สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 28, 2013, 08:03:30 am



หัวข้อ: ผจญธิดามาร
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 28, 2013, 08:03:30 am

(http://file.siam2web.com/vichu/webboard/201096_75762.jpg)


ปางห้ามมาร
คอลัมน์ คติ-สัญลักษณ์ โดย ชวพงศ์ ชำนิประศาสน์

พระพุทธรูปปางนี้อยู่ในอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายอยู่บนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวายกมือขึ้นป้องเสมอพระอุระ (อก) ฝ่ามือหันออก นิ้วพระหัตถ์เหยียดตรง

พระพุทธรูปปางนี้มีลักษณะคล้ายปาง โปรดอาฬวกยักษ์ หรือปางประทานเอหิภิกขุ และปางโปรดพุทธมารดา ความแตกต่าง จะอยู่ตรงนิ้วพระหัตถ์ขวาที่แตกต่างกัน

พระพุทธรูปปางนี้เป็นลักษณะของพระพุทธรูปที่ต่อจากปางมารผจญที่ได้เคยบรรยายมาแล้ว ซึ่งหมายถึงการประกาศของพระพุทธเจ้าว่าเป็น ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ เป็นผู้พ้นไปจากโลกีย์ อยู่เหนือโลก พ้นจากสังสารวัฏ และการพ้นไปจากสังสารวัฏก็คือ การไม่ข้องแวะอยู่ ผูกพันอยู่ด้วยกิเลสตัณหา



(http://board.postjung.com/data/586/586099-img-21.jpg)


พุทธประวัติที่แต่งขึ้นในยุคคอรรถกถาจารย์ ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังพระพุทธเจ้าหลายปี ได้แต่งเรื่องเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระพุทธเจ้าในลักษณะทางวรรณกรรมว่า หมายถึง หรือการใช้สัญลักษณ์ของนางมารผู้เป็นลูกพญามารที่ไม่อาจจูงใจให้พระพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้เองโดยชอบแล้วให้ข้องเกี่ยวอยู่ในกิเลส 3 ประการ อันได้แก่

   ตัณหา คือ ความอยากอันมีความเกิดอีกเป็นธรรมดา เจือด้วยกำหนัด ด้วยราคะ เพลิดเพลินยิ่งในอารมณ์นั้นๆ
   ราคะ คือ ความใคร่ ความกำหนัด
   อรตี คือ ความยินดีหรือความยินร้าย ความเกลียดชัง หรือความอิจฉาริษยา


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROb1lYQXdOREl6TURZMU5nPT0=&sectionid=TURNeE53PT0=&day=TWpBeE15MHdOaTB5TXc9PQ== (http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROb1lYQXdOREl6TURZMU5nPT0=&sectionid=TURNeE53PT0=&day=TWpBeE15MHdOaTB5TXc9PQ==)
http://board.postjung.com/ (http://board.postjung.com/) , http://file.siam2web.com/ (http://file.siam2web.com/)


หัวข้อ: Re: ผจญธิดามาร
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 28, 2013, 08:31:16 am

(http://www.84000.org/tipitaka/picture/p28.jpg)

มารธีตุสูตรที่ ๕
ว่าด้วย มารธิดาทั้ง ๓ นางตัณหา นางอรดี นางราคา

      [๕๐๕] ครั้งนั้นแล มารธิดาทั้ง ๓ คือ นางตัณหา นางอรดี นางราคาจึงพากันเข้าไปหาพระยามารถึงที่อยู่ ครั้นแล้วจึงถามพระยามารด้วยคาถาว่า
      ข้าแต่คุณพ่อ คุณพ่อมีความเสียใจด้วยเหตุอะไร หรือเศร้าโศกถึงผู้ชายคนไหน หม่อมฉันจักผูกผู้ชายคนนั้นด้วยบ่วง คือราคะ นำมาถวาย เหมือนบุคคลผูกช้างมาจากป่า ฉะนั้นชายนั้นจักตกอยู่ในอำนาจของคุณพ่อ ฯ

      [๕๐๖] พระยามารกล่าวว่า
      ชายนั้นเป็นพระอรหันต์ผู้ดำเนินไปดีแล้วในโลก ไม่เป็นผู้อันใครๆ พึงนำมาด้วยราคะได้ง่ายๆ ก้าวล่วงบ่วงมารไปแล้ว เพราะฉะนั้น เราจึงเศร้าโศกมาก ฯ

       [๕๐๗] ครั้งนั้นแล มารธิดา คือ นางตัณหา นางอรดี นางราคา จึงพากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วกราบทูลพระผู้มีพระภาคอย่างนี้ว่า
       ข้าแต่พระสมณะ พวกหม่อมฉันจักขอบำเรอพระบาทของพระองค์ ฯ
       ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคมิได้ทรงใส่พระทัยถึงคำของนางมารธิดาเหล่านั้น เพราะพระองค์ทรงน้อมพระทัยไปในความสิ้นอุปธิกิเลสอย่างยอดเยี่ยม ฯ......ฯลฯ.........


     
(http://3.bp.blogspot.com/-XsquQetRUqA/UG2O6wHj_lI/AAAAAAAAFSQ/izch5rUnw9k/s1600/46.jpg)


       [๕๑๔] ลำดับนั้น มารธิดา คือ นางตัณหา นางอรดี นางราคา พากันหลีกไป ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว จึงพูดกันว่า เรื่องนี้จริงดังบิดาของเราได้พูดไว้ว่า
       ชายนั้นเป็นพระอรหันต์ ผู้ดำเนินไปดีแล้วในโลก ไม่เป็นผู้อันใครๆ พึงนำมาด้วยราคะได้ง่ายๆ ก้าวล่วงบ่วงมารไปได้แล้ว เพราะฉะนั้น เราจึงเศร้าโศกมาก ฯ

       ก็ถ้าพวกเราพึงเล้าโลมสมณะหรือพราหมณ์คนใดที่ยังไม่หมดราคะ ด้วยความพยายามอย่างนี้ หทัยของสมณะหรือพราหมณ์คนนั้นพึงแตก หรือโลหิตอุ่นพึงพลุ่งออกจากปาก หรือพึงถึงกับเป็นบ้า หรือถึงความมีจิตฟุ้งซ่าน (จิตลอย)เหมือนอย่างไม้อ้อสดอันลมพัดขาดแล้ว ย่อมหงอยเหงาเหี่ยวแห้งไป แม้ฉันใดสมณะหรือพราหมณ์นั้นพึงซูบซีดเหี่ยวแห้งไป ฉันนั้นเหมือนกัน ฯ

       ครั้นแล้ว นางตัณหา นางอรดี นางราคา พากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ แล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ......ฯลฯ.........


(http://download.buddha-thushaveiheard.com/images/All_page_04/Picture1-40/17_02.jpg)


      [๕๑๗] ลำดับนั้น นางอรดีมารธิดาได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
      ภิกษุในพระศาสนานี้ มีปรกติอยู่ด้วยธรรมเป็นเครื่องอยู่อย่างไหนมาก จึงข้ามโอฆะทั้ง ๕ แล้ว
      เวลานี้ได้ข้ามโอฆะที่ ๖ แล้ว กามสัญญาทั้งหลายย่อมห้อมล้อมไม่ได้ซึ่งบุคคลผู้เพ่งฌานอย่างไหนมาก ฯ

      [๕๑๘] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
      บุคคลมีกายอันสงบแล้ว มีจิตหลุดพ้นดีแล้ว เป็นผู้ไม่มีอะไรๆ เป็นเครื่องปรุงแต่ง
      มีสติ ไม่มีความอาลัย ได้รู้ทั่วซึ่งธรรม มีปรกติเพ่งอยู่ด้วยฌานที่ ๔ อันหาวิตกมิได้
      ย่อมไม่กำเริบ ไม่ซ่านไป ไม่เป็นผู้ย่อท้อ ฯ

      ภิกษุในศาสนานี้ เป็นผู้มีปรกติอยู่ด้วยธรรมเป็นเครื่องอยู่อย่างนี้มาก จึงข้ามโอฆะทั้ง ๕ ได้แล้ว
      บัดนี้ได้ข้ามโอฆะที่ ๖ แล้ว กามสัญญาทั้งหลายย่อมห้อมล้อมไม่ได้ ซึ่งภิกษุผู้เพ่งฌานอย่างนี้มาก ฯ
      ......ฯลฯ.........

____________________________________________________
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ บรรทัดที่ ๔๐๑๐ - ๔๑๓๖. หน้าที่ ๑๗๔ - ๑๗๙.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=4010&Z=4136&pagebreak=0 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=4010&Z=4136&pagebreak=0)             
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=505 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=505)
ขอบคุณภาพจาก http://www.84000.org/ (http://www.84000.org/) , http://3.bp.blogspot.com/ (http://3.bp.blogspot.com/) , http://download.buddha-thushaveiheard.com/ (http://download.buddha-thushaveiheard.com/)


หัวข้อ: Re: ผจญธิดามาร
เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ มิถุนายน 28, 2013, 10:53:51 am
 st11 st12 thk56