หัวข้อ: นิด้าโพล เผยคนไม่เห็นด้วยพระใช้ของหรูหรา เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 27, 2013, 06:22:58 am (http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/06/26/353656/hr1667/630.jpg) นิด้าโพล เผยคนไม่เห็นด้วยพระใช้ของหรูหรา นิด้าโพล ชี้ ประชาชน ไม่เห็นด้วยพระสงฆ์สมณเพศใช้ของสินค้าหรูหรา จี้ ควรออกกฎข้อบังคับเพื่อจำกัดการครอบครองหรือใช้วัตถุให้หมู่ภิกษุ... วันนี้ (26 มิ.ย.56) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “พระสงฆ์กับวัตถุนิยม” จากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,249 หน่วยตัวอย่าง เฉพาะพุทธศาสนิกชน (ผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ) กระจายทุกระดับการศึกษาและอาชีพ จากกรณีที่มีข่าวเกี่ยวกับพระภิกษุบางรูป มียานพาหนะ เครื่องใช้ส่วนตัว มีทรัพย์สินมีค่าที่ดูเกินความจำเป็น เช่น รถหรูราคาแพง การใช้กระเป๋าแบรนด์เนม จนเป็นกระแสในสังคมถึงความเหมาะสมในสมณรูป :49: :49: :49: จากการสำรวจถึงความเหมาะสมของพระสงฆ์ ที่มีพฤติกรรมในการครอบครองรถหรู ใช้ของแบรนด์ เนม เดินทางด้วยยานพาหนะที่เลิศหรู มีทรัพย์สินส่วนตัว มูลค่าเกินแก่ฐานะ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 90.39 ระบุว่า ไม่เหมาะสม เพราะพระสงฆ์อยู่ในสมณเพศ ควรปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างแก่พุทธศาสนิกชน ควรละซึ่งกิเลสทางโลก เช่น ความโลภ ความหลงใหลในวัตถุนิยมต่างๆ มีเพียง ร้อยละ 5.68 ที่ระบุว่าเหมาะสม เพราะถือเป็นสิทธิของพระสงฆ์ และย่อมเป็นไปตามกาลเวลาและยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป บางครั้งอาจมีความจำเป็นต้องใช้สิ่งของเหล่านี้ และสิ่งของบางอย่างพระสงฆ์ไม่ได้ซื้อเอง แต่มีลูกศิษย์ซื้อมาถวายให้ใช้ :happybirthday3: :happybirthday3: :happybirthday3: เมื่อถามถึงสาเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้พระสงฆ์มีพฤติกรรมวัตถุนิยมหรือบริโภคนิยมมากที่สุด พบว่า ร้อยละ 37.79 ระบุว่า เกิดจากพระสงฆ์ตัดไม่ขาดจากทางโลก ยังหลงใหลในวัตถุนิยมหรือบริโภคนิยม รองลงมา ร้อยละ 30.82 เกิดจากพระสงฆ์หลงในวัตถุนิยมหรือบริโภคนิยม และญาติโยม/ลูกศิษย์ก็ตอบสนอง ร้อยละ 20.02 เกิดจากญาติโยม/ลูกศิษย์ถวายวัตถุสิ่งของโดยขาดการยั้งคิดว่าเหมาะสมหรือไม่ ร้อยละ 6.49 เกิดจากองค์กรที่ดูแลศาสนาอ่อนแอขาดประสิทธิภาพในการตรวจสอบป้องกัน และ ร้อยละ 0.80 เกิดจากสังคมและยุคสมัยที่เปลี่ยนไป :sign0144: :sign0144: :sign0144: สำหรับการกระทำหรือลักษณะของวัด/สำนักสงฆ์ ที่ทำให้พุทธศาสนิกชนไม่อยากเข้าไปทำบุญมากที่สุดนั้น พบว่า ร้อยละ 46.84 ระบุว่า เป็นวัดที่มีข่าวฉาวของพระสงฆ์ เช่น เสพยาบ้า ดื่มสุรา ยุ่งสีกา รองลงมา ร้อยละ 30.50 เป็นวัดที่มีความเป็นพุทธพาณิชย์/เน้นวัตถุนิยมมากเกินไป บังคับให้ทำบุญ ร้อยละ 6.65 เป็นวัดที่เน้นพิธีกรรมทางไสยศาสตร์มากกว่าคำสอนทางพุทธศาสนา ร้อยละ 4.16 พระในวัดยุ่งการเมือง/เลือกข้าง ร้อยละ 4.08 วัดมีคำสอนที่บิดเบือนรวมถึงการโฆษณาอภินิหารเกินความจริง (อวดอุตริมนุสธรรม) ร้อยละ 2.00 อื่นๆ เช่น วัดที่แบ่งชั้นวรรณะ วัดที่เลือกเฉพาะคนรวย พระที่พูดจาไม่สุภาพ มีเพียง ร้อยละ 0.24 ระบุว่า สามารถทำบุญได้ทุกวัด โดยไม่ได้คำนึงว่าวัดนั้นหรือพระสงฆ์จะดีหรือไม่ดี คิดเสียว่าเป็นการทำบุญเพื่อตนเอง :67: :67: :67: ท้ายสุดเมื่อถามถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมหลงในวัตถุนิยม/บริโภคนิยมมากเกินพอดี ร้อยละ 68.05 ระบุว่า ควรออกกฎข้อบังคับเพื่อจำกัดการครอบครองหรือใช้วัตถุของพระสงฆ์ รองลงมา ร้อยละ 8.81 ให้มีการเก็บภาษีพระสงฆ์จากเงินบริจาค/สิ่งของที่มาบริจาค ร้อยละ 2.32 แก้ไขที่พระสงฆ์และญาติโยมให้มีความพอดี ทั้งผู้รับและผู้ถวาย ร้อยละ 1.84 มีหน่วยงานกลางช่วยกันตรวจสอบ และประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา ร้อยละ 0.72 เห็นว่า แก้ไขได้ยากจนถึงแก้ไขไม่ได้เลย และ ร้อยละ 2.40 อื่นๆ เช่น ดูเจตนาของการกระทำ ให้ลงโทษทางวินัย ตรวจสอบประวัติในเบื้องต้นของผู้ที่จะเข้ามาบวช ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.thairath.co.th/content/region/353656 (http://www.thairath.co.th/content/region/353656) |