หัวข้อ: การระลึกชาติ แบบ ฟิสิกส์ใหม่ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กันยายน 13, 2010, 11:27:09 am การระลึกชาติ แบบ ฟิสิกส์ใหม่ (http://lh4.ggpht.com/abramsv/SMgPLdse2ZI/AAAAAAAAd6U/Y7lVfbU8ZYw/s720/x1.jpg) CERN's Large Hadron Collider การระลึกชาติได้เป็นวิชาที่สำคัญมากของศาสนาพุทธเถรวาท หลักฐานก็คือ วิชชา 3 ในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าทรงระลึกชาติของพระองค์ได้ก่อนเป็นอันดับแรก ต่อจากนั้นก็ระลึกชาติของบุคคลอื่นๆ เมื่อทรงผ่านวิชชา 2 วิชชานี้ไปแล้ว พระองค์ก็จะทรงเบื่อหน่ายการเกิดเป็นกำลัง จึงสามารถทำวิชชาที่ 3 คือ อาสวักขยญาณได้ จึงบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณได้ วิชชา 3 ของพระพุทธเจ้าถูกละเลยไป แทบจะไม่ได้รับการกล่าวถึงโดยพุทธวิชาการในระยะ 150 ปีที่ผ่านมา พุทธวิชาการเหล่านั้นหันไปชูหัวข้อธรรมะอื่นๆ เช่น “อนัตตา” หรือ “กาลามสูตร” เป็นต้น สาเหตุก็เพราะพุทธวิชาการเหล่านั้น หันไปสมาทานวิทยาศาสตร์เก่าแบบกลไก/แยกส่วน/ลดทอนว่าเป็นความจริง (truth) มากกว่าศาสนาพุทธ วิทยาศาสตร์เก่าแบบกลไก/แยกส่วน/ลดทอนเชื่อว่า มนุษย์เกิดมาเพียงชาติเดียวเท่านั้น ใจ/จิต/วิญญาณไม่มี สิ่งที่ศาสนาพุทธยืนยันว่าเป็นใจ/จิต/วิญญาณนั้น นักวิทยาศาสตร์เก่าเห็นว่าเป็นปฏิกิริยาทางเคมีของสมองเท่านั้น พุทธวิชาการก็เชื่อตาม จึงไม่เต็มใจหรือไม่กล้าที่จะเขียนถึง “หัวใจหลัก” หรือวิชชา 3 ซึ่งอธิบายถึงการระลึกชาติของศาสนาพุทธ แต่ ในปัจจุบันนี้ นักฟิสิกส์ใหม่เชื่อว่า ถ้าสามารถสร้างยานพาหนะที่มีความเร็วใกล้ๆ 300,000 กิโลเมตรต่อวินาที ซึ่งก็คือ ความเร็วของแสง มนุษย์สามารถจะเข้าไปในอดีตได้โดยกายเนื้อของเราทีเดียว แนวความคิดดังกล่าวนั้น นักวิทยาศาสตร์เก่าแบบกลไก/แยกส่วน/ลดทอนเห็นว่า “เป็นไปไม่ได้” ซึ่งในประเด็นนี้ ผมเองก็เห็นด้วยกับนักวิทยาศาสตร์เก่า เพราะ การที่จะกลับไปในอดีตด้วยกายเนื้อนี่ มันขัดกับหลักของศาสนาพุทธ อย่างไรก็ดี การคิดทบทวนไปมาในประเด็นที่ขัดแย้งกันระหว่างวิทยาศาสตร์เก่ากับฟิสิกส์ ใหม่ในประเด็นการเข้าไปในอดีต ทำให้ผมเห็นว่า ถ้าสามารถสร้างยานพาหนะที่มีความเร็วใกล้แสงได้จริงๆ นักฟิสิกส์ใหม่ก็สามารถจะเห็นอดีตได้หรือระลึกชาติได้นั่นเอง ถ้าเราทำให้ปู่ตายโดยบังเอิญ เราจะได้เกิดหรือไม่ ข้อความที่ว่า “ถ้าเราทำให้ปู่ตายโดยบังเอิญ เราจะได้เกิดหรือไม่” เป็นความกังวลของนักฟิสิกส์ใหม่ ในกรณีที่สามารถเข้าไปในอดีตได้ และในกรณีใดๆ ก็ตาม ไปทำให้ปู่ของตนเองตาย มันก็จะเกิดข้อขัดแย้ง (Paradox) กับสภาพความเป็นจริงที่ว่า ตนเองเกิดมาแล้ว มีตัวมีตนแล้ว แต่ดันทะลึ่งไปเที่ยวในอดีต แล้วทำให้ปู่ตาย เมื่อปู่ตาย พ่อก็จะเกิดมาไม่ได้ เมื่อพ่อไม่ได้เกิด ตัวเราเองจะเกิดมาได้อย่างไร ความ คิดในย่อหน้าที่ผ่านมานั้น น่าจะเป็นความคิดของคนที่สติแตกไปแล้ว ในมุมมองของคนหลายๆ คน แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลับเป็นความคิดของนักวิทยาศาสตร์ชั้นยอดของโลกในปัจจุบัน ที่เห็นสอดคล้องกันด้วย และมีเป็นจำนวนมากด้วย ไม่ใช่เพียงคนสองคน มีนักข่าวไปสัมภาษณ์ ดร. มิชิโอะ คากุ ว่า “มีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่คนเราจะสามารถเข้าไปในอดีตได้ ” เจ้าของคำถามนั้น หมายถึงว่า เข้าไปในอดีตได้ด้วยกายเนื้อ โดยใช้ยานพาหนะเข้าไป ไม่ใช่ใช้วิธีระลึกชาติแบบศาสนาพุทธ ดร. มิชิโอะ คากุ เป็นชาวญี่ปุ่น เป็นนักฟิสิกส์ใหม่ เชี่ยวชาญมากในเรื่องควอนตัมฟิสิกส์ ทฤษฎีสตริง (String theory) จากคำถามดังกล่าว ดร. มิชิโอะ คากุ ตอบว่า “ด้วยความรู้ของวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน ไม่สามารถบอกได้ว่า ความคิดเช่นนั้นผิด” อธิบายให้ง่ายๆ หน่อยก็ว่า การเข้าไปในอดีตทั้งกายเนื้อนั้น เป็นไปได้ ในมุมมองของนักฟิสิกส์ใหม่ (http://lh3.ggpht.com/abramsv/SMgPLyQbMgI/AAAAAAAAd6s/6UgGhafPh3U/s720/x3.jpg) จูเลียส ซีซาร์ต้องตายอีกแบบนับครั้งไม่ถ้วน ประเด็น ที่ว่า เราสามารถเข้าไปในอดีตได้ ด้วยกายเนื้อนี่ ถ้ามียานพาหนะที่มีความเร็วสูงๆ ใกล้กับความเร็วแสง และนักฟิสิกส์เห็นว่าเป็นไปได้ ซึ่งขณะนี้ก็มีนักฟิสิกส์ใหม่พยายามสร้างเครื่องที่ว่าอยู่นั้น นักวิทยาศาสตร์เก่าแบบกลไก/แยกส่วน/ลดทอน ยืนยันแบบหัวชนฝาเลยว่า “เป็นไปไม่ได้” อย่างไรก็ดี นักวิทยาศาสตร์เก่าแบบกลไก/แยกส่วน/ลดทอนไม่มีข้อโต้แย้งอย่างเป็นวิชาการ เพราะ องค์ความรู้ส่วนใหญ่ของตนเอง ถูกฟิสิกส์ “อัด” ซะเดี้ยงไปหมดทุกอย่าง ก็เลยเถียงแบบข้างๆ คูๆ ว่า “ถ้าอย่างนั้น ถ้ามีคนต้องการดูบรูตัสแทงจูเลียส ซีซาร์ จูเลียส ซีซาร์ก็ต้องมาตายอีกหลายครั้งหลายหน ตามความต้องการของคนดู อย่างนั้นซิ” จะเห็นว่า ข้อโต้แย้งของนักวิทยาศาสตร์เก่าแบบกลไก/แยกส่วน/ลดทอนไม่ได้เป็นไปตามหลักวิชาการเลย อันที่จริงก็น่าสงสารนักวิทยาศาสตร์เก่าแบบกลไก/แยกส่วน/ลดทอนเหมือนกัน เพราะ ไม่รู้ว่าจะเอาหลักวิชาการอันไหนไปโต้แย้ง เนื่องจาก วิชาการของนักฟิสิกส์ใหม่มันก้าวหน้าไปกว่าวิชาการของนักวิทยาศาสตร์เก่าแบบ กลไก/แยกส่วน/ลดทอนอย่างไม่เห็นหน้าเห็นหลัง วิชชา 3 เครื่องมือเข้าไปในอดีตของพุทธศาสนา หลัก การในของศาสนาพุทธเรา เราสามารถเข้าไปรู้ไปเห็นในอดีตที่ผ่านมาได้ และเป็นหลักการสำคัญเสียด้วย เพราะ ถ้าระลึกชาติไม่ได้ ก็ไม่สามารถจะบรรลุพระอรหันต์ได้ การระลึกชาตินั้น ต้องทำตามวิชชา 3 คือ 1) ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือ การระลึกชาติของตนเอง การระลึกชาตินี้ ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูก็สามารถทำได้ แต่มีข้อจำกัดคือ ระลึกไปได้ไม่กี่ชาติ ถ้าเปรียบเทียบกับพระพุทธเจ้าแล้ว พระพุทธองค์ทรงสามารถระลึกชาติได้ไม่จำกัด 2) จุตูปปาตญาณ คือการระลึกชาติของคนอื่น 3) อาสวักขยญาณ พอผ่าน 2 วิชชาแรกไปแล้ว จึงสามารถทำวิชชาที่ 3 ได้ ผลก็ทำให้กิเลสหมดสิ้นไป จึงบรรลุพระอรหันต์ได้ ตรงนี้ขอย้ำอีกสักหน่อยว่า การโฆษณาชวนเชื่อที่เกินจริงของสายพอง-ยุบกับสายนาม-รูปที่ว่า การปฏิบัติธรรมแบบของตนเองเป็นวิปัสสนา และเป็นหนทางเดียวที่จะบรรลุพระอรหันต์ได้นั้น “ไม่จริง” ทั้ง สมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานต่างก็เป็นพื้นฐานของให้วิชชา 3 ทั้งสิ้น และการปฏิบัติธรรมสายพอง-ยุบกับสายนาม-รูปก็ไม่ได้เป็นวิปัสสนา/เห็นแจ้ง เพราะ ทั้ง 2 สายนั้นปฏิบัติได้เพียงบางส่วนของสติปัฏฐาน 4 ซึ่งเป็นอนุปัสสนา/ตามเห็นเท่านั้น จะ เห็นได้ว่า ในขณะที่นักฟิสิกส์พยายามสร้างเครื่องมือกันขนานใหญ่ แล้วก็ไม่รู้ว่าอีกกี่พันปีจะสร้างสำเร็จ หรืออาจจะไม่สำเร็จเลยก็เป็นได้ ศาสนาพุทธสามารถทำได้มาได้ตั้งนานแล้ว ถ้านับเอาศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเข้าไปด้วย ก็จะพบว่า พื้นที่ที่เป็นอินเดียและเนปาลในปัจจุบัน มีคนสามารถเข้าไปในอดีตได้มานานแล้ว แต่เข้าไปด้วยกายละเอียด ไม่ใช่กายเนื้อแบบฟิสิกส์ใหม่ (http://lh3.ggpht.com/_hVOW2U7K4-M/SZEIZeLcY6I/AAAAAAAA5sA/oVtM9TUpZLM/s640/ryue56yjutyhjghg.jpg) ระลึกชาติแบบฟิสิกส์ใหม่ทำยังไง ใน กรณีที่นักฟิสิกส์ใหม่สามารถสร้างยานพาหนะที่มีความเร็วใกล้ความเร็วของแสง ได้จริงๆ นักฟิสิกส์ใหม่เชื่อว่า ด้วยทฤษฎีสัมพัทธภาพ (Relative theory) ของไอน์สไตน์ (Einstein) จะทำให้พวกตนเข้าไปในอดีตได้นั้น ผมเห็นสอดคล้องกับนักวิทยาศาสตร์เก่าว่า ทำไม่ได้อย่างเด็ดขาด แต่ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน ในขณะที่ นักวิทยาศาสตร์โต้แย้งอย่างไม่มีหลักวิชาการ สำหรับผมเองโต้แย้งโดยหลักการจากทางศาสนาพุทธว่า เราสามารถเข้าไปในอดีตได้ด้วยการปฏิบัติธรรม โดยจะมีลักษณะคล้ายๆ กับการดูภาพยนตร์ เราไม่มีทางที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้วได้ บุคคลต่างๆ ตัวละครต่างๆ ต่างก็เป็นอนิจจัง/ทุกขัง/อนัตตากลายสภาพเป็นอย่างอื่นไปหมดแล้ว สำหรับในกรณีที่นักฟิสิกส์ใหม่อย่างจะเห็นอดีตจริงๆ ก็ต้องขับยานออกไปจากโลก แล้วใช้กล้องส่องดูหรือบันทึกเหตุการณ์ไว้เท่านั้น ขออธิบายเพิ่มเติมดังนี้ ในทุกๆวัน ถ้าเรามองเห็นดวงอาทิตย์พึงระลึกไว้ว่า ไม่ใช่ดวงอาทิตย์ในปัจจุบัน แต่เป็นดวงอาทิตย์ในอดีตที่ 8 นาทีกว่านิดๆมาแล้ว เพราะ แสงของดวงอาทิตย์เดินทางมาถึงโลกประมาณ 8 นาทีกว่านิดๆ ในกรณีที่นักดาราศาสตร์เห็นการระเบิดของซูเปอร์โนวา (Super nova) ก็ไม่ใช่การระเบิดในปัจจุบันนี้ แต่อาจจะเป็นการระเบิดเมื่อหลายพันล้านปีแสงมาแล้วก็ได้ ซึ่งระยะทางที่ว่านี้ เกินจินตนาการของมนุษย์ว่า มันจะยาวนานขนาดไหนเลยทีเดียว จากหลักการดังกล่าว ถ้าอยากจะเห็นเหตุการณ์ที่คุณบรูตัสแทงคุณจูเลียส ซีซาร์ก็ต้องขับยานพาหนะที่ว่า ออกไปในระยะที่สามารถส่องกล้องมาดูเหตุการณ์ในสมัยกรีกช่วงนั้นได้ ซึ่งจะห่างเป็นระยะทางเท่าใดนั้น ขอให้เป็นภาระของนักฟิสิกส์ใหม่ก็แล้วกัน ผมมิอาจเอื้อมไปคำนวณแทนท่านได้ ไม่ใช่ เพียงแค่นั้น ถ้าอยากจะดูเหตุการณ์ที่โลกเกิดขึ้นมา ก็ยังทำได้เลย ก็เพียงขับยานพาหนะที่ว่า ให้ห่างจากโลกประมาณ 5000 ล้านปี เมื่อส่องกล้องมาดู ก็จะเห็นการเกิดของโลกได้ หลักการดังกล่าวนั้น เมื่อผมนำไปขยายความให้คุณมอมแมม เพื่อนของผมฟัง คุณมอมแมมถามเชิงปรัชญาขึ้นมาว่า “แล้วจะใช้จะใช้กล้องแบบไหน” จะเอากล้องแบบไหนบันทึกเหตุการณ์ ด้วย ความอับสนจนปัญญาที่จะตอบคำถามอันลึกซึ้งของคุณมอมแมม ผมก็ตอบไปว่า “ถ้านักฟิสิกส์ใหม่ เขาสามารถสร้างยานที่มีความเร็วสูงจนเท่าเกือบๆ ความเร็วแสงได้ ไม่ต้องไปห่วงเรื่องกล้องหรอก นักฟิสิกส์ใหม่ เขาต้องทำได้แน่ๆ” สำหรับผมเองนั้น ขอทำนายไว้ล่วงหน้าเลยว่า ต่อไปการบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะต้องมีเครื่องมือที่สามารถบันทึกเป็น 3 มิติได้ อาจจะใช้หลักการของทฤษฎีอะไรก็ตาม และเมื่อจะนำมาฉายให้ดู ก็สามารถฉายเป็นภาพ 3 มิติให้เห็นกันจะๆ โดยไม่ต้องใช้จอแบบปัจจุบันนี้ก็แล้วกัน (http://images.palungjit.com/attachments/2235-%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%8C-stairwaytoheaven-jpg) สรุป เมื่อพิจารณาหลักทฤษฎีของฟิสิกส์ใหม่ จะเห็นว่า นักฟิสิกส์ใหม่สามารถจะเข้าไปในอดีตได้ แต่ไม่ใช่ในลักษณะที่นักฟิสิกส์คิดอยู่ในปัจจุบันนี้ กล่าวคือ จะเอากายเนื้อเข้าไปในอดีต แต่จะทำได้ในลักษณะที่ว่า ขับยานพาหนะที่มีความเร็วใกล้แสงออกไปจากโลก ให้มีระยะทางที่จะเห็นเหตุการณ์ในช่วงระยะเวลาที่ต้องการรู้ต้องการเห็น ความคิดที่จะเข้าไปในอดีตซึ่งเป็นความรู้ใหม่ที่ยังทำไม่ได้ของนักฟิสิกส์ใหม่ นั้น บุคคลในยุคสองพันกว่าปีมาแล้ว ในเขตประเทศอินเดียและเนปาลในปัจจุบันสามารถทำได้มานมนานแล้ว และก็ยังเป็นหนทางที่ปลอดภัยที่สุดด้วย อย่างน้อยก็ไม่มีปัญหาที่ว่า “ถ้าเราทำให้ปู่ตายโดยบังเอิญ เราจะได้เกิดหรือไม่” ที่มา www.wisdominside.org (http://www.wisdominside.org) |