาวน์โหลดไว้ได้ครับ)
http://www.dhammathai.org/milin/milin.php
http://www.geocities.com/SouthBeach/Terrace/4587/milindl.htm
http://larnbuddhism.net/milintapanha/

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2006/02/Y4081840/Y4081840.html
โพสต์คุณ : He-Who-Must-Not-Be-Named

[raponsan]

องค์ที่ 13 อิงคท

สถิตอยู่ภูเขาไวบูลยบราณศว์พร้อมด้วย พระอรหันต์ 1,300 องค์ เป็นบริวาร ท่านองค์นี้ หากเป็นองค์เดียวกันกับพระอังคช ก็เป็นมหาสาวกเช่นกัน และเป็นองค์ที่บริบูรณ์ในสิ่งทั้งปวง รูปนั่งห้อยเท้า อ้วนสมบูรณ์ ร่าเริง แต่บ้างก็เป็นรูปพระแก่ถือไม้เท้า บ้างถือหนังสือบ้างบาตร

องค์ที่ 14
วันวาสี แปลว่าอยู่ป่า

สถิตอยู่ภูเขาวัตสะพร้อมด้วยพระอรหันต์ 1,400 องค์ เป็นบริวาร ยังหาเรื่องราวของท่านไม่ได้ดูเหมือนจะเป็นองค์เดียวกับพระวัจนะ ซึ่งชอบอยู่ตามป่า รูปนั่งห้อยเท้าอยู่ที่ปากถ้ำ หลับตาเหมือนเข้าฌาณ บ้างทำนิ้วมุทรา (ท่านิ้วหงิกงอ) บ้างวางบนเข่า บ้างถือหนังสือ

องค์ที่ 15
อชิต แปลว่าชนะไม่ได้

สถิตอยู่ที่ภูเขาคิชฌกูฏ พร้อมด้วยพระอรหันต์ 1,500 องค์เป็นบริวาร ยังหาเรื่องราวของท่านไม่ได้ ในคราวทุติยสังคายนา ยังมีภิกษุองค์หนึ่งชื่อเดียวกันกับท่าน ในเถรคาถามีพระอชิตเถระเป็นบุตรของพราหมณ คำว่า อชิต เป็นนามพระศรีอารย รูปนั่งห้อยเท้า แก่ ขนคิ้วยาว มือวางบนเข่า บ้างนั่งเข้าฌาณ ที่หน้าอกมีรูปหน้าคน ยังไม่ทราบว่ามีความหมายอะไร

หมายเหตุ ดูเนื้อหาเรื่องพระอชิตะในพระอนาคตวงศ์
http://www.larnbuddhism.com/anatottawong/01.1.html

องค์ที่ 16
จูฑะปันถก บ้างเติมคำว่า จูฬ แปลว่า คนทางเล็ก

สถิตอยู่ที่ภูเขาเนมินธรพร้อมด้วยพระอรหันต์ 1,600 องค์ เป็นบริวาร เป็นมหาสาวกองค์หนึ่ง เมื่อแรกอุปสมบทปัญญาโง่ทึบ ท่องจำอะไรไม่ได้แม้แต่ประโยคเดียว แต่ต่อมา ได้บรรลุอรหัตตผลเชี่ยวชาญในวิชามโนมยิทธิ
เรื่องราวของท่านปรากฏอยู่อสีติมหาสาวก รูปนั่งห้อยเท้า มือขวาถือถ้วย มีนกกำจิกน้ำ

หมายเหตุ ควรอ่านเนื้อหาของพระมหาปันถกเถระ (องค์ที่ 10 ในความเห็นที่ 14) ประกอบด้วยเช่นกัน ส่วนท่านจูฬปันถกเถระนั้นได้เอตทัคคะทางด้านมโนมยิทธิ (ฤทธิ์สำเร็จด้วยใจ คือ เนรมิตกายอื่นออกจากกายนี้ ดุจชักดาบจากฝัก)

สำหรับเนื้อหาประวัติของท่าน ตามลิงค์ข้างล่างเลยครับ
http://www.dhammathai.org/monk/monk17.php
http://www.84000.org/one/1/35.html
http://www.84000.org/anakot/

องค์ที่ 17 เค่งอิ๋ว นนทิมิตร

เนื้อหาดูในข้อความต่อไปครับ

องค์ที่ 18 ปินโทล่อ ปินโทล

พระอรหันต์ 18 องค์ เริ่มมาจากพระอรหันต์อารักษ์ธรรม 4 องค์
พ.ศ. 1000 พระภิกษุจีนวาดภาพพระอรหันต์ 16 องค์ บ้างวาด 48 องค์ และ 500 องค์ก็มี

พ.ศ.2280 กษัตริย์เคียงล้งแห่งราชวงศ์เชง โปรดเพิ่มพระอรหันต์ปราบมังกรและเสืออีก 2 องค์ คือ ท่านนนทิมิตรกับท่านปินโทลจึงเป็น 18 องค์ ความจริงเรื่องปราบมังกรและเสือ เป็นเรื่องของพวกลัทธิเต๋า (พวกเซียน)
และก็เลยเป็น 18 องค์ กระทั่งปัจจุบัน


ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2006/02/Y4081840/Y4081840.html
โพสต์คุณ : He-Who-Must-Not-Be-Named

[raponsan]

๑๘ อรหันต์ (อีกหนึ่งตำนาน)
โพสต์โดย คุณเทพธรรมบาล
จาก http://board.palungjit.com/f13/๑๘-อรหันต์-313368.html

ถาม ผมอยากทราบประวัติของ 18 อรหันต์ว่ามีความเป็นมาอย่างไรช่วยชี้แนะด้วยนะครับจักขอบพระคุณเป็นอย่างสูงขอบคุณครับ

ตอบ อาศัยบันทึกของพระนนทิมิตรพระภิกษุชาวสิงหลกล่าวไว้ว่า ก่อนที่พระศากยมุนีตถาคตจะทรงปรินิพพาน ได้ทรงมอบธุระรักษาพระศาสนาไห้กับพระพระมหามหาอรหันต์ทั้ง ๑๖ องค์ โดยพระอรหันต์จะทั้งนี้ได้รับหน้าที่รักษาพระศาสนาจะไม่นิพพานจนกว่า พระเมตไตรยจะมาตรัสรู้และประกาศพระศาสนา ซึ่ง "พระพระอรหันต์ทั้ง ๑๖" นั้น ได้พัฒนากลายเป็น "พระอรหันต์ทั้ง ๑๘" หรือ "๑๘ อรหันต์" ในเวลาต่อมา

รายนามพระอรหันต์ ทั้ง ๑๖ มีดังต่อไปนี้
    ๑. พระปิณโฑลภารทวาชะ
    ๒. พระกะนะกะวัตสะ
    ๓. พระกะนะกะภารทวาชะ
    ๔. พระสุภัททะ
    ๕. พระนกุละ
    ๖. พระภัทระ
    ๗. พระกาลิกะ
    ๘. พระวัชระปุตระ
    ๙. พระสุปากะ
    ๑๐. พระปันถกะเถระ
    ๑๑. พระราหุล
    ๑๒. พระนาคเสน
    ๑๓. พระอิงคทะ
    ๑๔. พระวันวาสิน
    ๑๕. พระอชิตะ
    ๑๖. พระพระจูฬปันถกะ

    เล่ากันว่าที่จาก ๑๖ ต่อมากลายเป็น ๑๘ องค์ เพราะเมื่อมีการสร้างรูปเคารพ ได้มีการสร้างรูปพระนนทิมิตร และพระถังซำจั๋งผู้แปลคัมภีร์ไปด้วย ทำให้คนเข้าใจผิดว่าพระมหาอรหันต์มี ๑๘ องค์ บางพวกก็สันนิษฐานว่า ที่เปลี่ยนเป็น ๑๘ นั้น เพราะคนจีนเชื่อว่าเลข ๑๘ เป็นเลขมงคล

    แต่เดิมนั้นไม่มีการสร้างลักษณะรูปเคารพที่แน่นอน ต่อมามีการสร้างรูปเคารพ ๑๘ อรหันต์ในสมัย ๕ ราชวงศ์ (ประมาณ พ.ศ. ๑๔๕๐ – ๑๕๐๓) จึงมีแบบแผนที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตามอาจมีรายนามพระอรหันต์แตกต่างกันไปในบางที่ (แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะเหมือนกัน) โดยเฉพาะอีก ๒ องค์ ที่เพิ่มมาทีหลัง ซึ่งเท่าที่พบบ่อยๆ มี ๓ แบบดังนี้

   แบบที่ ๑ มีพระนนทิมิตร เป็นองค์ที่ ๑๗ และมีพระปิณโฑละเป็นองค์ที่ ๑๘
   แบบที่ ๒ มีพระมหากัสสปะ เป็นองค์ที่ ๑๗ และมีพระเมตไตรย (หลวงพ่อถุงย่ามใหญ่) เป็นองค์ที่ ๑๘ และ
   แบบที่ ๓ (เป็นของทิเบต) มีพระธัมมะตาละเป็นองค์ที่ ๑๗ (พระธััมมะตาละเป็นอุบาสก ไม่ใช่พระภิกษุ) มีพระเมตไตรย (หลวงพ่อถุงย่ามใหญ่) เป็นองค์ที่ ๑๘

    ทั้งนี้ผมได้แนบภาพพระอรหันต์ทั้ง ๑๘ ของทิเบตที่เป็นภาพทังกะ ประดิษฐานอยู่ในพระตำหนักหย่งเหอที่ปักกิ่งมาให้ชมด้วยครับ

หมายเหตุ
ข้อความนี้นำมาจาก mahapadma.org
เขียนโดยท่าน โพธิพฤกษ์ วัชราธร โพธิพฤกษ์ วัชราธร | Facebook

[raponsan]

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
"๑๘ อรหันต์" โพสต์โดย คุณเทพธรรมบาล
http://board.palungjit.com/f13/๑๘-อรหันต์-313368.html

[raponsan]

(ควรจะเป็นองค์ที่ 9)

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
"๑๘ อรหันต์" โพสต์โดย คุณเทพธรรมบาล
http://board.palungjit.com/f13/๑๘-อรหันต์-313368.html

[raponsan]

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
"๑๘ อรหันต์" โพสต์โดย คุณเทพธรรมบาล
http://board.palungjit.com/f13/๑๘-อรหันต์-313368.html

[sunee]

องค์ที่ 11 ราหุล

    สถิตอยู่ยังปริยังคุปทวีปพร้อมด้วยอรหันต์ 1,100 องค์บริวาร ท่านเป็นพุทธชิโนรส พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า
ท่านจะได้ไปเกิดเป็นเชษฐโอรส ของพระอานนท์ ฉะนั้น จึงมีสมญาว่า โอรสพระอานนท์

   เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จพระปรินิพพาน ท่านได้เป็นคณาจารย์นิกายไวภาษิก และเป็นที่เคารพของบรรดาสามเณร ท่านเป็นเอตทัคคะมหาสาวก ศึกษาในธรรมวินัย และประพฤติปฏิบัติเคร่งครัด รูปท่านบ้างทำเป็นผู้มีศีรษะโต ตาโต จมูกเป็นขอ บ้างก็เป็นรูปคนธรรมดา มือทั้งสองอุ้มเจดีย์

หมายเหตุ จากเนื้อหาข้างบน ผมค่อนข้างจะไม่แน่ชัดในเรื่องคำเรียกพระราหุลนะครับ พระราหุลนั้นได้รับเอตทัคคะในการเป็นผู้ใคร่ในการศึกษา

   รู้สึกประวัติ พระราหุล ของมหายาน ไม่ตรงกับการสืบทอดกรรมฐาน ของ มัชฌิมา นะคะ

   แต่ก็ขอขอบคุณ ในข้อมูลที่ให้ไว้ด้วยคะ

   พึ่งได้รู้ชื่อ หมด นี่เอง

    ว่าแต่พระศรีอาริยเมตตรัย ยังไม่เป็น พระอรหันต์ หรือ พระพุทธเจ้า ทำไม่ถึงเรียกว่า พระอรหันต์ ด้วยคะ

   

[raponsan]

    ว่าแต่พระศรีอาริยเมตตรัย ยังไม่เป็น พระอรหันต์ หรือ พระพุทธเจ้า ทำไม่ถึงเรียกว่า พระอรหันต์ ด้วยคะ

   

    ฝ่ายมหายาน เค้าคิดอย่างไง ผมไม่ทราบ แต่ถ้าจะให้เดา
    น่าจะหมายถึง เป็นพระอรหันต์ในอนาคตกระมัง
    คงคุยเป็นเพื่อนได้เท่านี้