สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มีนาคม 29, 2013, 11:14:58 am



หัวข้อ: ศิษย์เอกสมเด็จฯโต..."หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร"
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 29, 2013, 11:14:58 am
(http://www.itti-patihan.com/images/stories/amulet_4/budd2124.jpg)

ประวัติ หลวงปู่ภู จันทสโร วัดอินทรวิหาร

เดือนมีนาคมของทุกปีมีงานประจำปีที่โด่งดังของเมืองกรุง ซึ่งรู้จักกันอย่างกว้างขวางทั้งในหมู่คนไทยและต่างชาตินั่นคือ งานนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ปิดทองหลวงพ่อโต วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพฯ สุดยอดงานวัดที่จัดกันมาอย่างยาวนานปีละ 10 วัน 10 คืน

ทั้งนี้ หากเอ่ยถึง "พระยืนอุ้มบาตร" องค์ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ย่อมต้องนึกถึง "พระศรีอริยเมตไตรย" หรือ "หลวงพ่อโต" ซึ่งประดิษฐานเด่นเป็นสง่าอยู่ ณ วัดอินทรวิหาร สมเด็จพระพุฒา จารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆัง โฆสิตาราม เป็นผู้ริเริ่มก่อ สร้างขึ้น แต่ดำเนินการไปได้เพียงครึ่งองค์ ท่านก็สิ้นชีพิ ตักษัยเสียก่อน 
    ผู้ที่มาสานต่อการก่อสร้างก็คือ "พระครูธรรมานุกุล" หรือ "หลวงปู่ภู จันทสโร"
    เจ้าอาวาสวัดอินทร วิหาร พระเกจิอาจารย์เลื่องชื่อองค์หนึ่งในยุคนั้น
    เป็นศิษย์เอกผู้ใกล้ชิดสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) ที่ได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาต่างๆ มามิใช่น้อย!!!


พระเครื่องและวัตถุมงคลที่หลวงปู่ภูสร้างไว้มีหลายแบบด้วยกัน เช่น พระเนื้อผง มีพิมพ์แซยิด แขนหักศอก-แขนกลมใหญ่-พิมพ์แปดชั้น, พิมพ์เจ็ดชั้นหูติ่ง, พิมพ์ฐานแซม, พิมพ์ห้าเหลี่ยมขัดสมาธิเพชร, พิมพ์สังกัจจายน์, พิมพ์ไสยาสน์, พิมพ์พระปิดตา เป็นต้น

เหรียญฉลองอายุ 100 ปี หลังยันต์แถวเดียว พ.ศ.2473 หรือ "เหรียญแซยิด" เป็นเหรียญรุ่นเดียวที่สร้างเป็นรูปเหมือนของท่าน นอกจากนี้ ยังมีเหรียญเสมาใหญ่ พระศรีอริยเมตไตรย (หลวงพ่อโต)

ประเภทเครื่องรางมีตะกรุด, ผ้ายันต์, ยันต์ธงนกคุ้มกันไฟ และไม้เท้าครู ซึ่งหายากมาก เพราะสร้างน้อยมาก แจกให้เฉพาะศิษย์ใกล้ชิดเท่านั้น กล่าวกันว่าท่านสร้างพระเครื่องตอนมาอยู่วัดอินทรวิหาร โดยจัดสร้างหลังจากสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆังฯ และหลวงปู่ใหญ่ได้มรณภาพแล้วในปีพ.ศ.2515 เนื่องจากมีความสำนึกในจิตใจว่าจะไม่ทำอะไรแข่งกับครูบาอาจารย์

บรรดาพระเครื่องและเครื่องรางที่ท่านสร้างขึ้นล้วนมีคุณวิเศษ มีผู้ใช้ติดตัวเคยได้รับอุบัติเหตุ มีประสบการณ์จนเป็นที่ยอมรับในพุทธคุณรอบด้าน ไม่ว่าจะแคล้วคลาด ปลอดภัย เมตตามหานิยม
    ปัจจุบันยังเป็นที่เสาะแสวงหา และมีราคาค่านิยมไม่เคยตก เช่นเดียวกับ ความเคารพศรัทธาในองค์ท่านที่ไม่เคยเสื่อมคลาย แม้ท่านจะล่วงลับไปกว่า 70 ปีแล้วก็ตาม


(http://www.itti-patihan.com/images/stories/amulet_4/budd2130.jpg)

หลวงปู่ภู เกิดที่หมู่บ้านวังหิน อ.เมือง จ.ตาก ตรงกับปีขาล พ.ศ.2373 บิดาชื่อ นายคง มารดาชื่อ นางอยู่ พออายุ 9 ขวบ ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดท่าคอย ศึกษาเล่าเรียนอักขรสมัย (ภาษาขอม) และหนังสือไทยกับท่านอาจารย์วัดท่าแค

กระทั่งอายุ 21 ปี เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดท่าคอย มีพระอาจารย์อ้น เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์คำ วัดท่าแค เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มา วัดน้ำหัด เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายานามว่า "จันทสโร"

พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง "หลวงปู่ภู จันทเกสโร" หลังจาก บวชแล้วอยู่จำพรรษาที่สำนักวัดท่าแคระยะหนึ่ง ก่อนออกธุดงค์จาก จ.ตาก มาพร้อมกับหลวงปู่ใหญ่ ซึ่งเป็นพระพี่ชาย สมัยที่ท่านธุดงค์มากรุงเทพฯครั้งแรก ได้มาปักกลดอยู่บริเวณที่ตั้งวังบางขุนพรหม (ธนาคารแห่งประเทศไทย) ซึ่งขณะนั้นยังเป็นป่ารกร้างว่างเปล่าและเปลี่ยวมาก มีแต่ต้นรัง ต้นตาลขึ้นระเกะระกะไปหมด ท่านได้ปักกลดอยู่ชายแม่น้ำเจ้าพระยา พอตกกลางคืนได้นิมิตไปว่า มีคนนำเอาตราแผ่นดินมามอบถวายให้ท่าน 3 ดวง

เมื่อตื่นขึ้นมาได้พิจารณาถึงความฝันนั้น พอจะทราบว่า ท่านเองจะมีอายุยืนยาวถึง 103 ปีเศษ

จากคำบอกเล่าของศิษย์ใกล้ชิดบอกว่า ท่านได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดสระเกศ ช่วยรักษาคนป่วยเป็นอหิวาตกโรคไว้ 6 คน ซึ่งสมัยนั้นถือว่าเป็นโรคร้ายแรงที่สุด โดยในปีพ.ศ.2416 เป็นปีที่อหิวาตกโรคระบาดหนัก จนเป็นที่กล่าวขวัญเรียกกันจนติดปากว่า "ปีระกาห่าใหญ่"

ต่อมา ท่านได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดสามปลื้ม (วัดจักรวรรดิราชาวาส) และวัดท้ายตลาด (วัดโมลีโลกยาราม) ตามลำดับ

สุดท้ายได้มาอยู่จำพรรษาที่วัดอินทรวิหาร ซึ่งสมัยนั้นยังใช้ชื่อว่า "วัดบางขุนพรหมนอก" ปีพ.ศ.2432 และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส เมื่อปีพ.ศ.2435 ส่วนสมณศักดิ์ที่ได้รับไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้รับตำแหน่งในปีใด เข้าใจว่าได้รับก่อนปีพ.ศ.2463 เพราะตามหลักฐานศิลาจารึกเกี่ยวกับการสร้างพระศรีอริยเมตไตรย มีข้อความตอนหนึ่งว่า... "ถึงพ.ศ.2463 ท่านพระครูธรรมานุกูล (ภู) ผู้ชราภาพ อายุ 91 พรรษา 70 ได้ยกเป็นกิตติมศักดิ์อยู่ในวัดอินทรวิหาร ท่านจึงมอบฉันทะให้พระครูสังฆบริบาลปฏิสังขรณ์ต่อมาจนสำเร็จ"

ท่านได้มรณภาพเมื่อวันเสาร์ที่ 6 พ.ค. 2476 ตรงกับวันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 6 ปีระกา เวลา 01.15 น. สิริอายุได้ 104 พรรษา 83 นับว่าท่านได้ยกเป็นพระครูกิตติมศักดิ์ ตั้งแต่ปีพ.ศ.2463 จนถึงวันมรณภาพเป็นเวลา 13 ปี


(http://uauction2.uamulet.com/picture/UAKGlkImages/2012/9/29/6348449552250300001.JPG)

หลวงปู่ภู เป็นพระเถระที่ยึดการธุดงค์เป็นกิจวัตรมาโดยตลอด สมัยที่ยังแข็งแรง พอออกพรรษาท่านจะออกรุกขมูลมิได้ขาด โดยร่วมธุดงค์ไปกับท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และหลวงปู่ใหญ่ และมักเล่าเรื่องแปลกๆ ที่ได้เผชิญมาให้ลูกศิษย์ฟังอยู่เสมอ อาทิ การผจญจระเข้ยักษ์, เสือลายพาดกลอนเลียศีรษะ, ผจญงูยักษ์ ฯลฯ

ท่านมีความมุมานะอุตสาหะมุ่งมั่นศึกษาวิชาอาคมต่างๆ จนเกิดความชำนาญเป็นที่เลื่องลือในยุคนั้น

ในด้านสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน ก็ได้ปฏิบัติมาโดยตลอดชนิดที่เรียกกันว่า "นั่งจนก้นด้าน" อีกทั้งยังสำเร็จวิชา 6 ประการ คือ
    1.เมฆ
    2.กสิณ
    3.สันโดษ
    4.สมถกรรมฐาน
    5.วิปัสสนาธุระ
    6.เพ่งกสิณ ปลุกเสกจนน้ำมนต์เดือด

ทั้งนี้ ต้องใช้เวลาปฏิบัติวิชาละ 10 ปีกว่าจะสำเร็จสุดยอด ส่วนการเสกน้ำมนต์ให้เดือดใช้เวลาถึง 11 ปี รวมเวลาในการศึกษาวิชาอาคมถึง 71 ปีเต็ม ช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ไม่เคยปล่อยเวลาให้ว่างเปล่า ได้มุ่งหน้าปฏิบัติมีพุทธภูมิเป็นที่ตั้ง การร่ำเรียนวิชาอาคมมาก็เพียงเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบทุกข์จากโรคภัยไข้เจ็บ

การที่ท่านมุ่งมั่นเรียนวิชาดูเมฆ หรือเรียกกันว่า "วิชาเมฆฉาย" โดยบริกรรมด้วยมนต์คาถาจนเงาของคนเจ็บลอยขึ้นไปในอากาศ แล้วพิจารณาดูว่าเป็นโรคอะไร?

วิชากสิณ ที่ "หลวงปู่ภู จันท สโร" ได้ศึกษานั้นหมายถึง อารมณ์ที่กำหนดธาตุทั้ง 4 มี ปฐวี อาโป เตโช วาโย อันมีวรรณะ 4 คือ นีล ปีต โลหิต โอทาต อากาศแสงสว่าง ก็คือ อาโลกากสิณ การบำเพ็ญปฏิบัติของท่านจะเริ่มขึ้นหลังจากฉันจังหันแล้วคือ เวลา 7 โมงเช้า โดยตลอดชีวิตจะฉันเพียงมื้อเดียว (ถือเอกา) ผลไม้ที่ขาดไม่ได้คือ กล้วยน้ำว้า ท่านบอกว่าเป็นโสมเมืองไทย

ทุกวันท่านจะต้องออกบิณฑบาต ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น เพราะเจ้าฟ้าสมเด็จกรมพระนครสวรรค์พินิจ ได้จัดอาหารมาถวายทุกวัน เมื่อฉันเช้าแล้ว จะครองผ้าลงโบสถ์และลั่นดาลประตู ไม่ให้ผู้ใดเข้าไปรบกวน จากนั้นจะเจริญพระพุทธมนต์ถึง 14 ผูก วันละ 7 เที่ยวแล้วจึงนั่งวิปัสสนากรรมฐานต่อไปจนถึงเที่ยงทุกๆ วัน ถึงแม้ตอนชราภาพ ก็มิได้ขาดจากการลงทำวัตร เว้นแต่อาการหนักจนลุกไม่ไหว ก็จะเจริญวิปัสสนาโดยการนอนภาวนา

เรื่องราวเกี่ยวกับอภินิหารของท่านมีเล่าขานไว้มากมายหลายเรื่อง อาทิ สามารถหยั่งรู้อดีตและอนาคต, ใบ้หวยแม่น, ชุบชีวิตคนที่ตายแล้ว, ปราบผีเปรต, กำหนดวันมรณภาพได้, หายตัวเข้าโบสถ์


(http://www.plazathai.com/uppic/1c/9cdca222543fae42cf6a856886dd401c.jpg)

พระเครื่องและวัตถุมงคลที่หลวงปู่ภูสร้างไว้มีหลายแบบด้วยกัน เช่น พระเนื้อผง มีพิมพ์แซยิด แขนหักศอก-แขนกลมใหญ่-พิมพ์แปดชั้น, พิมพ์เจ็ดชั้นหูติ่ง, พิมพ์ฐานแวม, พิมพ์ห้าเหลี่ยมขัดสมาธิเพชร, พิมพ์สังกัจจายน์, พิมพ์ไสยาสน์, พิมพ์พระปิดตา เป็นต้น ประเภทเครื่องรางมีตะกรุด, ผ้ายันต์, ยันต์ธงนกคุ้มกันไฟ และไม้เท้าครู ซึ่งหายากมาก เพราะสร้างน้อยมาก แจกให้เฉพาะศิษย์ใกล้ชิดเท่านั้นรวมถึงเหรียญฉลองอายุ 100 ปี หลังยันต์แถวเดียว พ.ศ.2473 หรือ "เหรียญแซยิด" เป็นเหรียญรุ่นเดียวที่สร้างเป็นรูปเหมือนของท่าน นอกจากนี้ ยังมีเหรียญเสมาใหญ่ พระศรีอริยเมตไตรย (หลวงพ่อโต)

กล่าวกันว่าท่านสร้างพระเครื่องตอนมาอยู่วัดอินทรวิหาร โดยจัดสร้างหลังจากสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆังฯ และหลวงปู่ใหญ่ได้มรณภาพแล้วเนื่องจากมีความสำนึกในจิตใจว่าจะไม่ทำอะไรแข่งกับครูบาอาจารย์ บรรดาพระเครื่องและเครื่องรางที่ท่านสร้างขึ้นล้วนมีคุณวิเศษมากมาย ได้มีผู้ใช้ติดตัวเคยได้รับอุบัติเหตุ มีประสบการณ์จนเป็นที่ยอม รับในพุทธคุณรอบด้าน ไม่ว่าจะแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม

ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านเป็นที่เสาะแสวงหา สนนราคาเล่นหาไม่มีตก โดยเฉพาะ "พระพิมพ์สมเด็จ" ของหลวงปู่ภู ยุคแรกๆ เนื้อหาจะดูจัดหนึกนุ่มคล้ายเนื้อพระสมเด็จของวัดระฆังโฆสิตาราม และส่วนมากจะมีความหนาเป็นพิเศษ ในปีต่อๆ มาท่านก็ได้สร้างพระไปเรื่อยๆ จวบจนท่านมรณภาพ

พระสมเด็จของหลวงปู่ภูที่มีความนิยมมาก สนนราคาสูงก็คือ "พระสมเด็จพิมพ์แซยิดแขนหักศอก และพิมพ์แซยิดแขนกลม" สภาพสวยสมบูรณ์อยู่ที่หลักแสน พระพิมพ์อื่นก็นิยมรองลงมา เช่น พิมพ์แปดชั้นแขนหักศอก และพิมพ์แปดชั้นแขนกลม สนน ราคาอยู่ที่หลักหมื่นปลายถึงแสน ส่วนพระพิมพ์อื่นก็นิยมเช่นกันแต่สนนราคาจะเบากว่า แต่ก็ยังอยู่ที่หลักหมื่นต้น จนถึงหมื่นปลายๆ พระพิมพ์สมเด็จของหลวงปู่ภู เป็นวัตถุมงคลที่น่าบูชาอย่างยิ่ง ของปลอมเริ่มมีออกมาระบาด ไม่เชี่ยวชาญจริงมีสิทธิ์พิชิตของเก๊!!!


ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
www.itti-patihan.com/ประวัติ-หลวงปู่ภู-จันทสโร-วัดอินทรวิหาร.html (http://www.itti-patihan.com/ประวัติ-หลวงปู่ภู-จันทสโร-วัดอินทรวิหาร.html)
http://www.plazathai.com/,http://uauction2.uamulet.com/ (http://www.plazathai.com/,http://uauction2.uamulet.com/)


หัวข้อ: Re: ศิษย์เอกสมเด็จฯโต..."หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร"
เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ มีนาคม 29, 2013, 12:00:48 pm
 st11 st12 thk56

    ที่ช่วยค้นหา เรื่องราว ลูกศิษย์ สมเด็จพุฒาจารย์ โต พรมหรังษี

  st12