สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 24, 2013, 08:15:52 am



หัวข้อ: รวยแท้หนอ "วัตถุนิยม" ระบาดวงการผ้าเหลือง
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 24, 2013, 08:15:52 am

(http://pics.manager.co.th/Images/556000007737501.JPEG)

รวยแท้หนอ "วัตถุนิยม" ระบาดวงการผ้าเหลือง

ในยุคแห่งโลกเทคโนโลยี และสังคมแบบวัตถุนิยม การได้เห็นพระภิกษุนั่งบนรถหรูราคาหลายล้านบาท มีโทรศัพท์ราคาแพง หรือการได้เห็นพระภิกษุนั่งบนเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ด้วยเหตุต้องเดินทางไปปฏิบัติกิจของสงฆ์ อาจเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้วสำหรับพระในยุคนี้ ถึงแม้ไม่ใช่ความผิดร้ายแรงตามพระวินัยสงฆ์ แต่ดูเอาเถิด ความอู้ฟู่หรูหราเหล่านี้เหมาะสมแล้วหรือกับสมณสารูป ผู้เผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอน ดำเนินชีวิตตามเส้นสายกลาง แต่ ณ ขณะนี้ อาจหลงลืมคำว่า “สมถะ” ไปเสียแล้ว
       
       พระยุคใหม่ คลั่งไคล้วัตถุนิยม       
        พระใช้ไอแพด พระใช้ไอโฟน พระนอนในกุฏิติดแอร์ ฯลฯ เชื่อว่าทุกคนต้องเคยพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้และเอามาถกเถียงกันถึงความเหมาะสมว่า สมณเพศผู้น่าเลื่อมใสเหล่านี้ สมควรแล้วหรือการกับใช้วัตถุราคาแพง เกินความจำเป็น นำเงินที่ญาติโยมทำบุญถวายมาใช้จ่ายเหมือนเป็นเงินส่วนตน ซึ่งสิ่งของเครื่องใช้ที่ว่าต้องใช้อำนวยความสะดวกสบายนั้น ประชาชนหาเช้ากินค่ำบางคนยังหาซื้อไม่ได้!!
       
        ยิ่งมาพบเจอข่าวอันน่าสลดใจ พระชื่อดังรูปหนึ่งมีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถยนต์มูลค่าหลายล้านบาท จากกรณีข่าวครึกโครมวิ่งไล่จับรถหรูหนีภาษีกันให้จ้าละหวั่นในช่วงนี้ ซึ่งปรากฏพบว่า พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์หรูโบราณ ยี่ห้อจากัวร์ แพนเธอร์

         :49: :49: :49:
       
        โดยเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา หลวงพี่น้ำฝนได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า รถยนต์จากัวร์ แพนเธอร์ คันที่ต้องสงสัย ตนเองเป็นผู้ครอบครองจริง แต่เป็นรถที่ลูกศิษย์ได้ถวายมาให้จากประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2554 โดยดำเนินการแยกชิ้นส่วน และจดประกอบ มีบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร เป็นผู้ดำเนินการ และเสียภาษีสรรพสามิต จำนวน 1,506,615 บาท โดยนายเติมศักดิ์ ปิติธนสารสมบัติ เป็นผู้จ่ายค่าภาษีสรรพสามิต จากนั้นได้นำรถยนต์ไปจดทะเบียนที่สำนักงานขนส่งจังหวัดสระบุรี ต่อมาได้ย้ายมาจดทะเบียนที่กรุงเทพฯ และได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของทางราชการอย่างถูกต้อง
       
        “สำหรับรถยนต์คันดังกล่าวไม่ได้นำไปใช้งานแต่อย่างใด มีเพียงใช้ในงานครบรอบหลวงพ่อพูล ในการอัญเชิญรูปเหมือนให้ประชาชนได้สักการะเท่านั้น แล้วตั้งโชว์ไว้ให้ญาติโยมที่สนใจเกี่ยวกับรถโบราณได้ศึกษาหาความรู้ เพราะรถรุ่นนี้นับวันจะหาดูได้ยากแล้ว ส่วนกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าทางวัดมีการสะสมรถหรูไว้หลายคัน อาตมายอมรับว่ารถทุกคันได้มาจากลูกศิษย์นำมาถวายทั้งสิ้น และมีเพียงรถจากัวร์ แพนเธอร์ เพียงคันเดียวที่เป็นรถจดประกอบ” หลวงพี่น้ำฝนกล่าว

         :sign0144: :sign0144: :sign0144:

        หรืออีกกรณีหนึ่ง ภาพเก่าเล่าใหม่ของหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ที่มีทั้งรูป ทั้งคลิปวิดีโอปลิวว่อนเน็ตมานานแล้วพอสมควร แต่เห็นคราใดก็สลดใจได้ทุกครั้ง ภาพพระสงฆ์บนเครื่องบินส่วนตัวที่อ้างว่าลูกศิษย์ถวายให้ใช้เดินทางไกล ด้านข้างมีกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดัง รวมถึงสวมใส่แว่นกันแดดมียี่ห้อ ก่อนจะลงจอดที่สนามบินอุบลราชธานี หลักฐานแน่นหนาแต่ก็ยังมีผู้เลื่อมใสศรัทธาบางส่วนออกมาโต้แย้งให้กับพระรูปนี้
       
        เหตุการณ์ทั้งหลายในทางเสื่อม ไม่ว่าจะเกิดขึ้นแบบเงียบๆ หรือฮือฮากันในโลกออนไลน์ ก็คงทำเอาชาวพุทธสะดุ้งได้ไม่น้อยกับสิ่งของ วัตถุ ยานพาหนะอันหรูหรา ราคาแพง หรือแม้กระทั่งรูปแบบการใช้ชีวิตของพระที่แทบจะใกล้เคียงทุกอย่างแล้วกับฆราวาสทั่วไปในวันนี้ แล้วจะให้ไม่เกิดข้อสงสัยได้อย่างไรว่า พระบางรูปคือพระที่น่าเคารพเชื่อถืออย่างแท้จริง หรือพระบางรูปใช้เพียงแต่ผ้าเหลืองหุ้มห่อแต่เปลือกภายนอกเพื่อทำประโยชน์ให้แก่ตนเท่านั้น


       
(http://pics.manager.co.th/Images/556000007737502.JPEG)


       ค่านิยมเพี้ยน ทำมาก ได้มาก       
        เหตุการณ์แบบนี้จะโทษเพียงแต่ฝ่ายพระภิกษุสงฆ์คงไม่ถูกต้องนัก ส่วนหนึ่งนั้นต้องโทษเหล่าฆราวาสเช่นกันที่ถวายของราคาแพง โดยมักยึดกุศโลบายผิดๆ ที่ว่า ทำบุญมากเท่าไหร่ ชาติหน้าก็จะได้กลับคืนมาเท่านั้น ดร. ธวัช หอมทวนลม หัวหน้าภาควิชาปรัชญา คณะศาสนาและปรัชญา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย กล่าวว่า การถวายของเข้าวัด จะมากจะน้อยก็ได้บุญ หากทำด้วยใจบริสุทธิ์ ซึ่งต้องดูถึงประโยชน์และความจำเป็น เพราะการให้วัตถุมีค่า ราคาแพง ไม่ได้การันตีว่าคุณจะได้บุญมากกว่าใครๆ
       
         :character0029: :character0029: :character0029:

        “การถวายของพระ มันอยู่ที่วัตถุประสงค์ แล้วก็ต้องดูว่ามีความจำเป็นหรือเปล่า คือของบางอย่างมันไม่สมควรกับสมณสารูป บางครั้งก็อยู่ที่ท่านจะพิจารณาว่า ควรจะรับหรือไม่แล้วเหมาะกับสมณสารูปหรือไม่ อย่างที่มีข่าวถวายรถราคาแพงๆ คือถ้าท่านคิดว่าเกินความจำเป็นหรือว่าเกินกว่าที่ท่านจะใช้ก็ควรบริจาคต่อไป
       
        แล้วของที่ถวายเนี่ย ไม่ใช่ถวายมากแล้วจะได้บุญมากอย่างนั้น ไม่ใช่นะ มันอยู่ที่ว่าประโยชน์ที่ได้จากการถวาย ไม่ใช่อยู่ที่ราคาของ ในทางพระธรรมวินัยจะเน้นเรื่องวัตถุที่ได้มา ได้มาด้วยความบริสุทธิ์ ไม่ได้ไปลักขโมย จี้ชิงวิ่งราว ของที่ได้มาโดยบริสุทธิ์ ไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง แล้วของเนี่ยถวายแล้วเราต้องยินดีอนุโมทนาบุญไปด้วย ไม่ใช่ถวายแล้วเกิดมาเสียดายทีหลังก็จะไม่ได้บุญอะไร
       
         :67: :67: :67:

        ส่วนสิ่งของที่นำมาถวายพระภิกษุในพระวินัยเนี่ยจะเน้นเรื่องปัจจัยสี่ คือ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค เป็นหลัก ส่วนรถมันเป็นเพียงปัจจัยที่ห้า เพียงแต่ว่าสมัยพุทธกาลเนี่ย จะเดินทางไปไหนก็เดินทางเท้าเป็นหลัก อาจจะอาศัยไปเกวียน อาศัยไปทางเรือ ก็ไปได้อยู่ ทีนี้ปัจจุบัน พระเราก็มีภารกิจเยอะมากๆ เหมือนกัน ก็คงมีความจำเป็นต้องใช้รถ แต่ไม่ถึงกับนั่งเบนซ์ หรือรถอะไรราคาหลายๆ ล้าน มันเกินสมณสารูป

         บางครั้งคนมาเห็นก็คิดว่า ทำไมพระคุณเจ้าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ไม่ใช้ชีวิตแบบสมถะ ฟุ่มเฟือย แต่มีบางครั้งเราอาจจะลืมนึกไปว่ามีญาติโยมคนอื่นถวายให้มา แต่ญาติโยมเค้าไม่รู้หรอก เค้าจะมองว่า พระเอาเงินมาซื้อเองหรือเปล่า ในลักษณะนี้ มันก็คงไม่เหมาะสม อย่างข่าวที่ออกมา ก็คงมีหลายคนไม่เห็นด้วย แล้วบางคนอาจจะสงสัย ทำไมต้องมีรถส่วนตัว เครื่องบินส่วนตัว ทำไมต้องนอนกุฏิติดแอร์ด้วย ซึ่งสุดท้ายแล้ว ให้มองดูที่ความจำเป็น แต่ต้องไม่เกินสมณสารูป”
       
         :91: :91: :91:

        ด้านสมณสงฆ์ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นเช่นกัน ว่าการใช้ยานพาหนะเดินทางไปปฏิบัติกิจของสงฆ์นั้นไม่ใช่เรื่องผิด เพียงแต่ต้องดูความเหมาะสมด้วยโดยสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ได้กล่าวถึงกรณีนี้ว่า
       
        “ต้องไปศึกษาว่าเป็นเครื่องบินของพระหรือโยมจริงหรือไม่ ต้องตรวจสอบให้ดี แต่ถ้าดูเกินฐานะความเป็นพระก็ดูไม่ดี ซึ่งเรื่องการสำรวมหรือสังวร มีอยู่ในพระวินัยอยู่แล้ว ในขณะเดียวกันสังคมเจริญในเรื่องวัตถุมากขึ้นจึงไหลเข้ายังวัด อย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ความเป็นพระต้องอยู่ในความพอดี
       
        ดังนั้น พระเมื่อเห็นว่า ของที่ถวายเกินความพอดีของพระ เช่น รถหรู ก็สามารถปฏิเสธได้ สำหรับประชาชนมองว่าทุกวันนี้ วัดหลายแห่งกลายเป็นพุทธพาณิชย์ นั้น จะต้องดูในหลายองค์ประกอบ บางวัดทำเพื่อนำปัจจัยมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ซึ่งมหาเถรสมาคม คงจะไม่มีออกระเบียบอะไร เนื่องจากพระวินัยได้กำหนดให้พระ หรือวัดอยู่ในความพอดี พอเพียงอยู่แล้ว หากวัดใดทำเกินความพอดี ก็ควรที่ต้องปรับปรุงให้ประชาชนเห็น จึงขอฝากเตือนพระสงฆ์ และวัดทั่วประเทศ ให้ยึดพระธรรมวินัยเป็นตัวตั้ง ดำรงตนสำรวมอยู่ในสมณสารูป”

 
     
(http://pics.manager.co.th/Images/556000007737503.JPEG)


       “โลกวัชชะ” ชาวโลกติเตียน     
        อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้สรุปได้ว่า การที่พระสงฆ์มีสิ่งของหรูหรา มีค่า ราคาแพง ใช้สอย ไม่ถือว่าผิดธรรมวินัยแต่อย่างใด แต่ถือว่าก็ไม่เหมาะสมสำหรับสมณสารูป ดังนั้นจึงไม่อาจกล่าวโทษได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ชาวพุทธไม่อาจปฏิเสธได้คือการเกิดข้อกังขา และทำให้นึกตำหนิติเตียนกับความหรูหราเกิดพอดีในรูปกายห่มผ้าเหลือง อย่างในโลกออนไลน์ พื้นที่เสรีในการแสดงความคิดเห็นก็มีการพูดถึงอย่างมากมาย และทำให้บางคนถึงขั้นเสื่อมศรัทธา
       
        :96: :96: :96:

        “เดี๋ยวนี้เป็นพระนี่โคตรจะสบาย อวดอ้างต่างๆ นานา โม้เก่งๆ หน่อย เดี๋ยวก็มีคนหลงเชื่อมากมาย รวยระดับเศรษฐีได้ง่ายๆ เลย ได้ไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยด้วย”
       
        “คิดแบบง่ายๆ ครับ ท่านละกิเลสไม่ได้ จริงๆ คำว่าสมถะ ส่วนใหญ่ให้ใช้กับพระป่า ส่วนพระป๋า ท่านรู้จักแต่ปฏิบัติไม่เป็น”
        “ในความเห็นส่วนตัว ถ้าท่านเป็นพระที่ดี ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าจริง? ท่านคงไม่ใช้ของแบรนด์เนม ราคาแพง และมีการดำรงชีพที่ไม่เหมาะสมกับสมณะสารูปแบบนี้หรอกครับ”
       
         :41: :41: :41:

        “คนที่ให้ของพระพวกนี้ เงินมาจากไหน ก็น่าจะไปสืบดูนะ ส่วนใหญ่เงินหมุนในพวกนี้ก็ไม่ต่างจากเงินสกปรก”       
        “เพราะสังคมเราไปสร้าง พระจอมปลอมแบบนี้ขึ้นมาเองไงละครับ สร้างวัตถุนิยม ปรนเปรอ ขายความเชื่องมงาย ไอ้ความงมงายบ้าวัตถุสิ่งของนี่ไม่ใช่คำสอนพระพุทธเจ้า”
       
        “ทำไมพระที่มีรถหรูๆ นั่งเครื่องบินแพงๆ มีของแบรนด์เนมใช้ ไม่ขายเอาเงินไปถวายวัดอ่ะครับ อย่างรถแพงๆ นำเข้าบอกลูกศิษย์ถวายมาให้ แล้วทำไมท่านไม่ขายเข้าตลาดเอาเงินเข้าวัด เป็นตัวอย่างให้เห็นแก่การทำบุญเสียสละ อีกท่านก็ใช้ของแพงๆ หรูๆ ก็น่าจะขายแล้วหันมาใช้ของแบบเรียบง่าย สมถะ เป็นการใช้ชีวิตแบบพอเพียงให้ลูกศิษย์หรือชาวบ้านได้เห็นเป็นตัวอย่างล่ะครับ”
       
         :25: :25: :25:

        อย่างไรก็ตาม หลากความคิดเห็น หลายคำสนับสนุน ข้อถกเถียงต่างๆ คงไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา เพราะเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของนานาจิตตัง ใครจะคิดกันไปอย่างไรก็สุดแล้วแท้แต่ เพียงเราชาวพุทธยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า คิดดี ทำดี พูดดี ก็จะช่วยจรรโลงพุทธศาสนาให้ยั่งยืนต่อไปได้ โดยไม่ต้องสนใจมารศาสนาในคราบผ้าเหลืองที่นับวันยิ่งเพิ่มมากขึ้นและมีอำนาจมากขึ้นจนแตะต้องไม่ได้


ขอบคุณบทความและภาพจาก
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000073801 (http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000073801)


หัวข้อ: Re: รวยแท้หนอ "วัตถุนิยม" ระบาดวงการผ้าเหลือง
เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ มิถุนายน 24, 2013, 09:06:45 am
เราไปโทษ วัตถุ แต่แท้ที่จริง อยู่ที่ผู้ใช้ต่างหาก ใช้ทำอะไร
การที่พระ มี วัตถุ เหล่านี้ เป็นสิ่งที่ดี ( ส่วนหนึ่ง ตามความคิด ) ผลเพื่อการเผยแผ่ เช่นเว็บ มัชฌิมา ก็ต้องใช้อุปกรณ์ และสื่อเช่นนี้

  แต่อุปกรณ์เหล่านี้ จะดี หรือ ไม่ดี อยู่ที่ ผู้ใช้ต่างหาก อย่าว่าแต่พระเลย เราฆราวาส ผู้ครองเรือนกันอยู่ ก็ใช้ผิด ใช้ ถูกมากยิ่งกว่า


  :49: