หัวข้อ: ไทยสุขอันดับ 52 ของโลก 'นครพนม' แชมป์ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 19, 2013, 07:47:42 pm (http://www.komchadluek.net/media/img/size_photo_slide/2013/03/18/cijjbadci8df96diijjaj.jpg) ไทยสุขอันดับ52ของโลก'นครพนม'แชมป์ 20 มีนาคม วันความสุขสากล สหประชาชาติเผยประเทศไทย มีความสุขอยู่ในลำดับ 52 ของโลก ในอาเซียนเป็นลำดับ 3 รองจากสิงคโปร์-มาเลเซีย แต่มีอารมณ์ดีเป็นลำดับที่ 8 ของโลก 18 มี.ค.56 นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวในการเสวนาวิชาการและแถลงข่าว เรื่อง “ความสุขคนไทย:เราจะทำอะไรกันได้บ้าง” ว่า เมื่อปี 2555 องค์การสหประชาชาติ หรือ UN ประกาศให้วันที่ 20 มีนาคม ของทุกปีเป็นวันความสุขสากล(The International Day of Happiness) ในปี 2556 จึงเป็นการจัดวันความสุขสากลครั้งแรก ซึ่งรายงานว่าด้วยความสุขโลกของสหประชาชาติ ได้สำรวจระดับความสุขใน 156 ประเทศทั่วโลก ระบุว่า ความร่ำรวยเป็นเพียงแค่ปัจจัยหนึ่งของความสุขเท่านั้น ยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆ ประกอบรวมกันที่ทำให้คนเรามีความสุข เช่น เสรีภาพทางการเมือง ความเข้มแข็งของเครือข่ายสังคม การไม่มีคอร์รัปชั่น ส่วนความสุขในระดับบุคคล การมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี มีความมั่นคงในอาชีพการงานและครอบครัวเป็นปัจจัยสำคัญของการมีความสุข นพ.วชิระ กล่าวต่อว่า สหประชาชาติระบุว่าประเทศไทยมีความสุขอยู่ในลำดับที่ 52 ของโลก เป็นอันดับที่ 3 ในอาเซียนรองจากสิงคโปร์ อยู่ที่ลำดับ 33 และมาเลเซียอยู่ที่ 51 แต่มีระดับความมีอารมณ์ดีเป็นลำดับที่ 8 ของโลก และมีระดับการมีอารมณ์เสียน้อยเป็นลำดับที่ 14 สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยมีพ้ฯบานทางจิตใจที่เป็นสุข แต่ยังจำเป็นต้องพัฒนาประเทศเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ที่ดี ตามปัจจัยความสุขที่สำคัญของทุกประเทศทั่วโลก ได้แก่ รายได้ การมีงานทำ ความสัมพันธ์ที่ดีและความไว้วางใจกันในชุมชน การมีค่านิยมที่เอื้อต่อความสุขและศาสนา สุขภาพกาย สุขภาพจิต ความสัมพันธ์ในครอบครัว การศึกษาและความเท่าเทียมทางเพศและสังคม "ครอบครัวที่มีเวลาให้กันอย่างเพียงพอ การมีสุขภาพดี ออกกำลังกายประจำ ปฏิบัติตามหลักคำสอนทางศาสนา การทำสามาธิ การมีรายได้ดี การงานมั่นคง ไม่มีหนี้สินนอกระบบ เกษตรกรมีที่ดินทำกิน เป็นปัจจัยความสุขสำหรับคนไทย ส่วนผู้มีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต คือ ผู้มีโรคประจำตัว ครอบครัวหย่าร้าง หรือมีสมาชิกเสพยาเสพติด ติดสุรา ผู้พิการ แรงงานรับจ้างรายวัน เป็นกลุ่มที่ควรได้รับการดูแลช่วยเหลือจากชุมชนและสังคม ดังนั้น การเลือกทำกิจกรรมความสุขด้วยวิธีง่ายๆ เช่น ออกกำลังกาย ฝึกการหายใจ ร่วมทำกิจกรรมจิตอาสา ให้เวลาอยู่ด้วยกันในครอบครัว โดยไม่ก้มหน้ามองแต่โทรศัพท์มือถือ หรือมองจอทีวี ไม่ปล่อยให้เทคโนโลยีมาทำให้ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวอ่อนแอลง" นพ.วชิระ กล่าว (http://www.sawasdeenakhonphanom.com/_files/news/2010_08_22_184343_7zycl72m.jpg) หาดทรายทองศรีโคตรบูร นครพนม นพ.วชิระ กล่าวต่ออีกว่า แนวโน้มความสุขคนไทยที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง คือ การที่ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุในสัดส่วนที่สูงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการวิจัย พบว่า ความสุขของผู้สูงอายุเกี่ยวข้องกับปัจจัยสำคัญของชีวิต ได้แก่ การมีรายได้หรือเงินทองสำหรับจับจ่ายใช้สอย การมีสุขภาพดี มีความสัมพันธ์ในครอบครัวและชุมชนที่ดี รู้สึกมีคุณค่า ตลอดจน ได้เข้าถึงธรรมะ ผู้ที่ยังอยู่ในวัยทำงาน จึงควรจัดเตรียมต้นทุนด้านสุขภาพ การเงิน สายสัมพันธ์ในครอบครัวให้ดี เนื่องจากจะมีผลต่อความสุขในระยะยาวของชีวิต และหากมีผู้สูงอายุในบ้าน ควรเปิดโอกาสให้ท่านได้ร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่จะสร้างสายสัมพันธ์และความรู้สึกมีคุณค่า นอกจากนี้ การศึกษาและปฏิบัติธรรมนับเป็นปัจจัยความสุขสำคัญของผู้สูงอายุที่ควรเข้าถึงตั้งแต่ในวัยทำงานด้วยเช่นกัน ซึ่งกรมสุขภาพจิตได้สนับสนุนชมรมผู้สูงอายุที่มีอยู่ทั่วประเทศ ให้มีกิจกรรมความสุขและปรับพฤติกรรมสุขภาพ เพื่อเติมความสุขให้กับประชากรกลุ่มสำคัญนี้ น.ส.รัจนา เนตรแสงทิพย์ รองผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ กล่าวว่า จากการสำรวจข้อมูลความสุขของคนไทยต่อเนื่อง 5 ปี พบว่า แนวโน้มคนไทยมีระดับความสุขเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆและต่อเนื่อง โดยจากคะแนนเต็ม 45 คะแนน ในปี 2551มี 31.8 คะแนน ปี 2552 ได้ 33 คะแนน ปี 2553 ได้ 33.3 คะแนน ปี 2554 ได้ 32 คะแนน สำหรับปี 2555 พบว่า คะแนนความสุขของคนไทยเพิ่มขึ้นเป็น 33.59 คะแนน โดยจังหวัดที่มีความสุขมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จ.นครพนม 36.70 , จ.พิจิตร 36.39 จ.ตรัง 36.15 จ.ชัยภูมิ 35.92 จ.กระบี่ 35.79 ส่วนจังหวัดที่มีความสุขน้อยที่สุด 5 อันดับ คือ จ.สมุทรสงคราม 26.92 จ.สมุทรปราการ 29.81 จ.สระแก้ว 30.12 จ.ภูเก็ต 30.76 จ.หนองคาย และ จ.กาญจนบุรี 31.34 ส่วนกรุงเทพมหานครอยู่ที่ 65 ได้ 32.15 คะแนน http://www.youtube.com/watch?v=gaZuqFk5mE0# (http://www.youtube.com/watch?v=gaZuqFk5mE0#) อัปโหลดเมื่อ 28 พ.ค. 2011 โดย Suvit Sriliw "จังหวัดนครพนมมีรายได้ระดับปานกลาง แต่มีความมั่นคงด้านครอบครัวสูง ส่วนจังหวัดที่มีความสุขอยู่ในลำดับท้ายๆ เป็นจังหวัดที่มีการย้ายถิ่นเพื่อการทำงานมากทำให้สุขภาพจิตต่ำกว่าจังหวัดอื่น แต่หากเป็นการย้ายถิ่นเพื่อการศึกษาจะมีสุขภาพจิตที่ดีมาก เพราะรู้สึกมีความหวัง มีอนาคตที่ดีขึ้น ส่วนกทม.อาจเป็นเพราะความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้น รวมถึง การมเวลาอยู่กับครอบครัวไม่เพียงพอก็ส่งผลต่อสุขภาพจิตได้มาก " น.ส.รัจนา กล่าว ด้านดร.เดชรัต สุขกำเนิด อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(มก.) กล่าวว่า เวลาเป็นปัญหาสำคัญของคนกรุงเทพฯที่ทำให้ความสุขลดลง แม้จะมีการงานมั่นคง มีรายได้ดี แต่ผู้ที่มีปัญหาในเรื่องการจัดสรรเวลาจะกระทบต่อความสุขและสุขภาพจิตอย่างมาก นอกจากนี้ ควรเตรียมความพร้อมเรื่องหลักประกันและความมั่นคงในการดำเนินชีวิต รวมถึง ทำให้มีกิจกรรมในชุมชนและสังคม ทำให้คนมีความสุขจากการใช้เวลาที่มีคุณภาพร่วมกัน จะช่วยเพิ่มความสุขได้ ขอบคุณภาพข่าวจาก www.komchadluek.net/detail/20130318/154164/ไทยสุขอันดับ52ของโลกนครพนมแชมป์.html#.UUhaKTd6W85 (http://www.komchadluek.net/detail/20130318/154164/ไทยสุขอันดับ52ของโลกนครพนมแชมป์.html#.UUhaKTd6W85) http://www.sawasdeenakhonphanom.com/ (http://www.sawasdeenakhonphanom.com/) |