สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน => ข้อความที่เริ่มโดย: ธัมมะวังโส ที่ เมษายน 11, 2013, 10:48:19 am



หัวข้อ: ไม่มีอะไร เป็นได้ดั่งใจ สิ่งที่หวัง มักเป็น สิ่งที่ไม่ตรงกับใจ ที่คาดหวัง
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ เมษายน 11, 2013, 10:48:19 am
ไม่มีอะไร เป็นได้ดั่งใจ สิ่งที่หวัง มักเป็น สิ่งที่ไม่ตรงกับใจ ที่คาดหวัง
 
           พระวินัยปิฎก  มหาวรรค  [๑.มหาขันธกะ]
                    ๖.ปัญจวัคคิยกถา ( เล่มที่ 4 หน้า ที่ 21 ฉบับมหาจุฬา )


     [๑๔]    ภิกษุทั้งหลาย    ข้อนี้เป็นทุกขอริยสัจ    คือ   
    แม้ความเกิดก็เป็นทุกข์แม้ความแก่ก็เป็นทุกข์   
    แม้ความเจ็บก็เป็นทุกข์   
    แม้ความตายก็เป็นทุกข์   
    ความประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์   
    ความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักก็เป็นทุกข์   
    ความไม่ได้สิ่งที่ปรารถนาก็เป็นทุกข์   
    โดยย่นย่อ    อุปาทานขันธ์    ๕    ก็เป็นทุกข์

        มนุษยเราเกิดมา ก็ทุกข์ ก็ลำบาก อยู่ด้วยเรื่องที่กล่าว มานี้แหละ ถ้าเราคาดหวังสิ่งใด แล้วไม่ได้ดั่งใจ สิ่งนั้นก็คือความทุกข์ ที่แล่นโลดพาใจให้หม่นหมอง ดังนั้นสิ่งสำคัญในการภาวนา คืออะไร ? ก็ต้องเข้าใจ ดังนั้นขอแบบ่ง ระดับการภาวนาแบบง่าย ๆ ใหท่านเข้าใจกันบ้าง

      1.ทำใจ ข่มใจ
         การทำใจ ข่มใจ ย่อมเป็นอาการที่หลายคนต้องพยายามทำ จะใช้วิธีการใด วิธีการหนึ่งตามความถนัด แต่ก็เป็นวิธีที่มาตรฐาน เพื่อไม่ใหใจเป็นทุกข์ วิธีนี้มีมากมาย ถ้าจะกล่าวออกมา เช่นการคิดแง่บวก เป็นต้น แต่วิธีการแบบนี้ก็ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา จริง ๆ การทำใจ ข่มใจ ก็มี ศีลเป็น มาตรฐาน
 
      2.ปล่อยวาง
         เป็นวิธีที่ยินยอม และไม่ข้าไปยุ่ง หนีไปให้ไกลจากทุกข์นั้น การปล่อยวางเป็นวิธีการยอมรับความทุกข์ที่เกิดนั้นว่า มันทุกข์อย่างนี้ เ่ช่นเป็นโรคเจ็บ ก็ต้องปล่อยวาง เพราะความเจ็บเป็นสิ่งที่ไม่ได้ ก็ต้องพยายามปล่อยวาง  ดังนั้นการปล่อยวางเป็นการเผชิญกับความจริงที่เกิด ด้วยการข่มใจ เรียว่า ตบะ ใครทำได้ ดี อนุโมทนา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ  การปล่อย มีสมาธิ เป็น มาตรฐาน
       
      3.รู้แจ้งเห็นจริง
        เรียกว่าการเข้าไปประจักษ์ ในความเป็นจริง เพื่อเห็นจริงว่า ทุกข์เป็นอย่างนี้ ทุกข์เกิดอย่างนี้ ทุกข์ตั้งอยู่อย่างนี้ ทุกข์ดับไปอย่างนี้ ทุกข์ดับได้แล้วอย่างนี้ การประจักษ์จึงต้องอาศัยปัญญาเข้าไปเห้นตามความเป็นจริง เรียกว่า เห็นแ้จ้ง อริยสัจจะ การเห็นอย่างนี้เป็นการบรรลุธรรม เพราะเมื่อเห็นแจ้งรู้จริง การดับทุกข์ ดับกิเลสจึงมีขึ้นได้ ตามหลักชองพระพุทธศาสนา เรียกว่า ดวงตาเห็นธรรม

        การเข้าไปประจักษ์ รู้แจ้งเห็นจริง ในเบื้องต้นว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับ


        วิธีการเข้าไปประจักษ์ตามความเป็นจริงนั้น ต้องเจริญ ศีล สมาธิ ปัญญา พร้อมกันไม่ขาดองค์ใดองค์หนึ่ง การเจริญอริยมรรค ก็ต้องครบทั้งองค์ 8

        ในหลักการภาวนาส่วนนี้ เท่าที่พิสูจน์ด้วยความเข้าใจรู้แจ้งแล้ว การเดินโพชฌงค์ 7 นั้นเป็นวิธีการที่รวบลัดที่สุด ที่ครูอาจารย์ถ่ายทอดกันมา เพราะมีวิธีการไม่มากแต่เป็นลำดับที่ถูกต้อง แต่ผู้ที่เดินโพชฌงค์ 7 ได้นั้น ต้องหมั่นฝึกฝน พระพุทธานุสสติให้แน่นก่อน จึงจะทำการเดินจิตได้ดี และ เร็ว ในการภาวนา


     ฝากไว้เพียงเท่านี้ก่อน

      ;)


(http://www.madchima.net/images/new53.jpg)


หัวข้อ: Re: ไม่มีอะไร เป็นได้ดั่งใจ สิ่งที่หวัง มักเป็น สิ่งที่ไม่ตรงกับใจ ที่คาดหวัง
เริ่มหัวข้อโดย: Admax ที่ มกราคม 01, 2014, 11:55:00 pm
 st12 st12 st12 st12

เป็นประโยชน์อย่างสูงครับ


หัวข้อ: Re: ไม่มีอะไร เป็นได้ดั่งใจ สิ่งที่หวัง มักเป็น สิ่งที่ไม่ตรงกับใจ ที่คาดหวัง
เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ มกราคม 02, 2014, 06:43:09 am
 st11 st12 thk56


หัวข้อ: Re: ไม่มีอะไร เป็นได้ดั่งใจ สิ่งที่หวัง มักเป็น สิ่งที่ไม่ตรงกับใจ ที่คาดหวัง
เริ่มหัวข้อโดย: ฟ้าใหม่แจ่มใส ที่ มกราคม 02, 2014, 06:29:23 pm
 st11 st12