หัวข้อ: มาร 5+3 ไม่อยากประสบพบพาน..ต้องทำอย่างไร.? เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 13, 2013, 08:37:30 am (http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=news-photo/khaosod/2013/05/hap04120556p1.jpg&width=360&height=360) พระพุทธรูปปางชี้มาร คอลัมน์ คติ-สัญลักษณ์สถาปัตยกรรมไทย โดย..ชวพงศ์ ชำนิประศาสน์ เป็นพระพุทธรูปในอิริยาบถยืน พระหัตถ์ซ้ายห้อยลงข้างพระวรกาย พระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมอพระพักตร์ ชี้นิ้วไปข้างบน จากพุทธประวัติตอนหนึ่งว่า พระโคธิกเถระ ซึ่งเพียรพยายามจะทำนิพพานให้แจ้ง และมักจะล้มเหลวเมื่อเจริญสมาธิไปถึงขั้นสุดท้าย แต่ก็ไม่ท้อถอย ได้เพียรพยายามจนบรรลุนิพพานขณะที่จิตจะดับลง เป็นเหตุให้มารหรือเทพบุตรมารตามหาวิญญาณของพระโคธิกเถระไม่พบ พระพุทธเจ้าจึงชี้ให้บรรดาสาวกทั้งหลายได้เห็นมารที่กำลังตามหาวิญญาณของพระโคถิกเถระ และได้กล่าวพุทธพจน์ความว่า "ผู้มีศีล อยู่ด้วยความไม่ประมาท ย่อมถึงวิมุตติ เพราะฌานหยั่งรู้ชอบแล้ว มารจะไม่ประสบพบช่องทางได้เลย" พุทธประวัติตอนนี้จึงเป็นสัญลักษณ์ที่จะกล่าวถึงเรื่องของมาร ดังนั้น คติของมารก็คือ มารในความหมายทางพุทธศาสนาที่หมายถึง ผู้หรือสิ่งที่เป็นอุปสรรคขัดขวาง หรือผู้กีดกันบุญกุศล ผู้กีดกันบุญกุศล มี 5 อย่าง คือ 1.ขันธมาร มารคือขันธ์ 5 ร่างกายไม่อำนวยให้ทำความดี เช่น เจ็บป่วย ทุพพลภาพทำให้หมดโอกาสดีๆ ในชีวิต 2. อภิสังขารมาร มารคือบุญบาป ความชั่วทำให้ขัดขวางมิให้บรรลุคุณธรรม และบางทีบุญก็ขัดขวางเช่นเดียวกัน เพราะเป็นเหตุให้เวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏ ผู้ที่ทำบุญไปเกิดในภพภูมิที่ดี เช่น สวรรค์ ก็หลงมัวเมาไม่รู้สร่าง อย่างนี้แหละที่ท่านว่าบุญก็เป็นมารมิให้บรรลุธรรม 3. กิเลสมาร มารคือกิเลส โลภ โกรธ หลง เป็นมารเพราะขัดขวางมิให้บุคคลบรรลุผลสำเร็จดีงาม 4. มัจจุมาร มารคือความตาย ความตายทำลายทุกสิ่งในชีวิต บางทีกำลังก้าวหน้าในชีวิตทั้งทางโลก และทางธรรม ก็มาด่วนตายเสียก่อน ความตายจึงตัดโอกาสดีๆ ในชีวิต 5. เทวปุตตมาร มารคือเทพบุตร เทวดาที่เกเรคอยขัดขวางมิให้คนทำดี หมายเอาเทวบุตรฝ่ายอันธพาลทั้งหลายอย่างสูง หมายเอาพญามารชื่อ วสวัตตี (http://detonator.exteen.com/images/VipassanaCamp/DSC_0313.JPG) สิ่งที่เป็นอุปสรรคขัดขวาง เสมือนเป็นมารอีกประการก็คือ สิ่งที่เรียกว่า ปปัญจธรรม มี 3 ประการคือ 1. มานะ คือความถือตัวว่าเรารู้ดีแล้ว เราเก่งแล้ว หรือผู้แสดงธรรมท่านอื่นก็รู้พอๆ กันกับเรา หรือเรามันโง่เขลาเบาปัญญาไม่มีทางที่จะเรียนรู้ธรรมได้เลย 2. ทิฏฐิ คือการมีความเชื่อมั่น หรือปักใจเชื่อในแนวทางปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใดที่มีอยู่เดิม คิดว่าแนวทางของเราที่ทำอยู่นี้เท่านั้นถูกต้อง แนวทางอื่นๆ ไม่ถูกต้อง 3. ตัณหา คือความอยาก ในที่นี้หมายถึงความอยากที่จะปฏิบัติธรรม และความอยากที่จะบรรลุธรรม เมื่อมีความอยากก็เกิดการกระทำตามอำนาจของความอยากต่างๆ โดยเชื่อว่าถ้ามีความเพียรปฏิบัติและสร้างความปรุงแต่งฝ่ายกุศลให้เต็มที่แล้ว จะรู้ธรรมได้ในที่สุด ตัณหา คือ ความอยากจะบรรลุธรรมนั้นมาจากมานะและทิฏฐิ ซึ่งไม่เป็นสัมมาทิฏฐิแล้วย่อมไม่มีหนทางบรรลุธรรมได้ ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROb1lYQXdOREV5TURVMU5nPT0=§ionid=TURNeE53PT0=&day=TWpBeE15MHdOUzB4TWc9PQ== (http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROb1lYQXdOREV5TURVMU5nPT0=§ionid=TURNeE53PT0=&day=TWpBeE15MHdOUzB4TWc9PQ==) http://detonator.exteen.com/ (http://detonator.exteen.com/) หัวข้อ: Re: มาร 5+3 ไม่อยากประสบพบพาน..ต้องทำอย่างไร.? เริ่มหัวข้อโดย: VongoleX ที่ พฤษภาคม 13, 2013, 09:51:34 am อนุึโมทนา กับผู้แจก ธรรมประจำวัน ครับ
สาธุ :58: :c017: หัวข้อ: Re: มาร 5+3 ไม่อยากประสบพบพาน..ต้องทำอย่างไร.? เริ่มหัวข้อโดย: Roj khonkaen ที่ พฤษภาคม 14, 2013, 01:49:07 pm สาธุค่ะ st12 st12 st12 :25: :88: thk56
|