สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 24, 2013, 08:25:20 am



หัวข้อ: เมื่อต้นซากุระ "กลับไป..ผลิบานที่บ้านเกิด"
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 24, 2013, 08:25:20 am
(http://www.komchadluek.net/media/img/size_photo_slide/2013/06/21/kbi6b8baka7ajcc765ad9.jpg)


เมื่อต้นซากุระ "กลับไป..ผลิบานที่บ้านเกิด"
วิปัสสนาบนหน้าข่าว โดยพระชาย วรธัมโม

       "บุคคลที่หัวใจเป็นพระโพธิสัตว์เมื่อมองเห็นแนวทางการช่วยเหลือสรรพสัตว์ในหนทางที่เหมาะสมกว่าการนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคมากกว่าจะอำนวยความสะดวกจึงไม่เป็นปัญหาสำหรับท่านว่าจะอยู่ในสถานะไหน"
เนื้อเรื่อง

     “หลวงพ่อมิตซูโอะท่านลาสิกขาแล้ว อย่ายึดติดครูบาอาจารย์ แต่เคารพท่านที่เป็นครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ก็ถือเป็นกัลยาณมิตรของเรา แม้ท่านสึกไปท่านก็ยังเป็นครูบาอาจารย์ของเรา และเป็นกัลยาณมิตรที่ดีในใจเรา เมื่อเราไม่ยึดติดในตัวท่าน แม้ท่านเปลี่ยนสถานะไป ใจเราจะได้ไม่หวั่นไหว บางทีนี่ก็เป็นการแสดงธรรมในเรื่องความไม่เที่ยงที่ท่านแสดงให้เราเห็น”

     นั่นเป็นข้อความที่ข้าพเจ้าโพสต์ไว้บนหน้าวอลล์ พื้นที่ของตัวเองในเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก ตอนบ่ายๆ ของวันที่ ๑๐ มิถุนายน อันเป็นวันแรกที่ข่าว ‘พระมิตซูโอะ คเวสโก ลาสิกขา’ แพร่กระจายออกไปตามสื่อต่างๆ ทำให้ชาวพุทธจำนวนไม่น้อยตกใจไปกับข่าวนี้

       :smiley_confused1: :smiley_confused1: :smiley_confused1:

      แน่นอนมีการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานาว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้พระอาจารย์มิตซูโอะลาสิกขา จนกระทั่งเช้าวันถัดมามีการแถลงข่าวเพิ่มเติมจากวัดป่าสุนันทวนาราม จ.กาญจนบุรี (วัดสาขาของวัดหนองป่าพง) ซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสว่าท่านได้ลาสิกขาไปตั้งแต่วันที่ ๘ มิถุนายนแล้ว และเดินทางกลับไปยังประเทศญี่ปุ่นทันที
      ส่วนสาเหตุที่ท่านลาสิกขา ทางวัดป่าสุนันทวนารามให้เหตุผลว่าท่านป่วยด้วยโรคเบาหวานและต้องการกลับไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่บ้านเกิดของท่าน พร้อมทั้งแจ้งว่าท่านกำลังจะจัดงานปฏิบัติธรรมที่ประเทศญี่ปุ่นในช่วงเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ทางวัดเองก็ไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อน

      ย้อนหลังกลับไปหลายปี ตอนที่พระอาจารย์มิตซูโอะเริ่มออกสื่อเผยแผ่ธรรมะ แรกเห็นข้าพเจ้ามีคำถามอยู่ในใจว่าเหตุใดพระสงฆ์ชาวญี่ปุ่นท่านนี้ไม่กลับไปเผยแผ่ธรรมะที่บ้านเกิดของท่านเอง เมืองไทยมีพระสงฆ์ที่เป็นบุคลากรทำงานเผยแผ่ธรรมะมากมายอยู่แล้ว ที่ประเทศญี่ปุ่นเสียอีกที่ท่านควรจะกลับไปเผยแผ่ธรรมะ
      เพราะญี่ปุ่นเต็มไปด้วยความเจริญทางวัตถุ ผู้คนมีความจริงจังกับการประสบความสำเร็จในชีวิตด้านวัตถุมากจนเกินไป คนญี่ปุ่นจริงจังกับชีวิตเสียจนเด็กวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยเครียดไปกับชีวิตจนต้องฆ่าตัวตาย ชีวิตของผู้คนมีแต่ความเร่งรีบเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายอย่างเร่งด่วนโดยลืมไปว่าการดูแลจิตใจด้านในเป็นเรื่องสำคัญ

       :49: :49: :49:

      จนกระทั่งมีข่าวท่านลาสึกอย่างกะทันหันแล้วบินกลับไปประเทศญี่ปุ่นทันที พร้อมกับมีข่าวออกมาว่าท่านเตรียมจัดงานปฏิบัติธรรมที่ประเทศญี่ปุ่น ๓ แห่งภายในเดือนกันยายน โดยท่านเคยพูดไว้ว่าอยากกลับไปสอนธรรมะให้คนญี่ปุ่น จึงทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจเจตจำนงในการลาสิกขาของท่านครั้งนี้มากขึ้น

      ข้าพเจ้าเป็นเพียง ‘คนนอก’ ไม่ใช่พระในวัดสายหนองป่าพง ไม่เคยเจอพระอาจารย์มิตซูโอะ และไม่เคยไปวัดป่าสุนันทวนาราม แต่จากข่าวที่เผยแพร่ออกมาข้าพเจ้ามีมุมมองว่าพระอาจารย์มิตซูโอะคงถึงเวลาแล้วที่จะกลับไปสอนธรรมะให้คนญี่ปุ่น แต่คำถามก็คือ ‘ทำไมต้องแอบสึก’ เรื่องนี้ข้าพเจ้ามอง ๒ ประเด็น คือ

       :sign0144: :sign0144: :sign0144:

      ๑.เราต้องเข้าใจก่อนว่าคนญี่ปุ่นไม่ชอบอะไรที่เป็น ‘ของนอก’ บุคลิกของคนญี่ปุ่นมีความเป็นชาตินิยมสูง มีความรักชาติ รักวัฒนธรรมของตนเอง รักความเป็นญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้ญี่ปุ่นจึงเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก เมื่อเป็นเช่นนี้การจะไปสอนธรรมะให้คนญี่ปุ่นฟังทั้งๆ ที่ยังห่มจีวรในฐานะ ‘พระสงฆ์เถรวาทจากประเทศไทย’ จึงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยเพราะคนญี่ปุ่นไม่สนใจของนอกไม่สนใจวัฒนธรรมต่างชาติ ใครจะรู้จักคนญี่ปุ่นดีเท่ากับพระอาจารย์มิตซูโอะ การนำพุทธแบบเถรวาทกลับบ้านจึงไม่มีทางเป็นไปได้

      แม้ว่าท่านเคยสอนธรรมะให้คนญี่ปุ่น จากการไปเดินธุดงค์ที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๒ ก็จริง และไม่ใช่ว่าท่านรังเกียจความเป็นเถรวาทที่ท่านเป็น แต่เป็นเพราะคนญี่ปุ่นจะปิดประตูใส่ท่านตั้งแต่แรกเห็นจีวรของท่าน
      อีกอย่างท่านรู้ดีว่าเถรวาทเป็น ‘รูปแบบใหม่’ ในขณะที่มหายานแบบญี่ปุ่นเป็น ‘รูปแบบดั้งเดิม’ ที่มีมานานสองพันปีแล้ว อาจเกิดความขัดแย้งกันได้ในเรื่องนิกาย ซึ่งท่านคงไม่ต้องการให้เกิดความไม่ราบรื่นในการเผยแผ่ธรรมะ
      อีกทั้งเถรวาทก็มีขนบจารีตที่ไม่สอดรับกับวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่น เช่น การใส่บาตร ท่านเองก็อายุมากเกินกว่าจะไปเริ่มต้นสร้างวัดใหม่ในญี่ปุ่น ทางออกของปัญหานี้คือท่านควรสึกออกมาเผยแผ่ธรรมะในรูปฆราวาสจะเหมาะสมกว่า

      :03: :03: :03:

     ๒.ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าสุนันทวนารามและหน้าที่ในมูลนิธิมายาโคตมีเป็นเป็น ‘ห่วง’ ที่ท่านต้องตัดสินใจละทิ้งเพื่อกลับไปเผยแผ่ธรรมะที่บ้านเกิดของท่านโดยปราศจากรูปแบบสงฆ์จากนิกายเถรวาท

     ทางเดียวที่จะหลุดออกไปจากรูปแบบสงฆ์เถรวาท คือ การสึกและต้องเป็นการสึกแบบไม่บอกให้ใครรู้
     เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสึกแบบปกติทั่วไป เพราะท่านต้องถูกตั้งคำถามจากคณะสงฆ์ในวัด
     อีกทั้งคณะกรรมการมูลนิธิคงไม่เห็นด้วยหากท่านจะสึก เพราะท่านอยู่ในช่วงขาขึ้นของการมีชื่อเสียง
     อีกทั้งเป็นการทำลายศรัทธาของลูกศิษย์ และทำลายศรัทธาชาวพุทธในเมืองไทยจำนวนมาก
     บางครั้งการอยู่ในผ้าเหลืองจึงไม่ใช่อิสรภาพ แต่เป็นที่มาของภาระหน้าที่ที่ยากจะหลุดออกไปสู่ ‘อิสรภาพ’ ที่ตนเองต้องการ

       :96: :96: :96:

      ด้วยบุคลิกของคนญี่ปุ่นมีความรักชาติ เวลาตัดสินใจทำอะไรแล้วเด็ดเดี่ยว มั่นคง พระอาจารย์มิตซูโอะในครั้งนี้ก็เช่นกัน ท่านอายุ ๖๒ ปี อยู่ในร่มกาสาวพัสตร์มาแล้ว ๓๘ พรรษา เผยแผ่ธรรมะให้คนไทยได้ค้นพบธรรมะในตัวเองมามากมายหลายคน ท่านก่อตั้งมูลนิธิมายาโคตมีเพื่อช่วยเหลือคนไทยจนมูลนิธิมีความมั่นคง 
     บัดนี้ถึงเวลาที่ท่านจะได้กลับไปช่วยเหลือคนญี่ปุ่นในบ้านเมืองของท่านเอง บุคคลที่หัวใจเป็นพระโพธิสัตว์เมื่อมองเห็นแนวทางการช่วยเหลือสรรพสัตว์ในหนทางที่เหมาะสมกว่าการนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคมากกว่าจะอำนวยความสะดวกจึงไม่เป็นปัญหาสำหรับท่านว่าจะอยู่ในสถานะไหน

      บางกระแสข่าวบอกว่าท่านเผชิญปัญหาระบบพุทธพาณิชย์ภายในองค์กร ก็อาจเป็นไปได้แต่นั่นไม่ใช่ปัจจัยหลัก อย่างน้อยการสึกโดยไม่บอกล่วงหน้าก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดในความคิดของท่าน ท่านจะได้กลับไปสอนธรรมะให้คนญี่ปุ่น ภาระหน้าที่ต่างๆ ในเมืองไทยก็ยุติลงไปด้วย

       :character0029: :character0029: :character0029:
     
       บางคนมองว่าจะไปสึกทำไมเป็นพระสะดวกในการเข้าถึงนิพพานมากกว่าฆราวาส มีปัญหาเรื่องเงินในวัดหรือเปล่า หรือว่ามีเรื่องผู้หญิงเข้ามาพัวพัน ข้าพเจ้าคิดว่าพระอาจารย์มิตซูโอะไปไกลกว่าเรื่องที่คนไทยกำลังสงสัยกันอยู่ แต่นี่ก็เป็นเพียงสิ่งที่ข้าพเจ้าคาดคะเน อาจจะถูกหรือผิดก็ได้ ทั้งหมดนี้คงไม่มีใครรู้ดีเท่ากับตัวท่านเอง

      ท่านเป็นเพียงชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่เดินทางเข้ามาในเมืองที่มีพระพุทธศาสนาแล้วเกิดความเลื่อมใสจึงบวชเป็นพระภิกษุ ใช้เวลาศึกษาธรรมะจนแตกฉานในธรรม ท่านสอนคนในเมืองนั้นจนท่านมีชื่อเสียง เมื่อถึงเวลาท่านก็ตัดสินใจกลับประเทศเพื่อสอนคนญี่ปุ่นให้เข้าใจธรรมะโดยละทิ้งจีวรและบาตรไว้ที่เมืองพุทธแห่งนั้น เรื่องราวก็มีเท่านี้ แต่คนในเมืองพุทธแห่งนั้นกำลังบ่นว่า ‘เสียดายที่ท่านสึก’

      สิ่งที่คนในเมืองนั้นน่าจะเสียดายมากกว่าคือ พวกเขาไม่เคยนำสิ่งที่เป็นแก่นของพุทธศาสนาไปใช้พัฒนาชีวิตและสังคมของพวกเขาเลย พวกเขามีแก้วอยู่ในมือแต่ไม่เห็นคุณค่า ติดอยู่แค่เปลือกและผิว


ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.komchadluek.net/detail/20130623/161627/เมื่อต้นซากุระกลับไปผลิบานที่บ้านเกิด.html#.UceekNj0YXF (http://www.komchadluek.net/detail/20130623/161627/เมื่อต้นซากุระกลับไปผลิบานที่บ้านเกิด.html#.UceekNj0YXF)


หัวข้อ: Re: เมื่อต้นซากุระ "กลับไป..ผลิบานที่บ้านเกิด"
เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ มิถุนายน 24, 2013, 09:04:01 am
ทำไม ไม่สนับสนุน พระลูกหม้อ คือ พระไทย กัน ท่านเป็น พระญี่ปุ่น ก็ให้ท่านกลับบ้านท่านเถิด แต่ปัญหาคือ พระไทยที่ปฏิบัติ ปฏิบัติ ชอบก็มีอยู่ เราทำไมไม่ ติดตามศึกษาธรรมกัน

  :67: :s_hi: :58:


หัวข้อ: Re: เมื่อต้นซากุระ "กลับไป..ผลิบานที่บ้านเกิด"
เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ มิถุนายน 24, 2013, 12:38:22 pm
(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRHSgz5muKNNuyUGHWy4Fi86JC8Xk40Ys95tSR4ZBIaJiivxyEl)     (http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSdvjtqS6LD2Yz7VoxcWzWX8uw9ysi_zsDuLHxpTtJsTljcP4kL5g)

หลวงปู่กบ วัดเขาสาริกา เป็นนามที่เรียกขานรู้จักกันทั่ว ท่านก็เป็นอีกหนึ่งสงฆ์อภิญญาที่ลาสิกขา เพียงเพราะการกระทำอันเขลาของเจ้าหน้าที่นายหนึ่งถึงซึ่งครุกรรมฉับพลัน นี้เป็นเหตุให้สังเวชใจจึงครองสมณะเพียงใจกายปรุงแต่งอย่างไรก็มิใส่ใจ และอีกหนึ่งหลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน วัดไพรพัฒนา ก็ครองผ้าขาวมากกว่าครองไตรอยู่ไร่นาก่อกองไฟนอนกระดาน ผมเองอยากภาวนาแต่ก็ขอเลี่ยงผ้ากาสาวพัสตร์เพราะกลัวข้อจำกัดกฏเกณฑ์สงฆ์สมาคมปากท้องฝากชาวบ้านให้ชาวบ้านนินทา แม้องค์บรมศาสดาเองไปเทศน์กล่าวสอนมีบ้างที่แสร้งรูปลักษณ์อำพรางไป เราท่านทั้งหลายมีมากที่ยัดเยียดขวางท่านเดิน แต่เขลาเพลินกับโลก ปรามาสต้องระวัง ครับ!


หัวข้อ: Re: เมื่อต้นซากุระ "กลับไป..ผลิบานที่บ้านเกิด"
เริ่มหัวข้อโดย: waterman ที่ มิถุนายน 24, 2013, 12:48:40 pm
กฏระเบียบ คณะสงฆ์ ปัจจุบัน อาจจะไม่เอื้อกับพระอริยะ แต่ ก็ยังมีความจำเป็นในการปกครอง

 :49:


หัวข้อ: Re: เมื่อต้นซากุระ "กลับไป..ผลิบานที่บ้านเกิด"
เริ่มหัวข้อโดย: KIDSADA ที่ มิถุนายน 25, 2013, 12:46:08 pm
อาจจะมีเบื้องหลัง กันมากกว่า ที่แถลงไว้ แต่ เอาเป็นว่า เรานำแต่ส่วนที่ดี ที่ท่านแนะนำสอนไว้ มาเป็นแบบอย่าง การภาวนานั้นไม่ใช่ดูที่คนอื่น ภาวนาได้ อย่างเดียวแต่ต้องดูว่าเราภาวนาแล้วพ้น สงสารวัฏ หรือ ยัง ครับ

 :s_hi: