หัวข้อ: "ร้องไห้เพื่อเงิน" พบกับ"นักร้องไห้งานศพ"มืออาชีพสาวสวยจากไต้หวัน เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2013, 10:37:27 am (http://sphotos-d.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/534944_10151416500452902_846845213_n.jpg) "ร้องไห้เพื่อเงิน" พบกับ"นักร้องไห้งานศพ"มืออาชีพสาวสวยจากไต้หวัน การร้องไห้ตามคำสั่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สำหรับ"หลิวจุนหลิน"แล้ว นั่นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร นั่นเพราะเธอต้องร้องไห้ทุกวัน ไม่ใช่เพราะมีเรื่องต้องเสียใจอะไร แต่นี่คือ"อาชีพ" คนร้องไห้หน้าศพ หรือ "คูซังเหริน" ยังเป็นธรรมเนียมที่นิยมปฏิบัติกันอยู่ในสังคมจีน เพื่อสร้างบรรยากาศเศร้าสลดในงานศพให้โศกเศร้าอย่างถึงที่สุด และเธอก็ถือเป็น"นักร้องไห้หน้าศพ"ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของไต้หวัน หลายคนอาจมองว่าการร้องไห้เพื่อเงินเป็นอาชีพที่หากินกับความเศร้าของคน แต่สำหรับหลิว เธอมองว่า อาชีพดังกล่าวมีมานานแล้วตั้งแต่ในอดีต ซึ่งตามธรรมเนียมแล้ว ผู้ที่ล่วงลับต้องการการร้องไห้ที่โหยหวนและดังพอควร ที่จะส่งพวกเขาไปสู่ชาติภพหน้า ในอดีต ลูกสาวของบ้าน มักต้องเดินทางไปทำงานต่างเมือง ขณะที่การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก หากใครในบ้านเสียชีวิต พวกเธอไม่สามารถเดินทางกลับมาร่วมงานศพได้ทัน ดังนั้น บ้านต่างๆจึงจำเป็นต้องจ้าง "ลูกสาวจำเป็น" เพื่อเป็นคนทำหน้าที่นี้ งานศพตามธรรมเนียมของไต้หวัน นอกจากการร้องไห้ด้วยเสียงอันดังแล้ว ยังมีการแสดงเพื่อความบันเทิงนานาชนิดด้วย เพื่อเป็นการแสดงความเคารพให้แก่ผู้ตาย โดยในส่วนนี้ หลิว รวมถึงวงดนตรีของธอต่างสวมเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด และแสดงลีลาประกอบเพลงจังหวะคึกคักหลายเพลง ทั้งยังมีการแสดงตีลังกา และผาดโผนอีกจำนวนหนึ่ง ขณะที่"อาจี้" พี่ชายของเธอทำหน้าที่เล่นเครื่องสายแบบโบราณ (http://sphotos-b.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/535893_10151416500572902_1840162651_n.jpg) หลังการแสดงจบลง เธอจะกลับมาสวมชุดไว้ทุกข์อีกครั้ง และคลานไปยังโลงศพ ก่อนที่จะร้องไห้คร่ำครวญปริ่มขาดใจอีกครั้ง ขณะที่เสียงเพลงจากเครื่องสายบรรเลงคลอเบาๆ เสียงร้องของเธอดูโหยหวนและเอื้อนยาว เหมือนไม่ชัดเจนว่ากำลังร้องไห้หรือร้องเพลง "พ่อจ๋า ลูกสาวคนนนี้คิดถึงใจจะขาด โปรดเถิดจงกลับมา" หลิวร้องไห้ให้ดูตามสั่ง แต่ยืนยันว่าการร้องไห้ทุกครั้งเป็นเรื่องจริง เธอคิดเสมอว่าทุกครั้งที่ไปทำงาน จะต้องคิดว่าครอบครัวที่สูญเสียก็เหมือนครอบครัวของเธอ เพื่อให้สามารถใส่อารมณ์ไปได้อย่างเต็มที่ และเมื่อเห็นคนที่มาร่วมงานเศร้าโศก นั่นทำให้เธอเศร้ายิ่งกว่า ภาพลักษณ์ของเธอดูเหมือนสาวสมัยใหม่มากกว่าที่จะมาทำอาชีพโบราณเช่นนี้ หลิน เจิ้งจาง ผู้อำนวยการบริษัทรับจัดพิธีศพ ซึ่งทำงานร่วมกับหลิวมานานหลายปี กล่าวว่า นั่นทำให้เธอดูแตกต่างจากคนอื่น โดยทั่วไปคนมักมองว่าอาชีพนี้เหมาะกับผู้หญิงที่อายุมากกว่าเธอ แต่ด้วยความสาวและสวยของเธอ ทำให้เกิดจุดเดนและสร้างความสนใจได้มาก (http://sphotos-f.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/544402_10151416500457902_333911714_n.jpg) หลิวไม่ใช่คนแรกของครอบครัวที่ทำอาชีพนี้ แต่แม่และยายของเธอก็ล้วนแต่เป็นนักร้องไห้มืออาชีพมาก่อน สมัยยังเด็ก เธอมักจะวิ่งเล่นนอกบ้านที่จัดงานศพที่แม่เธอทำงานเสมอ ส่วนที่บ้าน เธอก็จะชอบเล่นซ้อมร้องไห้ต่อหน้าแม่และพี่สาว โดยคว้าอะไรก็ได้แล้วสมมุติว่าเป็นไมโครโฟน และสมมุติสิ่งของว่าเป็นโลงศพและคลานเข้าไปหา พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตเมื่อเธอยังเป็นเด็ก และทิ้งลูกๆ 3 คนให้ยายเลี้ยง ทำให้เธอและพี่ชายต้องเข้ามาสู่อาชีพนี้แบบไม่ตั้งใจ เพื่อหาเงินใช้จ่ายในครอบครัว ขณะที่เธอมีอายุเพียง 11 ปี เธอต้องตื่นนอนตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเพื่อซ้อมร้องไห้ ทำให้หลายครั้งไม่ได้ไปเรียนหนังสือ ตอนอยู่ที่โรงเรียนเธอมักโดนเพื่อนล้อถึงงานที่ทำ รวมถึงชุดที่สวมใส่ บางครั้งทำให้เธอรู้สึกไร้ค่าและน้อยใจ การแสดงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด หลายครั้งที่มีการแสดงท่าทีดูถูกจากครอบครัวของผู้ตาย หลิวกล่าวว่า ก่อนเริ่มพิธี บางครอบครัวแสดงท่าทีไม่พอใจ แต่หลังจากพิธีจบ พวกเขากลับร้องไห้อย่างหนักและเดินมาขอบอกขอบใจยกใหญ่ ซึ่งนั่นทำให้เธอเข้าใจของจุดประสงค์ที่แท้จริงในงานของเธอ หลิวกล่าวว่า มันทำให้ผู้คนได้ปลดปล่อยความโกรธเกรี้ยวและโศกเศร้า และสำหรับคนที่ไม่กล้าร้องไห้ต่อหน้าคนมากๆ พิธีนี้จะช่วยได้มาก เพราะคนจำนวนมากจะร่วมร้องไห้พร้อมกับเรา หลิวได้รับการฝึกฝนจากยายอย่างเข้มงวด จากเด็กที่ไม่รู้ประสีประสา กลายเป็นผู้หญิงที่สามารถพัฒนาทักษะในอาชีพ จนทำให้ครอบครัวที่เคยมีฐานะยากจนของเธอมีกินมีใช้ กระทั่งปัจจุบัน หลิวและพี่น้องต่างมีบ้านเป็นของตนเอง โดยในงานศพแต่ละครั้ง พวกเขาจะมีรายได้ต่องานที่ราว 18,000 บาท (http://sphotos-a.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/426598_10151416500587902_1266028490_n.jpg) อย่างไรก็ดี หลิน เจิ้งจางกล่าวว่า ทุกวันนี้ ธุรกิจค่อนข้างซบเซา อันเนื่องมาจากสภาพเศรษฐกิจ และความเชื่อของคนรุ่นใหม่ที่ไม่สนใจพิธีศพแบบโบราณเช่นนี้ หลินกล่าวว่า นักร้องไห้ตามงานศพค่อยๆลดจำนวนลงทุกวัน ดังนั้น คนอย่างหลินจึงจำเป็นต้องหาทางเพื่อพัฒนาอาชีพของตนอยู่เสมอ หรือไม่ก็ต้องหาช่องทางทำกินอื่นๆเสริมด้วย แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ ที่เป็นสาเหตุว่าทำไมเธอจึงจ้างพนักงานหญิงสาวสวยเพิ่มอีก 20 คน เพื่อช่วยบริการในงานศพ ทั้งการทำศพและช่วยงานในพิธี เธอกล่าวว่า ธุรกิจแบบนี้ยังคงไม่มีใครทำ โดยเฉพาะทางภาคเหนือของไต้หวัน มันจึงประสบความสำเร็จว่าที่คาดไว้มาก แต่เธอก็เองก็ทราบดี ว่าเธอต้องแสวงหาลู่ทางธุรกิจใหม่ๆอยู่เสมอ แต่อย่างไรเสีย เะอไม่มีวันที่จะทิ้งธุรกิจครองครัวชนิดนี้แน่นอน หลิวกล่าวว่า มันเป็นธุรกิจที่ยายของเธอสร้างมาด้วยความยากลำบากจากความไม่มีอะไรเลย และเธอจะต้องถ่ายทอดสิ่งที่ยายสอนให้แก่คนอื่นๆ และสืบทอดธรรมเนียมโบราณนี้ต่อไป แปลและเรียบเรียงจาก Taiwan′s most famous professional mourner By Allie Jaynes ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1361876609&grpid=01&catid=&subcatid= (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1361876609&grpid=01&catid=&subcatid=) |