สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: kobyamkala ที่ มิถุนายน 30, 2013, 09:15:56 am



หัวข้อ: ประเทศอินเดีย มีรอยพระพุทธบาท หรือไม่ คะ
เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ มิถุนายน 30, 2013, 09:15:56 am
 ask1

ประเทศอินเดีย มีรอยพระพุทธบาท หรือไม่ คะ

 thk56


หัวข้อ: Re: ประเทศอินเดีย มีรอยพระพุทธบาท หรือไม่ คะ
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 01, 2013, 09:36:46 am
(http://www.madchima.net/images/669_SAM_1217.JPG)


อรรถกถา สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค สฬายตนสังยุตต์ ฉันนวรรคที่ ๔
๕. ปุณณสูตร
(ยกมาแสดงบางส่วน)
               
     ลำดับนั้น เมื่อพระตถาคตทรงทราบเวลาแล้วส่งบริษัทไป เขาจึงเข้าไปเฝ้าพระศาสดา ถวายบังคม นิมนต์เพื่อเสวยอาหารในวันรุ่งขึ้น ให้สร้างมณฑปในวันที่ ๒ ให้ปูอาสนะ ถวายมหาทานแก่สงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน บริโภคอาหารเช้าแล้ว อธิษฐานองค์อุโบสถ ให้เรียกผู้รักษาเรือนคลังมาสั่งว่า ทรัพย์มีประมาณเท่านี้เราสละแล้ว ทรัพย์มีประมาณเท่านี้ เราไม่พึงสละ จึงบอกเรื่องทั้งหมด กล่าวว่า ท่านจงให้สมบัตินี้แก่น้องชายของเราดังนี้ มอบทรัพย์ทั้งหมดให้แล้วบวชในสำนักของพระศาสดา บำเพ็ญกรรมฐานเป็นเบื้องหน้า.

    ลำดับนั้น เมื่อท่านมนสิการพระกรรมฐานอยู่ กรรมฐานไม่ปรากฏ.
    แต่นั้น ท่านคิดว่า ชนบทนี้ไม่เป็นที่สบายสำหรับเรา ถ้ากระไร เราพึงเรียนพระกรรมฐานในสำนักพระศาสดา จะพึงไปในสถานที่ของตนนั่นแล.

    ครั้นเวลาเช้า ท่านก็เที่ยวไปบิณฑบาต ตอนเย็นออกจากที่เร้น เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ให้ตรัสบอกพระกรรมฐาน บันลือสีหนาท ๗ ครั้งแล้วก็หลีกไป.
    ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า อถโข อายสฺมา ปุณฺโณ ฯลฯ วิหรติ.

    :25: :25: :25:

    ถามว่า ก็พระปุณณะนี้ อยู่ที่ไหน.
    ตอบว่า อยู่ในสถานที่ ๔ แห่ง.


    อันดับแรก ท่านเข้าไปยังแคว้นสุนาปรันตะ ถึงภูเขาชื่อว่าอัพพุหัตถะ แล้วเข้าไปบิณฑบาตยังวานิชคาม.
    ลำดับนั้น น้องชายจำท่านได้จึงถวายภิกษากล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอท่านอย่าไปในที่อื่น จงอยู่แต่ในที่นี้เท่านั้น ให้ท่านรับคำแล้ว ให้อยู่ในที่นั้นนั่งเอง.

    แต่นั้น ท่านก็ได้ไปวิหารชื่อสมุทคิรี ในที่นั้นมีที่จงกรมซึ่งสร้างกำหนดด้วยแผ่นหินตัดเหล็ก ไม่มีใครที่สามารถจะจงกรมที่จงกรมนั้นได้ในที่นั้น คลื่นในสมุทรมากระทบที่แผ่นหินตัดเหล็กกระทำเสียงดัง พระเถระคิดว่า ภิกษุทั้งหลายผู้มนสิการพระกรรมฐานอยู่ ขอจงมีความผาสุก จึงอฐิษฐานทำสมุทรให้เงียบเสียง.

    ต่อจากนั้น ก็ได้ไปยังมาตุลคิริ. ในที่นั้นมีฝูงนกหนาแน่น ทั้งเสียงก็ต่อเนื่องเป็นอันเดียวกันทั้งกลางคืนและกลางวัน. พระเถระคิดว่า ที่นี้ไม่เป็นที่ผาสุก จากนั้นจึงได้ไปยังวิหาร ชื่อว่าสมกุลการาม.
    วิหารนั้นไม่ไกลนักไม่ใกล้นักจากวานิชคาม สมบูรณ์ด้วยคมนาคม สงัดเงียบเสียง. พระเถระคิดว่า ที่นี้ผาสุกจึงได้สร้างที่พักกลางคืนที่พักกลางวัน และที่จงกรมเป็นต้นในที่นั้นแล้วเข้าจำพรรษา.
    ท่านได้อยู่ในที่ ๔ แห่งด้วยประการฉะนี้.



(http://www.madchima.net/images/267_SAM_0980r.jpg)


    ภายหลัง ณ วันหนึ่ง ในภายในพรรษานั้นนั่นเอง พวกพ่อค้า ๕๐๐ คนบรรทุกสินค้าลงในเรือด้วยหวังว่าจะไปสู่สมุทรโน้น.
    ในวันที่ลงเรือน้องชายของพระเถระให้พระเถระฉันแล้ว รับสิกขาบทในสำนักของพระเถระ ไหว้แล้วกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ ขึ้นชื่อว่าสมุทรไว้ใจไม่ได้ ขอท่านทั้งหลายพึงนึกถึงเราดังนี้แล้วขึ้นเรือไป.
    เรือแล่นไปด้วยความเร็วสูง ถึงเกาะน้อยแห่งหนึ่ง.
    พวกมนุษย์คิดกันว่า พวกเราจะหาอาหารเช้ากินดังนี้แล้วลงที่เกาะ.
    ก็ในเกาะนั้นสิ่งอะไรๆ อื่นไม่มี มีแต่ป่าไม้จันทน์เท่านั้น.

     ลำดับนั้น คนๆ หนึ่งเอามีดเคาะต้นไม้ รู้ว่าเป็นจันทน์แดง จึงกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ พวกเราไปสู่สมุทรโน้นเพื่อต้องการลาภ ก็ขึ้นชื่อว่าลาภยิ่งไปกว่านี้ไม่มี ปุ่มประมาณ ๔ นิ้วได้ราคาตั้งแสน พวกเราบรรทุกสินค้าอันควรจะบรรทุกให้เต็มด้วยไม้จันทน์. คนเหล่านั้นได้กระทำเหมือนอย่างนั้นแล้ว.

     พวกอมนุษย์ผู้สิงอยู่ในป่าไม้จันทน์โกรธแล้วคิดว่า คนเหล่านี้ทำป่าไม้จันทน์ของพวกเราให้ฉิบหาย พวกเราจักฆ่าคนพวกนั้น ดังนี้แล้วกล่าวว่า เมื่อคนเหล่านั้นถูกฆ่าในที่นี้แล ซากศพแต่ละซากศพทั้งหมดก็จักปรากฏมีในภายนอก เราจักจมเรือของพวกมันเสียกลางสมุทร.

     ครั้นในเวลาที่คนเหล่านั้นลงเรือไปได้ครู่เดียวเท่านั้น พวกอมนุษย์เหล่านั้นทำอุปาติกรูป (รูปผุดเกิดฉับพลัน) ปรากฏขึ้นเองแล้วแสดงรูปที่น่าสะพึงกลัว.
     พวกมนุษย์กลัว นอบน้อมต่อเทวดาของตน.
    กุฏุมพีชื่อจุลลปุณณะ น้องชายของพระเถระ ได้ยืนนอบน้อมพระเถระด้วยระลึกว่า ขอพี่ชายจงเป็นที่พึงของเรา.



(http://www.madchima.net/images/139_SAM_1225.JPG)


    ได้ยินว่า ฝ่ายพระเถระนึกถึงน้องชายในขณะนั้นเหมือนกัน รู้ว่าคนเหล่านั้นเกิดความย่อยยับจึงเหาะไปยืนอยู่ตรงหน้า.
    พวกอมนุษย์พอเห็นพระเถระ คิดว่า พระผู้เป็นเจ้าปุณณเถระมา ก็หลบไป. รูปที่ผุดขึ้นก็สงบไป.
    พระเถระปลอบใจคนเหล่านั้นว่า อย่ากลัวไปเลย ดังนี้แล้วถามว่าพวกนั้นประสงค์จะไปไหน.
    คนเหล่านั้นกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ พวกกระผมจะไปสถานที่ของพวกผมนั่นแหละ
    พระเถระเหยียบกราบเรือแล้วอธิษฐานว่า ขอเรือจงไปสู่ที่พวกเขาปรารถนา.

    พวกพ่อค้าไปถึงที่ของตนแล้ว บอกเรื่องนั้นแก่บุตรและภรรยา อธิษฐานว่า พวกเราขอถึงพระเถระนั้นว่าเป็นที่พึ่ง ทั้ง ๕๐๐ คนพร้อมด้วยภรรยา ๕๐๐ คนตั้งอยู่ในสรณะ ๓ รับปฏิบัติตนเป็นอุบาสก.

    แต่นั้นก็ขนสินค้าลงในเรือ จัดเป็นส่วนหนึ่งสำหรับพระเถระแล้วกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ นี้เป็นส่วนของท่าน. 
    พระเถระกล่าวว่า อาตมาไม่มีกิจในส่วนหนึ่ง ก็พระศาสดาพวกท่านเคยเห็นแล้วหรือ.
    ม. ไม่เคยเห็นขอรับ.
    ถ. ถ้าเช่นนั้นพวกท่านจงสร้างโรงกลม เพื่อพระศาสดาด้วยส่วนนี้ พวกท่านจงเฝ้าพระศาสดาด้วยอาการอย่างนี้.
    คนเหล่านั้นรับว่า ดีละขอรับ จึงเริ่มเพื่อจะสร้างโรงกลมด้วยส่วนนั้นและด้วยส่วนของตน.

    :25: :25: :25:

    ได้ยินว่า พระศาสดาได้ทรงกระทำโรงกลมนั้นให้เป็นโรงฉัน จำเดิมแต่กาลเริ่มทำมา.
    พวกมนุษย์ผู้รักษาเห็นรัศมีในกลางคืนได้ทำความสำคัญว่า เทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่มีอยู่.
    อุบาสกทั้งหลายทำโรงกลมและเสนาสนะสำหรับสงฆ์เสร็จแล้ว ตระเตรียมเครื่องประกอบทานแล้วแจ้งแก่พระเถระว่า ท่านผู้เจริญ กิจของตนพวกผมทำแล้ว ขอท่านจงกราบทูลพระศาสดาเถิด.

    ในเวลาเย็นพระเถระไปยังกรุงสาวัตถีด้วยฤทธิ์ อ้อนวอนพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญพวกคนชาววานิชคามประสงค์จะเฝ้าพระองค์ ขอพระองค์โปรดกระทำอนุเคราะห์ แก่คนเหล่านั้นเถิด.
    พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับนิมนต์แล้ว. พระเถระกลับมาที่อยู่ของตนตามเดิม.



(http://www.madchima.net/images/735_SAM_0986r.jpg)


    ฝ่ายพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกพระอานันทเถระมาตรัสว่า อานนท์ พรุ่งนี้พวกเราจักเที่ยวบิณฑบาตในวานิชคาม แคว้นสุนาปรันตะ เธอจงให้สลากแก่ภิกษุ ๔๙๙ รูป.
    พระเถระรับพระดำรัสแล้ว จึงได้บอกความนั้นแก่ภิกษุสงฆ์แล้วกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ ขอภิกษุผู้เดินทางไปทางอากาศจงจับฉลาก.
    วันนั้น พระกุณฑธานเถระได้จับฉลากเป็นที่หนึ่ง.

    ฝ่ายพวกคนชาววานิชคามคิดว่า ได้ยินว่าพรุ่งนี้พระศาสดาจักเสด็จมา จึงกระทำมณฑปที่กลางบ้าน แล้วตระเตรียมโรงทาน.

    :25: :25: :25:

     พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชำระพระวรกายแต่เช้าตรู่ เสด็จเข้าไปยังพระคันธกุฎี ทรงนั่งเข้าผลสมาบัติ.
     บัณฑุกัมพลสิลาอาสน์ของท้าวสักกะแสดงอาการร้อนแล้ว ท่านรำพึงว่านี้อะไรกัน จึงเห็นพระศาสดาเสด็จไปยังแคว้นสุนาปรันตะ จึงตรัสเรียกวิสสุกัมเทพบุตรมาสั่งว่า พ่อเอ้ย วันนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าจักเสด็จเที่ยวบิณฑบาต ประมาณ ๓๐๐ โยชน์ ท่านจงสร้างเรือนยอด ๕๐๐ หลัง จงประดิษฐานเตรียมไว้ยอดซุ้มประตูพระวิหารพระเชตวัน.

     วิสสุกรรมเทพบุตรก็ได้จัดตามเทวโองการ เรือนยอดของพระผู้มีพระภาคเจ้าได้เป็น ๔ มุข.
     ของพระอัครสาวก ๒ มุข. นอกนั้นมีมุขเดียว.



(http://buddha.dmc.tv/images/dhamma_for_people/Virtues-of-the-Buddha/37.jpg)


   พระศาสดาเสด็จออกจากพระคันธกุฎี เสด็จเข้าไปเรือนยอดที่ใกล้ ในบรรดาเรือนยอดอันตั้งไว้ตามลำดับ.
   มีภิกษุ ๔๙๙ รูป นับตั้งแต่พระอัครสาวกเป็นต้นไป จึงได้เข้าไป ได้มีเรือนยอดว่างอยู่หลังหนึ่ง.
   เรือนยอดทั้ง ๕๐๐ หลังลอยละลิ่วไปในอากาศ.

   พระศาสดาเสด็จถึงสัจจพันธบรรพต ได้พักเรือนยอดไว้บนอากาศ
   ดาบสผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ ชื่อว่าสัจจพันธ์ที่บรรพตนั้น ให้มหาชนถือมิจฉาทิฏฐิ เป็นผู้ถึงความเป็นเลิศด้วยลาภและเลิศด้วยยศอยู่. แต่ธรรมอันเป็นอุปนิสสัยแห่งพระอรหัตตผลในภายในของท่านย่อมรุ่งโรจน์เหมือนประทีปลุกโพลงในภายในฉะนั้น.

    พระศาสดาครั้นทรงเห็นดังนั้นแล้ว จึงคิดว่าเราจักแสดงธรรมแก่เขา ดังนี้แล้วจึงเสด็จไปแสดงธรรม.
    ในเวลาจบเทศนา พระดาบสบรรลุพระอรหัต. อภิญญามาถึงท่านพร้อมด้วยพระอรหัตที่บรรลุนั่นเอง.
    ท่านเป็นเอหิภิกษุ ทรงไว้ซึ่งบาตรและจีวรอันสำเร็จแล้วด้วยฤทธิ์ ก็เข้าไปเรือนยอด (หลังที่ว่าง)

     :25: :25: :25:

    พระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยภิกษุ ๕๐๐ รูปผู้อยู่ที่เรือนยอด เสด็จไปวานิชคาม กระทำเรือนยอดไม่ให้มีใครเห็นแล้ว เสด็จเข้ายังวานิชคาม.
    พวกพ่อค้าถวายทานแด่สงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน แล้วนำพระศาสดาไปยังกุฏาคาร.
    พระศาสดาได้เสด็จเข้าไปยังโรงกลม.
    มหาชนบริโภคอาหารเช้าตราบเท่าที่คิดว่า พระศาสดาทรงสงบระงับความหิวอาหาร แล้วสมาทานองค์อุโบสถ ถือเอาของหอมและดอกไม้เป็นอันมาก กลับมายังอารามเพื่อต้องการฟังธรรม.
    พระศาสดาทรงแสดงธรรมเกิดเป็นประมุขที่ผูกเป็นหุ่นของมหาชน.
    โกลาหลเพราะพระพุทธองค์ได้มีเป็นอันมาก.

   พระศาสดาประทับอยู่ในที่นั้นนั่นเองตลอด ๗ วันเพื่อสงเคราะห์มหาชน.
    พออรุณขึ้นก็ได้ปรากฏอยู่ในมหาคันธกุฏีนั้นเอง. ในที่สุดแห่งพระธรรมเทศนา ๗ วัน การตรัสรู้ธรรมได้มีแก่สัตว์ ๘๔,๐๐๐. พระองค์ประทับอยู่ ณ ที่นั้น ทับรอยพระบาท๗ วัน เสด็จเที่ยวบิณฑบาตในวานิชคาม ให้พระปุณณเถระกลับด้วยตรัสสั่งว่า เธอจงอยู่ในที่นี้แล ได้เสด็จไปยังฝั่งแม่น้ำนัมมทานทีอันมีอยู่โดยลำดับ.



(http://gallery.palungjit.com/data/590/medium/IMG_3398.jpg)


ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1


ประทับรอยพระบาทที่แม่น้ำนัมมทา แคว้นสุนาปรันตะ

    พระยานาคนัมมทากระทำการต้อนรับพระศาสดา ให้เสด็จเข้าไปสู่ภพนาค ได้กระทำสักการะต่อพระรัตนตรัย.
    พระศาสดาแสดงธรรมแก่พระยานาคนั้น แล้วออกจากภพนาค.
    พระยานาคนั้นอ้อนวอนว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์จงประทานสิ่งที่ควรสละแก่ข้าพระองค์.
    พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเจดีย์ คือ รอยพระบาทไว้ ณ ฝั่งแม่น้ำนัมมทานที
    เจดีย์คือ รอยพระบาทนั้น เมื่อคลื่นหลากมาๆ ย่อมปิด เมื่อคลื่นไปแล้วย่อมเปิดออก
    ความถึงพร้อมด้วยมหาสักการะได้มีแล้ว.



ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1


ประทับรอยพระบาทที่สัจจพันธบรรพต (ภูเขาสัจจพันธ์)

    พระศาสดาเสด็จออกจากที่นั้น แล้วเสด็จไปยังสัจจพันธบรรพต ตรัสกะสัจจพันธภิกษุว่า
    เธอทำให้มหาชนหยั่งลงไปในทางอบาย เธอจงอยู่ในที่นี้แหล่ะ ให้ชนเหล่านั้นสละลัทธิเสียแล้วให้ดำรงอยู่ในทางแห่งพระนิพพาน.

    ฝ่ายพระสัจจพันธภิกษุนั้นทูลขอข้อที่ควรประพฤติ.
    พระศาสดาแสดงพระเจดีย์ คือ รอยพระบาท ที่หลังแผ่นหินแท่งทึบ เหมือนรอยตราที่ก้อนดินเหนียวเปียก.
    แต่นั้นก็เสด็จ กลับพระวิหารเชตวันตามเดิม.
    ท่านหมายเอาข้อนั้น จึงกล่าวคำมีอาทิว่า เตเนว อนฺตรวสฺเสน เป็นต้น.

    บทว่า ปรินิพฺพายิ ได้แก่ ปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสปรินิพพานธาตุ.
    มหาชนกระทำการบูชาสรีระของพระเถระ ๗ วัน ให้รวบรวมไม้หอมเป็นอันมาก ให้ฌาปนกิจแล้วเก็บเอาธาตุทำพระเจดีย์.
    บทว่า สมฺพหุลา ภิกฺขู ได้แก่ เหล่าภิกษุผู้อยู่ในที่ใกล้พระเถระ.
    คำที่เหลือในบททั้งปวงง่ายทั้งนั้น.

    จบอรรถกถาปุณณสูตรที่ ๕     



ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=18&i=112 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=18&i=112)
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=18&A=1444&Z=1548 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=18&A=1444&Z=1548)
ขอบคุณภาพจาก http://buddha.dmc.tv/ (http://buddha.dmc.tv/) , http://gallery.palungjit.com/ (http://gallery.palungjit.com/)


หัวข้อ: Re: ประเทศอินเดีย มีรอยพระพุทธบาท หรือไม่ คะ
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 01, 2013, 10:45:12 am
ask1

ประเทศอินเดีย มีรอยพระพุทธบาท หรือไม่ คะ

 thk56


(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/a/a7/Lumbini_1.jpg/482px-Lumbini_1.jpg)
รอยพระพุทธบาทหินสลัก ภายในวิหารมหามายาเทวี (ใหม่)
ลุมพินีวัน พุทธสังเวชนียสถาน ตั้งอยู่ที่อำเภอไภรวา แคว้นอูธ ประเทศเนปาล
ภาพจาก http://upload.wikimedia.org/ (http://upload.wikimedia.org/)


    ans1 ans1 ans1
   
    ตามความในอรรถกถาปุณณสูตร แสดงไว้ว่า พระพุทธเจ้าประทับรอยพระบาทเอาไว้ ๒ แห่ง คือ
        ๑. แม่น้ำนัมมทา
        ๒. ภูเขาสัจจพันธ์

    ถามว่า ปัจจุบันทั้งสองแห่งอยู่ที่ไหน
    ตอบว่า จากหนังสือ “พุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์”  เขียนโดย พระราชกวี (อ่ำ ธมฺมทตฺโต) วัดโสมนัสราชวรวิหาร กรุงเทพฯ ได้วินิจฉัยเรื่องนี้ไว้ว่า

    “เท่าที่ปรากฏรอยตีนพุทธนี้  ย่อมทรงแสดงให้เห็นหลักฐาน  พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระองค์ว่า ได้เสด็จตั้งแต่ใต้สุดถึงเหนือสุดของ ดินแดน “สุวัณณภูมิ”  จึงเสด็จเพื่อทรงเหยียบ แสดงรอยพระบาทเป็นประจักษ์พยานไว้  ณ สัจจพันธ์คีรี(จังหวัดสระบุรี) และที่ เกาะแก้ว(เกาะแก้วพิสดาร) หรือ “นิมมทานที” (ไทยว่า..นัมมะทา) ซึ่งเป็นที่เลื่องลือมานาน กระทั่งถึงต่างประเทศคือลังกาและชมพูทวีป  เพราะคำใน “อรรถกถา” ยืนยันอยู่"

________________________________________________________
ข้อมูลจาก http://www.tamroiphrabuddhabat.com/product/book%20tamroi/book%20tamroi_3.html (http://www.tamroiphrabuddhabat.com/product/book%20tamroi/book%20tamroi_3.html)


     ans1 ans1 ans1

    ดังนั้นหากยึดเอาหนังสือ“พุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์” เป็นหลัก
    คงต้องบอกว่า รอยพระพุทธบาทที่อินเดียไม่มี มีแต่ในประเทศไทย

    แต่ช้าก่อน ข้อมูลจาก http://www.dhammathai.org/ (http://www.dhammathai.org/) กล่าวไว้ว่า
    นัมมทา แม่น้ำนัมมทาไหลผ่านแคว้นสุนาปรันตะ พระพุทธเจ้าทรงประทับรอยพระบาทไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทา เมื่อพระพุทธเจ้าองค์เสด็จไปแสดงธรรมโปรดชาวสุนาปรันตะและนัมมทานาคราช นาคราชขอของที่ระลึกไว้บูชา จึงทรงประทับรอยพระบาทไว้นับเป็นรอยพระพุทธบาทที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
    สัจจพันธ์ ภูเขาสัจจพันธ์อยู่ในแคว้นสุนาปรันตะ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมายังแคว้นสุนาปรันตะพร้อมด้วย พระภิกษุสงฆ์สาวกจำนวนมากระหว่างทางทรงหยุดประทับโปรดสัจจพันธดาบสที่ภูเขาสัจจพันธ์ จากนั้นพระสัจจพันธ์ ซึ่งบรรลุพระอรหัตตผลแล้วมาในขบวนด้วย หลังจากทรงแสดงธรรมโปรดชาวสุนาปรันตะ และประทับรอยพระบาทรอยแรกไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทาแล้ว
    จากนั้นเสด็จต่อไปถึงภูเขาสัจจทันธ์ตรัสสั่งพระสัจจพัธ์ให้อยู่สั่งสอนประชาชน ณ ที่นั้น พระสัจจพันธ์ทูลขอสิ่งที่ระลึกไว้บูชา พระพุทธเจ้าทรงประทับรอบพระบาทไว้ที่ภูเขาสัจจพันธ์นั้น อันนับว่าเป็นประวัติการเกิดขึ้นของรอยพระพุทธบาทสองรอยแรก

   อีกข้อมูลหนึ่งจาก http://www.horolive.com/ (http://www.horolive.com/) กล่าวไว้ว่า
   แม่น้ำนัมมทานที ปัจจุบันคือแม่น้ำเนรบุตตา  หรือนรมทา ในประเทศอินเดีย

________________________________________
ข้อมูลจาก http://www.dhammathai.org/buddha/g49.php (http://www.dhammathai.org/buddha/g49.php)
http://www.dhammathai.org/buddha/g410.php (http://www.dhammathai.org/buddha/g410.php)
http://www.horolive.com/astrology/content06-02-2556-1.html#.UdDu9axYxGo (http://www.horolive.com/astrology/content06-02-2556-1.html#.UdDu9axYxGo)


      ans1 ans1 ans1
     
      จากข้อมูลที่ขัดแย้งกัน จึงไม่อาจสรุปได้ว่า ที่อินเดียมีรอยพระพุทธบาทหรือไม่
      แต่หากจะมีรอยพระพุทธบาทแล้ว คงไม่พ้นที่ แม่น้ำนัมมทาและภูเขาสัจจพันธ์
      คุยเป็นเพื่อนเท่านี้ครับ

       :25: :25: :25: :25:


หัวข้อ: Re: ประเทศอินเดีย มีรอยพระพุทธบาท หรือไม่ คะ
เริ่มหัวข้อโดย: VongoleX ที่ กรกฎาคม 02, 2013, 07:57:55 am
สรุป แล้ว ก็คือ ที่ดินแดน พุทธภูมิ นั้น ไม่มีรอยพระพุทธบาท พระพุทธบาทในตำนาน นั้นปรากฏอยู่ที่ประเทศไทย น่าคิด น่าคิด

  thk56 :49: st12 st12


หัวข้อ: Re: ประเทศอินเดีย มีรอยพระพุทธบาท หรือไม่ คะ
เริ่มหัวข้อโดย: Akira ที่ กรกฎาคม 02, 2013, 08:02:31 am
จะมีได้อย่างไร แม้แต่ คัมภีร์ ทางพระพุทธศาสนา แท้ ๆ ยังไม่มีเเลย

  :coffee2: :49: