สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

“รหัสผ่าน” หรือพาสเวิร์ด เปรียบเสมือนกุญแจไขเข้าบ้านสำหรับผู้ใช้สื่อออนไลน์ทุกคน ดังนั้น จึงไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่จะเลือกตั้งรหัสผ่าน ที่สะท้อนความเป็นตัวตน หรือความชื่นชอบของตัวเอง โดยลืมตระหนักไปว่า บรรดาวายร้ายไซเบอร์ฉวยโอกาสจับจุดนี้มาเป็นกุญแจผี เพื่อไขประตูบ้านเข้าไปขโมยข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อได้อย่างง่ายดาย

เชื่อว่าแทบทุกคนคงมีเพื่อนที่นำชื่อสัตว์เลี้ยงแสนรักมาตั้งเป็นรหัสผ่านสำหรับอีเมล/สื่อโซเชียล, มีคนรู้จักที่นำวันเดือนปีเกิดของตัวเองหรือลูกรัก มาตั้งเป็นรหัสผ่านอีเมล/รหัสเอทีเอ็ม/สื่อโซเชียล, นำชื่อเล่นของแฟนหรือลูก มาเป็นรหัสผ่าน...ทั้งหมดนี้ คือความเสี่ยงมหันต์ต่อภัยออนไลน์

 :96: :96: :96:

ล่าสุด เว็บไซต์นิตยสารไทม์ ได้เผยแพร่ผลสำรวจล่าสุดจากกูเกิล เกี่ยวกับ 10  รหัสผ่านสุดเสี่ยงสำหรับผู้ใช้งานออนไลน์ทั่วโลก ตามไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง และคุณเป็นหนึ่งในคนที่กำลังใช้รหัสผ่านนั้นอยู่หรือเปล่า

จากผลการศึกษาของ กูเกิล แอพส์ (Google Apps) ที่ทำกับกลุ่มตัวอย่าง 2,000 คน เจาะลึกวิธีการเลือกตั้งรหัสผ่าน พบว่า แม้ผู้ใช้งานออนไลน์ทุกวันนี้ จะล้ำหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ ในการใช้บริการใหม่ๆ จากโลกออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ตลอดจนสามารถเข้าถึงข่าวสารข้อมูลต่างๆ ซึ่งรวมถึงภัยออนไลน์และวิธีป้องกันตัวเอง แต่ในแง่พฤติกรรมการใช้งานก็ยังยึดติดความเคยชินแบบเดิมๆ นั่นก็คือ ส่วนใหญ่ยังเลือกตั้งรหัสผ่านจากข้อมูลส่วนตัวที่เป็นที่เปิดเผย ทำให้ง่ายต่อการคาดเดา เปิดประตูกว้างรับแฮ็กเกอร์ หรือโจรไซเบอร์โดยไม่รู้ตัว

 :33: :33: :33:

      จากการรวบรวมพบ 10 รหัสผ่าน ที่เป็นพาสเวิร์ดสุดเสี่ยง(ภัยออนไลน์) ดังต่อไปนี้
       1. ชื่อสัตว์เลี้ยง (ติดท็อปเท็นตลอดกาล)
       2. วันสำคัญในเหตุการณ์ชีวิต เช่น วันแต่งงาน
       3. วันเดือนปีเกิดของสมาชิกในครอบครัว
       4. ชื่อลูกๆ 5. ชื่อสมาชิกอื่นๆ ในครอบครัว
       6. สถานที่เกิด
       7. วันหยุดสุดโปรด
       8. ข้อมูลเกี่ยวกับทีมกีฬาในดวงใจ
       9. ชื่อคนสำคัญในชีวิต และ
     10. คำว่า “พาสเวิร์ด (Password)”

 :41: :41: :41:

ผู้จัดทำผลการศึกษาฉบับนี้ เตือนว่า ชื่อคนใกล้ชิด หรือวันสำคัญๆ ที่นำมาใช้ตั้งเป็นรหัสผ่านกันนั้น ปัจจุบันใครๆ ก็เข้าไปสืบค้นข้อมูลเหล่านี้ได้ง่ายมาก โดยเฉพาะผ่านจากเฟซบุ๊กของคุณ ดังนั้น หากใครยังยืนยันที่จะใช้รหัสผ่านในรูปแบบนี้อยู่ก็ต้องเพิ่มระดับการป้องกันตัวเอง ด้วยการใส่ข้อมูลที่เบี่ยงเบนจากความเป็นจริง หรือในการตอบคำถามเพื่อความปลอดภัย (account security questions) ก็ให้ใส่คำตอบหลอกๆ เอาไว้ แต่ทั้งนี้ตัวคุณต้องจำให้ได้ว่า ใส่คำตอบอะไรเอาไว้ด้วยนะ (ฮา)

นอกเหนือจากการตั้งรหัสผ่านแบบเดาใจง่ายแล้ว ผลการศึกษาครั้งนี้ยังพบข้อมูลน่าตกใจอีกว่า ราว 48% ของกลุ่มตัวอย่างมีการแชร์ข้อมูลรหัสผ่านของตัวเองให้ผู้อื่นทราบ และ 3% จดรหัสผ่านติดไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อกันลืม เป็นต้น

ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.komchadluek.net/detail/20130811/165492/กูเกิลเปิดโผ10รหัสผ่านสุดเสี่ยง!.html#.Ugb-qKxYxGp  (http://www.komchadluek.net/detail/20130811/165492/กูเกิลเปิดโผ10รหัสผ่านสุดเสี่ยง!.html#.Ugb-qKxYxGp)