หัวข้อ: ในงานกฐิน มีผ้า กฐิน ร่วม ที่ต้องบูชา ที่ทางวัดจัดให้เป็นไตร อยากทราบว่า ผ้ากฐิน เริ่มหัวข้อโดย: sinjai ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2013, 10:01:55 am ask1
ในงานกฐิน มีผ้า กฐิน ร่วม ที่ต้องบูชา ที่ทางวัดจัดให้เป็นไตร อยากทราบว่า ผ้ากฐินร่วมนี้ จัดเป็นผ้า กฐิน หรือ ไม่ คะ และ ได้บุญแตกต่างกับผ้า กฐิน หลังกอย่างไร คะ thk56 หัวข้อ: Re: ในงานกฐิน มีผ้า กฐิน ร่วม ที่ต้องบูชา ที่ทางวัดจัดให้เป็นไตร อยากทราบว่า ผ้ากฐิน เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2013, 01:02:18 pm (http://www.supattarakan.com/images/photo_1219684319/1220025176.jpg) อานิสงส์กฐินทาน ......ในครั้งศาสนาพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า มาอุบัติในโลก มีบุรุษเข็ญใจไร้ญาติพี่น้องทั้งทรัพย์สินเงินทองก็ขาดแคลนอาศัยเลี้ยงชีพอยู่ในเมืองพาราณสี ไปหาสิริธรรมมหาเศรษฐีมีทรัพย์ ๘๐ โกฏิ แล้ววิงวอนขออยู่เป็นลูกจ้าง ท่านเศรษฐีมีความสงสารจึงถามว่ามีความรู้อะไรบ้าง บุรุษเข็ญใจบอกว่า ข้าพเจ้าไม่มีความรู้อะไรเลย มีแต่กำลังกายเท่านั้นท่านเศรษฐีกล่าวว่าถ้าเช่นนั้นเจ้าจงไปรักษาหญ้าเราจะให้ข้าววันละหม้อ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา บุรุษก็รักษาหญ้าจนมีชื่อว่า ติณณปาละ อยู่มาวันหนึ่ง ติณณปาละมาคิดว่าตัวเรานี้ ในชาติปางก่อนคงจะไม่ได้ทำบุญกุศลอันใดไว้เลย มาถึงชาติ นี้เราจึงได้ลำบากยากแค้น แม้แต่อาหารจะรับประทานไปวันหนึ่งๆ ก็ทั้งยาก แต่นี้ต่อไปเราจะต้องขวนขวายให้ทานทุก ๆ วัน เมื่อมีความตั้งใจอย่างนี้แล้ว ก็แบ่งอาหารออกเป็น ๒ ส่วน ๆ หนึ่ง ถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ อีกส่วนหนึ่งไว้บริโภคเองทำอย่างนี้มาตลอดทุก ๆ วันมิได้ขาดด้วยอำนาจบุญกุศล ที่ติณณปาละทำนั้น ก็ทราบไปถึงสิริธรรมเศรษฐีผู้เป็นนายจ้างจึงสั่งให้เพิ่มอาหารขึ้นอีกเป็น ๓ ส่วน ติณณปาละก็แบ่งออกไปอีกเป็น ๓ ส่วน ส่วนหนึ่งถวายภิกษุสามเณร อีกส่วนหนึ่งให้แก่ยาจก อีกส่วนตนเก็บไว้บริโภค ทำอยู่อย่างนี้เป็นลำดับมา จนถึงฤดูออกพรรษาประชาชนและท่านสิริธรรมเศรษฐีได้พากันทำกฐินทานเพื่อจะถวายแก่ภิกษุสงส์ ผู้อยู่จำพรรษาด้านไตรมาส สามเดือน ติณณปาละได้ทราบ ข่าวดังนี้แล้วก็เข้าไปหาสิริธรรมเศรษฐีถามถึงอานิสงส์ผลของกฐินทานว่าการถวายทานอย่างนี้ คงจะมี ผลเป็นอันมาก เพราะประชาชนไม่นิ่งนอนใจ ช่วยกันหลายคนเศรษฐีบอกถึงคุณานุภาพ ของกฐินทานโดยละเอียด จนติณณปาละเกิดศรัทธาแก่กล้า ก็ถามว่าอีกเมื่อไรจะถึงกำหนดถวาย เศรษฐีบอกว่าอีก ๗ วัน (http://www.bkk1.in.th/Attachment/22576/134227_r_411.jpg) ติณณปาละก็กลับไปสู่ที่อยู่ของตนก็คิดว่าจะนำของไปเห็นวัตถุทานก็ไม่มี เห็นอยู่แต่ผ้านุ่งผืนเดียวเท่านั้นที่จะนำเข้าเป็นส่วนกฐินทานได้ เมื่อจะเปลื้องผ้าออกทาน ตัวกิเลส คือ ความตระหนี่เหนียวแน่นก็มากั้นไว้ ถ้าสละผ้าผืนนั้นแล้วเราจะอะไรนุ่ง มีอยู่ผืนเดียวเท่านี้ ผลที่สุดก็ตัดสินใจเด็ดขาดว่า เราจะต้องถวายแน่ ก็เปลื้องผ้ามาทำการซักฟอกและย้อมด้วยน้ำฝาด ตนเองก็เอาใบไม้มานุ่ง ป้องกันความอายเท่านั้น แล้วรีบนำผ้าไปหาเศรษฐมอบอนุโมทนาผ้านั้น เข้าเป็นส่วนบริวารของกฐินนั้น เศรษฐีก็รับอนุโมทนานำผืนของติณณปาละเข้าเป็นส่วนผ้าบริวาร ซึ่งยังขาดอยู่ผืนหนึ่งแล้วนำไปถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ เสียงโกลาหลก็บังเกิดขึ้นในขณะนั้น ด้วยเสียงสาธุการของเทวดาทั่วทั้งอากาศและปฐพี พระมหากษัตริย์ได้ทรงสดับเสียงนั้นแล้ว ก็ตกพระทัยกลัวว่าจะมีมรณภัยมาถึงพระองค์รับสั่งให้หาปุโรหิตแล้วตรัสถามถึงเหตุโกลาหลอื้ออึงนั้น ในครั้งนั้นมีเทวดาองค์หนึ่งที่รักษาอยู่เศวตฉัตรจึงกล่าวว่า ดูกรมหาบพิตรเสียงโกลาหลอื้ออึ้งนั้น มิใช่ว่าจะมีภัยมาถึงพระองค์นั้นเป็นเสียงของเทวดาทั้งหลายในหมื่นโลกธาตุได้สาธุการส่วนบุญของติณณปาละเป็นคนเข็ญใจ รักษาไร่หญ้าของเศรษฐี ได้เปลื้องผ้านุ่งของตนออกมาเข้าส่วนกฐินทาน พระองค์อย่าตกพระทัยไปเลย พระราชาทรงทราบเช่นนั้นก็ทรงปีติยินดี รับสั่งให้หาติณณปาละพร้อมทั้งส่งผ้าสาฏกคูหนึ่ง ราคาผืนละหนึ่งแสนกหาปณะไปพระราชทาน นายติณณปาละก็นุ่งสาฎกเข้าเฝ้าพระราชา ครั้นพระราชาทรงขอซื้อส่วนกุศลด้วยทรัพย์มีประมาณพันหนึ่งจนทวีขึ้นเป็นลำดับจนถึงแสนกหาปณะ ติณณปาละ ก็ไม่ขายให้ตามพระประสงค์ได้ จึงกราบทูล จะทรงซื้อด้วยทรัพย์นั้นไม่ได้ พระเจ้าข้าถ้าหากพระองค์จะอนุโมทนาส่วนบุญนี้ได้อยู่พระเจ้าข้า พระราชามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งให้คนดีฆ้องร้องประกาศตลอดทั้งพระนครแล้วพระราชทาน ช้าง ม้า โค กระบือ ข้าทาส ชายหญิงอย่างละหนึ่งร้อย บูชาแก่ติณณปาละเป็นอันมาก แล้วตั้งไว้ในตำแหน่งเศรษฐี ส่วนพ่อค้าคฤหบดีเศรษฐี ก็พากันสละทรัพย์เป็นจำนวนมากออกบูชาคุณติณณปาละเป็นสมบัติมากมาย ที่ติณณปาละได้แล้วก็ด้วยบุญกุศลเจตนาอันแรงกล้า จึงเป็นผลสำเร็จให้ผลทันตาเห็นในปัจจุบันชาติ ครั้นติณณปาละทำกิริยาตายแล้ว ก็ไปเกิดในดาวดึงส์สวรรค์ (http://video.nationchannel.com/thump/13/2009/07/02/g9bceiBd97ffha98ad8ff.jpg) ครั้นถึงพระศาสนาของพระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัส ติณณปาละเทวบุตร ก็จะจุติลงมาอุบัติเป็นราชโอรส แห่งนครมัณฑาลวดี ครั้นต่อมาเสวยราชสมบัติแทนพระราชบิดา อยู่ ๔ หมื่นปีแล้วออกบวชเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา สำเร็จพระอรหันต์องค์หนึ่งของพระศรีอริยเมตไตรย์ มีนามว่าติณณปาละเถระ ดังนี้เป็นต้น ตสฺมา สาธโว เมื่อสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลายที่ทราบรู้เหตุรู้ ผลของการถวายผ้ากฐินทานว่ามีอานิสงส์อย่างไรแล้ว ก็ขออย่าให้ท่านทั้งหลายจงอย่าเป็นผู้ประมาท ในเมื่อถึงคราวกาลสมัยที่จะถวายก็ควรจะถวายก็ควรทำจะเป็น ของมากน้อยอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญอยู่ว่าให้ทำและทำด้วยศรัทธาอย่างจริงจัง แล้วตั้งความปรารถนาของตนไว้ด้วยดี มิใช่ว่าทำเห็นแต่หน้าหาความศรัทธามิได้ ทรัพย์ที่เราสละไปก็จะไม่ได้ผลเต็มที่ ถ้าเราทำด้วยความเต็มใจแล้ว ถึงแม้จะน้อยก็ย่อมมีอานิสงส์มากดังเรื่องติณณปาละ ที่มา http://www.84000.org/anisong/12.html (http://www.84000.org/anisong/12.html) ขอบคุณภาพจาก http://www.supattarakan.com/,http://www.bkk1.in.th/,http://video.nationchannel.com/ (http://www.supattarakan.com/,http://www.bkk1.in.th/,http://video.nationchannel.com/) หัวข้อ: Re: ในงานกฐิน มีผ้า กฐิน ร่วม ที่ต้องบูชา ที่ทางวัดจัดให้เป็นไตร อยากทราบว่า ผ้ากฐิน เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2013, 01:12:12 pm ask1 ans1 ans1 ans1 ตอบไม่ได้ครับ อย่าคิดให้มากเลย อยากให้มองที่เจตนาของคุณเองมากกว่า ก่อนและหลังทำเป็นอย่างไร มีศรัทธาและปิติแค่ไหน บุญอยู่ที่เจตนาครับ หากไม่สบายใจ ก็ไม่ต้องทำ การถวายผ้ากฐินจัดเป็นสังฆทานครับ สังฆทานมีอานิสงส์มากอยู่แล้ว ขอให้คิดเป็นสังฆทานน่าจะสบายใจกว่า คุยเป็นเพื่อนเท่านี้ครับ :25: หัวข้อ: Re: ในงานกฐิน มีผ้า กฐิน ร่วม ที่ต้องบูชา ที่ทางวัดจัดให้เป็นไตร อยากทราบว่า ผ้ากฐิน เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2013, 04:41:02 pm ในงานกฐิน มีผ้า กฐิน ร่วม ที่ต้องบูชา ที่ทางวัดจัดให้เป็นไตร อยากทราบว่า ผ้ากฐินร่วมนี้ จัดเป็นผ้า กฐิน หรือ ไม่ คะ และ ได้บุญแตกต่างกับผ้า กฐิน หลักอย่างไร คะ ไตรผ้ากฐินนั้นมีได้เพียงไตรเดียวก็จริง เมื่อสงฆ์กรานกฐินแล้วก็มอบถวายให้ภิกษุถือครองได้เพียงรูปเดียว แต่หากจัดมีเกินกว่านั้นเป็นไตรร่วมก็ให้พิจารณาเอาว่านั่นเป็นในส่วนสังฆทานไป(เข้าใจว่าทางวัดน่าจะจัดเป็นไตรเวียนซ้ำงาน เรียกว่าไตรสำเร็จเจตนาจัดให้ญาติโยมถือถวายในงานพิธี ซึ่งเท่ากับร่วมอนุโมทนาในองค์กฐิน ปัจจัยเป็นตัวหลักที่จะเก็บเข้าวัดมากกว่า) หากถือเป็นชิ้นผ้าบริวารแล้ว ด้วยจัดหามาจริงแม้เป็นผ้าที่จะนำไปเป็นผ้าขี้ริ้วถูพื้นก็เป็นบุญมีอานิสงส์อยู่เหมือนกันอย่ากังขา |