หัวข้อ: เรื่องขำๆ ของการใช้ ศัพท์กับพระสงฆ์ ( ฮาหน่อยนะครับ ) เริ่มหัวข้อโดย: อัจฉริยะ ที่ กันยายน 14, 2010, 08:56:34 am อยากให้ ทุกคนได้ยิ้ม บ้าง ( ก็เท่านั้น )
(http://www.ruendham.com/admin/images/news/DE0000069.jpg) ถ้าตอนใส่บาตรแล้วที่ยืนสกปรกมาก จะต้องถอดรองเท้าใส่บาตรด้วยหรือไม่ ? “ พระไม่ฉันรองเท้านะโยม”...ไม่ต้อ งเอารองเท้าใส่มานะ..... พระนอนไม่หลับ เลยไปหาหมอใหม่จบมาจากเมืองนอก หมอ: เป็นอะไรครับ พระ : จำวัดไม่ได้จ๊ะโยมหมอ หมอ: (ทำหน้างง) แล้วจะกลับวัดยังไง พระ: (ทำหน้างงด้วย) มามอไซรับจ้างก็ต้องกลับมอไซนะโยม หมอ: (ทำหน้าง๊งงง) แล้วมอไซรับจ้างจำวัดได้เ หรอ พระ: ( ทำหน้าง๊งงงด้วย) มอไซรับจ้างจำวัดไม่ได้หรอกโยม มีแต่พระที่จำวัดได้ หมอ: (ทำหน้างงง๊งงง) อ้าวไหนบอกว่าจำวัดไม่ได้ไง พระ : !\=-+#@ %^&*( + ๐"ฯ , ? จำวัดเป็นภาษาพระแปลว่านอน......................... หมอ: อ๋ออออออออออออออออออออออออออ (http://gotoknow.org/file/cherdpong/DSCN4510.JPG) ญาติโยมหลายท่านมักถามว่า " ท่านบวชเรียนมาตั้งแต่อายุยังน้อย อยู่ในเพศบรรพชิตมามากกว่าครึ่งชีวิต มีโอกาสสัมผัสชีวิตฆราวาสไม่มากนัก แล้วเอาข้อมูลวัตถุดิบหรือมุกมาจากไหนหนักหนา" อาตมาก็ตอบว่า หลักๆเลยก็คือ การอ่าน นอกจากนั้นก็หนัง ละครที่ญาติโยมดูกันนั่นแหละ พอตอบออกไปอย่างนี้ โยมก็สวนกลับทันที " ไม่ผิดข้อห้ามหรือท่าน" อาตมาก็จะอธิบายไปว่า ดูเพื่อให้เท่าทันกิเลสจะได้สกัดมันถูก และที่สำคัญหากอาตมาไม่รู้หรือไม่เข้าใจ ตลอดจนไม่เท่าทันเรื่องราวทางโลก และจะมาบรรยายธรรมให้ญาติโยมรู้สึกอินกันได้อย่างไร ซึ่งนอกจากการอ่าน การดูและการฟังแล้ว หลายวัตถุดิบที่นำมาสร้างเป็นมุกฮาก็ได้มาจากการพูดคุยกับเหล่าโยมๆนี่แหละ อย่างวันหนึ่งระหว่างที่อาตมากำลังฉันเพลอยู่ก็มีโยมท่านหนึ่งโทร.มา " พระอาจารย์เหรอคะ นี่อาตมาเองนะคะ" " หา อะไรนะ" " พระอาจารย์เหรอคะ นี่อาตมาเองค่ะ" " ถ้าโยมแทนตัวว่าอาตมา แล้วอาตมาจะแทนตัวอาตมาว่าอะไร" " อ๋อ ขอโทษค่ะ" หลังจากนั้นก็คุยธุระกันจนจบ อาตมาก็กล่าวว่า " เจริญพร" " ค่ะ เจริญพรเช่นกัน" แน่ะ มีอวยพรให้พระด้วย ข้างต้นก็คือ สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆระหว่างพูดคุยกับเหล่าญาติโยม จนถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับอาตมาไปแล้ว หรืออย่างก่อนหน้านี้มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง เดินถือสังฆทานมาอย่างมาดมั่น พอเข้ามาในกุฏิแล้ว เธอก็มุ่งตรงไปที่พระบวชใหม่รูปหนึ่งทันที " ถวายสังฆทานค่ะ" พระบวชใหม่ด้วยความที่ยังจำบทสวดต่างๆ ไม่ค่อยคล่องนัก จึงหยิบหนังสือขึ้นมาดู " ไม่ต้องค่ะ " โยมผู้หญิงคนนั้นกล่าวอย่างหนักแน่นตามสไตล์สาวมั่น " ดิฉันท่องได้ค่ะ เพราะคุณยายพาเข้าวัดตั้งแต่เด็กๆ" เธอพนมมือขึ้น ก่อนกล่าวว่า "อิมานิ มะยัง ภันเต สะปะริวารานิ คิกขุ สังโฆ" (ที่ถูกต้องจะต้องเป็น ภิกขุ สังโฆ) พระบวชใหม่มีสีหน้างุนงง ก่อนหันมาถามอาตมา " คิกขุสังโฆ นี่มันฟังทะแม่งๆ นะหลวงพี่" อาตมาเกรงว่าโยมผู้นั้นจะหน้าแตก ก็เลยตอบไปว่า " คิกขุ แปลว่า น่ารัก สังโฆ แปลว่า สงฆ์ คิกขุสังโฆ ก็คือ แด่พระสงฆ์ผู้น่ารัก" เท่านั้นแหละ พระใหม่รูปนั้นนั่งยืดทั้งวันเลย แต่ก็มีบางกรณีที่การพูดผิดของคุณโยมทำให้อาตมาแทบจะสำลัก อย่างเมื่อเร็วๆนี้ มีโยมท่านหนึ่งโทรศัพท์มา " หลวงพี่ขา ขอเรียนเชิญนิมนต์ค่ะ" " ไปไหนล่ะโยม" " ไปมรณภาพที่บ้านน่ะค่ะ" โห นิมนต์พระไปตายถึงที่บ้านเลย อาตมาจึงบอกไปว่า ถ้านิมนต์ไปงานศพไปให้ได้ แต่ถ้าเชิญไปมรณภาพนี่ ช่วงนี้อาตมาไม่ว่างจริงๆ ขอตัวเถอะนะโยม จากตัวอย่างข้างต้น คุณโยมอาจจะเห็นเป็นเรื่องขบขัน แต่มันก็สะท้อนให้เห็นความห่างเหินระหว่างคนกับวัดได้ในระดับหนึ่ง ปัจจุบันนี้คนจะนึกถึงวัดในกรณีพิเศษ เท่านั้น เช่นงานบวช งานศพ ต่างกับสมัยก่อนที่วัดเป็นศูนย์ก ลางของชุมชน ฆราวาสกับพระจึงสนทนากันไหลลื่น ไม่มีคำแปลกๆ หรือผิดที่ผิดทางออกมาให้พระสดุ้งแต่อย่างใด ซึ่งถ้าพูดถึงศัพท์ แสงที่แสลงใจแล้ว ตอนไปบิณฑบาตอาตมาจะเจอบ่อยมาก เช่นมีอยู่ ครั้งหนึ่งระหว่างที่กำลังเดินๆอยู่ ก็ได้ยินเสียงใสๆ แว่วขึ้นมา " แม่ๆ พระมาขอข้าว" " มาเยอะไหมลูก" " มา 2 อัน" โห เรียกอย่างกับชิ้นส่วนรถยนต์ นี่ถ้ามาเยอะๆไม่เรียกเป็นฝูงเลยเหรอ ดังนั้นเวลาไปบรรยายธรรมให้นักเรียนฟังอาตมาจะนำเรื่องนี้ไปสอดแทรกเพื่อสอน เด็กๆด้วย "ถ้าพระกิน เรียก ฉัน" " พระนอน เรียก จำวัด" (บางคนเรียกขี้เกียจเป็นพระนอนไม่ได้) " พระป่วย เรียก อาพาธ" " พระตาย เรียก มรณภาพ" (ไม่ใช่เรียกป่อเต็กตึ๊งนะ) " แล้วพระอาบน้ำล่ะ เรียกอะไรเอ่ย" คราวนี้อาตมาถามให้เด็กๆ ตอบบ้าง "เรียกคนมาดู" หัวข้อ: Re: เรื่องขำๆ ของการใช้ ศัพท์กับพระสงฆ์ ( ฮาหน่อยนะครับ ) เริ่มหัวข้อโดย: kittisak ที่ กันยายน 14, 2010, 11:02:53 am อันนี้เป็นเรื่องจริง ๆ ทีเีดียว ไม่ต้องอื่นไกล เพราะตัวผมเองลูกหลาน
ก็ยังคำไม่ค่อยจะถูกกับพระสงฆ์ เพราะความห่างเหิน ของคนยุคใหม่ กับพระสงฆ์ คนยุคใหม่อยากให้พระสงฆ์ ฉลาด แต่ ไม่ให้พระสงฆ์ศึกษาวิทยาการ พอพระสงฆ์ศึกษาวิทยาการ ก็พากันประโคมว่าไม่เหมาะไม่สม เพียงมองพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งที่นำไปใช้ในทางที่ผิด แต่พระสงฆ์ที่ใช้ในทางที่ถูกนั้น ไม่ได้รับการประโคมออกมา ดังนั้นผลงานที่พระสงฆ์ท่านได้สร้างสรรค์ออกไปในทางดี จึงไม่ค่อยมีใครรู้จัก นาน ๆ ไป คนก็จะเลิกนับถือพระสงฆ์ ผมเคยไปนั่งมองหน้าวัดบวร และ นั่งจดคนที่เดินผ่านพระสงฆ์ แล้วยกมือไหว้ หรือทำคารวะนั้น ผมนั่งจดอยู่่ 3 วัน ๆ ละ 6 ชั่วโมง ก็เห็นว่า มีคนเดินผ่านสวนทางกับพระสงฆ์ จำนวนมากกว่า หมื่น แต่ที่ไหว้กราบ แสดงคารวะนั้นมีเพียง จำนวน 100 กว่า ๆ นี่ก็แสดงให้เห็นว่า เรื่องของพระพุทธศาสนา วัฒนธรรมไทยพุทธ เริ่มจะจางหายไปจากใจคนไทย เพราะกำลังเดินตามชาวต่างชาติ การไหว้พระสงฆ์เป็นเรื่องโง่ เด็กสมัยใหม่จะคิดอย่างนี้ พระสงฆ์อาศัยชาวบ้านกิน เป็นพวกขี้เกียจนี่ก็อีกหนึ่งความคิดของชนรุ่น 18 - 35 ปี ซึ่งการรณรงค์ หรือการเผยแผ่ ของพระสงฆ์ นั้นมีจุดอ่อนในปัจจุบันกันเอง คือพระสงฆ์ที่เผยแผ่นั้น ไม่สามารถเข้าถึงธรรม ระดับที่ควรจะเป็นได้ พระสงฆ์ยุให้ชาวบ้าน ทะเลาะกัน อันนี้ผมเจอบ่อย ๆ ทำไม ? ทำไม ? ท่านมาชวนผมไปทะเลาะ ด้วยแน่ แน่นอนคนมีการปฏิบัติ แบบผมต้องมองโลกอย่างเข้าใจ แต่ที่ชี้ิไว้ ก็เพราะการเผยแผ่ในปัจจุบัน พระสงฆ์เหล่านี้เป็นผู้เผยแผ่ไงละครับ จึงไม่ทำให้ลูกศิษย์ สิ้นกิเลส ตามที่ควรจะเป็น โอ๊ย.... ร่ายยาวอีกแล้ว เดี๋ยวพระอาจารย์จะบ่นคนแก่ อนุโมทนาครับ |