สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ เมษายน 25, 2013, 05:49:22 am



หัวข้อ: ศรีลังกาฉลอง 260 ปี พุทธ"สยามวงศ์"
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 25, 2013, 05:49:22 am

(http://www.khaosod.co.th/online/2013/04/13667910751366791090l.jpg)

ศรีลังกาฉลอง 260 ปี พุทธ"สยามวงศ์"
เกศศินีย์ นุชประมูล รายงาน

การท่องเที่ยวศรีลังกา ภายใต้กระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจ สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ถือโอกาสดีในปีนี้ จัดงานเนื่องในวาระฉลองครบรอบ 260 ปี สยามวงศ์ หรือสยามนิกาย ประดิษฐานในศรีลังกา อีกทั้งเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และเพื่อระลึกเมื่อครั้งสยามประเทศเคยมีส่วนช่วยเหลือไม่ให้พระพุทธศาสนาในศรีลังกาเสื่อมสูญ

โดยประธานาธิบดี มหินทรา ราชปักษา แห่งศรีลังกา ทูลเชิญ สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเยือนศรีลังกาในโอกาสการจัดงาน "260 ปี การก่อตั้งสยามวงศ์ในศรีลังกา" จะมีขึ้นในวันที่ 19-22 ส.ค. 2556 ที่เมืองแคนดี้ของศรีลังกา

ย้อนถึงความสัมพันธ์ทางพระพุทธศาสนาระหว่างไทยกับศรีลังกา มีเรื่องราวที่สัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน หากย้อนกลับไปเมื่อกว่า 700 ปีก่อน พุทธศาสนานิกายเถรวาทแบบลังกาวงศ์ เผยแผ่มายังประเทศไทยแต่ในทางกลับกันศรีลังกาก็ถูกจักรวรรดินิยมนักล่าเมืองขึ้น จากตะวันตกรุกราน และพยายามนำศาสนาอื่นมาเผยแผ่ในประเทศ ส่งผลให้ศาสนาพุทธขาดการอุปถัมภ์ค้ำชู ซ้ำยังเกิดวิกฤตการณ์ข้าวยากหมากแพงอย่างรุนแรง จนพระภิกษุสงฆ์ต้องทิ้งวัดวาอาราม กระทั่งไม่มีพระสงฆ์หลงเหลืออยู่มีเพียงสามเณรเหลืออยู่บ้าง โดยมีสามเณรสรณังกร เป็นหัวหน้า

ในปีพ.ศ.2295 สามเณรสรณังกร ทูลขอให้พระเจ้ากิตติราชสิงหะ กษัตริย์ลังกาในขณะนั้น ส่งพระสมณทูตมากรุงศรีอยุธยา เพื่อนิมนต์พระสงฆ์ให้ไปช่วยฟื้นฟูพุทธศาสนาที่ศรีลังกา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แห่งกรุงศรีอยุธยา จึงส่งพระสมณทูตไทย จำนวน 10 รูป มีพระอุบาลี เป็นหัวหน้าคณะเดินทางมายังศรีลังกา ใช้เวลาเดินทางนานถึง 5 เดือน 5 วัน

ต่อมาพระอุบาลีทำพิธีอุปสมบทแก่กุลบุตรชาวลังกา เป็นพระสงฆ์จำนวน 700 รูป และสามเณร 3,000 รูป ทำให้ ศรีลังกาที่ขาดแคลนพระสงฆ์มานาน มีพระสงฆ์สำหรับ ประกอบพิธีกรรมต่างๆ ส่วนสามเณรสรณังกร ที่ได้รับการอุปสมบทในครั้งนั้นด้วย ได้รับการสถาปนาจากพระมหากษัตริย์ลังกาให้เป็นสมเด็จพระสังฆราช จึงเกิดคณะสงฆ์ "นิกายสยามวงศ์" ขึ้นในลังกา

ในสมัยเดียวกันนั้น มีสามเณรคณะหนึ่งเดินทางไปขอรับการอุปสมบทในประเทศพม่า แล้วกลับมาตั้งนิกาย "อมรปุรนิกาย" ส่วนอีกคณะเดินทางไปขออุปสมบทจากคณะสงฆ์เมืองมอญ กลับมาตั้งนิกาย "รามัญนิกาย"
จึงมีนิกายพุทธศาสนาเกิดขึ้นในลังกา 3 นิกาย คือ
    1. สยามวงศ์ หรืออุบาลีวงศ์
    2. อมรปุรนิกาย
    3. รามัญนิกาย
ทั้ง 3 นิกาย ยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นศาสนาประจำชาติของศรีลังกา


(http://www.dhammahome.com/site/gallery/jpg/006e1d8/gal00644033b180.jpg)

ด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ดังกล่าว ทางศรีลังกาจึงถือโอกาสให้ปีนี้ เป็นปีทองของความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ สถานทูตศรีลังกาจึงเชิญคณะสื่อมวลชนไทยร่วมเดินทางตามรอยเส้นทางธรรมในศรีลังกา นายพลเดช วรฉัตร เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโคลอมโบ ประเทศศรีลังกา ร่วมกล่าวว่ามีความตั้งใจมากที่จะร่วมจัดงานฉลอง 260 ปี สยามวงศ์ 

เมื่อเข้ามารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยในศรีลังกา ได้มีโอกาสเดินบนเส้นทางธรรมในดินแดนพุทธภูมิอันศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง และเมื่อมาถึงโอกาสฉลอง 260 ปี สยามวงศ์ ก็มีความตั้งใจที่จะทำให้คนรุ่นปัจจุบันตระหนักถึงคุณค่า และความดีงามของพระอุบาลี และพระสงฆ์ที่เป็นผู้นำสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่จนถึงปัจจุบัน

คณะตามรอยเส้นทางธรรมในศรีลังกา เริ่มต้นที่ "วัดคงคาราม" เป็นวัดขนาดใหญ่ของนิกายสยามวงศ์ มีความสำคัญตรงที่เป็นที่ตั้งโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์แห่งแรกของ ศรีลังกา อย่างแรกที่แตกต่างกับการเดินเข้าวัดในไทย เห็นจะเป็นเรื่องการถอดรองเท้า ที่ศรีลังกาเมื่อต้อง เข้าวัดจะต้องถอดรองเท้าไว้ตั้งแต่ประตูทางเข้า ต้องเดินเท้าเปล่าเข้าไปในวัดเท่านั้น ขณะที่การ เข้าวัดในไทย จะถอดรองเท้าก็ต่อเมื่อเข้าไปภายในพระอุโบสถ

ที่สำคัญอีกประการหากต้องการถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ห้ามหันหลังให้พระพุทธรูป เจดีย์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในวัด เพราะชาวพุทธศรีลังกาถือว่าไม่ให้ความเคารพ แต่หากใครเผลอยืนถ่ายรูปหันหลังให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะมีเจ้าหน้าที่ของวัดทำหน้าเข้มเดินมาสะกิดเตือนทันที

ภายในพระอุโบสถวัดคงคาราม เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย สีส้มเรืองแสงองค์โต พร้อมกับเทพผู้รับใช้และพระสาวก อีกด้านหนึ่งของวัดเป็นลานหญ้าเงียบสงบ ปลูกต้นโพธิ์ไว้บนแท่นยกสูง


(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=news-photo/khaosod/2013/04/col01240456p3.jpg&width=360&height=360)
                                                                           1.พิพิธภัณฑ์ภายในวัดคงคาราม
                                                                           2.วิหารภายในวัดพระเขี้ยวแก้ว
                                                                           3.เด็กๆ มาทัศนศึกษาและไหว้พระเขี้ยวแก้ว
                                                                           4.พระพุทธรูปในอุโบสถวัดพระเขี้ยวแก้ว
                                                                           5.สักการะพระเขี้ยวแก้ว
                                                                           6.ต้นพระศรีมหาโพธิอายุกว่า 2,300 ปี
                                                                           7.ชาวศรีลังกานั่งสมาธิใต้ต้นโพธิ์ในวัดกัลยาณี
                                                                           8.พนักงานเป่าปี่ตีกลองถวายเพล


เมื่อเดินมาถึงบริเวณนี้ สัมผัสได้ถึงความสงบร่มเย็นอย่างแท้จริง พบชาวศรีลังกาไม่น้อยนั่งสวดมนต์ บางคนก็เดินสวดมนต์วนรอบต้นโพธิ์ บังเอิญช่วงที่ไปถึงตรงกับเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ของวัดเดินมาหยุดหน้าต้นโพธิ์ ก่อนบรรเลงปี่ ตีกลอง สอบถามไกด์ได้ข้อมูลว่า เป็นการแสดงความเคารพต่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในช่วงเวลาเพลและช่วงทำวัตรเย็นจะบรรเลงปี่กลอง

    จุดเด่นอีกจุดของวัดคงคาราม อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ของแปลก มีวัตถุโบราณที่ทางวัดได้รับบริจาคตลอดช่วงหลายร้อยปีจัดแสดงไว้
    ห่างวัดคงคารามออกไปเล็กน้อย เป็นที่ตั้งของ "วัดกัลยาณีราชมหาวิหาร" วัดนี้มีความสำคัญตรงที่พระพุทธเจ้าเสด็จเยือนเป็นครั้งสุดท้าย ตามตำนานของศรีลังกาว่าไว้อย่างนั้น ในวัดนี้มีวิหารขนาดใหญ่ ตระหง่าน เคียงคู่กับเจดีย์องค์ใหญ่สีขาว

     ภายในวิหารมีจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม ทั้งในเรื่องการ ใช้สี การจัดวางเรื่องราวในพุทธประวัติ ชาดก และตำนานต่างๆ อาทิ ภาพเจ้าชายทันตกุมาร กับเจ้าหญิงเหมมาลา อัญเชิญพระทันตธาตุ หรือพระเขี้ยวแก้ว จากอินเดียมาลังกา หรือภาพพระเจ้ากิตติราชสิงหะ ทรงแต่งตั้งพระเวลิวิตะ ศรีสรณังกร เป็นพระสังฆราชแห่งสยามนิกาย
     ส่วนทางด้านข้างวิหารทางทิศใต้ มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ เป็น 1 ใน 13 ต้น ที่แยกหน่อมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ ที่อนุราธปุระ มีชาวพุทธมารดน้ำบูชากันมิขาดสาย บ้างก็มานั่งสมาธิทำจิตใจให้สงบท่ามกลางบรรยากาศร่มเย็น

ผ่านมา 2 วัด เริ่มสังเกตเห็นแผ่นศิลาครึ่งวงกลมสลักลายบริเวณทางเข้าศาสนสถาน เกิดความสงสัยว่าแผ่นศิลามีความหมาย หรือความสำคัญอย่างไร กระทั่งได้คำตอบว่า แผ่นศิลาที่เห็นเรียกว่า "อัฒจันทร์" ถือว่าเป็นขั้นบันไดทางจิตวิญญาณอย่างหนึ่ง ผู้สักการะที่เดินข้ามขณะเข้าวิหาร จะได้ตั้งสมาธิก้าวล่วงจากโลกมายาสู่นิพพาน

นอกจากวัดในกรุงโคลอมโบแล้ว ตามเมืองต่างๆ ยังมีวัดและศาสนสถานสำคัญที่น่าสนใจอื่นอีก เช่นที่เมืองอนุราธปุระ มีต้นพระศรีมหาโพธิ อายุกว่า 2,300 ปี ที่พระเจ้าอโศกแห่งเมืองอนุราธปุระ นำหน่อพันธุ์มาจากต้นพระศรีมหาโพธิที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย มาปลูกไว้ที่นี่

โดยได้รับการเคารพนับถือ และปฏิบัติบูชาด้วยความเคารพอย่างสูงจากชาวศรีลังกามาตลอด ไม่ว่าใครที่มีโอกาสมาสักการะต้น พระศรีมหาโพธิ จะต้องเก็บเอาใบที่ร่วงหล่นจากต้นติดตัวกลับบ้านไปด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่เราเห็นต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ แต่กลับไม่เห็นใบโพธิ์หล่นร่วงตามพื้นเลยอีกทั้งที่อนุราธปุระ ยังเป็นที่ตั้งของเจดีย์เชตวนาราม เป็นเจดีย์ สีขาวตั้งสูงตระหง่านมีขนาดใหญ่ที่สุดในอนุราธปุระ


(http://www.oceansmile.com/Picture53/Srilangka23Sep/730/DSCN2253.jpg)

(http://www.oceansmile.com/Picture53/Srilanka6Aug/730/DSC_0470.jpg)

ไฮไลต์สำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับการตามรอยพุทธศาสนาที่ศรีลังกา คือการเดินทางมายังเมืองแคนดี้ ที่ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวง แต่ปัจจุบันเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ เป็นที่ตั้งของ "วัดพระเขี้ยวแก้ว" วัดพุทธที่สำคัญที่สุดในศรีลังกา เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐาน "พระเขี้ยวแก้ว" วัตถุบูชาที่ชาวพุทธเคารพ จึงเป็นที่ดึงดูดผู้จาริกแสวงบุญทั่วศรีลังกา และชาวพุทธจากหลายประเทศทั่วโลก

เมื่อย่างเข้าวัด สัมผัสได้ถึงความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ศรีลังกา ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าไปในวิหารอันเป็นที่ประดิษฐานของ พระเขี้ยวแก้ว ผู้ที่จะเข้าไปสักการะต้องสวมใส่ชุดสีขาวเท่านั้น แม้จะได้เห็นพระเขี้ยวแก้วเพียงไม่กี่วินาที แต่สำหรับชาวพุทธแล้ว นี่คือมงคลสูงสุดในชีวิตที่มีโอกาสได้มาสักการะ


(http://www.phrathai.net/sites/default/files/u469/2461195.jpg)

พล.อ.สุวันทะ แหนนะทิ เคศานตะ โกฏเฏโกฑะ เอกอัครราชทูตศรีลังกา ประจำประเทศไทย เล่าให้ฟังว่าคนทั่วไปจะเห็นเพียงส่วนที่ครอบพระเขี้ยวแก้วไว้เท่านั้น แม้แต่ประธานาธิบดียังไม่เคยเห็นเลย เพราะด้วยความศักดิ์สิทธิ์จึงไม่อนุญาตให้ใครเห็น

ทูตศรีลังกาบอกว่า คนที่เคยเห็นจริงๆ มีเพียงคนที่ถือกุญแจ 3 คนเท่านั้น คือ พระสังฆราชของสยามนิกาย ทั้ง 2 องค์ คือฝ่ายอรัญวาสี กับคามวาสี และฝ่ายฆราวาสที่ได้รับการคัดเลือกเท่านั้น ถือโอกาสฉลองครบรอบ 260 ปีสยามวงศ์ หาโอกาสมาเดินตามรอยเส้นทางธรรมในศรีลังกา รับรองไม่เสียเที่ยว


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMk5qYzVNVEEzTlE9PQ==&sectionid= (http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMk5qYzVNVEEzTlE9PQ==&sectionid=)
http://www.dhammahome.com/,http://www.oceansmile.com/,http://www.phrathai.net/ (http://www.dhammahome.com/,http://www.oceansmile.com/,http://www.phrathai.net/)


หัวข้อ: Re: ศรีลังกาฉลอง 260 ปี พุทธ"สยามวงศ์"
เริ่มหัวข้อโดย: nopporn ที่ เมษายน 25, 2013, 10:11:39 am
 st11 st12 st12 st12