หัวข้อ: ธรรมจักษุ จาก สาวกองค์ที่ 1 และ พระดำรัสรับรองพระสาวกครั้งแรก เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2013, 06:27:44 pm พระวินัยปิฎก มหาวรรค [๑.มหาขันธกะ]
๖.ปัญจวัคคิยกถา เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสเวยยากรณ์นี้ อยู่ ธรรมจักษุ อันปราศจากธุลีปราศ จากมลทินได้เกิดแก่ท่านพระโกณฑัญญะว่า “สิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งปวง มีความดับไปเป็นธรรมดา” เวยยากรณ์ ในที่นี้หมายถึงพระสูตรที่ไม่มีคาถา ประกอบด้วยคำถามคำตอบ (สารตฺถ.ฏีกา ๓/๑๖/๒๒๐) ธรรมจักษุ แปลว่า ดวงตาเห็นธรรม คือ โสดาปัตติมรรคญาณ (วิ.อ. ๓/๕๖/๒๗) บุพกรรมในอดีตชาติ (http://www.komcome.com/vichakarn/uploads/praunya1.jpg) ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.komcome.com (http://www.komcome.com) พระอัญญาโกณฑัญญะตั้งจิตปรารถนาไว้ตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้าปทุมุตตระ ครั้งนั้นท่านเกิดเป็นบุตรคหบดีมหาศาลชาวหงสวดี วันหนึ่งเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าพร้อมกับพวกชาวเมืองเพื่อฟังธรรม เห็นพระพุทธเจ้าทรงตั้งพระสาวกรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะด้านรัตตัญญู (แปลว่า ผู้รู้ราตรีนาน หมายถึงได้บวชก่อนใครได้รู้ได้ฟังมาก) แล้วเกิดศรัทธาปรารถนาจะได้เป็นเช่นพระสาวกรูปนั้นบ้าง ท่านแสดงศรัทธาให้ปรากฏด้วยการถวายมหาทานแด่พระพุทธเจ้าและพระสาวกติดต่อกัน 7 วัน วันสุดท้ายได้สั่งให้เปิดเรือนคลังเก็บผ้า นำผ้าเนื้อดีเลิศมาวางถวายไว้แทบยุคลบาทของพระพุทธเจ้าและถวายพระสาวกแล้วกราบทูลว่า “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอให้ข้าพระองค์ได้เป็นเหมือนภิกษุรูปที่พระองค์ทรงแต่งตั้งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเมื่อ 7 วันก่อนจากนี้ด้วยเถิด นั่นคือขอให้ได้บวชในศาสนาของพระพุทธเจ้าในอนาคตแล้วได้รู้แจ้งธรรมก่อนใครหมด” พระพุทธเจ้าทรงตรวจดูความเป็นไปในอนาคตของท่านด้วยพระญาณแล้ว ทรงเห็นว่าความปรารถนาของท่านสำเร็จได้แน่จึงทรงพยากรณ์ว่า ในอีก 100,000 กับข้างหน้า พระพุทธเจ้าโคดมจักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก เธอจักได้ออกบวชเป็นสาวกของพระองค์ จักได้รู้แจ้งธรรมก่อนใคร และจักได้รับตำแหน่งเอตทัคคะด้านรัตตัญญู (http://www.bloggang.com/data/travelaround/picture/1209781177.jpg) ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.bloggang.com (http://www.bloggang.com) ท่านได้ฟังพระพุทธเจ้าตรัสพยากรณ์แล้วเกิดปีติโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง ได้ทำบุญอื่น ๆ สนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ต่อมาเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ได้เป็นกำลังสำคัญในการสร้างกำแพง แก้วล้อมพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระองค์ ครั้นถึงวันประดิษฐานพระเจดีย์ ก็ได้สร้างเรือนแก้วไว้ภายในพระเจดีย์อีก จากชาตินั้น บุญส่งผลให้เวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่าง ๆ จนมาถึงพุทธุปบาทกาลของพระพุทธเจ้าวิปัสสี ชาติที่พบพระพุทธเจ้าวิปัสสีนั้น ท่านเกิดเป็นบุตรของกฎุมพีชาวเมืองพันธุมดี มีชื่อว่า “ มหากาล” มหากาลมีน้องชายชื่อ “ จูฬกาล” (ในชาติสุดท้ายคือสุภัททะปริพาชก) ทั้ง 2 มีอุปนิสัยแตกต่างกัน กล่าวคือ มหากาลเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าวิปัสสี แต่จูฬกาลกลับไม่เลื่อมใส ดังนั้น ทั้ง 2 จึงมีความเห็นขัดแย้งอยู่ตลอดเวลาเกี่ยวกับการทำบุญ (http://202.129.59.73/nana/arsalaha/arsa5.jpg) มหากาลได้แบ่งนาออกเป็น 2 ส่วน โดยให้ส่วนหนึ่งเป็นสมบัติของตน และอีกส่วนหนึ่งนั้นเป็นสมบัติของจูฬกาล แล้วได้นำเอาผลิตผลที่เกิดจากนาส่วนของตนนั้นมาทำบุญ จนจวบสิ้นอายุขัย จากชาตินั้น บุญส่งผลให้เวียนว่ายตายเกิดในภูมิต่าง ๆ การได้รับการยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะฝ่ายรัตตัญญู-ผู้รู้ราตรีนาน (http://img207.imageshack.us/img207/1697/lbpic17.jpg) เมื่อมาถึงพุทธุปบาทกาลของพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันท่านมาเกิดเป็น บุตรพราหมณ์มหาศาลในหมู่บ้านพราหมณ์โทณวัตถุ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองกบิลพัสดุ์ ครั้นออกบวชก็ได้บรรลุอรหัตผล อาศัยเหตุที่ตั้งจิตปรารถนามาแต่อดีตชาติประกอบกับเหตุการณ์ในปัจจุบันชาติ ที่ได้รู้แจ้งธรรมและบวชในพระพุทธศาสนาก่อนใคร พระพุทธเจ้าจึงทรงตั้งท่านไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะด้านรัตตัญญู ดังกล่าวมาแล้ว ฝ่ายพระปัญจวัคคีย์ที่เหลือ คือ พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะและพระอัสสชิ ซึ่งมีอดีตชาติร่วมกับพระอัญญาโกณฑัญญะ ตรงที่ตั้งจิตปรารถนาให้ได้ฟังพระพุทธเจ้าแสดงธรรมก่อนใคร และปรารถนาจะบรรลุอรหัตผลพร้อมกัน ก็ได้สิ่งที่ปรารถนาไว้คือ ได้ฟังพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมก่อนใครและได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์พร้อมกันในที่สุด เื้นื้อหาจาก วิกิพีเดีย th.wikipedia.org/wiki/พระอัญญาโกณฑัญญเถระ หัวข้อ: Re: ธรรมจักษุ จาก สาวกองค์ที่ 1 และ พระดำรัสรับรองพระสาวกครั้งแรก เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2013, 06:41:29 pm เป็นพระโสดาบัน ควรเห็นธรรม ประโยคนี้ให้ชัดเจน มิใช่เป็นประโยคที่อ่านผ่าน ๆ
เพราะพระโสดาบัน ละธรรม เรียกว่า สังโยชน์ 3 มี สักกายะทิฏฐิ 1 มีสีลัพพปรามาสอีก 1 มีวิจิกิจฉา อีก 1 เืมื่อเห็นธรรมครั้งแรกนี้เรียกว่า ธรรมจักษุ เปิดแล้ว ต้องใช้เวลา อีก 7 วัน ในการทบทวน วิปัสสนาระดับ โสดาปัตติมรรค จนกระทั่งวันที่ 7 จึงจะเรียกว่า สำเร็จได้ โดยไม่เคลาดเคลื่อน วิหารธรรม ก็คือ ผลสมาบัติ ในการปัจจเวกขณญาณ ทั้ง 7 วันสลับกัน ท่านทังหลาย อย่าประมาท เพียงคิดว่าท่านเป็นพระโสดาบัน โดยไม่ได้ผ่านลำดับทั้งหลายที่กล่าวมา จะทำให้เสียการ ได้ เตือนไว้ สำหรับท่านที่ พยายามบอกอาตมาว่าเป็น พระโสดาบัน แล้ว เพราะสำคัญว่าตนเอง เห็นนิมิต พระพุทธเจ้า ต่าง ๆ เป็นต้น อย่าได้หลงผิด หากท่านเข้าผลสมาบัติ ไม่ได้ถึง 24 ชั่วโมง ก็ยังเป็น พระโสดาบันไม่ได้ เพราะผลสมาบัติ เป็นคุณธรรมของพระโสดาบัน สุกขวิปัสสก ถ้าเป็นฝ่าย เจโตวิมุตติ จะสามารถเข้าสมาบัติได้มากกว่า 3 วัน (http://www.madchima.net/images2556/card56-5.jpg) หัวข้อ: Re: ธรรมจักษุ จาก สาวกองค์ที่ 1 และ พระดำรัสรับรองพระสาวกครั้งแรก เริ่มหัวข้อโดย: Lux ที่ มีนาคม 26, 2013, 11:22:19 am st11 st12 thk56
|