หัวข้อ: การจัดพระอริยะสงฆ์ นั้น สำคัญกว่า สมมุติสงฆ์ ดังนั้นการที่ สมมุติสงฆ์ ไหว้... เริ่มหัวข้อโดย: waterman ที่ พฤษภาคม 25, 2013, 09:17:46 am ask1
การจัดพระอริยะสงฆ์ นั้น สำคัญกว่า สมมุติสงฆ์ ดังนั้นการที่ สมมุติสงฆ์ ไหว้ พระอริยะ จึงเป็นการสมควรใช่หรือไม่ครับ ดังนั้นถ้า สมมุติสงฆ์ นั้นจะต้องไหว้สักการะ พระอริยะ ควรจะต้องรู้จักพระอริยะ ใช่หรือไม่ครับ คือผมเห็น ฆราวาสผู้ครองเรือน หลายท่าน ประกาศตนเป็นพระอริยะ จึงไม่ไหว้กราบ สมมุติสงฆ์ อย่างนี้ เราชาวพุทธควรจะต้องมีการพิสูจน์กันว่า ใช่หรือไม่ใช่ พระอริยะจริง ๆ ใช่หรือไม่ :49: หัวข้อ: Re: การจัดพระอริยะสงฆ์ นั้น สำคัญกว่า สมมุติสงฆ์ ดังนั้นการที่ สมมุติสงฆ์ ไหว้... เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 06, 2013, 08:50:14 am ans1 ans1 ans1 พระไตรปิฎก เล่มที่ ๗ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๗ จุลวรรค ภาค ๒ เรื่องความเคารพ [๒๖๐] ครั้นพระผู้มีพระภาค ประทับอยู่ที่พระนครเวสาลี ตามพระพุทธาภิรมย์ แล้วเสด็จจาริกทางพระนครสาวัตถี สมัยนั้น ภิกษุอันเตวาสิกของพระฉัพพัคคีย์รีบไปข้างหน้าภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข จองวิหาร กันที่นอนไว้ว่า ที่นี้ของอุปัชฌาย์ของพวกเรา ที่นี้ของอาจารย์ของพวกเรา ที่นี้ของพวกเราครั้งนั้น ท่านพระสารีบุตรไปล้าหลังภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข เมื่อภิกษุทั้งหลายจองวิหาร แลที่นอนหมดแล้ว หาที่นอนไม่ได้ จึงนั่ง ณ โคนไม้แห่งหนึ่งครั้นเวลาปัจจุสสมัยแห่งราตรี พระผู้มีพระภาค เสด็จลุกขึ้น ทรงพระกาสะ แม้ท่านพระสารีบุตรก็กระแอมไอ พ. ใคร ที่นั่น ส. ข้าพระพุทธเจ้า สารีบุตร พระพุทธเจ้าข้า พ. สารีบุตร ทำไมเธอจึงมานั่งที่โคนต้นไม้นี้เล่า ลำดับนั้น ท่านพระสารีบุตร ได้กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค ฯ [๒๖๑] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า ภิกษุอันเตวาสิกของพระฉัพพัคคีย์ รีบไปก่อนภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข แล้วจองวิหาร กันที่นอนไว้ว่า ที่นี้ของอุปัชฌาย์ของพวกเรา ที่นี้ของอาจารย์ของพวกเรา ที่นี้ของพวกเรา จริงหรือ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า ทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนโมฆบุรุษเหล่านั้น จึงได้รีบไปก่อนภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข แล้วจองวิหาร กันที่นอนไว้ว่า ที่นี้ของอุปัชฌาย์ของพวกเรา ที่นี้ของอาจารย์ของพวกเรา ที่นี้ของพวกเราการกระทำของโมฆบุรุษเหล่านั้นนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส .................................................................ฯลฯ................. ดูกรภิกษุทั้งหลาย การกระทำของโมฆบุรุษเหล่านั้นนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมนุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ... ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถา รับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตการกราบไหว้ การลุกรับ การทำอัญชลีกรรม การทำสามีจิกรรม อาสนะที่เลิศ น้ำอันเลิศ บิณฑบาตอันเลิศ ตามลำดับผู้แก่กว่า อนึ่ง ภิกษุไม่ควรเกียดกันเสนาสนะของสงฆ์ตามลำดับผู้แก่กว่า รูปใดเกียดกันต้องอาบัติทุกกฏ ฯ :25: :25: :25: บุคคลที่ไม่ควรไหว้ ๑๐ จำพวก [๒๖๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๑๐ จำพวกนี้ อันภิกษุไม่ควรไหว้คืออันภิกษุผู้อุปสมบทก่อนไม่ควรไหว้ภิกษุผู้อุปสมบทภายหลัง ๑ ไม่ควรไหว้อนุปสัมบัน ๑ ไม่ควรไหว้ภิกษุนานาสังวาสผู้แก่กว่า แต่ไม่ใช่ธรรมวาที ๑ ไม่ควรไหว้มาตุคาม ๑ ไม่ควรไหว้บัณเฑาะก์ ๑ ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้อยู่ปริวาส ๑ ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม ๑ ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้ควรมานัต ๑ ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้ประพฤติมานัต ๑ ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้ควรอัพภาน ๑ บุคคล ๑๐ จำพวกนี้แล อันภิกษุไม่ควรไหว้ ฯ :25: :25: :25: บุคคลที่ควรไหว้ ๓ จำพวก ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกนี้ ภิกษุควรไหว้ คือภิกษุผู้อุปสมบทภายหลัง ควรไหว้ภิกษุผู้อุปสมบทก่อน ๑ ควรไหว้ภิกษุนานาสังวาสผู้แก่กว่า แต่เป็นธรรมวาที ๑ ควรไหว้ตถาคตผู้อรหันต์ตรัสรู้เองโดยชอบ ในโลกทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ บุคคล ๓ จำพวกนี้แล ภิกษุควรไหว้ ฯ ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v.php?B=07&A=2170&Z=2313 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v.php?B=07&A=2170&Z=2313) อธิบายศัพท์ อนุปสัมบัน ผู้ยังมิได้อุปสมบท ได้แก่ คฤหัสถ์และสามเณร (รวมทั้งสิกขมานาและสามเณรี), ผู้มิใช่ภิกษุหรือภิกษุณี นานาสังวาส มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ร่วม (คืออุโบสถและสังฆกรรมเป็นต้น) ที่ต่างกัน, สงฆ์ผู้ไม่ร่วมสังวาส คือไม่ร่วมอุโบสถและสังฆกรรมด้วยกัน เรียกว่าเป็นนานาสังวาสของกันและกัน เหตุที่ทำให้เป็นนานาสังวาสมี ๒ คือ ภิกษุทำตนให้เป็นนานาสังวาสเอง เช่น อยู่ในนิกายหนึ่งไปขอเข้านิกายอื่น หรือแตกจากพวกเพราะเหตุวิวาทาธิกรณ์อย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งถูกสงฆ์พร้อมกันยกออกจากสังวาส มานัต, มานัตต์ ชื่อวุฏฐานวิธี คือระเบียบปฏิบัติในการออกจากครุกาบัติ แปลว่า “นับ” หมายถึงการนับราตรี ๖ ราตรี คือ ภิกษุผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว เมื่อจะปลดเปลื้องตนจากอาบัติ ตามธรรมเนียมแห่งอาบัติสังฆาทิเสส จะต้องไปหาสงฆ์จตุรวรรค ทำผ้าห่มเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง กราบภิกษุแก่กว่า นั่งกระหย่งประนมมือ กล่าวคำขอมานัตตามอาบัติที่ต้อง ภิกษุรูปหนึ่งสวดประกาศให้มานัตแล้ว ภิกษุรูปนั้นประพฤติมานัต ๖ ราตรี เป็นวุฏฐานวิธีเบื้องต้น แห่งการออกจากครุกาบัติ แล้วสงฆ์จึงสวดระงับอาบัตินั้น (แต่ถ้าปกปิดอาบัติไว้ ต้องอยู่ปริวาสก่อนจึงประพฤติมานัตได้) อัพภาน “การเรียกเข้า” การรับกลับเข้าหมู่, เป็นขั้นตอนสุดท้ายแห่งวุฏฐานวิธี คือ ระเบียบปฏิบัติในการออกจากครุกาบัติขั้นสังฆาทิเสส ได้แก่ การที่สงฆ์สวดระงับอาบัติ รับภิกษุผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสส และได้ทำโทษตนเองตามวิธีที่กำหนดเสร็จแล้ว ให้กลับคืนเป็นผู้บริสุทธิ์ วิธีปฏิบัติ คือ ถ้าต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วไม่ได้ปิดไว้ พึงประพฤติมานัตสิ้น ๖ ราตรีแล้ว ขออัพภานกะสงฆ์วีสติวรรค สงฆ์สวดอัพภานแล้ว ชื่อว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จากอาบัติ, แต่ถ้าภิกษุผู้ต้องปกปิดอาบัติไว้ล่วงวันเท่าใด ต้องประพฤติวัตรเรียกว่า อยู่ปริวาส ชดใช้ครบจำนวนวันเท่านั้นก่อน จึงประพฤติมานัตเพิ่มอีก ๖ ราตรี แล้วจึงขออัพภานกะสงฆ์วีสติวรรค เมื่อสงฆ์อัพภานแล้ว อาบัติสังฆาทิเสสที่ต้อง ชื่อว่า เป็นอันระงับ ที่มา พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ans1 ans1 ans1 พระไตรปิฎก เล่มที่ ๗ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๗ จุลวรรค ภาค ๒ ครุธรรม ๘ ประการ [๕๑๖] พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรอานนท์ ถ้าพระนางมหาปชาบดีโคตมี ยอมรับครุธรรม ๘ ประการ ข้อนั้นแหละ จงเป็นอุปสัมปทาของพระนางคือ:-๑. ภิกษุณีอุปสมบทแล้ว ๑๐๐ ปี ต้องกราบไหว้ ลุกรับ ทำอัญชลีกรรมสามีจิกรรม แก่ภิกษุที่อุปสมบทในวันนั้น ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพนับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต ที่มา http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=07&A=6195&Z=6252 (http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=07&A=6195&Z=6252) หัวข้อ: Re: การจัดพระอริยะสงฆ์ นั้น สำคัญกว่า สมมุติสงฆ์ ดังนั้นการที่ สมมุติสงฆ์ ไหว้... เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 06, 2013, 09:21:58 am ask1 ans1 ans1 ans1 ในพระวินัยกล่าวไว้ว่า - ในหมู่สงฆ์ ผู้มีพรรษาน้อยต้องไหว้ผู้มีพรรษามากกว่า ยกเว้นภิกษุณีต้องไหว้ภิกษุแม้จะมีพรรษามากกว่า - สงฆ์ไม่ไหว้ฆราวาส (หรือ อนุปสัมบัน) - เรื่องการไหว้นี้ พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสเรื่อง ความเป็นอริยะในระดับไหน หรือสมมติสงฆ์กับอริยสงฆ์ แต่ทรงเน้นเรื่องการอุปสมบทก่อนหลัง ผู้บวชหลังต้องไหว้ผู้บวชก่อน พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า "เราอนุญาตการกราบไหว้ การลุกรับ การทำอัญชลีกรรม การทำสามีจิกรรม อาสนะที่เลิศ น้ำอันเลิศ บิณฑบาตอันเลิศ ตามลำดับผู้แก่กว่า" ผมมีเกร็ดเหตุการณ์มาเล่า ครั้งหนึ่งพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชโช ได้รับนิมนต์ให้ไปเทศน์ที่่สาวิกาสิกขาลัย ครั้งนั้นท่าน ว.วชิรเมธี นั่งอยู่ในที่นั้นด้วย พระอาจาย์ปราโมทย์จึงเข้าไปกราบท่าน ว.วชิรเมธี แต่ท่าน ว.วชิรเมธีได้กล่าวห้าม เพราะท่านฟังซีดีของพระอาจารย์ปราโมทย์(นับถือเป็นอาจารย์) เพื่อนๆครับ เป็นที่รู้กันว่า ท่าน ว.วชิรเมธีมีพรรษามากกว่าพระอาจารย์ปราโมทย์หลายพรรษามาก แต่ทำไมท่านห้ามไม่ให้ไหว้ แล้วใครเป็นอริยสงฆ์..? :25: :25: :25: |