หัวข้อ: "สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ" มีที่มาอย่างไร.? เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 05, 2013, 10:58:10 am (http://ahph9thi.gotoknow.org/assets/media/files/000/803/709/large_pic132.jpg?1335972355) "สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ" มีที่มาอย่างไร.? คำพังเพย "สวรรค์ในอก นรกในใจ" มีความหมายว่า ใจคนเรานั้นเป็นสำคัญ จะดีจะชั่วจะทุกข์จะสุขก็ย่อมขึ้นอยู่ที่ตัวของเรา จะเลือกที่จะคิดหรือที่จะเป็น ซึ่งคำพังเพยนี้ท่านขุนวิจิตรมาตราได้อธิบายไว้ในหนังสือสำนวนไทย ว่าเทียบได้กับพุทธสุภาษิตที่ว่า "นรกไม่มีผู้ใดก่อสร้างขึ้น คือ ไฟโกรธในใจให้เกิดไฟนรกและเผาผลาญเจ้าของไฟที่ให้เกิดขึ้นนั้น เมื่อผู้ใดทำการชั่ว ผู้นั้นจุดไฟนรกขึ้นและผู้นั้นย่อมไหม้ไปด้วยไฟของตนเอง" ในโคลงโลกนิติสำนวนเก่า ได้มีโคลงกระทู้ "สวรรค์ในอกนรกในใจ" ดังนี้ .........สวรรค์ แสวงสุขได้.........เสียกรรม ในอก อิ่มบุญธรรม....................เที่ยงได้ นรก รักบาปนำ........................ไปสู่ ทุกข์แฮ ในใจ ให้สุขให้.........................ทุกข์ด้วยใจเอง ฯ อธิบายเพิ่มเติม ด้วยโคลงในหนังสือ "ปัญหาขัดข้องในวชิรญาณ ดังนี้ ............เราดีเขาว่าร้าย..............ช่างเขา สวรรค์นรกอกใจเรา...................ย่อมแจ้ง ใช่ควรจะถือเอา........................เป็นมั่น ดีชั่วอาจกลั่นแกล้ง....................กล่าวได้ดุจจริง ฯ _______________________________________________________________ ที่มา http://th.answers.yahoo.com/question/index?qid=20090318185540AAytuXV (http://th.answers.yahoo.com/question/index?qid=20090318185540AAytuXV) (http://ahph9thi.gotoknow.org/assets/media/files/000/798/628/large_pic081.jpg?1333641915) ความหมายตามพจนานุกรม สวรรค์ในอก นรกในใจ, สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ (สํา) น. ความสุขที่เกิดจากการทำความดี หรือความทุกข์ที่เกิดจากการทำความชั่ว ย่อมอยู่ในใจของผู้ทำเอง. ___________________________________________ พจนานุกรมอิเล็กทรอนิกส์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ขอบคุณภาพจาก http://ahph9thi.gotoknow.org/ (http://ahph9thi.gotoknow.org/) หัวข้อ: Re: "สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ" มีที่มาอย่างไร.? เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 05, 2013, 11:21:24 am (http://ahph9thi.gotoknow.org/assets/media/files/000/798/648/large_pic103.jpg?1333643413) พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐ สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ขณสูตร [๒๑๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เป็นลาภของเธอทั้งหลายแล้ว เธอทั้งหลายได้ดีแล้ว ขณะเพื่อการอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ เธอทั้งหลายได้เฉพาะแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย นรกชื่อว่า ผัสสายตนิกะ ๖ อันเราเห็นแล้ว ในผัสสายตนิกนรกนั้น สัตว์จะเห็นรูปอะไรๆ ด้วยจักษุ ก็ย่อมเห็นแต่รูปอันไม่น่าปรารถนา ย่อมไม่เห็นรูปอันน่าปรารถนา ย่อมเห็นแต่รูปไม่น่าใคร่ ย่อมไม่เห็นรูปอันน่าใคร่ ย่อมเห็นแต่รูปอันไม่น่าพอใจ ย่อมไม่เห็นรูปอันน่าพอใจ จะฟังเสียงอะไรๆ ด้วยหู... จะดมกลิ่นอะไรๆ ด้วยจมูก... จะลิ้มรสอะไรๆ ด้วยลิ้น... จะถูกต้องโผฏฐัพพะอะไรๆ ด้วยกาย... จะรู้แจ้งธรรมารมณ์อะไรๆ ด้วยใจ ก็ย่อมรู้แจ้งแต่ธรรมารมณ์อันไม่น่าปรารถนา ย่อมไม่รู้แจ้งธรรมารมณ์อันน่าปรารถนา ย่อมรู้แจ้งแต่ธรรมารมณ์อันไม่น่าใคร่ ย่อมไม่รู้แจ้งธรรมารมณ์อันน่าใคร่ ย่อมรู้แจ้งแต่ธรรมารมณ์อันไม่น่าพอใจ ย่อมไม่รู้แจ้งธรรมารมณ์อันน่าพอใจ [๒๑๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เป็นลาภของเธอทั้งหลายแล้ว เธอทั้งหลายได้ดีแล้ว ขณะเพื่อการอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ เธอทั้งหลายได้เฉพาะแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย สวรรค์ชื่อว่า ผัสสายตนิกะ ๖ ชั้น เราได้เห็นแล้ว ในผัสสายตนิกสวรรค์นั้น บุคคลจะเห็นรูปอะไรๆ ด้วยจักษุ ก็ย่อมเห็นแต่รูปอันน่าปรารถนา ย่อมไม่เห็นรูปอันไม่น่าปรารถนา ย่อมเห็นแต่รูปอันน่าใคร่ ย่อมไม่เห็นรูปอันไม่น่าใคร่ ย่อมเห็นแต่รูปอันน่าพอใจ ย่อมไม่เห็นรูปอันไม่น่าพอใจ ฯลฯ จะรู้แจ้งธรรมารมณ์อะไรๆ ด้วยใจ ก็ย่อมรู้แจ้งแต่ธรรมารมณ์อันน่าปรารถนา ย่อมไม่รู้แจ้งธรรมารมณ์อันไม่น่าปรารถนา ย่อมรู้แจ้งแต่ธรรมารมณ์ที่น่าใคร่ ย่อมไม่รู้แจ้งธรรมารมณ์ที่ไม่น่าใคร่ ย่อมรู้แจ้งแต่ธรรมารมณ์อันน่าพอใจ ย่อมไม่รู้แจ้งธรรมารมณ์อันไม่น่าพอใจ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เป็นลาภของเธอทั้งหลายแล้ว เธอทั้งหลายได้ดีแล้ว ขณะเพื่อการอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ เธอทั้งหลายได้เฉพาะแล้ว ฯ จบสูตรที่ ๒ _____________________________________________________________ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=18&A=3253&Z=3276 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=18&A=3253&Z=3276) (http://ahph9thi.gotoknow.org/assets/media/files/000/798/632/large_pic085.jpg?1333642105) อรรถกถา สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค สฬายตนสังยุตต์ เทวทหวรรคที่ ๔ ๒. ขณสูตร อรรถกถาขณสูตรที่ ๒ ในขณสูตรที่ ๒ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้. บทว่า ฉ ผสฺสายตนิกา นาม ความว่า นรกชื่อว่า ผัสสายตนะ ๖ ไม่มี. นรกทั้งหลายที่ชื่อฉผัสสายตนิกา แต่ละชื่อไม่มี. จริงอยู่ บัญญัติว่า ผัสสายตนะทางทวาร ๖ ย่อมมีในมหานรก แม้ทั้งหมด ๓๑ ขุมนั่นเอง. แต่คำนี้ ท่านกล่าวหมายเอา อเวจีมหานรก. แม้ในบทว่า สคฺคา (สวรรค์) นี้ ท่านประสงค์เอาเฉพาะ บุรีดาวดึงส์ เท่านั้น. แต่ชื่อว่าบัญญัติแห่งอายตนะหก แม้แต่ละอย่างในกามาวจรเทวโลกไม่มีก็หาไม่. ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงฉผัสสายตนิกานี้ไว้ทำไม. ตอบว่า ใครๆ ไม่อาจจะอยู่ประพฤติมรรคพรหมจรรย์ในนรกได้ เพราะได้รับแต่ทุกข์โดยส่วนเดียว และไม่อาจอยู่ประพฤติมรรคพรหมจรรย์ในเทวโลกได้ เพราะเกิดความประมาทด้วยสามารถความยินดีในการเล่นโดยส่วนเดียว เพราะได้รับความสุขโดยส่วนเดียว. ส่วนมนุษยโลกมีความสุขและความทุกข์ระคนกัน ในมนุษยโลกนี้เท่านั้น ย่อมมีทั้งอบายและสวรรค์ปรากฏ. นี้ชื่อว่าเป็นกรรมภูมิของมรรคพรหมจรรย์. กรรมภูมินั้น พวกท่านได้แล้ว เพราะฉะนั้น ขันธ์ซึ่งเป็นของมนุษย์ที่พวกเธอได้กันแล้ว จัดเป็นลาภของพวกท่าน และภาวะเป็นมนุษย์ที่พวกเธอได้แล้วนี้ ก็เป็นขณะเป็นสมัยของการอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ที่พวกเธอได้. สมจริงดังคำที่พระโปราณาจารย์ทั้งหลายกล่าวไว้ว่า. การเจริญมรรคในที่นี้ นี้ก็เป็นกรรมภูมิ ธรรมเป็นที่ตั้ง แห่งความสังเวชเป็นอันมาก ในที่นี้ก็เป็นฐานะอยู่ ท่านเกิดความสังเวชแล้ว ก็จงประกอบความเพียรโดย แยบคายในวัตถุอันเป็นที่ตั้งแห่งความสลดสังเวชเถิด. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สํเวคา แปลว่า ความสังเวช. จบอรรถกถาขณสูตรที่ ๒ __________________________________________________ http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=18&i=214 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=18&i=214) ขอบคุณภาพจาก http://ahph9thi.gotoknow.org/ (http://ahph9thi.gotoknow.org/) |