สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => IT สาระประโยชน์ชาวธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ เมษายน 08, 2013, 08:48:25 pm



หัวข้อ: ปิดฉาก 'MSN' เป็นทางการวันนี้ หลังให้บริการ 14 ปี
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 08, 2013, 08:48:25 pm

(http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/04/08/337561/hr1667/630.jpg)

ปิดฉาก 'MSN' เป็นทางการวันนี้ หลังให้บริการ 14 ปี

ไมโครซอฟท์ ในฐานะผู้ให้บริการ "เอ็มเอสเอ็น" เตรียมยุติการให้บริการแชตดังกล่าวในคืนนี้ แจงผู้ใช้เดิมสามารถย้ายไปใช้งาน "สไกป์" แทนด้วยล็อกอินเดิม หลังแชตชื่อดังที่ให้บริการตั้งแต่ปี 2542 จะปิดตัวลงในวันนี้อย่างแน่นอน...

เมื่อวันที่ 8 เม.ย. มีรายงานว่า หลังจากก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่าบริการ "วินโดวส์ ไลฟ์ เมสเซนเจอร์" (Windows Live Messenger) หรือที่คุ้นเคยกันในชื่อ เอ็มเอสเอ็น (MSN) จะปิดตัวลงอย่างเป็นทางการนั้น เป็นที่แน่นอนแล้วว่าในวันนี้ (8 เม.ย.) จะเป็นวันยุติการให้บริการ แต่วินโดวส์ ไลฟ์ เมสเซนเจอร์ จะยังคงเปิดให้บริการในประเทศจีนเพียงประเทศเดียว ส่วนผู้ใช้ในประเทศอื่นๆ จะต้องเปลี่ยนไปใช้บริการสไกป์ (Skype) ซึ่งสามารถลงทะเบียนเข้าใช้งานได้ด้วยรหัสเดิมที่เคยใช้ในการล็อกอินวินโดวส์ ไลฟ์ เมสเซนเจอร์

อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์ได้ให้เหตุผลในการยกเลิกบริการวินโดวส์ ไลฟ์ เมสเซนเจอร์ ว่าตลาดโปรแกรมอินสแตน เมสเสจจิ้ง (Instant Messaging) นั้นเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ขณะที่บริการสไกป์สามารถให้ประสบการณ์การใช้งานดีกว่าบริการเดิม ด้วยคุณสมบัติการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ทั้งการโทรศัพท์และวิดีโอคอลล์ ไม่รวมถึงการส่งข้อความสนทนาที่สามารถทำได้เช่นเดิม


(http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/04/08/337561/o2/420.jpg)

ทั้งนี้ เอ็มเอสเอ็น (MSN) หรือ ไมโครซอฟท์ เน็ตเวิร์ก (Microsoft Network) เป็นบริการทางอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่า อินสแตน เมสเสจจิ้ง (Instant Messaging) โดยบริษัทไมโครซอฟท์ ได้เริ่มให้บริการตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม 2542 และได้เปลี่ยนชื่อเป็นวินโดวส์ ไลฟ์ เมสเซนเจอร์ ในราวปี 2548
     โดยโปรแกรมดังกล่าวสามารถใช้งานได้ผ่านคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์เคลื่อนที่
    ซึ่งมีการเปิดให้บริการใน 59 ประเทศ และ 36 ภาษา โดยมีจำนวนผู้ใช้งานเกือบ 400 ล้านคนทั่วโลก
    ส่วนจำนวนผู้ใช้งานวินโดวส์ ไลฟ์ เมสเซนเจอร์ ในประเทศไทย
    พบว่าในช่วงที่มีการใช้งานสูงสุดนั้น เคยมีผู้เข้าใช้เป็นประจำถึงกว่า 10 ล้านคน.


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/tech/337561 (http://www.thairath.co.th/content/tech/337561)