หัวข้อ: ทำไมต้อง “ไชโย” เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 14, 2013, 09:31:03 am (http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/07/11/356600/hr1667/630.jpg) ทำไมต้อง “ไชโย” สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์ที่รักและคิดถึง สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาคุณครูลิลลี่ได้มีโอกาสไปร่วมงานมงคลสมรสของลูกศิษย์ที่รักมากคนหนึ่ง เรียกว่า เห็นกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย จนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาด้วยกันมากมาย โดยเฉพาะเหตุการณ์สำคัญที่สุดที่เจ้าตัวบอกกับคุณครูว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งสำคัญของเธอ นั่นคือ การที่คุณครูลิลลี่เป็นผู้ผลักดันให้ลูกศิษย์คนนี้ลงประกวดนางสาวไทย ในปี พ.ศ.2546 ด้วยเหตุผลที่ว่า การประกวดนางสาวไทย (ในช่วงดังกล่าว) ไม่มีการสวมชุดว่ายน้ำ จึงคิดว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายที่จะแนะนำให้ลูกศิษย์ได้เปิดโอกาสให้ตัวเองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง แล้วสิ่งที่ได้ก็เรียกว่าคุ้มค่ากับการทุ่มเท เพราะลูกศิษย์คนนี้เธอคว้ารางวัลรองอันดับ 2 มาได้จากการประกวดในปีนั้น จำได้ว่าปลาบปลื้มใจกันทั้งครูและศิษย์ จนมาถึงในวันงานมงคลสมรสของเธอคนนี้ เธอก็ไม่ลืมที่จะขอบคุณคุณครูลิลลี่ที่ทำให้เธอได้เป็นรองนางสาวไทย และตำแหน่งนี้เองทำให้เธอได้พบกับรักแท้ในที่สุด เห็นไหมคะว่าโอกาสไม่ได้มาถึงเราง่าย ๆ เพราะฉะนั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้ มีโอกาสไขว่คว้าไว้ก่อนเพราะเมื่อเวลาผ่านไป คำว่า โอกาส อาจจะไม่กลับมาหาเราอีกเลยก็ได้นะคะ :49: :49: :49: เล่ามาถึงตรงนี้หลายคนเริ่มเกิดคำถามว่าแล้วไทยรัฐออนไลน์ครั้งนี้ คุณครูลิลลี่จะมีอะไรมาฝาก บังเอิญค่ะ บังเอิญว่า ตอนที่เจ้าภาพฝ่ายเจ้าบ่าวและฝ่ายเจ้าสาวขึ้นไปกล่าวอวยพรให้กับคู่สมรสก็จะมีการปิดท้ายด้วยการดื่มฉลองพร้อมกับการเปล่งเสียง ไชโย ออกมาพร้อม ๆ กัน หนึ่งในผู้ร่วมโต๊ะกับคุณครูลิลลี่ก็เอ่ยถามออกมาว่า “คุณครูคะ ทำไมต้องไชโยด้วยค่ะ แล้วจริง ๆ คำว่า ไชโย มีความหมายว่าอะไรคะ” ทันใดนั้นคุณครูก็ถึงบางอ้อทันทีว่าไทยรัฐออนไลน์ครั้งนี้จะเอาเรื่องของคำว่า ไชโย มาฝากค่ะ :happybirthday3: :happybirthday3: :happybirthday3: คำว่า ไชโย หรือ ชโย เป็นคำกล่าวเพื่อแสดงความยินดี ดีใจหรืออำนวยพรตามแต่โอกาสหรือวาระอันควร คำว่า “ไชโย” นั้น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอธิบายไว้ในหนังสือสาส์นสมเด็จว่า เป็นคำแสดงความโสมนัส และจะมีการใช้คำว่า ไชโย อยู่บ้างในบทเพลงพื้นเมือง ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้คำว่า ไชโย ในการเปล่งเสียงแสดงความยินดี หรืออำนวยพรของคนหมู่มากอย่างเป็นทางการ ซึ่งแต่เดิมตามธรรมเนียมโบราณนั้น เมื่อมีคนจำนวนมากมาอยู่ร่วมกันและจะมีการแสดงความชื่นชมยินดี จะมีวิธีการโห่ 3 ลา คือ มีผู้นำหรือต้นเสียงร้องโห่ขึ้นก่อนว่า “โห่ ..............” เล่นลูกคอทอดเสียงยาว จะหยุดเมื่อถึงจังหวะที่จะต้องหายใจ ลูกคู่หรือคนอื่น ๆ จะร้องรับว่า “ฮิ้ว” พร้อมกัน (อันนี้ยังพอจะได้ยินอยู่บ้าง เวลางานบวช งานแห่ขันหมาก หรือ เวลามีการแสดงรำกลองยาว) ต่อมาพระองค์ทรงมีพระราชดำริว่า สมควรใช้คำว่า “ไชโย” แทนคำว่า “โห่ฮิ้ว” เพราะคนจำนวนมากจะเปล่งเสียงได้พร้อมกัน ไม่ขัดเขินและมีเสียงดังกังวานกว่าคำว่า “ฮิ้ว” :49: :49: :49: จากที่ได้ไปอ่านข้อมูลจากที่ต่าง ๆ มาก็พบว่า พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เหล่าทหารเสือป่าและลูกเสือใช้คำว่า “ไชโย” เป็นครั้งแรกเนื่องในพระราชพิธีบวงสรวง และสังเวยดวงพระวิญญาณสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ เจดีย์ยุทธหัตถี อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2456 ซึ่งในวันนั้น เมื่อประกอบพระราชพิธีบวงสรวงเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทหารเสือป่าและลูกเสือเดินเวียนเทียนรอบเจดีย์ยุทธหัตถี เมื่อครบรอบแล้วต้นเสียงจะร้อง “โห่” นำ และผู้รับจะร้องรับคำว่า “ฮิ้ว” ตาม แต่ปรากฏว่าร้องรับกันได้ไม่พร้อมเพรียงกัน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดให้คนทั้งหมดเข้าแถวหันหน้าสู่เจดีย์ยุทธหัตถีแล้วทรงเปล่งพระสุรเสียงนำว่า “ไช” จากนั้นบรรดาทหารเสือป่าและลูกเสือก็เปล่งเสียงรับพร้อมกันว่า “โย” โดยพร้อมเพรียงกัน 3 ครั้ง และนั่นก็ทำให้คำว่า “ไชโย” ใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ ได้ความรู้ใหม่ ๆ กันไปแบบนี้เห็นทีว่า เราต้อง ไช..โย ไช..โย ไช..โย กันเสียหน่อยแล้ว สวัสดีค่ะ คุณครูลิลลี่ instagram : krulilly facebook : ครูลิลลี่ ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.thairath.co.th/content/edu/356600 (http://www.thairath.co.th/content/edu/356600) |