สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => IT สาระประโยชน์ชาวธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มีนาคม 29, 2013, 10:15:24 am



หัวข้อ: อินเตอร์เน็ต "ช้าลง" ทั่วโลก ผลจาก"สงครามไซเบอร์"ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 29, 2013, 10:15:24 am

(http://www.matichon.co.th/online/2013/03/13644536461364453759l.jpg)

อินเตอร์เน็ต"ช้าลง"ทั่วโลก ผลจาก"สงครามไซเบอร์"ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

ระบบอินเตอร์เน็ตทั่วโลกเริ่มช้าลง โดยผู้เชี่ยวชาญด้านระบบความปลอดภัยกล่าวว่าอาจเป็นการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

การตอบโต้กันระหว่างกลุ่มต่อต้านการปล่อยไวรัสและบริษัทเจ้าของเครือข่ายก่อให้เกิดการโจมตีอย่างต่อเนื่องที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในวงกว้าง นอกจากนั้นยังกระทบต่อเว็บไซต์เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ที่เป็นผู้ให้บริการดูหนังแบบสตรีมมิงแบบถูกลิขสิทธิ์ ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และผู้เชี่ยวชาญกังวลว่ามันอาจลุกลามไปยังระบบคอมพิวเตอร์ของสถาบันการเงินและระบบอีเมล์

"สแปมเฮาส์" องค์กรอิสระที่ไม่หวังผลกำไร ที่มีสำนักงานที่กรุงลอนดอน และนครเจนีวา ของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ให้บริการแจ้งรายชื่อบัญชีดำหมายเลขที่อยู่ไอพีให้แก่เว็บไซต์ทั่วโลก เพื่อนำไปปรับปรุงระบบคัดกรองข้อความขยะ ระบุว่า กลุ่มแฮกเกอร์นิรนามกระหน่ำโจมตีระบบฐานข้อมูลของเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว

เนื่องจากเมื่อเร็วๆนี้ สแปมเฮาส์ได้ทำการบล็อคเซิร์ฟเวอร์ที่กลุ่มไซเบอร์บังเกอร์ (Cyberbunker) เว็บโฮสต์ในเนเธอร์แลนด์เป็นผู้ดูแล โดยเซิร์ฟเวอร์ดังกล่าว ถูกใช้เพื่อเก็บเนื้อหาทุกประเภท ยกเว้นแต่ภาพอนาจารเด็กและการก่อการร้าย

นายสเวน โอลาฟ แคมฟิส ที่อ้างตัวว่าเป็นโฆษกของกลุ่มไซเบอร์บังเกอร์เปิดเผยว่า สแปมเฮาส์ได้ละเมิดหน้าที่ และไม่สมควรได้รับอนุญาตให้เป็นผู้กำหนดว่าอินเตอร์เน็ตควรมีเนื้อหาอย่างไร ด้านสแปมเฮาส์กล่าวโต้ว่า กลุ่มไซเบอร์บังเกอร์ ได้ร่วมมือกับแก๊งอาชญกรรมข้ามชาติจากยุโรปตะวันออกและรัสเซีย ว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีทางไซเบอร์


(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/6/65/Spamhaus_logo.jpg)

สื่อหลายแห่งรายงานโดยอ้างคำกล่าวของนายแคมฟิส ที่ไม่ได้ออกมายอมรับโดยตรงว่า มีส่วนในการโจมตีที่เกิดขึ้น แต่ยอมรับว่า เจ้าของเว็บไซต์หลายแห่งร่วมกันวางแผนเพื่อโจมตีสแปมเฮาส์มานานแล้ว
    โดยอ้างว่า สแปมเฮาส์เริ่มแสดงอำนาจที่เหนือกฎหมายมากขึ้นเรื่อยๆ
    ด้วยการกล่าวหาเว็บไซต์หลายแห่งว่า เป็นตัวอันตราย
    แล้วออกคำสั่งให้เว็บไซต์นั้นปิดตัวลง ทั้งที่สแปมเฮาส์คือศัตรูตัวจริงในดลกอินเตอร์เน็ต

อย่างไรก็ดี นายสตีฟ ลินฟอร์ด ซีอีโอของสแปมเฮาส์ เปิดเผยว่า ขอบข่ายการโจมตีเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และสแปมเฮาส์ต้องตกอยู่ในภาวะดังกล่าวนานกว่าสัปดาห์
     อย่างไรก็ดี การโจมตีไม่สบความสำเร็จ เนื่องจากวิศวกรสามารถกอบกู้ระบบกลับมาได้อีกครั้ง 
     และหน่วยงานตำรวจไซเบอร์ของ 5 ประเทศได้ดำเนินการสอบสวนสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
 
อย่างไรก็ดี เขาอ้างว่า ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดอื่นเพิ่มเติมได้ เนื่องจากหน่วยตำรวจแสดงความกังวลว่าตนอาจตกเป็นเป้าการโจมตีระบบภายในเช่นกัน
     ทั้งนี้ มีแนวโน้มว่า ไซเบอร์บังเกอร์อาจร่วมมือกับกลุ่มแฮกเกอร์โดยใช้เทคนิค "ดีดีโอเอส" (DDoS)
     ที่จงใจเพิ่มทราฟฟิกของการใช้อินเตอร์เน็ต ที่อาจมีความรุนแรงสูงสุดถึง 300 กิกะไบต์ต่อวินาที
     ขณะที่การโจมตีระบบธนาคารปกติจะมีความรุนแรงเพียง 50 กิกะไบท์ต่อวินาที
     ทำให้เซิร์ฟเวอร์ของระบบโดเมนเนมได้รับความเสียหาย ซึ่งก็คือระบบพื้นฐานที่เชื่อมโดเมนเนมเข้าไว้ด้วยกัน


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1364453646&grpid=01&catid=&subcatid= (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1364453646&grpid=01&catid=&subcatid=)
วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 15:45:47 น.