สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 23, 2013, 07:57:43 am



หัวข้อ: ปรับท่าทางร่างกาย ก่อนปวดคอ-ปวดหลังเรื้อรัง!
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 23, 2013, 07:57:43 am

(http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/cover/204213.jpg)

ปรับท่าทางร่างกาย ก่อนปวดคอ-ปวดหลังเรื้อรัง!

แพทย์ไขความกระจ่างปัญหาปวดคอ ปวดหลัง พร้อมเผยท่าทางควรเลี่ยง และเทคนิคบริหารกล้ามเนื้อเบื้องต้น

ถ้าถามว่า ใครบ้างไม่เคยปวดคอ ปวดหลัง คงเป็นการยากหากจะหาผู้ที่ไม่เคยประสบปัญหาดังกล่าวเลย เมื่อเป็นเรื่องใกล้ตัวเช่นนี้ ‘นพ.เตมีย์ เสถียรราษฎร์’ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกสันหลัง ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เล่าถึงปัญหาปวดคอ ปวดหลังว่า ในความเป็นจริงแล้ว คนทุกเพศทุกวัยสามารถมีอาการปวดต้นคอและปวดหลังได้จากกล้ามเนื้ออักเสบเกร็ง ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้งานกล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำๆ ในท่าเดิมๆ ร่วมกับปัจจัยร่วมอื่นๆ เช่น ความเครียด อายุ น้ำหนัก และกรรมพันธุ์ สำหรับผู้ที่มีอาการข้างต้นเป็นประจำ อาจถือเป็นสัญญาณเตือนว่าให้ปรับพฤติกรรมการใช้ร่างกาย ไม่ควรนั่งหลังงอ หรือนั่งทำงานติดต่อกันนานเกินไป และไม่ควรยกของหนัก

ปัญหาที่ว่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร คุณหมอเตมีย์ จึงอธิบายถึง “กระดูกคอ” จุดเกิดเหตุ ว่า มีหน้าที่ในการเคลื่อนไหวคอในทิศทางต่างๆ เช่น ก้ม เงย หันซ้ายหันขวา หรือเอียงคอไปมา แต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งมีการใช้งานซ้ำๆ ของกระดูกคอ จะทำให้น้ำในหมอนรองที่อยู่ระหว่างกระดูกค่อยๆ ลดลง ส่งผลให้หมอนรองกระดูกเหี่ยวแฟบและยุบตัว รับการกระแทกได้น้อยลง จากนั้นร่างกายก็จะค่อยๆ สร้างหินปูนขึ้นมาบริเวณใกล้ๆ กับหมอนรองกระดูก เพื่อช่วยในการกระจายน้ำหนักในบริเวณกระดูกคอ

สำหรับหินปูนที่เกิดขึ้นนี้พบได้ในผู้สูงอายุเกือบทุกคน เพราะเป็นกลไกของการเสื่อมที่เกิดขึ้นตามอายุ ซึ่งอาจจะไม่มีอาการใดๆ เลย ทว่ากรณีที่ปวดมาก หินปูนอาจไปกดเบียดเส้นประสาทและไขสันหลังบริเวณคอ และยังจะทำให้เกิดอาการผิดปกติทางระบบประสาทได้

และเพื่อรู้ให้ชัดๆ คุณหมอเตมีย์ แจกแจงอาการกระดูกคอเสื่อม แบ่งได้สองกลุ่ม โดยกลุ่มแรก คือ มีอาการปวดคอจากหมอนรองกระดูกเสื่อมหรือข้อต่อหลวม ส่วนกลุ่มสอง คือ มีอาการจากการกดไขสันหลังหรือเส้นประสาท ซึ่งจะมีอาการปวดร้าวจากบริเวณคอลงไปที่แขน มือ อาจพบอาการชาและอ่อนแรงของกล้ามเนื้อในบริเวณแขนด้วย 


(http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/photos/204213/0.jpg)

อย่างไรก็ตาม อาการปวดที่เกิดขึ้นมักจะเป็นมากเวลามีการเคลื่อนไหว หันคอ เอี้ยวคอ ในรายที่มีการกดทับไขสันหลังจะมีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อแขนและขาส่งผลให้การเดินผิดปกติ และอาจมีมือเกร็งหยิบจับสิ่งของลำบากหรือเขียนหนังสือไม่ได้ ผู้ที่มีอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์เพื่อซักประวัติและตรวจร่างกาย รวมถึงตรวจเอ็กซเรย์ และการตรวจพิเศษ เช่น การตรวจภาพถ่ายรังสีคลื่นแม่เหล็ก(MRI) และการตรวจคลื่นไฟฟ้าของกล้ามเนื้อ (EMG)

แม้ว่าภาวะกระดูกคอเสื่อมจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปวดคอ แต่ในความเป็นจริง คุณหมอเตมีย์ ชี้ว่าคนส่วนใหญ่มักปวดคอเพราะปัญหากล้ามเนื้อมากกว่า ดังนั้นการดูแลตัวเองในเบื้องต้นเพื่อบรรเทาอาการปวดจึงทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวัน เช่น ปรับท่าทางในการนั่งทำงาน ไม่นอนหมอนสูงเกินไป หลีกเลี่ยงการยกของหนัก ไม่นั่งก้มคอ หลังงอทำงาน หรือแหงนคอบ่อยๆ ไม่นั่งหลับสัปปะหงก 

ท่านั่งที่ถูกต้องต้องนั่งตัวตรงโดยมองจากทางด้านข้างแนวหูจะตรงกับกระดูกสะโพก ไม่ควรนั่งทำงานติดต่อกันนานเกินไป (ควรลุกยืนหรือเดิน 5-10 นาที ทุกๆ 1 ชั่วโมง) ปรับสิ่งแวดล้อมในที่ทำงานหรืองานให้เหมาะสม เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ควรปรับระดับให้ได้ความสูงที่พอดีและไม่เอนพนักมากเกินไป เก้าอี้ที่นั่งทำงานควรจะมีพนักพิงสูงถึงท้ายทอยเพื่อที่เวลานั่งทำงานจะสามารถพิงได้ถึงศีรษะ จะช่วยลดการเกร็งของกล้ามเนื้อหลังและคอ นอกจากนั้นควรหาเวลาไปออกกำลังกาย เช่น เต้นแอโรบิค เดิน ขี่จักรยาน  รำมวยจีน ลีลาศ(ยกเว้นท่าที่สะบัดคอ) ว่ายน้ำ(หลีกเลี่ยงท่ากบ)

นอกจากปรับท่าทางแล้ว อย่าลืมหากิจกรรมเพื่อลดความเครียดของจิตใจ เพราะความเครียดก็ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งได้บ่อย และควรจัดสรรเวลากายภาพบำบัดร่วมด้วย เช่น การประคบร้อน อัลตราซาวด์  การบีบนวดก็ช่วยได้ แต่ถ้ารักษาในเบื้องต้นแล้วไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์


(http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/photos/204213/1.jpg)

    สุดท้ายคุณหมอเตมีย์ แนะท่าบริหารที่ควรทำเป็นประจำคือ การยืดกล้ามเนื้อเพื่อลดอาการปวดเกร็ง
    ถ้าต้องการยืดกล้ามเนื้อคอด้านขวา ให้นั่งทับมือขวาแล้วใช้มือซ้ายวางที่บริเวณหูขวา
    จากนั้นใช้มือซ้ายกดศีรษะให้เข้ามาชิดไหล่ซ้ายให้มากที่สุดค้างไว้ 20 วินาทีแล้วทำซ้ำข้างละ 10-20 ครั้ง
    โดยควรทำวันละ 2 รอบเช้าเย็นหรือก่อนนอน

    ส่วนการยืดกล้ามเนื้อหลังส่วนล่างให้นอนหงายแล้ว ทำท่ากอดเข่าให้เข่าชิดอกให้มากที่สุดค้างไว้ 20 วินาที
    โดยทำทีละข้างสลับกันวันละ 20 รอบก่อนนอน ท่าทางเหล่านี้
    ถ้าฝึกเป็นประจำจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อบริเวณคอและหลังให้ยืดหยุ่น แข็งแรง

    ไม่อยากปวดคอ ปวดหลัง อย่าลืมปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอเตมีย์กันล่ะ.

    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
    takecareDD@gmail.com


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.dailynews.co.th/article/822/204213 (http://www.dailynews.co.th/article/822/204213)
วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม 2556 เวลา 00:00 น.