สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => IT สาระประโยชน์ชาวธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ เมษายน 24, 2013, 09:26:19 am



หัวข้อ: "โน้ตบุ๊ก-เดสก์ท็อป" ปรับเพื่ออยู่-เปลี่ยนให้ต่าง
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 24, 2013, 09:26:19 am
(http://www.posttoday.com/media/content/2013/04/23/3A689DB82CFD424CBC503042CB337C88.jpg)

"โน้ตบุ๊ก-เดสก์ท็อป" ปรับเพื่ออยู่-เปลี่ยนให้ต่าง

ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่องทิศทางตลาดโน้ตบุ๊ก-เดส์ท็อป "เครื่องไฮบริด"คือทางรอดในอนาคต

ไอดีซี บริษัทวิจัยการตลาดทางด้านไอที คาดตลาดคอมพิวเตอร์เมืองไทยปีนี้จะมีปริมาณ 3.7 ล้านเครื่อง ทรงตัวต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 หลังจากปี 2555 โดนกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ มาปีนี้โดนแย่งกำลังซื้อจากรถคันแรก
     โดยตลาดรวมดังกล่าวแบ่งสัดส่วนเป็นโน้ตบุ๊กประมาณ 2.4 ล้านเครื่อง กับเดสก์ท็อปประมาณ 1.3 ล้านเครื่อง
     ถือว่าเป็นสัดส่วนตลาดที่ยังดี ท่ามกลางปัจจัยกระทบ คือ นโยบายรถคันแรกและแท็บเล็ตกับสมาร์ตโฟนที่มาแย่งส่วนแบ่งตลาดไป ทำให้ผู้ผลิตสินค้าไอทีจะมองสินค้าใดเป็นสินค้าหลักอย่างเดียวไม่ได้อีกต่อไป

แต่เดิมผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น เอเซอร์ เอชพี จะเป็นผู้กำหนดทิศทางของตลาด ทำให้การพัฒนาเทคโนโลยีเกิดขึ้นแกนเดียว เช่น เครื่องแรงขึ้น เบาขึ้น ราคาต่ำลง แต่ต่อไปจะต้องพัฒนาไปเป็นสินค้านวัตกรรมมากขึ้น


(http://www.sadung.com/hardware/wp-content/uploads/2010/02/sony-vaio-e-core-i3-notebook.jpg)

นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดโน้ตบุ๊กจะเกิดเครื่องไฮบริดขึ้นแน่นอน โดยมีการทำงานพื้นฐาน คือ หน้าจอสัมผัส และตัวเครื่องเป็นอิสระมากขึ้น มีทั้งพับ ถอด ดึง หมุน สไลด์ สุดท้ายสินค้าแต่ละประเภทจะหาจุดยืนของตัวเอง

ทั้งนี้ เชื่อว่าปีนี้ไฮบริดจะมีสัดส่วนตลาดประมาณ 15% เพิ่มเป็น 30% ในปีหน้า และมากกว่า 50% ในปีถัดไป เท่ากับว่าเวลาของโน้ตบุ๊กแบบเดิมๆ จะเหลืออีกเพียง 3 ปีเท่านั้น จากนั้นจะกลายเป็นสินค้าส่วนน้อยของตลาด ขณะที่เดสก์ท็อปจะขยับไปสู่ความเป็นออลอินวัน ตลาดยังมีโอกาสสำหรับคนที่ใช้งานจอขนาดใหญ่และเป็นระบบสัมผัส

“แบรนด์ต่างๆ ต้องสื่อสารออกมาให้ชัดว่าผู้บริโภคสามารถใช้งานอย่างไรได้บ้าง และต้องไม่ผูกติดว่าแบรนด์ใดคือโน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต หรือสมาร์ตโฟน แต่ต้องขยายตัวเองสู่ทุกสินค้า และงานวิจัยและพัฒนาจะมีบทบาทมากขึ้น แต่ละแบรนด์จะมีแนวทางของตัวเอง เช่น เน้นพับ เน้นสไลด์ หรือเน้นหมุน ลูกค้าอาจจะปวดหัวมากขึ้น แต่สุดท้ายจะได้แนวทางหลักของตลาด” นิธิพัทธ์ กล่าว


(http://www.quickpcextreme.com/blog/wp-content/uploads/2008/09/hp-ent-notebook.jpg)

ส่วนของเอเซอร์เอง ตั้งแต่ไตรมาส 2 จะมีสินค้าที่ครบในทุกรูปแบบ ทั้งโน้ตบุ๊ก ไฮบริด และแท็บเล็ต ในทุกระดับราคา ซึ่งต้องรักษาตลาดหลักโน้ตบุ๊ก ตลาดใหม่ไฮบริด และตลาดการศึกษาแท็บเล็ต รวมถึงสมาร์ตโฟนที่ได้เริ่มทำตลาดอย่างจริงจังอีกรอบไปตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

    หากพิจารณาในเชิงราคาแล้ว โน้ตบุ๊กธรรมดาที่ราคาต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท จะยังเป็นสินค้าหลัก
    รองลงมาคือ โน้ตบุ๊กราคา 1.5–2 หมื่นบาท 2 ส่วนนี้รวมกันประมาณ 85% ของตลาด
    จากนั้นราคาตั้งแต่ 2 หมื่นบาทขึ้นไป จะเป็นกลุ่มอัลตราบุ๊ก และโน้ตบุ๊กที่เป็นฟรีฟอร์ม ราคาตั้งแต่ 2.5 หมื่นบาทขึ้นไป เป็นสัดส่วน 15%
    โดยเชื่อว่าเกมนี้ยังไม่มีรอยัลตี้ต่อแบรนด์ใดเป็นพิเศษ ผู้บริโภคพร้อมเปลี่ยนไปใช้แบรนด์ใดก็ตามที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด

ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.posttoday.com/ดิจิตอลไลฟ์/217856/โน้ตบุ๊ก-เดสก์ท็อปปรับเพื่ออยู่-เปลี่ยนให้ต่าง (http://www.posttoday.com/ดิจิตอลไลฟ์/217856/โน้ตบุ๊ก-เดสก์ท็อปปรับเพื่ออยู่-เปลี่ยนให้ต่าง)
http://www.sadung.com/,http://www.quickpcextreme.com/ (http://www.sadung.com/,http://www.quickpcextreme.com/)