สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

รู้มั้ยค่ะว่าสองโปรแกรม คอมพิวเตอร์ที่มีคนใช้โปรแกรมเถื่อนมากที่สุดในโลกคือ ไมโครซอฟท์ออฟฟิศ รองลงมาก็คือ Photoshop ซึ่งทั้งสองค่าย ต่างก็หาวิธีป้องกันต่างๆ นานา แต่ก็เสร็จแฮกเกอร์แครกให้ใช้แบบไม่ต้องเสียเงิน เรียกว่าผู้พัฒนาคิดแทบตาย แต่ผลตอบแทนได้กลับมาไม่คุ้มกับค่ามันสมองที่เสียไป

ปัญหานี้เป็นหาโลกแตกที่ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ทั่วโลกต้องเจอกันทั้งนั้น หมือนแมวกับหนูที่ไล่จับกันไม่มีวันสิ้นสุด หนึ่งในวิธีแก้เผ็ดโปรแกรมเถื่อนก็คือ หันมาเปิดให้ใช้บริการบน Cloud คิดเหมาจ่ายแบบรายเดือนแทน เปิดคอมพ์มาเข้าเว็บ ใช้ได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาติดตั้ง หรือหายาแก้ไอมาแครกกันให้วุ่นวาย เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตได้เท่านั้น


ทางค่ายไมโครซอฟท์ยังทำตลาดโปรแกรมแบบกล่องขายคู่ไปด้วย แต่ Adobe ตัดสินใจเด็ดขายเลิกขายโปรแกรมแบบกล่อง หันมาให้บริการบน Adobe Creative Cloud อย่างเดียว โดยใช้หลักเดียวกับแอปเปิ้ลคือ ผูกบริการเข้ากับบัญชีผู้ใช้ Adobe ID แน่นอนว่า เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไปแล้วก็ย่อมมีเสียงตอบรับกลับมาทั้งด้านบวกและลบ แล้วผู้ใช้คนไทยจะได้รับผลกระทบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้บ้าง

คนที่ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ ก็คือ คนที่ใช้แผ่นผี หรือโหลดฟรีจากบิต เพราะโปรแกรมแบบกล่องจะหยุดการพัฒนาไว้ที่เวอร์ชั่นปัจจุบัน ไม่มีการอัพเดทฟีเจอร์ใหม่อีกต่อไป ไม่สามารถแชร์งานให้คนอื่นได้

รวมถึงหากมีการต่ออินเทอร์เน็ตแล้วพบเจอเค้าก็จะบล็อกความสามารถบางอย่างไม่ให้ใช้งานได้ด้วย ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่องานที่ทำค้างไว้ ใครไม่อยากมีปัญหา หรือหากอยากใช้ฟีเจอร์ใหม่ก็ต้องยอมจ่ายเงิน หันไปใช้บริการบน cloud เท่านั้น

แน่นอนว่า Creative cloud ไม่ได้ถึงกับป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ได้ 100% ก็ต้องมีเล็ดลอดมาบ้าง เค้าก็เลยคิดวิธีให้โปรแกรมอัพเดทฟีเจอร์ใหม่ๆ ทุกเดือนให้ของเถื่อนตามไม่ทัน รวมถึงมีการยืนยันตัวตนผู้ใช้ทุกเดือนผ่านอินเทอร์เน็ต หากไม่ทำภายในเวลาที่กำหนดก็จะใช้งานไม่ได้


ทางฟากผู้ใช้ของถูกลิขสิทธิ์ Creative Cloud ให้อะไรมากกว่าโปรแกรมแบบกล่อง เพราะ Adobe เสริมทัพด้วยโปรแกรมใหม่ๆ ที่ไม่มีลงกล่องขาย เพิ่มบริการเสริมอื่นๆ รวมถึง Porfolio ออนไลน์สำหรับแชร์งานให้ลูกค้าดู ซึ่งโปรแกรมเถื่อนไม่มี ด้านค่าใช้จ่ายก็สบายกระเป๋ามากขึ้น แทนที่จะควักเงินก้อนโต 90,000 บาท ซื้อโปรแกรมกล่องที่ให้สิทธิ์การอัพเดทแค่ 2 ปี

หลังจากนั้น ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่ม พอเปลี่ยนมาใช้บน cloud จะมีฟีเจอร์ใหม่ทุกเดือน อัพเดทได้ตลอดอายุการใช้งาน ราคาก็ถูกกว่าแอพเดียว จ่ายแค่ 600 บาทต่อเดือน เหมาทุกหมดโปรแกรมก็จ่ายแค่เดือนละ 1200 บาท ไม่เกินกว่านี้ เรียกว่าคุ้มสุดๆ ส่วนอาจารย์และนักศึกษาก็จ่ายสบายๆ 900 บาทต่อเดือน ใช้ได้ทุกแอพเช่นกัน

การขยับตัวครั้งนี้ ของ Adobe แสดงให้เห็นเทรนด์ต่อไปขอวงการซอฟต์แวร์ว่า ต่อไปจะเลิกขายโปรแกรมกล่อง หันมาเน้นการดาวน์โหลด หรือใช้บริการบนเว็บแทน หลายคนอาจจะชินกับการซื้อโปรแกรมแบบกล่อง แต่ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ควรให้ความสำคัญไม่ใช่กล่อง แต่เป็นทรัพย์สินทางปัญหาต่างหาก คงไม่ดีแน่ถ้าใครมาขโมยความคิดไปหาเงิน โดยคุณไม่ได้อะไรตอบแทนกลับมาเลย

ซี ฉัตรปวีณ์

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/tech/356613 (http://www.thairath.co.th/content/tech/356613)

พูดตรง ๆ เลยครับ การล็อกโปรแกรม อย่างนี้ ก็ดี ครับเพราะ ทำให้คนทั่วไป เป็น สุจริตชน

   แต่สำหรับ โปรแกรม Adobe photoshop นั้นในเวอร์ชั่นปัจจุบัน กับ เวอร์ชั่นในอดีต นั้น

     เปรียบมวย PsCS6  และ PD5  ผมเลือกใช้ 5 ครับ

     เพราะอะไร ฟีเจอร์ที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน นั้น ก็สามารถทำได้ใน PD5 ถ้าคุณมีความชำนาญในโปรแกรม และที่สำคัญที่สุด อักษร ไทย ที่ใช้งานนั้นมีมาก ซึ่งต่างจาก เวอร์ชั่นปัจจุบันที่ ไม่ซัพพอร์ตอักษรเดิมเลย อันที่จริง ฟีเจอร์ใหม่ ที่มากับ เวอร์ปัจจุบัน พูดตรง ๆ แทบไม่ได้ใช้เลยใน งาน ครีเอทีพของผม

     โปรแกรม ที่สูสีกัน กับ PsCS6 นั้่นฟรี ก็อยู่หลายโปรแกรม นะครับ ไม่ใช่ เถื่อน แต่ของแท้ เขาแจกให้ใช้ฟรี กันเยอะมาก ถ้าคุณอยากรู้ว่า มีมากขนาดได้ โหลด Baidu แล้วเข้าไป ที่ โปรแกรม ฟรี เหมือนกับ App Androie ประมาณนั้นนะครับ แล้วคุณจะรู้ว่า ไม่ต้องง้อ Adobe เวอร์ใหม่

      ฉันใดก็ฉันนั้น Microsoft office ก็เช่นกัน ผมไม่เห็นข้อแตกต่างในการใช้งาน ตั้งแต่ 2003 2007 2010 2012 2013 เลยครับ ผมยังพิมพ์งานก็ใช้คำสั่งเดิม ๆ ใน 2003 เช่นเดิม แถม 2003 หาคำสั่งได้ไวกว่า เวอร์ใหม่ เพราะคุ้นเคย

    :33: :33: :33: