พอนั่งสมาธิ ไปแล้ว จิตก็หลบไปแล้วรื้อร่างกาย ออกเป็นชิ้นเล้ก ชิ้นน้อย และ มองเห็นเป็นภาพ แต่ละชิ้น
ถูกเผาด้วยไฟ จนเป็นขี้เถ้า
ตอนนั้นรู้สึก เกิดความรู้สึก ตื้นตันใจ อย่างไร ไม่สามารถจะอธิบายออกมาได้ น้ำตาไหล ออกมาเป็นทาง
ตั้งแต่วันนั้นมา ก็รู้สึกได้ว่่า ไม่ค่อยจะยินดี ยิ้นร้ายในการแต่งตัว ทาหน้า ทาปาก เแบบเมื่อก่อนเลยคะ
อยากเรียนถามพระคุณเจ้า ว่า โยมภาวนา ผิดวิธีหรือไม่ คะ
พุทธโอวาท
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย !
ครั้นก่อนแต่ตรัสรู้เมื่อเรายังเป็นโพธิสัตย์ยังไม่ตรัสรู้นั่นเทียว ได้เกิดการปริวิตกขึ้นว่า
อะไรหนอเป็นรสอร่อยในโลก
อะไรเป็นโทษในโลก
อะไรเป็นอุบายเครื่องออกไปจากโลก
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย !
ความรู้สึกได้เกิดขึ้นแก่เราว่า สุข โสมนัสที่ปรารภโลกเกิดขึ้นนี้เอง เป็นรสอร่อยในโลก
โลกไม่เที่ยงทรมานมีการเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา นี่เองเป็นโทษในโลก
การนำออกเสียสิ้นเชิง ซึ่งความกำหนัดด้วยอำนาจเพลินในโลกนี่เอง เป็นอุบายเครื่องออกไปจากโลกได้
ดูก่อน ภิกษุทั้ง หลาย !
ตลอดเวลาเพียงไรที่เรายัง ไม่รู้จักว่ารสอร่อยของโลกว่าเป็นรสอร่อย
ยังไม่รู้จักโทษของโลกว่าเป็นโทษ
ยังไม่รู้จักเครื่องออกว่าเป็นเครื่องออกตามที่เป็นจริงตลอดเวลาเพียงนั้น
เรายังไม่ได้ตรัสรู้พร้อมเฉพาะซึ่งอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในโลกพร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์ เทวดา พร้อมทั้งมนุษย์
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย !
เมื่อใดแลเราได้รู้จักรสอร่อยของโลกว่าเป็นรสอร่อย
รู้จักโทษของโลกว่าเป็นโทษ
รู้จักอุบายเครื่องออกว่าเป็นเครื่องออกตามที่เป็นจริง ด้วยอาการอย่างนี้เมื่อนั้น
เราได้ตรัสรู้พร้อมเฉพาะซึ่งอนุตรสัมมา สัมโพธิญาณในโลกพร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์ เทวดา พร้อมทั้งมนุษย์ ก็แหละญาณทรรศนะเครื่องรู้เครื่องเห็นเกิดขึ้นแล้วว่า ความหลุดพ้นของเราไม่กำเริบชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย บัดนี้ภพเป็นที่เกิดใหม่ไม่มีอีกดังนี้
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย !
พรหมจรรย์นี้เราประพฤติมิใช่เพื่อหลอกลวงคน
มิใช่เพื่อให้คนทั้งหลายมานับถือ
มิใช่เพื่ออานิสงส์ลาภสักการะและความสรรเสริญ
มิใช่จุดมุ่หมายเพื่อเป็นเจ้าลัทธิและแก้ลัทธิอย่างนั้นอย่างนี้
มิใช่เพื่อให้ใครรู้จักตัวว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
ที่แท้ พรหมจรรย์นี้เราประพฤติเพื่อสังวระ คือ ความสำรวม เพื่อปหานะ คือ ความละ เพื่อวิราคะ คือ คลายความกำหนัดยินดี และเพื่อนิโรธะ คือความดับทุกข์
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย !
ธรรมที่เราได้บรรลุแล้วนี้ลึกซึ้งเห็นได้ยาก
รู้ตามได้ยาก
สงบประณีตมิใช่วิสัยแห่งตรรก ( คือคิดเอาไม่ได้หรือไม่ควรลงความเห็นด้วยการเดา )
แต่เป็นธรรมที่บัณฑิตพอรจะรู้ได้