พิมพ์

[raponsan]

มากกว่า Like บนเฟซบุ๊ก เพิ่มปุ่มสนองชีวิตโมบาย

เรื่องเกี่ยวกับปุ่ม Like ของเฟซบุ๊กนั้น เดิมทีคิดว่าจะไม่เขียนถึงแล้ว เพราะเป็นเรื่องที่สื่อทั่วโลกเล่นกันทันทีทันควันหลังจาก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ค เอ่ยถึงมันเมื่อคราวเปิดตัวให้ซักถามในประเด็นต่างๆ แบบสดๆ แถมบนโซเชียลมีเดียยังพูดถึงกันจนเกร่อ แต่มาคิดอีกทีถ้าไม่เขียนถึงเสียเลยก็คงกลายเป็นคอลัมน์ตกกระแสเพราะพื้นที่นี้โดยปกติก็ว่ากันเรื่องไอทีอยู่บ่อยๆ พอดีว่าสัปดาห์นี้เฟซบุ๊กจะเริ่มทดสอบปุ่มอื่นๆ ที่มีมาให้เพิ่มเติมนอกจากปุ่ม like ก็เลยขอถือเป็นโอกาสเสียหน่อย

ข่าวการมีปุ่มใหม่ให้ใช้บนเฟซบุ๊กนี้มีคนแชร์กันอยู่มากบนเฟซบุ๊ก และเป็นธรรมดาที่คนอ่านส่วนหนึ่งจะดูแต่ข้อความพาดหัวที่มากับการแชร์โดยไม่คลิกเข้าไปอ่าน จึงเห็นหลายคนบ่นกันว่าไม่เห็นมีเลย
     ประการแรก เพราะตอนที่แชร์กันนั้นมันยังไม่ได้เริ่ม
     อีกประการก็คือ ถึงจะเริ่มในสัปดาห์นี้ก็เป็นการทดสอบแบบจำกัดเฉพาะในประเทศไอร์แลนด์และสเปนเท่านั้น หากใช้เฟซบุ๊กจากประเทศอื่นก็จะมองไม่เห็นปุ่มใหม่ที่ว่า

 

เหตุที่เลือกทดสอบเฉพาะสองประเทศที่กล่าวถึงนั้น เฟซบุ๊กให้เหตุผลว่าเพราะคนใช้เฟซบุ๊กในสองประเทศนี้มักใช้มันอย่างจำกัดในแวดวงคนในประเทศเท่านั้น ผู้ใช้งานทั้งในไอร์แลนด์และสเปนส่วนใหญ่มีเพื่อนบนเฟซบุ๊กเป็นคนประเทศเดียวกัน ก็เลยถูกเลือกเป็นกลุ่มตัวอย่างในลักษณะของกลุ่มปิด เพื่อจำกัดให้ตัวแปรแคบลงจะได้ง่ายขึ้นต่อการวัดปฏิกิริยาตอบสนองสำหรับการทดสอบปุ่มใหม่ๆ และไอร์แลนด์เป็นกลุ่มตัวอย่างสำหรับประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ ขณะที่สเปนจัดเป็นกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาอื่น

ปุ่มใหม่ที่จะมีขึ้นในการทดสอบ ที่จริงก็คืออิโมจิที่ชาวอินเตอร์เน็ตรู้จักกันดี เป็นไอคอนแสดงสัญลักษณ์ส่วนใหญ่เป็นใบหน้าในวงกลมแสดงความรู้สึกแบบต่างๆ เท่าที่เห็นตัวอย่างจากเฟซบุ๊กมีอยู่ 6 ปุ่มด้วยกันคือ รัก (Love) หัวเราะ (Haha) ดีใจ (Yay) ทึ่ง (Wow) เศร้า (Sad) และโกรธ (Angry)

 

แน่นอนว่าไม่มีปุ่ม Dislike เพราะเฟซบุ๊กไม่ได้คิดจะสร้างปุ่มนี้แต่แรกแล้ว ที่มีคนพูดถึงปุ่มนี้ หรือเขียนบทความเกี่ยวกับปุ่ม Dislike ไปเป็นตุเป็นตะนั้นเกิดจากการมโนไปเอง หรืออ่านแต่พาดหัวโดยไม่คลิกเข้าไปอ่านข้างใน แต่ในบางกรณีเนื้อหาข้างในเองก็ตีความไปผิดๆ ด้วย

เพราะหากได้ดูวิดีโอที่ซัคเคอร์เบิร์คพบปะแฟนคลับให้สัมภาษณ์สดครั้งนั้นจะพบว่าคำตอบของเขาก็คือจะไม่มีปุ่ม Dislike แน่นอน และอธิบายไว้อย่างไม่กำกวมเลยว่าไม่ทำแน่ แม้แต่คำถามเองพิธีกรก็ถามกว้างๆ ว่ามีคนถามถึงทางเลือกอื่นๆ ที่มากกว่าปุ่ม Like ว่าเมื่อไรจะมีให้ใช้ เช่น ขอแสดงความเสียใจ น่าสนใจ หรือ ไม่ชอบ เป็นต้น

 

ซัคเคอร์เบิร์คบอกเลยว่าการโหวตชอบไม่ชอบนั้นไม่น่าจะใช่วิถีของชุมชุนที่เฟซบุ๊กอยากจะสร้างขึ้น และอธิบายต่อว่าสิ่งที่กำลังทำก็คือการหาทางให้คนแสดงความรู้สึกอื่นๆ ได้นอกเหนือไปจากการกด Like ถึงตอนนี้ก็ชัดกันแล้วว่าบนเฟซบุ๊กอย่างน้อยก็ในไอร์แลนด์และสเปนมีปุ่มใหม่สำหรับแสดงความรู้สึกต่อสิ่งที่คนอื่นๆ โพสต์เพิ่มขึ้นมาอีก 6 ปุ่ม ไม่มีปุ่มไหนเลยด้วยซ้ำที่ใกล้เคียงกับความรู้สึกไม่ชอบข้อความหรือภาพที่โพสต์ ซึ่งมีโอกาสนำไปสู่ความขัดแย้งและทะเลาะเบาะแว้งมากกว่า

กระทั่งปุ่มโกรธ หรือ Angry ก็ไม่ได้สะท้อนความไม่เห็นด้วย แต่เหมือนเป็นปุ่มที่สะท้อนอารมณ์ของผู้รับไปยังสารที่สื่อออกมาจากข้อความหรือภาพมากกว่า ขณะที่ลองนึกว่าหากมีปุ่ม Dislike หรือไม่ชอบ มันดูเหมือนชวนให้รู้สึกว่าสื่อไปถึงตัวคนโพสต์ไปด้วย เฟซบุ๊กคิดอะไรมาอย่างชาญฉลาดมากพอที่จะไม่สร้างอะไรอันจะเป็นตัวจุดชนวนความขัดแย้ง เพราะเอาเข้าจริงๆ ไม่ต้องมีปุ่มอะไรก็ทะเลาะกันพอแรงอยู่แล้ว

 

ส่วนเหตุผลลึกๆ ของการเพิ่มปุ่มแสดงความรู้สึกอื่นๆ มาให้ใช้นั้น ไม่มีอะไรซับซ้อนมากนัก ทุกวันนี้ทั้งโลกก้าวเข้าสู่ยุคของวิถีชีวิตโมบาย นับวันคนใช้อินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือมากขึ้นๆ สิ่งที่คนเหล่านี้ต้องการคือการตอบสนองแบบฉับไวต่อสิ่งที่ได้ดูหรือได้อ่านผ่านโซเชียล เน็ตเวิร์ก รู้สึกอย่างไรก็กดเอาได้ทันทีไม่ต้องมาเขียน

ซึ่งจริงๆ เราก็เห็นกันอยู่ว่าการมีปุ่ม Like อย่างเดียว ทำให้มันถูกใช้งานไปในทางอื่นๆ ด้วย อย่างน้อยหนึ่งความหมายที่ใช้กันคือ รับทราบ รับรู้ อ่านแล้ว เป็นต้น ไม่ใช่ว่ากดไลก์แปลว่าชอบ เพราะบ่อยครั้งไปที่คนโพสต์แจ้งข่าวพ่อแม่พี่น้องเสียชีวิต ก็มีเพื่อนๆ มากด "Like" กันเต็มไปหมด ขืนใครเข้าใจแบบทื่อมะลื่อ คงต้องไปผูกคอตายตาม

ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ 16 ต.ค. 2558
คอลัมน์ แลไปข้างหน้า  โดย ศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์ siripong@gmail.com
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1445670778