หัวข้อ: แต่งงาน ตามพ่อแม่ สั่ง แต่ตัวเองเป็นทุกข์ เพราะไม่ได้รักคนที่แต่งด้่วย อย่างนี้ เริ่มหัวข้อโดย: sunee ที่ เมษายน 05, 2013, 06:22:28 pm ask1
แต่งงาน ตามพ่อแม่ สั่ง แต่ตัวเองเป็นทุกข์ เพราะไม่ได้รักคนที่แต่งด้่วย อย่างนี้เป็นบาป เป็นบุญ อย่างไรคะ ซ้ำร้ายผู้ชายที่แต่งด้วย ก็ไม่ขยันการงาน เล่นแต่การพนัน ผลาญสมบัติตระกูล อย่างนี้ พ่อแม่บาป หรือไม่คะ thk56 หัวข้อ: Re: แต่งงาน ตามพ่อแม่ สั่ง แต่ตัวเองเป็นทุกข์ เพราะไม่ได้รักคนที่แต่งด้่วย อย่างนี้ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 09, 2013, 02:16:08 pm ans1 ans1 ans1 จูฬกัมมวิภังคสูตร พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรมาณพ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้ ฯลฯ เรื่องนี้พูดลำบาก เป็นเรื่องอจินไตย พ่อแม่คงไม่มีเจตนาจะให้ลูกเป็นทุกข์ ปัญหาก็คือ มันแต่งไปแล้ว ไม่มีใครช่วยได้หร็อก ต้องพึ่งตัวเองแล้วล่ะ เรื่องของผัวๆเมียๆ คงไม่มีใครอยากไปยุ่ง แม้คนนอกจะมี เมตตา กรุณา หรือมุทิตา แค่ไหนอย่างไร ได้แต่เห็นใจครับ เพราะสุดท้ายแล้ว ต้องใช้ อุเบกขา ขอยกเอาคำตอบของ ธัมมะวังโส (พระอาจารย์) ในกระทู้ "เป็นไปได้หรือ ที่เราทำกรรมแล้ว กรรมไปตกกับลูกหลาน" http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=4092.0 (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=4092.0) มาแสดงดังนี้ ปัญหาเรื่องกรรม เป็น อจินไตรย พระพุทธเจ้า ตรัสแสดงว่าเป็นเรื่องที่บุคคลธรรมดา ที่ไม่ใช่พระอริยะ คิดไปก็เสียเวลา เพราะนั่งคิด นอนคิด เดินคิด ยืนคิด อย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ในส่วนนี้ :25: :25: :25: หัวข้อ: Re: แต่งงาน ตามพ่อแม่ สั่ง แต่ตัวเองเป็นทุกข์ เพราะไม่ได้รักคนที่แต่งด้่วย อย่างนี้ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 09, 2013, 02:33:12 pm (http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/9/20009/images/timtim/30.jpg) พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต ๙. มรณัสสติสูตรที่ ๑ [๒๙๐] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ปราสาทสร้างด้วยอิฐใกล้บ้านนาทิกคาม ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย มรณัสสติอันภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลมากมีอานิสงส์มาก หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นที่สุด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายย่อมเจริญมรณัสสติหรือ .......ฯลฯ....... ส่วนภิกษุใดย่อมเจริญมรณัสสติอย่างนี้ว่า โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ได้ชั่วขณะที่เคี้ยวข้าวคำหนึ่งกลืนกิน เราพึงมนสิการคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค เราพึงกระทำกิจให้มากหนอ และ ภิกษุใดย่อมเจริญมรณัสสติอย่างนี้ว่า โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ได้ชั่วขณะที่หายใจเข้าแล้วหายใจออก หรือหายใจออกแล้วหายใจเข้า เราพึงมนสิการคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค เราพึงกระทำกิจให้มากหนอ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหล่านี้เรากล่าวว่า เป็นผู้ไม่ประมาท ย่อมเจริญมรณัสสติ เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายแรงกล้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่ประมาท จักเจริญมรณัสสติ เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายอย่างแรงกล้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล ฯ ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=22&A=7188&Z=7254 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=22&A=7188&Z=7254) ขอบคุณภาพจาก http://www.oknation.net/ (http://www.oknation.net/) |