หัวข้อ: เหตุใด พระพุทธเจ้า จึงทรงรับนิมนต์ปลงอายุสังขาร คะ เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ พฤษภาคม 24, 2013, 06:52:43 am ask1
เหตุใด พระพุทธเจ้า จึงทรงรับนิมนต์ปลงอายุสังขาร คะ thk56 หัวข้อ: Re: เหตุใด พระพุทธเจ้า จึงทรงรับนิมนต์ปลงอายุสังขาร คะ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 28, 2013, 09:13:52 am ask1 ans1 ans1 ans1 มีสามข้อครับ ข้อแรก เพราะธรรมวินัยของพระพุทธองค์ ได้ประดิษฐานลงอย่างมั่นคงแล้ว ข้อสอง พระอานนท์ไม่ได้ขอให้พระองค์เจริญอิทธิบาท ให้อยู่ตลอดกัป หรือเกินกัป(ก่อนปลงอายุสังขาร) ข้อสาม บุพกรรมของพระพุทธองค์ในอดีต ส่งผลให้พระองค์มีอายุแค่ ๘๐ ปี รายละเอียดในแต่ละข้อจะนำเสนอต่อไป :49: :49: :49: หัวข้อ: Re: เหตุใด พระพุทธเจ้า จึงทรงรับนิมนต์ปลงอายุสังขาร คะ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 29, 2013, 10:02:03 am (http://www.skn.ac.th/skl/project1/kum50/b16.jpg) ขอบคุณภาพจาก http://www.skn.ac.th/ (http://www.skn.ac.th/) มหาปรินิพพานสูตร [๙๕] ครั้งนั้น มารผู้มีบาป เมื่อท่านพระอานนท์หลีกไปแล้วไม่นานเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง มารผู้มีบาปยืนเรียบร้อยแล้ว ได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคจงปรินิพพานในบัดนี้เถิด ขอพระสุคตจงปรินิพพานในบัดนี้เถิดบัดนี้ เป็นเวลาปรินิพพานของพระผู้มีพระภาค ก็พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระวาจานี้ไว้ว่า ดูกรมารผู้มีบาป ภิกษุผู้เป็นสาวกของเราจักยังไม่เฉียบแหลม ไม่ได้รับแนะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็นพหูสูต ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ไม่ปฏิบัติชอบ ไม่ประพฤติตามธรรม เรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว ยังบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ง่ายไม่ได้ ยังแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ข่มขี่ปรัปวาทที่บังเกิดขึ้นให้เรียบร้อยโดยสหธรรมไม่ได้เพียงใด เราจักยังไม่ปรินิพพานเพียงนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็บัดนี้ ภิกษุผู้เป็นสาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้เฉียบแหลมแล้ว ได้รับแนะนำแล้ว แกล้วกล้า เป็นพหูสูต ทรงธรรม ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ประพฤติตามธรรมเรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว บอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนกกระทำให้ง่ายได้ แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ข่มขี่ปรัปวาทที่บังเกิดขึ้นให้เรียบร้อยโดยสหธรรมได้ ฯ ................................................ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็บัดนี้ พรหมจรรย์ของพระผู้มีพระภาคนี้สมบูรณ์แล้วกว้างขวาง แพร่หลาย รู้กันโดยมาก เป็นปึกแผ่น จนกระทั่งพวกเทวดาและมนุษย์ประกาศได้ดีแล้ว ขอพระผู้มีพระภาคจงปรินิพพานในบัดนี้เถิด ขอพระสุคตจงปรินิพพานในบัดนี้เถิด บัดนี้ เป็นเวลาปรินิพพานของพระผู้มีพระภาค ฯ เมื่อมารกราบทูลอย่างนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสตอบว่า ดูกรมารผู้มีบาป ท่านจงมีความขวนขวายน้อยเถิด ความปรินิพพานแห่งตถาคตจักมีไม่ช้า โดยล่วงไปอีกสามเดือนแต่นี้ ตถาคตก็จักปรินิพพาน ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงมีพระสติสัมปชัญญะทรงปลงอายุสังขาร ณ ปาวาลเจดีย์ และเมื่อพระผู้มีพระภาคทรงปลงอายุสังขารแล้ว ได้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ และขนพองสยองเกล้าน่าพึงกลัว ทั้งกลองทิพย์ก็บันลือลั่น พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนั้นแล้ว ฯลฯ __________________________________________________________ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=1888&Z=3915&pagebreak=0 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=1888&Z=3915&pagebreak=0) ans1 ans1 ans1 จากข้อธรรมด้านบนชี้ให้เห็นว่า เหตุที่พระพุทธองค์ปลงอายุสังขาร เนื่องจากมารกราบทูลให้ปรินิพพานถึงสามครั้ง โดยให้เหตุผลว่า "ภิกษุผู้เป็นสาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้เฉียบแหลมแล้ว ได้รับแนะนำแล้ว แกล้วกล้า เป็นพหูสูต ทรงธรรม ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ประพฤติตามธรรมเรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว บอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนกกระทำให้ง่ายได้ แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ข่มขี่ปรัปวาทที่บังเกิดขึ้นให้เรียบร้อยโดยสหธรรมได้" เหตุผลข้างต้น มารไม่ได้เป็นผู้กำหนด พระพุทธเจ้าเป็นผู้ตั้งเงื่อนไขปรินิพพานไว้เอง สุดท้ายมารได้สรุปไว้ว่า "พรหมจรรย์ของพระผู้มีพระภาคนี้สมบูรณ์แล้วกว้างขวาง แพร่หลาย รู้กันโดยมาก เป็นปึกแผ่น จนกระทั่งพวกเทวดาและมนุษย์ประกาศได้ดีแล้ว ขอพระผู้มีพระภาคจงปรินิพพานในบัดนี้เถิด" นี้เป็นเหตุผลข้อแรก :25: :25: :25: หัวข้อ: Re: เหตุใด พระพุทธเจ้า จึงทรงรับนิมนต์ปลงอายุสังขาร คะ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 29, 2013, 11:25:54 am (http://www.84000.org/tipitaka/picture/p68.jpg) ขอบคุณภาพจาก http://www.84000.org/ (http://www.84000.org/) มหาปรินิพพานสูตร [๙๔] ครั้งนั้น เวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงนุ่งแล้ว ทรงถือบาตรและจีวรเสด็จเข้าไปบิณฑบาตยังเมืองเวสาลี ครั้นเสด็จเที่ยวบิณฑบาตแล้ว เวลาปัจฉาภัตเสด็จกลับจากบิณฑบาตแล้ว ตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า ดูกรอานนท์ เธอจงถือเอาผ้านิสีทนะไป เราจักเข้าไปยังปาวาลเจดีย์ เพื่อพักผ่อนตอนกลางวัน ท่านพระอานนท์ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว ถือเอาผ้านิสีทนะตามเสด็จพระผู้มีพระภาคไปทางเบื้องพระปฤษฎางค์ ฯ ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จเข้าไปยังปาวาลเจดีย์ ครั้นเสด็จเข้าไปแล้วประทับนั่งบนอาสนะที่ท่านพระอานนท์ปูลาดถวาย ฝ่ายท่านพระอานนท์ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นท่านพระอานนท์นั่งเรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาคได้รับสั่งกะท่านว่า ดูกรอานนท์ เมืองเวสาลีน่ารื่นรมย์ อุเทนเจดีย์ โคตมเจดีย์ สัตตัมพเจดีย์ พหุปุตตเจดีย์ สารันทเจดีย์ปาวาลเจดีย์ ต่างน่ารื่นรมย์ อิทธิบาททั้ง ๔ อันผู้ใดผู้หนึ่งเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กระทำให้เป็นดุจยาน กระทำให้เป็นดุจพื้น ให้ตั้งมั่นแล้ว สั่งสมแล้วปรารภดีแล้ว ผู้นั้นเมื่อจำนงอยู่ พึงดำรงอยู่ได้ตลอดกัป หรือเกินกว่ากัป ดูกรอานนท์ อิทธิบาททั้ง ๔ ตถาคตเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กระทำให้เป็นดุจยาน กระทำให้เป็นดุจพื้น ให้ตั้งมั่นแล้ว สั่งสมแล้ว ปรารภดีแล้ว ตถาคตนั้น เมื่อจำนงอยู่ จะพึงดำรงอยู่ได้ตลอดกัป หรือเกินกว่ากัป แม้เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงกระทำนิมิตอันหยาบ โอภาสอันหยาบอย่างนี้ ท่านพระอานนท์ก็มิอาจรู้ทัน จึงมิได้ทูลวิงวอนพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงดำรงอยู่ตลอดกัป ขอพระสุคตจงทรงดำรงอยู่ตลอดกัป เพื่อประโยชน์ของชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขของชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขของเทวดา และมนุษย์ทั้งหลายดังนี้ เพราะถูกมารเข้าดลใจแล้ว แม้ครั้งที่ ๒ พระผู้มีพระภาคก็รับสั่งกะท่านพระอานนท์ ฯลฯ แม้ครั้งที่ ๓ พระผู้มีพระภาคก็รับสั่งกะท่านพระอานนท์ ฯลฯ ท่านพระอานนท์ก็มิอาจรู้ทัน ... เพราะถูกมารเข้าดลใจแล้ว ฯ ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะท่านพระอานนท์ว่า เธอจงไปเถิดอานนท์ เธอรู้กาลอันควรในบัดนี้ ท่านพระอานนท์ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว ลุกจากอาสนะถวายบังคมพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณแล้วไปนั่ง ณ โคนไม้แห่งหนึ่งในที่ไม่ไกล ฯลฯ ........................................ฯลฯ ดูกรอานนท์ เพราะฉะนั้น เรื่องนี้เป็นความผิดพลาดของเธอผู้เดียวเพราะว่า เมื่อตถาคตทำนิมิตอันหยาบ ทำโอภาสอันหยาบอย่างนี้ เธอมิอาจรู้ทัน จึงมิได้วิงวอนตถาคตว่า ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงดำรงอยู่ตลอดกัป ขอพระสุคตจงทรงดำรงอยู่ตลอดกัป เพื่อประโยชน์ของชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขของชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ถ้าเธอวิงวอนตถาคต ตถาคตจะพึงห้ามวาจา เธอเสียสองครั้งเท่านั้น ครั้นครั้งที่สาม ตถาคตพึงรับ เพราะฉะนั้นแหละ อานนท์เรื่องนี้จึงเป็นความผิดพลาดของเธอผู้เดียว ฯ __________________________________________________________ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=1888&Z=3915&pagebreak=0 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=1888&Z=3915&pagebreak=0) (http://download.buddha-thushaveiheard.com/images/All_page_04/Picture1-40/34.jpg) ภาพจาก http://download.buddha-thushaveiheard.com/images/All_page_04/html_1-40/SC_34.html (http://download.buddha-thushaveiheard.com/images/All_page_04/html_1-40/SC_34.html) ในเวลาเช้า ตรงกับวันเพ็ญเดือน ๓ วันมาฆบูชา พระพุทธองค์เสด็จเข้าไปบิณฑบาต ณ เมืองไพศาลี ในครั้งนั้น พระพุทธองค์ได้แสดง โอฬาริกนิมิต คือตรัสให้พระอานนท์ทราบว่า “ผู้ใดเจริญ อิทธิบาทภาวนา หรืออิทธิบาท ๔ สมบูรณ์ดีแล้ว ผู้นั้นสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ถึงกัปหนึ่ง หรือเกินกว่าได้ตามประสงค์” แม้พระพุทธองค์ได้ตรัสแสดงนิมิตถึง ๓ ครั้ง แต่พระอานนท์ ก็มิได้ทูลอาราธนาให้ดำรงพระชนมชีพอยู่ตลอดกัปหนึ่ง เพราะเหตุที่พญามารได้เข้าดลใจ ans1 ans1 ans1 ข้อธรรมข้างต้นแสดงให้เห็นว่า เหตุที่พระอานนท์มิได้อาราธนาพระพุทธเจ้าให้อยู่ตลอดกัป เพราะมีมารดลใจ อย่างไรก็ตาม พระพุทธเจ้าตรัสว่า เรื่องนี้เป็นความผิดพลาดของพระอานนท์ผู้เดียว พระพุทธเจ้าไม่ได้กล่าวโทษมารเลย เรื่องที่พระพุทธเจ้าตำหนิพระอานนท์นี้ ทำให้ภิกษุเถระที่ประชุมเมื่อคราวปฐมสังคายนา ปรับอาบัติพระอานนท์ทุกกฏ โทษฐานไม่อาราธนาพระพุทธเจ้าให้อยู่ตลอดกัป เพื่อนๆครับ คำว่า "กัป" ในเวลานั้น อยู่ที่ประมาณ ๑๐๐ ปี ความในอรรถกถา ทีฆนิกาย มหาวรรคมหาปทานสูตร กล่าวไว้ว่า อายุเกินกว่า ๑๐๐ ปีมีน้อย. ครั้นยังไม่ถึง ๑๐๐ ปี ย่อมเป็นอยู่ ๒๐ ปี ๓๐ ปี ๔๐ ปี ๕๐ ปี หรือ ๖๐ ปี. แต่คนอายุยืนอย่างนี้หาได้ยากนัก ได้ข่าวว่า คนโน้นอยู่นานอย่างนี้ ควรพากันไปดูในที่นั้นๆ. บรรดาคนมีอายุยืนนั้น นางวิสาขาอุบาสิกาอยู่ได้ ๑๒๐ ปี พราหมณ์โปกขรสาติ พราหมณ์พรหมายุ พราหมณ์เสละ พราหมณ์พาวริยะ พระอานนทเถระ พระมหากัสสปเถระก็เหมือนกัน แต่พระอนุรุทธเถระอยู่ถึง ๑๕๐ ปี พระพากุลเถระอยู่ ๑๖๐ ปี ท่านผู้นี้มีอายุยืนกว่าทั้งหมด. แม้ท่านก็อยู่ไม่ถึง ๒๐๐ ปี. ดังนั้นความเป็นไปได้ก็คือ คำว่า ตลอดกัป คือ ๑๐๐ ปี เกินกว่ากัป คือ ไม่เกิน ๒๐๐ ปี สรุปเหตุผลข้อที่สอง คือ เพราะพระอานนท์ไม่อาราธนาพระพุทธองค์ให้อยู่ตลอดกัป :25: :25: :25: หัวข้อ: Re: เหตุใด พระพุทธเจ้า จึงทรงรับนิมนต์ปลงอายุสังขาร คะ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 29, 2013, 11:59:16 am (http://www.dhammajak.net/board/files/_73_436.jpg) หลวงพ่อเทศน์..เหตุที่พระพุทธเจ้าต้องมีอายุ 80 ปี โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ สำหรับวันนี้ ก็จะขอเทศน์เป็นการตัดอายุ....เนื้อความก็มีอยู่ว่า เมื่อองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงพระชนม์อยู่ ในวันนั้นองค์สมเด็จพระบรมครูได้ทรงกล่าวกับบรรดาท่านพุทธบริษัทว่า.... “ภิกขเว..ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัพเพ สัตตา มริสสันติ มรณันตัง หิ ชีวิตัง คนเราเกิดมาเท่าไร ตายหมดเท่านั้น” หมายความว่า คนทุกคนและสัตว์ทุกประเภท ที่เกิดมาแล้วมันก็ต้องตาย และต่อมาภายหลังจากนั้นไซร้ เมื่ออายุ 80 ปี องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เสด็จดับขันธ์ คือ "ตาย" ในตอนนี้ไซร้ก็ปรากฏว่า มีอรรถกถาจารย์ทั้งหลาย พยายามรวบรวมคำสอนขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เทศน์ไว้ อยากจะทราบว่า เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาเคยเทศน์ไว้ว่า...คนที่มีการคล่องใน อิทธิบาท 4 คือ.... ฉันทะ ความพอใจ วิริยะ ความเพียร จิตตะ การจดจ่อ การเพียรในกิจการงานที่ทำ วิมังสา การใคร่ครวญการงานที่ทำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การคล่องในอิทธิบาท 4 ในด้านของการปฏิบัติธรรม ผู้ที่คล่องจริง ๆ ในอันดับต้น ได้แก่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ว่าที่คล่องรองลงมาก็คือ บรรดาพระอรหันต์ทั้งหลาย ก็ท่านทั้งสองประเภทนี้ คือพระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์ก็ดี ถ้ามีอิทธิบาทไม่ครบถ้วนบริบูรณ์จะบรรลุ คือ ตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหานไม่ได้ แต่ว่าทำไมองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาทรงเคยกล่าวไว้ว่า ผู้ที่เคยคล่องในอิทธิบาท 4 ประเภทนี้ สามารถจะอธิษฐานตนให้อยู่ได้ถึงกัปหนึ่งหรือกัลป์หนึ่งก็ได้ และองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากลับมานิพพาน เมื่อระหว่างอายุของพระองค์ได้ 80 ปี ตอนนี้ พระอรหันต์ทั้งหลาย ก็มีความสงสัย แต่ทว่าบรรดาพระอรหันต์ตั้งแต่ปฏิสัมภิทาญาณก็ดี ได้อภิญญาหกก็ดี วิชชาสามก็ดี ท่านทั้งหลายเหล่านี้ไม่สงสัย รู้ด้วยอำนาจของอตีตังสญาณ แต่ทว่า สำหรับพระอรหันต์ขั้นสุกขวิปัสสโกนี้ต้องสงสัย เพราะว่าไม่ได้ญานวิเศษ จึงต้องค้นคว้าคำแนะนำขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ (http://www.igetweb.com/www/watnamprai/private_folder/kusinara1.jpg) ในที่สุดก็พบว่า สมเด็จพระนราสภ คือ...องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แทนที่จะมีอายุ 1 กัป อย่างที่กล่าวไว้ แต่ทว่าการที่องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดา ต้องมีอายุ 80 ปี เหตุผลก็เป็นมาอย่างนี้ ตามที่องค์สมเด็จพระชินศรี ทรงกล่าวว่า.... อตีเต กาเล ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย...ในอดีตกาล ตถาคตเสวยพระชาติเป็นหน่อพระบรมโพธิสัตว์ บำเพ็ญบารมีเพื่อจะได้ตรัสเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถอยหลังจากชาตินี้กลับไปหลายพันชาติ เวลานั้นสมเด็จพระบรมโลกนาถ ทรงบำเพ็ญบารมีใกล้จะถึงปรมัตถบารมี พระวรกายของพระองค์นี้ มีส่วนพิเศษอยู่จุดหนึ่ง คือ..เท้าทั้งสอง ในอุ้งระหว่างกลางเท้าทั้งสองนี่ มีรูปกงจักรอยู่ด้วยเป็นสีแดง ในเวลานั้น องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เกิดเป็นลูกคนจนทำมาหากินอยู่ในป่า ต่อมาท่านบิดาก็ตายเหลือแต่มารดาผู้เดียว ท่านก็ปฏิบัติตนเป็นคนประกอบไปด้วยความกตัญญูรู้คุณ หาเช้ากินค่ำหรือหาค่ำกินเช้า นำเอาอาหารมาเลี้ยงมารดาเป็นที่รัก คือว่าท่านเป็นคนป่า ก็ตัดฟืนขาย เข้าป่าก็แต่เช้า กลับมาจนบ่าย จนเย็น อาบน้ำอาบท่า กินน้ำบริโภคอาหาร เสร็จแล้วก็นำฟืนเอาไปขาย ได้เงินมาเท่าไร ก็มามอบให้แก่มารดา มารดาก็จัดเงินทั้งหลายเหล่านี้ จัดอาหารมาเลี้ยงดูกัน เป็นอันว่า รายได้ขององค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดา เวลานั้นก็เต็มไปด้วยการฝืดเคืองมาก ในคราวนั้น พระราชามีความลำบากด้วยยักษ์ตนหนึ่ง ที่เขาเรียกว่า “รากษส” นี่มีสภาพเหมือนยักษ์ แต่เป็นยักษ์ที่อยู่ในโพรง และอุโมงค์ใต้ดิน น่ากลัวจะเป็นยักษ์ปลาไหลเพราะอยู่ในโพรง และใต้ดินมันมีบ่ออยู่ แต่ทว่าทางขึ้น ก็ทำเป็นปล่องขึ้น การขุดอุโมงค์อยู่ใต้ดิน เจ้ารากษสตัวนี้ ปรากฏว่าถึงเวลาฤดูหนึ่ง ถ้าเปรียบเทียบกับเวลา ตรุษสงกรานต์ เป็นงานเกี่ยวกับนักขัตฤกษ์ประจำปี เจ้ารากษสตัวนี้ ก็ขึ้นมาจับคนเอาไปกินเป็นอาหาร ทำอย่างนี้ เป็นเวลา 2 – 3 ปี ในแดนไกล (http://www.igetweb.com/www/watnamprai/private_folder/kusinara2.jpg) ต่อมา พระราชาทรงทราบจากบรรดาประชาชนทั้งหลายว่า.. เจ้ารากษสขึ้นมาอาละวาด เจ้ารากษสตัวนี้ขึ้นมาเป็นเวลากาล ถ้าถึงฤดูนั้น ถึงเดือนนั้น วันนั้น มันก็ขึ้นมาจับคนกินเป็นอาหาร เพื่อเป็นเสบียงกรัง ทำอย่างนี้ เป็นเวลา 2 – 3 ปี จนเป็นที่แน่ใจของประชาชนทั้งหลายว่า วันนี้แหละเจ้ารากษสจะขึ้นมาจับคนไปกิน จึงไปกราบทูลพระราชาให้ทรงทราบ พระราชาก็ให้ป่าวประกาศหาคนดีมีฝีมือให้ไปสู้กับเจ้ารากษส ไปดักอยู่ปากปล่องของรากษสที่จะขึ้นมา ถ้ารากษสขึ้นมา ก็จะฆ่ารากษส ให้ตาย แต่ว่าบรรดาผู้ฟังทั้งหลาย รากษสมีสภาพเป็นยักษ์ มีความดุร้าย มีกำลังมาก แทนที่คนทั้งหลายที่รับอาสาพระราชาจะไปฆ่ารากษส ก็กลายเป็นอาหารของรากษส อย่างดี คือ รากษส ไม่ต้องไปหากินไกล จับคนทั้งหลายที่จะไปฆ่าเขานำกลับไปกินเป็นอาหาร ต่อมาพระราชาเห็นว่า คนทั้งหลายไม่สามารถสู้รากษสได้ การประกาศให้บรรดาคนที่มีฝีมือทั้งหลาย ภายในขอบเขตของพระราชฐาน หรือใกล้พระราชฐาน ก็ไม่มีใครรับอาสาไปปราบรากษส พระราชาได้ประชุมอำมาตย์ ข้าราชบริพารว่า...เราไม่สามารถปราบ รากษส นี้ ได้เพียงใด ความเป็นพระราชาของเราก็ไม่อาจจะคงอยู่ เพราะเราไม่สามารถจะให้ความปลอดภัยกับบรรดาประชาชนได้ แล้วอาศัยที่พระราชาพระองค์นี้ ใช้ ทศพิธราชธรรม อันดี เป็นที่รักของปวงชนทั้งหลาย บรรดาอำมาตย์ข้าราชบริพารจึงประชุมกันว่า ถ้าหากพวกเราไม่สามารถฆ่ารากษสได้ พระราชาก็จะสละราชสมบัติ แล้วคนที่มาใหม่จะดีเท่าองค์นี้ หรือไม่ดีก็ยังไม่แน่นัก จึงปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรดี จะให้พระราชาครองราชย์ต่อไป ในที่ประชุมก็กล่าวกันว่า ทางที่ดีควรประกาศให้บรรดาประชาชนทั้งหลายทั่วประเทศ ที่มีความสามารถเข้าใจตรงกันว่า พระราชามีบุญญาธิการอย่างนี้ และมีความเดือดร้อนอย่างนี้ ราษฎรจนที่ไหน พระองค์ก็ทรงจนด้วย ราษฎรลำบากที่ไหน พระองค์ก็ทรงลำบากด้วย หาทางช่วยราษฎรให้เป็นสุข พระราชาอย่างนี้หาได้ยาก ถ้ากระไรก็ดี ก็ควรกราบทูลให้พระองค์ทรงทราบว่า...คนในประเทศของเรา ไม่มีเท่าที่เห็น เพราะอยู่ในแดนไกล ในขอบเขตต่าง ๆ มีมากมาย ควรจะประกาศให้บรรดาประชาชนทั้งหลายที่มีความสามารถ แต่ไม่มีโอกาสเข้าเฝ้าพระราชา ที่จะรับอาสาฆ่ารากษส ในที่สุดเขาก็กราบทูลให้พระราชาทรงทราบ แล้วก็ทำตามนั้น มอบทองคำเท่าลูกฟักสำหรับผู้รับอาสา (http://www.watnamprai.com/private_folder/_1_~2.jpg) ต่อมาพระราชาก็ส่งคนไปประกาศว่า ถ้าบุคคลใดสามารถจะฆ่ารากษสให้ตายได้ ในช่วงแห่งการรับอาสาจะมอบทองคำเท่าลูกฟัก หนักเท่าตัวบุคคลผู้รับอาสาให้เป็นทุนสำรองไว้ก่อน ทั้งนี้ ก็เผื่อว่าไปพลาดพลั้งถูกรากษสฆ่าตาย ทางบ้านก็จะได้ใช้ทองคำนี้จับจ่ายใช้สอย เป็นการประทังชีวิตให้มีความสุขสบายแทนผู้ตาย ถ้าบุคคลใดฆ่า รากษส ตาย แล้วตัวเองก็ไม่ตาย ทองคำก็ได้เป็นสิทธิ์อยู่แล้ว แต่เมื่อเวลาที่กลับมาประเทศเขตพระนคร พระราชาจะให้เป็นมหาอุปราช คือไปมีตำแหน่งรองจากพระราชา วันนั้น ก็ปรากฏว่าหน่อพระบรมโพธิสัตว์จะเข้าป่าไปหาฟืน แต่ยังไม่ทันจะเข้าเดินออกจากบ้าน ก็ได้ยินเสียงประกาศจจจากอำมาตย์ข้าราชบริพารว่า ถ้าบุคคลผู้ใดรับอาสาฆ่ารากษสได้ พระราชาจะประทานทองคำเท่าลูกฟักหนักเท่าตัวคนผู้อาสาเป็นเดิมพัน แต่ถ้าฆ่ รากษสไม่ได้ต้องตายไป ทองคำนี้ก็จะเลี้ยงครอบครัว และถ้าฆ่าได้ก็จะแถมรางวัลพิเศษ คือให้เป็นมหาอุปราช หน่อพระบรมโพธิสัตว์จึงคิดว่า เราเป็นลูกคนเดียวของแม่คนเดียวหาเช้ากินค่ำ ทรัพย์สมบัติที่หามาได้ ก็พอกินบ้างไม่พอกินบ้าง มีความลำบาก ถ้าหากว่าเราจะยอมเสี่ยงชีวิตของเราตายแต่เพียงผู้เดียว ให้แม่ได้มีโอกาสรับทองคำเท่าลูกฟักหนักเท่าตัวเรา แม่ก็จะกินอยู่แบบสบาย ๆ แม้กระทั่งตาย ทองคำก็ยังไม่หมด เมื่อหน่อพระบรมโพธิสัตว์กำหนดอย่างนี้แล้ว จึงได้ขันรับอาสาแล้วก็รับทองคำมามอบให้แก่แม่ ตอนนี้แม่คัดค้านอย่างหนัก ไม่อยากจะให้ลูกตาย ในที่สุดก็ต้องจำยอม เพราะตกลงกับเขาแล้ว จึงได้มอบทองคำให้แม่ ตัวเองก็ไปเฝ้าพระราชาพร้อมกับอำมาตย์ เข้าไปเฝ้าแล้ว พระราชาถามถึงผลของความต้องการ เธอสามารถแน่ใจที่จะฆ่ารากษสได้หรือ พระโพธิสัตว์ก็บอกว่ามั่นใจ ต่อไปพระราชาถามว่า เจ้าต้องการทหารเท่าไร ต้องการอาวุธอะไรบ้าง จะไปฆ่ารากษส หน่อพระบรมโพธิสัตว์ก็ตอบว่า ไม่ต้องการอะไรอะไรทั้งหมด ต้องการฆ่าด้วยมือเปล่า พระราชาก็หนักใจ แต่ว่าเขาขันรับอาสาตามนั้นก็ต้องปล่อยไป เขาก็นำไปส่งที่ปล่องของรากษส (http://www.jepata.com/_files/news/2011_10_16_215240_jmgvyp11.jpg) หน่อพระบรมโพธิสัตว์ขึ้นไปคอยอยู่ประมาณ 2 วัน พระราชาทรงให้ทหารไปเป็นเพื่อนนำอาหารไปบริโภค ไปคอยอยู่ที่ปากปล่องที่รากษสจะขึ้น ต่อมา เมื่อถึงวันนั้น คือวันกำหนดที่รากษสจะขึ้นมา มีเวลาเป็นประจำก็ขึ้นมาพอดี พอรากษสขึ้นมาไม่ทันจะพ้นปล่อง หัวขึ้นมาพ้นปล่อง หน่อพระบรมโพธิสัตว์ ยกเท้าขึ้นหวังจะกระทืบ คือจะกระทืบให้รากษสคอหักตาย รากษ แหงนหน้าขึ้นมา เห็นอุ้งเท้าของหน่อพระจอมไตรบรมโพธิสัตว์มี "กงจักร" ในระหว่างท่ามกลางฝ่าเท้า ก็คิดว่าคราวนี้เราตายแน่ เราสู้ไม่ได้ เพราะคนนี้ต้องเป็นหน่อพระบรมโพธิสัตว์ เพราะกลางระหว่างเท้ามีกงจักรสีแดง จึงได้พูดว่า.... ช้าก่อน..ท่านอย่าพึ่งฆ่าเรา ท่านนี่เป็นหน่อพระบรมโพธิสัตว์ จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอีกไม่นานนัก เพราะว่ากลางเท้าของท่านมีกงจักร หากท่านฆ่าเราเราก็ตาย ถ้าท่านฆ่าเราไซร้ ท่านจะมีอายุสั้น ถ้าเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ตามธรรมดาพระพุทธเจ้าจะต้องมีอายุสองหมื่นปีบ้าง ถึงสี่หมื่นบ้างก็มี อีกประการหนึ่ง พระพุทธเจ้าสามารถจะอธิษฐานตนให้มีอายุถึงกัปหนึ่งก็ได้ หากว่าท่านฆ่าเราตาย ในเวลานี้เวลานี้เรามีอายุ 80 ปี ถ้าหากว่าท่านฆ่าเราตายในเวลานี้ เมื่อท่านเป็นพระพุทธเจ้า ท่านก็ต้องมีอายุ 80 ปี เท่านั้น การประกาศพระศาสนาของท่าน จะไม่มีผลตามความประสงค์ หน่อพระบรมโพธิสัตว์ ก็กล่าวว่า.. เจ้าเป็นสัตว์ที่มีความดุร้ายมาก ไล่พิฆาตเข่นฆ่าคนเป็นอาหาร ถึงแม้นว่าเราจะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า มีอายุแค่ 80 ปี เราพร้อมยอมตามนั้น ในที่สุด หน่อพระบรมโพธิสัตว์ก็กระทืบศีรษะยักษ์ รากษส ยักษ์ก็คอหักตาย (http://www.mahamodo.com/modo/dhama_bud/bud_history/images/pic_page/78.jpg) นี่แหละบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ตามที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือว่าพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าสามารถจะอธิษฐานอายุของตนให้อยู่ได้ถึงกัปหนึ่งก็ย่อมเป็นได้ เพราะคล่องในอิทธิบาท 4 แต่ว่าที่องค์สมเด็จพระมหามุนีบรมศาสดา จะต้องนิพพาน ภายในอายุ 80 ปี ตามพระบาลีท่านกล่าวว่า เหตุของการฆ่ารากษสตนนั้น จึงเป็นเหตุให้สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องนิพพานในอายุยังสั้น ในที่สุดแห่งพระธรรมเทศนานี้ อาตมภาพในฐานะพรสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีพระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ และพระสังฆรัตนะ ทั้ง 3 ประการ ขอจงดลบันดาลให้บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน มีความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบรรลุแล้ว ขอบรรดาสาวกขององค์สมเด็จพระประทีปแก้ว จงเห็นธรรมนั้น ในชาติปัจจุบันนี้เทอญ..เอวัง..ก็มีด้วยประการฉะนี้. ที่มา www.dek-d.com (http://www.dek-d.com) board.palungjit.com/f23/หลวงพ่อเทศน์-เหตุที่พระพุทธเจ้าต้องมีอายุ-80-ปี-230925.html (http://board.palungjit.com/f23/หลวงพ่อเทศน์-เหตุที่พระพุทธเจ้าต้องมีอายุ-80-ปี-230925.html) ขอบคุณภาพจาก http://www.dhammajak.net/, (http://www.dhammajak.net/,) http://www.igetweb.com/,http://www.watnamprai.com/,http://www.jepata.com/, (http://www.igetweb.com/,http://www.watnamprai.com/,http://www.jepata.com/,) http://www.mahamodo.com/ (http://www.mahamodo.com/) หัวข้อ: Re: เหตุใด พระพุทธเจ้า จึงทรงรับนิมนต์ปลงอายุสังขาร คะ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 29, 2013, 12:28:13 pm ask1 ans1 ans1 ans1 เหตุที่ทรงรับคำทูลขอของมารให้ปรินิพพานนั้น หากเรียงตามพระสูตรแล้วจะมี ๓ ข้อดังนี้ ๑. พระอานนท์ไม่ทูลอาราธนาให้อยู่ตลอดกัป พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เป็นความผิดของพระอานนท์" ถึงแม้มารจะดลใจก็ตาม ๒. พระพุทธองค์ทรงเห็นว่า "ภิกษุผู้เป็นสาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้เฉียบแหลมแล้ว ได้รับแนะนำแล้ว แกล้วกล้า เป็นพหูสูต ทรงธรรม ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ประพฤติตามธรรม เรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว บอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนกกระทำให้ง่ายได้ แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ข่มขี่ปรัปวาทที่บังเกิดขึ้นให้เรียบร้อยโดยสหธรรมได้" ๓. ด้วยบุพกรรมของพระพุทธเจ้าที่เคยไปทำร้าย "รากษส" ตนหนึ่งจนตาย ในขณะที่รากษสตนนั้นมีอายุ ๘๐ ปี บุพกรรมนั้นจึงส่งผลให้พระพุทธองค์มีอายุเพียง ๘๐ ปี เท่ากับรากษส อย่างไรก็ตาม อีกเรื่องหนึ่่งที่ไม่ควรละเลยได้ คือ "พุทธวิสัยของพระพุทธเจ้า" ซึ่งเป็นเรื่องอจินไตย วิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย คือ ความเป็นไป และอานุภาพของพระพุทธคุณ พระพุทธองค์จะเลื่อกปลงอายุสังขาร หรือ ปรินิพพานเมื่อไหร่ อย่างไรนั้น ปุถุชนอย่าได้คิดให้มากเลย คิดมากอาจฟั่นเฟือนได้ เท่าที่กล่าวมานี้ ก็อาจปรามาสหรือกล่าวตู่พุทธพจน์ โดยไม่ตั้งใจก็ได้ :25: :25: :25: หัวข้อ: Re: เหตุใด พระพุทธเจ้า จึงทรงรับนิมนต์ปลงอายุสังขาร คะ เริ่มหัวข้อโดย: komol ที่ พฤษภาคม 30, 2013, 05:54:29 am st11 st12 thk56
หัวข้อ: Re: เหตุใด พระพุทธเจ้า จึงทรงรับนิมนต์ปลงอายุสังขาร คะ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 30, 2013, 08:01:41 am (http://www.oceansmile.com/Picture51/IndiaAug52/600/IMG_2692.jpg) เหตุผลที่พระพุทธเจ้าไม่ดำรงอยู่ตลอดกัป อรรถกถาเจติยสูตร ถามว่า ก็ทำไมจึงไม่ทรงดำรงอยู่เล่า. ตอบว่า ขึ้นชื่อว่าพระสรีระที่เป็นผลของกรรมที่ถูกกิเลสเข้าไปยึดครองแล้ว ถูกชราทั้งหลายมีพระทนต์หักเป็นต้นจะครอบงำ ธรรมดาว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลายยังไม่ถึงความเป็นผู้มีพระทนต์หักเป็นต้นเลย ก็ย่อมปรินิพพานในส่วนพระชนมายุที่ ๕ ในเวลาที่ยังทรงเป็นที่รักที่ชื่นใจของคนจำนวนมากนั่นเอง แต่เมื่อเหล่าพระมหาสาวกผู้เป็นพุทธานุพุทธปรินิพพานแล้ว ก็ย่อมเป็นสรีระที่ต้องตั้งอยู่โดดเดี่ยว เหมือนตอไม้. หรือมีภิกษุหนุ่มและสามเณรห้อมล้อมบ้าง แต่นั้นก็จะต้องถึงความเป็นผู้ที่พึงถูกเยาะเย้ยเหยียดหยามว่า โอ้ บริษัทของพวกพุทธ์ เพราะฉะนั้น พระองค์จึงไม่ดำรงอยู่. แต่เมื่อตรัสคำเช่นนี้แล้ว มารนั้นก็ชอบใจ. _______________________________________________________ http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=19&i=1123 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=19&i=1123) ขอบคุณภาพจาก http://www.oceansmile.com/ (http://www.oceansmile.com/) อรรถกถาอายุสมโอสัชชนสูตร ถามว่า ก็เพราะเหตุไร จึงไม่ดำรงอยู่? ตอบว่า เพราะขึ้นชื่อว่าร่างกายอันมีใจครอง ถูกทุกขเวทนามีฟันหักเป็นต้นเข้าครอบงำ ส่วนพระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่ถึงภาวะแห่งทุกขเวทนามีฟันหักเป็นต้น ย่อมปรินิพพานเฉพาะในเวลาที่ชนเป็นอันมากพากันรักใคร่ชอบใจ ในส่วนแห่งพระชนมายุส่วนที่ ๕ ก็เมื่อพระอัครสาวกและพระมหาสาวกผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้า ปรินิพพานแล้ว จะพึงดำรงอยู่พระองค์เดียว ไม่มีบริวารหรือมีภิกษุหนุ่มและสามเณรเป็นบริวารก็ตาม ต่อแต่นั้น พึงถึงความเป็นผู้ถูกดูหมิ่นว่าน่าสลดใจ บริษัทของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เพราะฉะนั้น จึงไม่ดำรงอยู่. แม้เมื่อท่านกล่าวอย่างนั้น แต่พระองค์ก็ถูกเรียกว่า ไม่ดำรงอยู่. ฯลฯ ..............................................ฯลฯ......... ก็เพราะเหตุไร พระผู้มีพระภาคเจ้าสามารถดำรงอยู่ตลอดกัปหรือเกินกัป จึงไม่ดำรงอยู่ตลอดกาลเพียงเท่านั้น ทรงปลงอายุสังขารตามที่มารขอร้องเพื่อให้ปรินิพพาน? เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้ามิได้ทรงปลงอายุสังขารตามมารขอร้อง จักไม่ปลงอายุสังขารตามที่พระเถระขอร้องก็หามิได้ แต่ว่าหลังจาก ๓ เดือนไป พระองค์ทรงปลงอายุสังขาร เพราะพุทธเวไนยไม่มี ธรรมดาว่า การดำรงอยู่แห่งพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลาย ก็เพียงเพื่อจะแนะนำเวไนยสัตว์ เมื่อเวไนยชนไม่มี พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลายจักดำรงอยู่ด้วยเหตุอะไร ก็ถ้าว่า พระองค์จะพึงปรินิพพานตามที่มารขอร้อง ก็จะพึงปรินิพพานก่อนหน้านั้นทีเดียว. อนึ่ง ท่านกล่าวความนี้ไว้ว่า จริงอยู่ แม้ที่โพธิมณฑล มารก็ขอร้องไว้แล้ว ถึงการทำนิมิตโอภาสก็เพื่อทำความโศกของพระเถระให้เบาบาง. อีกอย่างหนึ่ง การทำนิมิตโอภาสก็เพื่อแสดงพลังของพระพุทธเจ้า. พระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งหลายผู้มีอานุภาพมากอย่างนี้ แม้ดำรงอยู่ ก็ดำรงอยู่ตามความพอพระทัยของพระองค์เท่านั้น. แม้เมื่อจะปรินิพพาน ก็ย่อมปรินิพพานตามความพอพระทัยของพระองค์เหมือนกันแล. ฯลฯ...... ____________________________________________________ http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=127 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=127) ขอบคุณภาพจาก http://tawanth.files.wordpress.com/ (http://tawanth.files.wordpress.com/) (http://tawanth.files.wordpress.com/2013/05/buddhistpilgrimage073.jpg?w=640&h=480) ans1 ans1 ans1 คำอธิบายตามอรรถกถา ดูเหมือนพยายามบอกว่า เหตุที่พระพุทธองค์ไม่ดำรงอยู่ตลอดกัป มี ๔ ข้อ ๑. หากอยู่ต่อไปสังขารจะไม่งาม ไม่เป็นที่เลื่อมใสของพุทธบริษัท ควรปรินิพพานในขณะที่ร่างกายยังงามอยู่ ๒. อัครสาวกทั้งสองปรินิพพานไปก่อนแล้ว การที่ไม่มีอัครสาวกติดตาม อาจถูกดูหมิ่นจากพุทธบริษัทได้ (พระพุทธองค์ไม่ต้องการลาภยศสรรเสริญ แต่พระองค์มองในภาพรวม เพราะพุทธบริษัทที่เป็นปุถุชนมีอยู่มาก อาจคิดปรามาสพระองค์ได้ ซึ่งจะเป็นโทษกับผู้คิดไม่ดีเหล่านั้นได้ อีกอย่างพวกนอกศาสนาอาจถือเอาเหตุนี้โจมตีพุทธศาสนา ซึ่งอาจทำให้ภาพลักษณ์ของพุทธศาสนาดูด่างพร้อยได้) ๓. ไม่มีเวไนยสัตว์ให้โปรดอีกแล้ว(สุภัททปริพาชกเป็นคนสุดท้าย) ๔. ความพอพระทัยของพระองค์ จะอยู่ต่อหรือปรินิพพานก็แล้วแต่พระทัยท่าน (ข้อนี้หมายถึงพุทธวิสัย) :25: :25: :25: หัวข้อ: Re: เหตุใด พระพุทธเจ้า จึงทรงรับนิมนต์ปลงอายุสังขาร คะ เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ พฤษภาคม 31, 2013, 06:27:37 am st11 st12 thk56
|