สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

ธรรมะสาระ => สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน => ข้อความที่เริ่มโดย: ครูนภา ที่ กันยายน 13, 2010, 12:58:07 pm



หัวข้อ: อะนูปะวาโท อะนูปะฆาโต
เริ่มหัวข้อโดย: ครูนภา ที่ กันยายน 13, 2010, 12:58:07 pm
อยากให้ สหธรรมิก นึกถึงคุณธรรมส่วนนี้เป็นส่วนแรก คะ

เพื่อจะได้เป็นกัลยาณมิตร และ กัลยาณธรรม กันได้นาน ๆ ตราบเท่านานที่จะจากกันไป
 

การไม่พูดร้าย และ การไม่ทำร้าย

 คุณสมบัติพื้นฐาน ของ พุทธบริษัท


    การไม่พูดร้าย

      คือการไม่พูดคำเท็จ ส่อเสียด เพ้อเจ้อ คำหยาบ เพื่อให้อีกฝ่าย เกิดความไม่สบายใจ ร้อนรน ทุรนทุราย

  เพราะด้วยการพูดอันไม่จริง
     (http://bloggie.sony.co.th/contents/zcrubb2/images/Verbal-Abuse-3-o%281%29.jpg)
      สังคมทุกวันนี้ ถ้านึกถึงคำสอบมาตรฐาน ของพระพุทธเจ้า ได้แล้ว ก็จะมีความสุข คงไม่มีใครมานินทา

 ใครให้ร้าย ใคร ต่อ ใคร สำหรับ ชนทั่วไปที่นับถือบ้าง ไม่นับถือบ้างในพระศาสนา ก็พอน่าให้อภัยกันอยู่นะจ๊ะ

  แต่สังคมชาวธรรม อันเป็นพุทธบริษัท แล้ว โดยเฉพาะ ยิ่งถ้าเป็น บรรพชิต แล้ว ก็ไม่ควรจะละเมิด ในส่วนนี้

  คำเสียดแทงใจที่ทำให้ใจเป็นทุกข์ ไม่ใช่ธรรมะของพระพุทธองค์ คะ


    การไม่ทำร้าย

       คือการไม่ กระทำออก ทางกาย วาจา และ ใจ ในการทำให้ผู้อื่นลำบาก  หรือเป็นทุกข์ การกระทำเยี่ยงนี้

ไม่ใช่การกระทำของ สหธรรมิก ผู้เป็น กััลยาณมิตร และ กัลยาณธรรม คะ

(http://img.online-station.net/_news/2008/1110/21426_pies_z_kotem_36.jpg)
    คนที่ชอบพูดร้าย และ ชอบทำลาย

    โดยอุปนิสัย นั้นนับเป็นคนเจ้าเล่ห์ คนเจ้าเล่ห์ ก็คือ มายา มายา ก็คือ หลอกลวง

    นับว่าเป็น อมิตร คือ มิตรเทียม หาใช่ มิตรแท้ คะ


วันนี้ เสนอบทความ ที่มาใน โอวาทปาฏิโมกข์ คะ


          อะนูปะวาโท   การไม่พูดร้าย

          อะนูปะฆาโต   การไม่ทำร้าย



เจริญธรรม ทุกท่าน นะคะ







 


หัวข้อ: Re: อะนูปะวาโท อะนูปะฆาโต
เริ่มหัวข้อโดย: narunta2550 ที่ กันยายน 21, 2010, 04:56:13 pm
ถ้าเราคิดว่าเป็นลมที่พัดเอากลิ่นต่างต่างมาให้เราสูดดม เราสามารถที่จะเลือกได้มิใช่หรือ


หัวข้อ: Re: อะนูปะวาโท อะนูปะฆาโต
เริ่มหัวข้อโดย: รักหนอ ที่ กันยายน 22, 2010, 06:45:14 am
เข้าใจว่า ครูนภา พูดถึงรากฐานของกัลยาณมิตร คะ

  ว่าควรจะปฏิบัติ ต่อกัน เรื่องแรก ก็คือ ปิยวาจา คือ พูดจาดีเป็นที่รัก อันประกอบด้วย ธรรม นี้ก็ชื่อว่า ศีล

  เรื่องที่สองคือ การไม่เบียดเบียนตนเองและ ผู้ืื่อื่นให้เดือดร้อน อันนี้ชื่อว่า ศีล

  โดยธรรมชาติ ของกัลยาณมิตร ย่อมประกอบด้วยศีล อยู่แล้ว

  แต่สำหรับ คุณ NARANTA2550 นั้นก็นำเสนอวิธีปฏิบัติ

  ทางจิตเลย ว่าคิดว่า เป็นลมที่พัดเอากลิ่นต่างต่างมาให้เราสูดดม

     ซึ่งถ้าเป็นกลิ่นไม่ดี เราก็ควรจะรีบจากหรือถอย เพราะสูดดมไปแล้ว เดี๋ยวจะหน้ามืด เวียนหัว ได้
     ส่วนถ้าเป็นกลิ่นดี เราก็ควรจะอยู่สักครู่ เพราะเมื่อเราสูดดมเข้าไปแล้ว เราก็จะติดใจ ได้

     ดังนั้นสรุปตรงที่ว่า ปุถุชน ก็ยังอาจจะหลงอยู่่ในความชอบใจ และ ไม่ชอบใจอยู่
     แต่ผู้ปฏิบัติ ศิษย์พระพุทธเจ้าแล้ว ย่อมผ่องใส่ จากมลทิน ที่เรียกว่า โลก และ ธรรม นี้

วิเคราะห์ มาถูก หรือ ไม่ถูก อย่างไร ก็ขออภัยไว้ล่วงหน้า คะ

อนุโมทนา กับข้อคิด ๆ ดี ๆ ทั้งสองท่าน ด้วยคะ
 :25: